NovelToon NovelToon

จดหมายที่ไม่ได้ส่ง

จดหมายที่ไม่ได้ส่ง

นิยาย: จดหมายที่ไม่ได้ส่ง

ตอนที่ 1: คืนฝนตก กับจดหมายฉบับที่ 146

เสียงฝนตกกระทบกระจกหน้าต่างเบา ๆ คล้ายเสียงกระซิบของอดีตที่ยังไม่ยอมเงียบหายไป

นทีนั่งอยู่ที่โต๊ะมุมเดิมของร้านกาแฟเล็ก ๆ ใต้แสงไฟสีอุ่น ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม…แต่บางอย่างในใจเขาไม่เคยเหมือนเดิมอีกเลย

โต๊ะไม้กลมขัดเรียบเคลือบเงา แก้วลาเต้ร้อนตรงหน้าไอขึ้นบาง ๆ เป็นหมอกอ่อน ๆ จางหายไปกับอากาศเย็น ๆ ที่มากับฝน

เพลงบัลลาดจากลำโพงลอยคลออยู่ในอากาศ แต่นทีไม่ได้ฟัง เขากำลังฟังเสียงในใจ — เสียงที่เขียนจดหมายถึงเธออีกครั้ง

เขาเปิดสมุดบันทึกเล่มเก่า หน้ากระดาษสีงาช้างเต็มไปด้วยลายมือที่คุ้นตา บางหน้าเปื้อนรอยกาแฟ บางหน้ามีรอยหยดน้ำตา…อาจใช่ หรืออาจไม่ใช่ — เขาเองก็ไม่แน่ใจ

เขาหยิบปากกาขึ้นมาช้า ๆ เหมือนทุกวัน แล้วเขียนอีกฉบับ

ถึงขิม,

ฝนตกอีกแล้ว…เหมือนเมื่อวันนั้น

ลาเต้ของร้านไม่เคยเข้มเท่าที่เธอชงเลย

เธอเคยบอกว่าฝนทำให้ใจคนอ่อนแอ ฉันไม่เคยเชื่อ

จนวันที่เธอหายไป…

นทีวางปากกา มองออกไปนอกหน้าต่าง

ร้านกาแฟเล็ก ๆ แห่งนี้เคยเป็นความฝันของเขากับขิม พวกเขาร่วมกันสร้างขึ้นจากศูนย์ ตั้งแต่เลือกสีผนังจนถึงสูตรขนม

เธอคือคนช่างฝัน ส่วนเขาคือคนลงมือทำ — และมันก็ไปได้ดี จนกระทั่งวันหนึ่งความเงียบก่อตัวขึ้นระหว่างพวกเขา

ไม่มีเหตุการณ์ใหญ่ ไม่มีการทรยศ ไม่มีคำด่าทอ มีเพียงความรู้สึกที่ไม่ตรงกัน…ค่อย ๆ ห่างออกทีละนิด

แล้ววันหนึ่งเธอก็จากไป ทิ้งจดหมายไว้หนึ่งใบ บอกว่า

“บางคนรักกัน แต่ไม่ได้แปลว่าจะอยู่ด้วยกันได้”

หลังจากนั้น นทีไม่เคยได้ยินจากขิมอีกเลย

แต่ทุกคืน เขาเขียนถึงเธอ — ในนามจดหมายที่ไม่ได้ส่ง

เสียงกระดิ่งประตูหน้าร้านดังขึ้นท่ามกลางเสียงฝน

เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความเคยชิน และหัวใจก็เหมือนถูกบีบแน่นในวินาทีนั้น

หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงประตู ผมยาวเปียกชื้น ริมฝีปากแต่งรอยยิ้มบาง ๆ แม้เสื้อคลุมฝนสีครีมจะเปียกปอน แต่ดวงตาคู่นั้นยังอบอุ่นไม่เปลี่ยน

“ขิม…”

เขาพึมพำชื่อเธอเบา ๆ

เธอก้าวเข้ามาในร้านอย่างช้า ๆ เหมือนโลกหมุนช้าลงในชั่วขณะ

นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม — ที่ประจำของเธอเมื่อก่อน

“แวะมาทักเฉย ๆ” เธอพูดเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มที่ทำให้เขานิ่งงัน

นทีมองเธอ เงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะถามเสียงต่ำ

“ฝนทำให้คิดถึงที่นี่เหรอ”

เธอพยักหน้า

“แล้วก็เธอด้วย…”

คำตอบนั้นทำให้อะไรบางอย่างในอกเขาหล่นวูบ ราวกับกำแพงที่สร้างไว้เริ่มสั่นคลอน

บรรยากาศรอบตัวเหมือนหายไป

เหลือเพียงความทรงจำที่วนกลับมาอีกครั้ง

เขาไม่ได้ถามว่าทำไมถึงหายไป หรือทำไมถึงกลับมา เขาแค่ถามว่า

“ช่วงที่ผ่านมา เป็นยังไงบ้าง?”

ขิมหัวเราะเบา ๆ “มีทั้งวันที่ดี และวันที่ไม่รู้จะลืมเธอยังไงดี”

นทีนิ่งไปอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเจ็บปวดกับคำพูดนั้นดี

“เธอเคยพูดว่า ถ้าฉันยังคิดถึงเธออยู่ ก็ควรปล่อยให้เธอไป” เขาว่า

ขิมก้มหน้า มือขยับแก้วเปล่าเบา ๆ บนโต๊ะ

“แต่ตอนนั้น ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ฉันอยากไปจริง ๆ หรือแค่กลัวจะอยู่”

นทีลุกขึ้น เดินไปชงลาเต้ร้อนให้เธอ — แบบที่เธอชอบ

กาแฟหอมฟุ้งเมื่อเขาวางแก้วตรงหน้าเธอ ขิมยิ้ม และจิบช้า ๆ เหมือนเมื่อก่อน

“ยังชงได้อร่อยเหมือนเดิมเลยนะ”

เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วนั่งลง

“และฉันก็ยังเขียนถึงเธอทุกวัน…เหมือนเดิม”

ขิมเงียบไปครู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขา

“ฉันขอดูได้ไหม…จดหมายของเธอ”

นทีลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมไปหยิบกล่องไม้จากใต้เคาน์เตอร์ วางตรงหน้าเธอ

กล่องนั้นเต็มไปด้วยจดหมาย 145 ฉบับ

เธอเปิดกล่อง หยิบฉบับบนสุดขึ้นอ่านเงียบ ๆ ไม่มีคำพูดใด ๆ นอกจากน้ำตาที่คลอเบ้า

“มันมากเกินไปสำหรับคนที่ไม่อยู่เลยใช่ไหม” เขาถาม

“ไม่เลย…” เธอเงยหน้ามองเขา “มันมากพอสำหรับคนที่ยังอยู่ในใจตลอดเวลา”

ก่อนลุกขึ้นจากโต๊ะ ขิมยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้เขา

“ฉันไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกไหม…

แต่อย่างน้อย ขอฝากอะไรไว้ให้เธอได้คิดถึงฉันในแบบที่ฉันคิดถึงเธอ”

นทีรับมา ไม่เปิดอ่านในทันที

เธอเดินออกจากร้านอีกครั้ง ท่ามกลางสายฝนที่ยังคงโปรยปราย

เขาเปิดจดหมายหลังจากเธอจากไป

ในนั้นมีเพียงสองบรรทัด

“ถ้ายังอยากเริ่มใหม่ ลองเจอกันพรุ่งนี้…ที่นี่ เวลาเดิม

ถ้าไม่มา ฉันจะเข้าใจ…”

เขามองฝนที่ยังไม่หยุดตก

แต่ในใจเขา…เริ่มมีแสงอุ่น ๆ ปรากฏขึ้น

ได้เลยครับ ต่อจากตอนที่ 1 ของ “จดหมายที่ไม่ได้ส่ง” ตอนที่ 2 จะเล่าเหตุการณ์ในเช้าวันถัดมา — วันที่อาจเปลี่ยนทุกอย่างของนที กับคำถามในใจว่า “เธอจะกลับมาจริงไหม” และ “ถ้าเธอกลับมา…แล้วเขาจะยอมเริ่มใหม่อีกครั้งหรือเปล่า”

—ตอนที่ 2: เช้าวันที่อาจไม่มีใครมา

เช้าตรู่ของวันใหม่เริ่มต้นด้วยแสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านม่านโปร่งบางเข้ามาในห้องนอนของนที

เป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ที่ฝนหยุดตก และฟ้าก็ไม่มืดหม่น

เขาตื่นขึ้นเร็วกว่าปกติ — ทั้งที่ไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุก ทั้งที่นอนหลับไม่เต็มตา

บางอย่างในใจเขากระซิบเบา ๆ ว่า วันนี้อาจไม่ใช่แค่วันธรรมดา

นทีนั่งอยู่บนขอบเตียง มือยังถือจดหมายของขิมไว้แน่น

มันยับนิด ๆ จากการเปิดอ่านเมื่อคืน

เขาอ่านมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งสองบรรทัด

สั้น…แต่เหมือนยาวพอจะย้อนทุกความทรงจำให้กลับมาครบถ้วน

“ถ้ายังอยากเริ่มใหม่ ลองเจอกันพรุ่งนี้…ที่นี่ เวลาเดิม

ถ้าไม่มา ฉันจะเข้าใจ…”

เขาไม่รู้ว่าขิมหมายความว่ายังไงกับคำว่า “เริ่มใหม่”

เริ่มใหม่แบบไหน? กลับมาคบกัน? กลับมาเป็นเพื่อน? หรือแค่ปิดบทสุดท้ายอย่างเป็นทางการ?

แต่ที่เขารู้แน่ ๆ คือหัวใจเขายังมีเธออยู่เต็มเปี่ยม

ต่อให้เขาไม่พูดมันออกมา

ต่อให้เวลาผ่านไปกี่ปีก็ตาม

นทีเปิดร้านเร็วกว่าปกติ ชงกาแฟร้อนให้ตัวเอง

วันนี้เขาใส่นมมากกว่าปกตินิดหน่อย — เธอเคยบ่นว่าของเขาเข้มเกินไป

เขาวางแก้วไว้ที่โต๊ะประจำ โต๊ะมุมหน้าต่างที่เธอเคยนั่ง และที่เธอเพิ่งกลับมานั่งเมื่อวาน

เขานั่งลง และเงียบรอ…

เวลาเดินไปอย่างเชื่องช้า

นาฬิกาเหนือชั้นวางหนังสือบอกว่าเป็นเวลา 9:47 น.

เธอบอกว่า “เวลาเดิม”

ในความหมายของเขา นั่นคือประมาณ 10 โมง — เวลาที่เธอเคยมาถึงร้านทุกวัน

เธอจะนั่งลงก่อนจะสั่งอะไรด้วยซ้ำ เธอจะถอดแจ็กเก็ต หรือหมวก หรือผ้าพันคอ แล้วมองเขาเหมือนบอกว่า “ลาเต้ร้อน แก้วเดิม”

เขากระวนกระวายเล็กน้อย ทั้งที่มือยังจับแก้วกาแฟอุ่น

เขาไม่ได้คาดหวังอะไรมาก

แต่หัวใจมันไม่ฟัง…

เวลา 9:59 น.

เสียงกระดิ่งที่หน้าร้านยังไม่ดัง

มีเพียงลูกค้าประจำสองคนที่นั่งอยู่เงียบ ๆ กับเสียงคลอของเพลงบัลลาดภาษาอังกฤษยุค 90 ที่ขิมเคยเลือกไว้เป็นเพลย์ลิสต์ประจำร้าน

เขาเผลอมองนาฬิกาเกือบทุกนาที ทั้งที่พยายามบอกตัวเองว่า อย่าหวัง

10:03 น.

ไม่มีใครเปิดประตูเข้ามา

10:10 น.

เสียงฝนตกเบา ๆ กลับมาอีกครั้ง

ฟ้าขมุกขมัวเมฆเริ่มคลุม

เขาเริ่มใจหาย

หรือบางทีเธอแค่พูดไว้เฉย ๆ?

หรือเธอมาจริง ๆ แต่ยืนอยู่หน้าร้านแล้วเปลี่ยนใจ?

10:18 น.

เขาหยิบสมุดบันทึกเล่มเดิมขึ้นมา

เปิดหน้าว่างใหม่ แล้วเขียนอย่างช้า ๆ

ถึงขิม,

ฉันมารอแล้วนะ

โต๊ะมุมเดิม กาแฟแก้วเดิม เพลงลิสต์เดิม

แต่…เธอยังไม่มา

ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ

อย่างที่เธอเคยบอก…บางครั้ง แค่คิดถึงก็เพียงพอแล้ว

ถ้าการมาครั้งนั้นคือคำบอกลา

ฉันก็จะจำมันไว้…ในทุกคำที่ไม่ได้พูด

เขาวางปากกา

หัวใจที่เคยตื่นเต้นเหมือนเด็กกลับบ้านในวันหยุด กลับเงียบเหมือนห้องที่ไม่มีเสียง

10:23 น.

เสียงกระดิ่งที่หน้าร้านดังขึ้น

เขาไม่หันกลับในทันที

บางอย่างในใจไม่กล้าหันกลับไป

เขาหายใจลึก ๆ แล้วลุกขึ้นช้า ๆ

“ขอโทษที่สายไปหน่อย”

เสียงนั้น…เขาจำได้

เขาหันกลับไป เธอยืนอยู่ตรงนั้นจริง ๆ

ขิมในเสื้อกันฝนสีอ่อน ผมเปียกเล็กน้อย

แต่รอยยิ้มยังเหมือนเดิม

เขาไม่รู้จะพูดอะไรดี ร่างกายเขาก้าวไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว

เธอหัวเราะเบา ๆ

“ไม่ต้องพูดอะไร ฉันแค่มา…เพื่อให้เธอรู้ ว่าฉันก็ยังคิดถึง”

นทีพาเธอไปที่โต๊ะ เขานั่งฝั่งตรงข้าม

เธอวางร่มไว้ข้าง ๆ ถอดเสื้อกันฝน แล้วนั่งลงเงียบ ๆ

ไม่มีคำถาม ไม่มีคำตำหนิ มีเพียงความนิ่งสงบ — เหมือนฝนเบา ๆ ที่ตกแบบไม่เร่งรีบ

“ตอนนั้น ฉันไม่ได้ไม่รักเธอ…” ขิมพูดเบา ๆ

นทีเงียบ

“แต่ฉันกลัว… กลัวว่าเราจะเปลี่ยนความฝันของกันและกันให้กลายเป็นความอดทน”

คำพูดนั้นแทงเข้าที่กลางอกเขา

เขาเคยคิดแบบเดียวกัน

แต่ไม่เคยกล้าพูด

“แล้วตอนนี้ล่ะ” เขาถาม “ยังกลัวอยู่ไหม?”

ขิมส่ายหน้า

“ไม่แล้ว…

ฉันแค่ไม่อยากหนีอีก

ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหน ฉันแค่อยากให้เราได้คุยกันอีกครั้ง

ไม่ใช่ผ่านจดหมาย…”

พวกเขานั่งคุยกันอยู่นาน

ไม่มีคำสัญญา ไม่มีการขอคืนดี

มีเพียงการเล่าชีวิตในช่วงที่หายไป

เธอเล่าว่าเธอไปทำขนมที่เชียงใหม่ เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ

เขาเล่าว่าร้านยังอยู่เหมือนเดิม แต่ในใจก็เหมือนมีอะไรขาดไปตลอด

พอฝนหยุดตก

ขิมก็ลุกขึ้นเตรียมจะกลับ

เธอหันมาบอกว่า

“วันพรุ่งนี้ ฉันจะมาอีกนะ ถ้าเธออยากเจอ”

เขายิ้ม และพยักหน้า

หัวใจเขาไม่ได้หวังเหมือนเมื่อวาน

แต่มันเริ่มเชื่ออีกครั้งว่า

บางการกลับมา…ไม่ใช่เพื่อลา

แต่เพื่อเริ่มใหม่ อย่างช้า ๆ

เช้าที่โต๊ะเดิม

เช้าที่โต๊ะเดิม

เช้าวันใหม่เริ่มต้นอย่างเงียบงัน แม้แสงแดดจะพยายามส่องลอดม่านโปร่งบางเข้ามาในห้องของนที แต่กลับให้ความรู้สึกเศร้าซึมคล้ายภาพถ่ายโทนซีเปีย — จาง และอุ่น แต่ไม่เคยสดใส

เสียงนาฬิกาปลุกดังแผ่ว ๆ นทีลืมตาตื่นทั้งที่แทบไม่ได้หลับเลยตลอดคืน จดหมายในมือเขายังอยู่ในสภาพเดิม ยับนิดหน่อยจากการจับไว้แน่นเหมือนกลัวว่ามันจะหายไป

“ถ้ายังอยากเริ่มใหม่ ลองเจอกันพรุ่งนี้…ที่นี่ เวลาเดิม

ถ้าไม่มา ฉันจะเข้าใจ…”

ประโยคนั้นดังอยู่ในหัวเขาตลอดคืน

เขาไม่รู้ว่าขิมหมายถึงอะไรด้วยคำว่า “เริ่มใหม่” มันอาจเป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ในฐานะใหม่ หรือเป็นแค่การปิดฉากความรู้สึกเก่า ๆ อย่างนุ่มนวล

แต่ที่แน่ ๆ หัวใจของเขายังมีเธออยู่…ไม่เคยหายไปไหน

นทีลุกขึ้น อาบน้ำ แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนตัวเดิมที่ขิมเคยบอกว่า “ใส่แล้วดูใจดี” ทั้งที่เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะดูใจดีกับใครได้เลยนอกจากเธอ

เขาชงกาแฟให้ตัวเอง แก้วแรกของวัน — ใส่นมมากกว่าปกติหนึ่งช้อนโต๊ะ

เธอเคยบอกว่ากาแฟของเขาขมเกินไป… แล้วเขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้มันขมอีกต่อไป

เสียงกระดิ่งประตูร้านดังตอน 7 โมงกว่า ๆ

ลูกค้าประจำคนหนึ่งเดินเข้ามายิ้มให้เหมือนทุกวัน แต่นทีไม่ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มแบบเดิม

เขาพยายามเก็บอาการ แต่หัวใจมันร้อนรุ่มกว่ากาแฟในหม้อร้อน

โต๊ะมุมหน้าต่าง — ที่นั่งประจำของขิม — ยังว่างเปล่า

เขาวางกาแฟแก้วหนึ่งไว้ตรงนั้น เหมือนกำลังจองที่ให้เธอ

เพลงคลอเบา ๆ จากลำโพงคือเพลย์ลิสต์เดิมที่ขิมเคยจัดไว้ เพลงโฟล์กบัลลาดช้า ๆ ที่มีเสียงกีตาร์โปร่งคลอตลอดทั้งเพลง และเสียงร้องที่เหมือนลมหายใจคนเหงา ๆ

9:47 น.

เขามองนาฬิกา — “เวลาเดิม” ของขิมคือสิบโมงตรง

10:01 น.

ไม่มีเสียงประตู ไม่มีเสียงร่มกระทบพื้นไม้ ไม่มีรอยยิ้มที่เขาเฝ้ารอ

10:09 น.

ลูกค้าคนสุดท้ายลุกจากร้าน เหลือเพียงเขา กับเสียงเพลง กับกาแฟที่เย็นลงทุกนาที

เขาเปิดสมุดบันทึกเล่มเก่า…อีกครั้ง

หน้ากระดาษเปล่าหนึ่งหน้า

เขาเขียนช้า ๆ — เหมือนทุกวันที่เคยเขียนถึงเธอ

ถึงขิม,

วันนี้ฉันมารอแล้วนะ

โต๊ะมุมเดิม กาแฟแก้วเดิม เพลงลิสต์เดิม

ทุกอย่างอยู่ครบ ยกเว้นเธอ…

ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ

เหมือนที่เธอบอกไว้ในจดหมาย

บางครั้ง… แค่คิดถึง ก็เพียงพอแล้ว

แต่จะโกหกไหม ถ้าฉันจะบอกว่า

ฉันหวัง…

หวังว่าฉันจะเห็นเธอเปิดประตูเข้ามา พร้อมรอยยิ้มอุ่น ๆ เหมือนเมื่อก่อน

แต่ไม่เป็นไรนะ

เพราะแค่เธอเคยอยู่ตรงนี้

มันก็เพียงพอสำหรับการเขียนถึงทุกวันแล้ว

รักเสมอ

นที

เขาปิดสมุด ปิดตาลงชั่วครู่

ขอแค่สักนาที…ให้ตัวเองได้เสียใจเงียบ ๆ

ก่อนจะลุกขึ้นไปทำความสะอาดโต๊ะ เตรียมเปิดร้านตามปกติ

แต่แล้ว…

10:23 น.

เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น

เขาไม่กล้าหันไปในทันที

หัวใจเขาเต้นแรงเกินกว่าจะเสี่ยงผิดหวัง

“ขอโทษที่สายไปหน่อย”

เสียงนั้น…

นทีหันไปอย่างช้า ๆ

ขิมยืนอยู่ตรงนั้น — เปียกปอนไม่มาก แต่ดูรีบ ร่มสีเทาในมือยังมีหยดน้ำฝนติดอยู่ปลายผ้า

เธอสวมเสื้อกันฝนสีครีมตัวเดิม ใบหน้าซีดเล็กน้อย แต่ตายังอบอุ่น

นทีไม่พูดอะไร เขาแค่เดินเข้าไปดึงเก้าอี้ให้เธอ — ที่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะ

ขิมนั่งลงช้า ๆ เหมือนกลัวทำลายบรรยากาศเงียบ ๆ ที่แขวนอยู่ในอากาศ

“ฉันไม่ได้แน่ใจเลยว่าจะกล้ากลับมา… แต่เมื่อคืน ฉันนั่งอ่านจดหมายทุกฉบับที่เธอเขียน”

เธอพูดเบา ๆ

“ฉันร้องไห้ไปหลายรอบ

ทั้งเพราะเจ็บ และทั้งเพราะ… รู้สึกว่าตัวเองยังมีที่อยู่ในใจใครสักคน”

นทีไม่ได้พูดอะไร เขาชงลาเต้ร้อนให้เธอเหมือนเดิม

ใส่นมมากหน่อย ใส่ใจมากกว่าเดิม

เขาวางแก้วตรงหน้าเธอ เธอยกขึ้นจิบช้า ๆ

“ยังอร่อยเหมือนเดิม…” เธอยิ้มบาง ๆ

ความเงียบคลุมโต๊ะอีกครั้ง

แต่ไม่ใช่ความอึดอัด

มันเหมือนการกลับมานั่งตรงข้ามใครสักคนที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราทุกวัน

“ตอนนั้น…” ขิมพูดขึ้น “ฉันไม่ได้ไม่รักเธอ…”

นทีเงียบ เขาไม่ได้ต้องการคำแก้ตัว แต่เขาก็อยากฟัง

“ฉันแค่กลัว… กลัวว่าเราจะอยู่ไปเรื่อย ๆ ด้วยความเคยชิน

กลัวว่าวันหนึ่งร้านนี้จะกลายเป็นกรง

และเราจะไม่กล้ามองหน้ากันเลยด้วยซ้ำ”

เธอวางมือบนโต๊ะเบา ๆ ใกล้มือเขา

“แต่ฉันลืมคิดไปว่า คนที่กลัวมากที่สุด คือคนที่ยังอยากอยู่…แต่ไม่รู้จะอยู่ยังไง”

นทีมองเธอ เงียบไปนาน ก่อนจะตอบว่า

“ฉันไม่เคยโกรธเธอเลย

แค่คิดถึง

คิดถึงในแบบที่… ไม่มีอะไรมาแทนได้”

พวกเขานั่งอยู่แบบนั้นนานมาก

ไม่มีคำสัญญา ไม่มีคำขอคืนดี

มีแต่บทสนทนาอ่อนโยนเรื่องสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ

เรื่องลูกค้าคนเดิม เรื่องเพลงในร้าน เรื่องสูตรขนมที่เธอลองทำที่เชียงใหม่

ขิมหัวเราะตอนพูดถึงเค้กที่เธออบแล้วไม่ขึ้นฟู

นทีหัวเราะตาม แม้ในใจจะยังมีเงาเศร้าบาง ๆ ทอดตัวอยู่

เมื่อฝนหยุดตก

ขิมลุกขึ้น

เธอหยิบร่ม หยิบเสื้อกันฝน และมองเขานิ่ง ๆ

“พรุ่งนี้… ถ้าเธออยากให้ฉันมานั่งตรงนี้อีก ฉันจะมา”

เธอเว้นจังหวะ

“แต่ถ้าเธอไม่มาเปิดร้าน ฉันก็จะเข้าใจ…”

เธอยิ้มบาง ๆ — ยิ้มที่ไม่เหมือนการบอกลา

แต่เหมือนการให้เวลาหัวใจ…ตัดสินใจอีกครั้ง

นทีพยักหน้า เขาไม่ได้พูดอะไร

เพราะคำบางคำ ถ้าพูดเร็วเกินไป อาจไม่ซึมซับพอ

เธอเดินออกจากร้านไปอีกครั้ง

คราวนี้ไม่มีฝนตก

มีเพียงแสงแดดที่ส่องลอดผ่านเมฆออกมาเล็กน้อย

นทีมองไปที่เก้าอี้ที่เธอเพิ่งลุกจาก

เขายิ้ม

พอฝนหยุดตก ขิมก็ลุกขึ้นเตรียมจะกลับ

เธอหันมาบอกว่า

“วันพรุ่งนี้ ฉันจะมาอีกนะ ถ้าเธออยากเจอ”

เขายิ้ม และพยักหน้า

หัวใจเขาไม่ได้หวังเหมือนเมื่อวาน

แต่มันเริ่มเชื่ออีกครั้งว่า

บางการกลับมา…ไม่ใช่เพื่อลา

แต่เพื่อเริ่มใหม่ อย่างช้า ๆ

หลังจากเธอเดินออกจากร้าน นทีไม่ได้ลุกตามไป

เขายังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะเดิม ปล่อยให้กลิ่นลาเต้ค่อย ๆ จางลงในอากาศ

เขามองแก้วกาแฟเปล่าของขิม รอยลิปสติกจาง ๆ ตรงขอบแก้วดูเหมือนเศษซากของความจริง

“เธอกลับมาแล้วจริง ๆ” เขาพึมพำกับตัวเอง

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะเหมือนเดิม

หัวใจเขาเต็มไปด้วยคำถาม

แต่ไม่มีคำใดหลุดออกจากปาก

อาจเพราะบางความรู้สึก…แค่ได้เจอก็พอแล้วสำหรับวันหนึ่ง

คืนนั้น เขากลับบ้านช้ากว่าปกติ

ไม่ใช่เพราะงานยุ่ง แต่เพราะเขาไม่อยากให้วันนี้จบลงเร็วเกินไป

เขาเดินผ่านหน้ากระจก มองเงาตัวเอง

เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูเหนื่อย แต่สายตามีแววบางอย่าง

บางอย่างที่เขาไม่ได้เห็นมานาน — ความหวัง

เขานั่งลงที่โต๊ะเล็ก ๆ ในห้องนั่งเล่น

เปิดสมุดเล่มเดิม

แต่วันนี้ เขาไม่ได้เขียนจดหมายถึงขิม

เขาเปิดหน้ากระดาษเก่า ๆ ไล่สายตาผ่านแต่ละฉบับ —

ตั้งแต่ฉบับแรกที่เขียนในวันที่เธอจากไป

จนถึงฉบับล่าสุด ที่เขียนว่า “โต๊ะมุมเดิม กาแฟแก้วเดิม เพลงลิสต์เดิม…แต่เธอยังไม่มา”

เขาค่อย ๆ พับหน้ากระดาษแต่ละแผ่นอย่างเบามือ แล้ววางซ้อนกันไว้ในกล่องไม้

เขาไม่ได้ตั้งใจจะหยุดเขียน

แต่บางอย่างในใจเขากระซิบว่า…

บางครั้ง การฟัง ก็สำคัญเท่ากับการพูด

รุ่งเช้า แสงแดดลอดผ่านหน้าต่างครัว

กลิ่นกาแฟหอมฟุ้งไปทั่วบ้าน

วันนี้ เขาไม่ได้รู้สึกใจเต้นเหมือนเมื่อวาน

ไม่ใช่เพราะความรู้สึกลดลง แต่เพราะเขารู้แล้วว่าเธอยังอยู่ตรงนั้น

ไม่ใช่แค่ในความทรงจำ…แต่ในความจริง

เวลา 10:01 น.

ขิมเดินเข้าร้านพร้อมเสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นเบา ๆ

วันนี้เธอแต่งตัวสบาย ๆ กว่าปกติ

เสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดา กางเกงยีนส์ และผ้าคลุมไหล่ผืนบาง

ผมถูกรวบไว้หลวม ๆ ราวกับไม่ได้ตั้งใจ

แต่รอยยิ้มของเธอยังคงมีความตั้งใจเต็มเปี่ยม

นทีอยู่หลังเคาน์เตอร์ เขาหยิบแก้วเปล่าขึ้นมา

“ลาเต้ร้อน แก้วเดิม?” เขาถามโดยไม่ต้องคิด

ขิมยิ้ม และพยักหน้า

“เธอยังจำได้ทุกอย่างเลยนะ”

“ทุกอย่าง…ที่เกี่ยวกับเธอ ฉันจำได้หมด” เขาตอบเบา ๆ

ขิมนั่งลงที่โต๊ะเดิม

วางสมุดเล่มเล็ก ๆ ลงบนโต๊ะ

มันไม่ใช่สมุดบันทึก แต่ดูเหมือนจะเป็นสมุดสเก็ตช์ภาพมากกว่า

“เธอยังวาดรูปอยู่เหรอ?” เขาถามขณะวางแก้วกาแฟตรงหน้าเธอ

ขิมเปิดหน้าหนึ่งให้เขาดู

เป็นภาพโต๊ะในร้านกาแฟ

มีแก้วกาแฟ ร่มเปียกฝน และหน้าต่างที่มีหยดน้ำฝนเกาะพราว

“ฉันวาดมันเมื่อวาน ตอนกลับไปถึงที่พัก”

เธอยิ้มเล็กน้อย “ก็ยังไม่ลืมที่นี่…สักที”

เขามองภาพนั้นเงียบ ๆ

มันไม่สมบูรณ์แบบ แต่มันจริง

เต็มไปด้วยอารมณ์ที่เขาไม่สามารถเขียนในจดหมายได้

ขิมเปิดหน้าถัดไป

เป็นภาพชายคนหนึ่งนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ร้านกาแฟ

“นี่เธอเหรอ?” เขาถาม

ขิมพยักหน้า

“ตอนวาด ฉันนึกถึงช่วงที่เธอยังยิ้มบ่อยกว่านี้”

นทีเงียบไปเล็กน้อย

“ตอนนั้น…ฉันยังมีเธออยู่ข้าง ๆ”

“ขิม…” เขาเรียกชื่อเธอเบา ๆ

เธอเงยหน้าขึ้นจากแก้วกาแฟ

“ถ้าฉันบอกว่า อยากเริ่มใหม่…เธอจะกลัวอีกไหม?”

เธอมองเขานิ่ง ๆ สักพัก

“ถ้าฉันบอกว่า…ฉันไม่ได้กลับมาเพื่อตอบว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ แต่กลับมาเพราะคิดถึง แล้วเราค่อย ๆ ไปทีละวัน จะได้ไหม?”

เขาพยักหน้า

“แค่เธอยังอยู่ตรงนี้…ฉันไม่ขออะไรไปกว่านั้น”

หลังจากวันนั้น ขิมก็แวะมาที่ร้านทุกวัน

บางวันเธอนั่งเงียบ ๆ วาดรูป

บางวันเธอช่วยเขาชงกาแฟหรือจัดดอกไม้

ไม่มีคำว่าคืนดี

ไม่มีคำว่า “เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ”

แต่ทุกอย่างดูเหมือนกำลังฟื้นคืน…ในแบบที่ละมุนและเข้าใจกันมากกว่าเดิม

เย็นวันหนึ่ง หลังร้านปิด

พวกเขานั่งอยู่ด้วยกันบนม้านั่งหน้าร้าน

ท้องฟ้าสีส้มอมเทาคล้ายพรมผืนใหญ่ที่กำลังถูกพับเก็บ

“วันนั้น…ที่ฉันหายไป” ขิมพูดเบา ๆ

“ฉันนั่งอยู่บนรถเมล์ แล้วร้องไห้ทั้งทาง

ฉันไม่ได้หนีเพราะหมดรัก

แต่หนีเพราะกลัวว่า…ถ้ายังอยู่ เราจะพังไปพร้อมกัน”

นทีฟังเงียบ ๆ ไม่พูดแทรก

“แต่พอไม่มีเธอ…ฉันพังอยู่ดี” เธอหัวเราะเศร้า ๆ

“ฉันเขียนถึงเธอทุกวัน” เขาพูด “ในจดหมายที่ไม่ได้ส่ง”

ขิมหันมามองเขา แววตานุ่มนวลแต่มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่

“ถ้างั้น…วันนี้ฉันขอเขียนถึงเธอบ้าง”

เธอหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งจากสมุดโน้ตในกระเป๋า

เขียนอะไรบางอย่างสั้น ๆ แล้วพับใส่มือเขา

“อย่าเพิ่งเปิด…จนถึงพรุ่งนี้เช้า” เธอกระซิบ

คืนนั้น นทีวางจดหมายนั้นไว้ข้างหมอน

ไม่กล้าเปิด

แต่ก็อดมองไม่ได้

เช้าวันรุ่งขึ้น

เขาตื่นแต่เช้า เปิดหน้าต่างให้แสงเช้าสาดเข้ามา

แล้วเขาค่อย ๆ แกะจดหมายนั้นออก

ในนั้นมีเพียงหนึ่งประโยค

“ขอบคุณที่ยังรอฉัน…แม้ฉันจะไม่ได้สัญญาอะไรไว้เลย”

นทีอ่านแล้วหลับตาแน่น

รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก

เขาหยิบปากกาขึ้นมาอีกครั้ง

เปิดสมุดบันทึกไปที่หน้าว่างสุดท้าย

แล้วเขียนจดหมายฉบับที่ 147

ถึงขิม,

เธอยังอยู่ตรงนี้ และนั่นคือคำตอบที่ดีที่สุด

ไม่ต้องพูดอะไร ไม่ต้องสัญญาอะไร

แค่มีเธอในวันธรรมดาแบบนี้…มันก็พอแล้ว

ฉันไม่รู้ว่าปลายทางของเราจะเป็นยังไง

แต่อย่างน้อย ฉันก็ไม่ต้องเขียนจดหมายโดยไม่มีที่ส่งอีกต่อไป

รัก,

นที

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!