NovelToon NovelToon

ECLIPSYS’S TRIAL - ศึกชิงบัลลังก์

ความทรงจำในแก้วเครื่องดื่ม

เสียงหยดน้ำดังแว่วท่ามกลางความมืดมิด ก่อนเสียงจะค่อยๆแผ่วเบาลงจนเงียบไป แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้ไม่นานเสียงหยดน้ำได้ดังขึ้นอีกครั้งราวกับนาฬิกาทรายที่กำลังไล่ล่าเวลาให้หมดไป... Dokuritsu Shita ได้ลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า คงเพราะเพิ่งตื่นขึ้นมานิทราทำให้ดวงตาของเขาเบลอไปชั่วขณะก่อนจะจับภาพรอบตัวได้

กลิ่นไม้เก่าผสานกับแอลกอฮอล์เข้มข้นฟุ้งกระจาย ราวกับมันฝังรากลึกในเนื้อไม้มานับร้อยปี ตะเกียงน้ำมันทิ้งแสงสลัวบนผนัง สาดเงาระบำริ้วไหวอากาศเย็นชื้นแทรกซึมผ่านผิวหนัง พร้อมละอองน้ำจากไม้ผุที่เริ่มย่อยสลาย เสียงลมหวีดหวิวแทรกผ่านรอยแยกของประตู โต๊ะไม้กระจัดกระจายทั่วห้อง บนนั้นมีทั้งคราบแก้วและรอยขีดข่วนจากของมีคม เสียงน้ำหยดดังก้องเป็นจังหวะ ราวกับนาฬิกานับถอยหลังสู่บางสิ่ง หลังเคาน์เตอร์บาร์ ขวดแก้วหลากสีบรรจุของเหลวลึกลับวาววับยามต้องแสงไฟ ความเงียบปกคลุมพื้นที่...

เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากเบาๆ รู้สึกถึงความชื้นเล็กน้อยที่จับตัวอยู่บนผิว “ที่นี่...ที่ไหนกัน?” เขาพึมพำเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง แสงไฟริบหรี่จากตะเกียงน้ำมันที่แขวนอยู่ตามผนังสะท้อนแสงบนผมสีดำขลับ ที่ปลายผมมีประกายสีแดงเหมือนเปลวไฟที่ค่อยๆ ลามขึ้นทีละน้อย

Dokuritsu ก้มมองตัวเอง เสื้อเชิ้ตสีดำสนิทพอดีตัวกับกางเกงขายาวที่ให้ความรู้สึกทั้งคล่องตัวและพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหว เขายังสวมรองเท้าหนังสีเข้มที่สะอาดสะอ้านจนผิดสังเกต แต่สิ่งที่ทำให้เขาขมวดคิ้วคือ—เขาไม่สามารถจำได้ว่าตัวเองแต่งตัวแบบนี้เมื่อไหร่

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาสะท้อนแสงจากตะเกียงเล็กน้อย มันเป็นดวงตาที่มีประกายของคนที่เคยผ่านอะไรมามาก แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความสับสนและความสงสัยที่วิ่งพล่านไปทั่วหัว

เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง รูปร่างที่สมส่วนและกล้ามเนื้อแน่นพอดีบ่งบอกว่าเขาไม่ได้อ่อนแอ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยคลายความกังวลในใจเขาเลยสักนิด

เสียงฝีเท้าค่อยๆดังขึ้นจากทางด้านหลัง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงแก้วที่ถูกวางลงบนเคาน์เตอร์ไม้

“ตื่นแล้วเหรอครับ?” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากชายวัยกลางคนผู้มีผมสีดำขลับเป็นประกาย ร่างสูงในชุดบาร์เทนเดอร์เรียบหรู เขายืนพิงเคาน์เตอร์ด้วยท่าทางผ่อนคลาย แต่แฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขาม ดวงตาสีแดงสดราวกับกลีบกุหลาบ จ้องมองมาที่เขา

“คุณเป็นใคร?”

ชายคนนั้นหัวเราะเบาๆ ขณะเช็ดแก้วเครื่องดื่มในมือ “ดื่มสักหน่อยไหมครับ? มันจะช่วยให้สมองโล่งขึ้น”

“ฉันไม่ต้องการเครื่องดื่ม คุณเป็นใครแล้วที่นี่มันที่ไหน?” Dokuritsu ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว เขาผลักแก้วออกไปเล็กน้อย

“ใจร้อนจังเลยนะครับ จิบเครื่องดื่มไปคุยกันไปน่าจะดีกว่าแท้ๆ” บาร์เทนเดอร์พูดไปพร้อมกับใช้นิ้วหมุนแก้วเครื่องดื่มช้าๆ

Dokuritsuไม่พูดหรือถามอะไร เขาต้องการที่ใช้ความเงียบกดดันชายที่อยู่ตรงหน้าเพื่อให้ยอมตอบคำถามของเขา

"อย่างที่คุณเห็น ที่นี่คือบาร์โทรมๆที่หนึ่ง ส่วนผมก็แค่บาร์เทนเดอร์ที่ทำงานอยู่ที่นี่ก็แค่นั้นเอง" บาร์เทนเดอร์ตอบคำถาม

Dokuritsu ขมวดคิ้ว แม้เขาจะได้รับคำตอบแล้ว แต่มันกลับไม่ช่วยคลายข้อสงสัยเลยแม้แต่น้อย—เขาจำได้ดีว่าเมื่อคืน หลังจากที่ทำงานมาอย่างเหน็ดเหนื่อย เขากลับไปนอนพักที่ห้องทันที ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะตื่นมาในบาร์เก่าแก่ที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากยุคโบราณเช่นนี้

“เรามาเล่นเกมกันดีไหมครับ?” ชายบาร์เทนเดอร์พูดขึ้นขัดความคิดของเขา “กติกาง่ายมาก เราจะผลัดกันถามคำถามคนละหนึ่งข้อ และต้องตอบด้วยความซื่อสัตย์” น้ำเสียงเจ้าเล่ห์นั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ชวนให้สงสัย ราวกับรู้อยู่แล้วว่า Dokuritsu จะต้องยอมเล่นเกมนี้กับเขา

Dokuritsuเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ “…ก็ได้ แต่ฉันขอเริ่มก่อน” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นและหนักแน่น “ทำไมคุณถึงรู้จักชื่อฉัน?”

ชายบาร์เทนเดอร์ยิ้มมุมปาก “เพราะคุณคือหนึ่งในรายชื่อที่ต้องมาที่นี่”

คำตอบนั้นไม่ได้คลายข้อสงสัยเลยแม้แต่น้อย มันกลับยิ่งสร้างคำถามมากขึ้นในหัวเขาอีกหลายเท่า แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร ชายบาร์เทนเดอร์ก็เอ่ยถามขึ้นบ้าง

“ทีนี้...ตาของผม” เขาโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ดวงตาสีแดงฉายแสงวูบวาบ ราวกับมันสามารถมองทะลุความคิดของคนตรงหน้าได้ “ตัวคุณเองน่ะเป็นใคร?”

คำถามนั้นแทงทะลุจิตใจของ Dokuritsu อย่างไม่ทันตั้งตัว เขานิ่งงันไปครู่หนึ่ง ในหัวของเขาว่างเปล่า ราวกับคำถามนั้นกระชากเอาสิ่งที่เขาเคยเชื่อว่ารู้จักเกี่ยวกับตัวเองหายไปจนหมด

“ฉันคือ…ฉัน...” เขาพึมพำออกมา แต่กลับไม่มีคำตอบที่ชัดเจนพอจะอธิบายได้

ชายบาร์เทนเดอร์ยิ้มบางๆ “แค่นี้เองเหรอครับ? หรือว่าคุณกำลังพยายามคิดอะไรเพิ่มเติม?”

Dokuritsu สูดลมหายใจลึก พยายามรวบรวมสติและขุดความทรงจำที่เขามีอยู่ขึ้นมา “ฉันคือพนักงานออฟฟิศธรรมดา... ฉันทำงานมา 3 ปีในเมืองใหญ่ มีเพื่อนร่วมงานที่น่ารำคาญ แต่ก็มีหัวหน้าที่ดีกับฉัน ฉัน...” เขาพูดเร็วขึ้น ราวกับพยายามยึดเกาะความจริงที่กำลังจะหลุดลอยไป

บาร์เทนเดอร์เอนตัวพิงเคาน์เตอร์ ดวงตายังคงจับจ้องอย่างไม่ลดละ เขาเคาะนิ้วเบาๆ บนเคาน์เตอร์ไม้ เสียงเคาะนั้นดังก้องไปทั่วห้อง ราวกับมันดังอยู่ในหัว Dokuritsu เอง

“สามปี...” บาร์เทนเดอร์พูดพลางลากเสียงยาว “แค่นั้นจริงๆ เหรอครับ?”

Dokuritsu สะอึก ใจเขากระตุกวูบเมื่อคำถามนั้นซัดเข้าใส่ราวกับคลื่นยักษ์ “มันเป็นความจริง ฉันจำได้ ฉันใช้ชีวิตแบบนั้นมาตลอด ฉัน...” เขาพยายามโต้แย้ง แต่เสียงของตัวเองเริ่มสั่น

บาร์เทนเดอร์หัวเราะเบาๆอีกครั้ง เสียงหัวเราะนั้นไม่ใช่การเยาะเย้ย แต่มันแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ที่ชวนให้หวั่นไหว

“แล้วความทรงจำก่อนหน้านั้นล่ะครับ?” เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้อีกนิด “วัยเด็กของคุณล่ะ? คุณเติบโตที่ไหน?”

Dokuritsu นิ่งงัน เขาพยายามคิดถึงวัยเด็ก แต่ภาพที่เคยคาดหวังว่าจะผุดขึ้นในหัวกลับว่างเปล่า

“เพื่อนวัยเรียนล่ะครับ?” บาร์เทนเดอร์ไม่ปล่อยให้เขาได้พักหายใจ “คุณจำได้ไหมว่าครั้งสุดท้ายที่หัวเราะกับเพื่อนในโรงเรียนคือเมื่อไหร่?”

เหงื่อเย็นๆ ไหลซึมลงมาตามขมับของ Dokuritsu เขาพยายามจะตอบ แต่กลับไม่มีอะไรออกมา

“แล้วผู้ให้กำเนิดของคุณล่ะ?” บาร์เทนเดอร์ถามต่อ น้ำเสียงของเขาเนิบนาบแต่แฝงด้วยแรงกดดัน “พวกเขาหน้าตาเป็นยังไง? คุณจำได้ไหมว่าแม่ของคุณเคยลูบหัวคุณอย่างไร หรือพ่อของคุณเคยสอนอะไรคุณบ้าง?”

คำถามนั้นเหมือนค้อนหนักที่ทุบลงกลางหัว Dokuritsu รู้สึกเหมือนกำลังจะหายใจไม่ออก เขาพยายามนึกถึงใบหน้าของผู้เป็นพ่อแม่ แต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นภาพพร่ามัว ความทรงจำที่ควรจะชัดเจนกลับไม่เหลืออะไรเลย

“นี่มันไม่ใช่ความจริง...” เขาพึมพำกับตัวเอง “ฉันจำได้ว่าเคยมีชีวิต ฉันทำงาน ฉันกลับบ้าน ฉัน...” แต่ยิ่งพยายามพูดเท่าไหร่ ก็เหมือนสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นความจริงกลับหลุดลอยไปเรื่อยๆ

“ดูเหมือนว่าคุณจะจำอะไรไม่ได้เลยนะครับ” บาร์เทนเดอร์ยิ้มบางๆ ดวงตาสีแดงฉายแววเจ้าเล่ห์ขณะไล่สายตามองใบหน้าอันเคร่งเครียดของ Dokuritsu “หรือบางที...สิ่งที่คุณจำได้อาจเป็นเพียงภาพลวงตา ของปลอมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปิดบังความจริงก็ได้นะครับ”

คำพูดนั้นทำให้ Dokuritsu รู้สึกเหมือนถูกมีดแทงตรงกลางอก เขามองบาร์เทนเดอร์ด้วยสายตาแข็งกร้าว “คุณรู้อะไรเกี่ยวกับฉันใช่ไหม?”

บาร์เทนเดอร์หัวเราะเบาๆ แต่ไม่ตอบในทันที เขาหมุนแก้วในมืออย่างเนิบนาบก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตา “มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะตอบรับข้อเสนอของผมหรือเปล่าน่ะสิครับ”

“ข้อเสนออะไร?” Dokuritsu ถามเสียงเรียบแต่หนักแน่น

บาร์เทนเดอร์วางแก้วลงบนเคาน์เตอร์ เสียงแก้วกระทบพื้นไม้ดังก้องในความเงียบ ก่อนที่เขาจะโน้มตัวเข้ามาใกล้ “เข้าร่วมการแข่งขันที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้านี้ไงครับ”

“การแข่งขัน?” Dokuritsu ขมวดคิ้ว

บาร์เทนเดอร์ดีดนิ้วเบาๆ ทันใดนั้น ภาพลวงตาก็ปรากฏขึ้นกลางห้อง เป็นภาพของสนามรบที่กว้างใหญ่ราวกับไร้ขอบเขต ผู้เล่นหลายคนกำลังต่อสู้กันด้วยพลังเวทย์และอาวุธหลากหลายชนิด เปลวแสงจากการโจมตีพุ่งกระจายไปทั่วฟากฟ้า เสียงกรีดร้องและเสียงคำรามของมอนสเตอร์ก้องกังวานจน Dokuritsu รู้สึกเหมือนมันเกิดขึ้นจริง

“นี่คือ ‘Eclipsys’s Trial’ ครับ การแข่งขันที่จะชี้ชะตาโลกใบใหม่” บาร์เทนเดอร์กล่าว “คุณและผู้เล่นคนอื่นๆ รวมทั้งหมด 175 คนจะถูกส่งเข้าสู่สนามประลองที่ประกอบไปด้วย 20 เขต”

Dokuritsu ยังคงมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา “นี่มันเรื่องจริงเหรอ?”

บาร์เทนเดอร์หัวเราะในลำคอเบาๆ “ใช่ครับ คุณอยู่ในเกมที่เดิมพันด้วยชีวิตจริง”

“กฎของเกมนี้ไม่ซับซ้อนมากน่ะ” เขาเริ่มอธิบายอย่างชัดเจน “ทุกคนต้องทำภารกิจในแต่ละเขตเพื่อเอาชีวิตรอด และกำจัดผู้เล่นคนอื่นๆ เพื่อดูดซับพลังของพวกเขา”

“พลัง?” Dokuritsu สะดุดกับคำนี้

“ใช่ครับ” บาร์เทนเดอร์ยิ้มเล็กน้อย “ผู้เล่นทุกคนจะได้รับพลังพิเศษตอนเริ่มต้นเกม ซึ่งในกรณีของคุณคือ พลังควบคุมเลือด คุณสามารถสร้างอาวุธจากเลือดของตัวเอง หรือใช้มันในการโจมตีได้ แต่ก็ต้องระวัง เพราะยิ่งใช้พลังมากเท่าไหร่ คุณจะเสียพลังงานและอาจหมดแรงได้เร็ว”

บาร์เทนเดอร์หมุนแก้วช้าๆ ก่อนจะพูดต่อ “ผู้เล่นสามารถพัฒนาพลังตัวเองได้โดยการกำจัดผู้เล่นคนอื่น และดูดซับพลังของพวกเขามาไว้กับตัวเอง คุณสามารถผสมผสานพลังต่างๆ เพื่อสร้างพลังใหม่ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น”

“แต่ความสนุกไม่ได้จบแค่การต่อสู้ระหว่างผู้เล่นหรอกนะครับ” บาร์เทนเดอร์หัวเราะเบาๆ “ในแต่ละเขตจะมีภารกิจที่คุณต้องทำ เช่น การล่ามอนสเตอร์ การไขปริศนา หรือแม้แต่การกำจัด Boss ประจำเขต”

เขาดีดนิ้วอีกครั้ง ภาพของมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น

บาร์เทนเดอร์หยุดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “แต่ระวังให้ดีนะครับ ทุกเขตในสนามประลองจะถูกปิดตายทีละส่วนเมื่อเวลาผ่านไป หากคุณยังอยู่ในเขตที่ถูกปิด คุณอาจถูกลบออกจากเกมทันที หรืออาจถูกพลังเวทย์ทำลาย”

“คุณสามารถสร้างปาร์ตี้ร่วมกับผู้เล่นคนอื่นได้ด้วยนะครับ” บาร์เทนเดอร์พูดพลางยิ้มบางๆ “แต่ต้องระวัง เพราะพันธมิตรที่คุณไว้ใจอาจกลายเป็นศัตรูได้ทุกเมื่อ”

“และแน่นอน ผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวจะได้รับพรศักดิ์สิทธิ์จากเหล่าทวยเทพ” เขาหยุดเล็กน้อยเพื่อให้คำพูดนี้ซึมลึกเข้าไปในหัว Dokuritsu “คุณสามารถเลือกที่จะชี้นำอนาคตของโลกใบใหม่ได้—จะสร้างสวรรค์ที่สงบสุข หรือปล่อยให้โลกถูกกลืนด้วยความมืดก็ขึ้นอยู่กับคุณ”

Dokuritsu ส่ายหน้าเบาๆ “มันฟังดูบ้าบอมาก” เขาพูดขึ้น “คุณจะบอกว่าผมต้องต่อสู้เพื่อชีวิตและทำภารกิจในสนามรบพิลึกๆ นี่เหรอ?”

บาร์เทนเดอร์หัวเราะเบาๆ “ถ้าคุณไม่เชื่อ” เขาดีดนิ้วอีกครั้ง

เวทย์มนตร์แสงสีทองลอยขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะหมุนวนเป็นวงแหวนเวทย์ขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงออกมา ภาพลวงตากลายเป็นภาพที่เหมือนจริงจน Dokuritsu รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกดึงดูดเข้าไป

“คุณจะรู้ว่ามันจริงหรือไม่ก็ต่อเมื่อคุณก้าวออกไปจากที่นี่” บาร์เทนเดอร์กระซิบ “แล้วตอนนั้นคุณจะไม่มีโอกาสย้อนกลับมาอีก”

Dokuritsu สูดลมหายใจลึก แต่ยังคงมีบางสิ่งที่ค้างคาใจ เขากำหมัดแน่นและจ้องมองบาร์เทนเดอร์ “แล้วความทรงจำของผมล่ะ? คุณบอกว่าที่ผมจำได้อาจเป็นของปลอม แล้วของจริงมันอยู่ที่ไหน? ผมจะได้มันคืนเมื่อไหร่?”

บาร์เทนเดอร์ยิ้มบางๆ แต่ดวงตาสีแดงลึกลับกลับฉายแววบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่าง

“ความทรงจำที่แท้จริงของคุณ...” เขาเน้นเสียงช้าๆ “ซ่อนอยู่ในสนามประลองแห่งนี้แหละครับ”

Dokuritsu ขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไง?”

“เกมนี้ไม่ใช่แค่การต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด แต่ยังเป็นการต่อสู้เพื่อความจริงด้วย” บาร์เทนเดอร์เดินวนไปรอบๆ เคาน์เตอร์ พลางใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ “ความทรงจำของคุณถูกซ่อนไว้ในสถานที่ลับ บางทีมันอาจอยู่ในเขตที่ถูกลืม บางทีมันอาจถูกผนึกไว้ใน Relic ที่คุณต้องค้นหา”

เขาหยุดเดิน ก่อนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้ “หรือบางทีมันอาจซ่อนอยู่ในตัวผู้เล่นคนอื่นๆ”

Dokuritsu หายใจสะดุด “คุณกำลังจะบอกว่า...”

บาร์เทนเดอร์พยักหน้าเล็กน้อย “บางทีการค้นหาความทรงจำอาจต้องแลกมาด้วยการกำจัดผู้เล่นคนอื่น หรืออาจต้องเจอ Boss ที่ครอบครองเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับอดีตของคุณ”

“แล้วถ้าผมไม่อยากต่อสู้ล่ะ?” Dokuritsu พูดเสียงต่ำ แต่แฝงด้วยความดื้อรั้น “มีทางอื่นไหม?”

“ไม่มีทางอื่นหรอกครับ” บาร์เทนเดอร์ยิ้มเย็นชา “ในโลกใบนี้ มีเพียงผู้ที่พร้อมจะต่อสู้เท่านั้นที่จะได้ทุกสิ่งที่ต้องการ”

Dokuritsu กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ความลังเลยังคงหลงเหลืออยู่ในใจ “แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าความทรงจำนั้นเป็นของจริง?”

บาร์เทนเดอร์หัวเราะเบาๆอีกครั้ง “คุณจะรู้ได้เมื่อถึงเวลา” เขากล่าวพร้อมกับแววตาที่บ่งบอกว่าเขารู้อะไรมากกว่านั้น แต่ไม่คิดจะบอก

“ตอนนี้ สิ่งเดียวที่คุณต้องทำคือก้าวไปข้างหน้า”

Dokuritsu สูดลมหายใจลึก เขายังไม่อยากเชื่อทุกอย่าง แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น

“ผมต้องทำยังไง?”

บาร์เทนเดอร์ยิ้มอย่างพอใจ “แค่ก้าวออกจากประตูไป แล้วเกมก็จะเริ่มเองครับ”

ประตูไม้บานใหญ่เปิดออก ลมหนาวพัดเข้ามาปะทะใบหน้า Dokuritsu เขามองออกไปยังความมืดเบื้องหน้า ก่อนจะก้าวเท้าออกไป โดยทิ้งความลังเลไว้เบื้องหลัง เสียงประตูปิดลงช้าๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะของบาร์เทนเดอร์ที่ก้องสะท้อนไปในห้อง

เสียงครวญของสายลม

เสียงลมหวีดหวิวแทรกผ่านซากอาคารร้าง ราวกับเสียงคร่ำครวญของวิญญาณที่ถูกลืม เศษอิฐและหินปลิวกระแทกพื้นดินเป็นจังหวะ ดังก้องคล้ายเสียงกลองแห่งความหายนะที่ไม่มีวันหยุด

Dokuritsu Shita ก้าวเท้าลงบนผืนดินที่เต็มไปด้วยเศษซากอารยธรรม ลมที่พัดผ่านใบหน้าทำให้เขาต้องหรี่ตา เศษฝุ่นและใบมีดเล็กๆ ถูกพัดวนอยู่ในอากาศเหมือนดักแด้ที่รอจู่โจมเหยื่อ

“ที่นี่มันที่ไหนกันแน่...” เขาพึมพำเบาๆ พลางมองรอบตัว ตึกสูงที่ครั้งหนึ่งอาจเคยเป็นแหล่งอาศัยของผู้คน ตอนนี้กลับกลายเป็นเงาที่โดนสายลมกัดเซาะจนพังทลาย เหลือเพียงโครงสร้างที่ผุกร่อนและเงาอันน่ากลัวที่ทอดยาวบนพื้น

ทุกย่างก้าวของเขาดังก้องไปทั่วบริเวณ เศษแก้วแตกที่กระทบเท้าส่งเสียงแหลมคมในความเงียบ เสียงลมยังคงพัดวนอย่างต่อเนื่อง แต่ดูเหมือนทุกครั้งที่ลมแรงขึ้น เงาบางอย่างจากมุมตึกจะเคลื่อนไหวราวกับกำลังสะกดรอยตามเขา

ทันใดนั้น หน้าจอสี่เหลี่ยมโปร่งแสงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าดวงตา มันลอยค้างอยู่กลางอากาศ ส่องแสงวูบวาบราวกับถูกฉายขึ้นมาจากอีกมิติหนึ่ง ความโปร่งแสงของมันดูแปลกประหลาด เพราะแม้มันจะลอยอยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่มีน้ำหนัก ไม่มีสัมผัส เหมือนภาพลวงตาที่ควรจะจางหายไปในพริบตา

[ระบบผู้ช่วยถูกเปิดใช้งาน]

ชื่อผู้เล่น: Dokuritsu Shita

ตำแหน่งปัจจุบัน: เขตที่ 3 - เมืองแห่งสายลมอัปยศ

เขากะพริบตา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววระแวง ก่อนจะลองยื่นมือแตะหน้าจอเบาๆ ปลายนิ้วผ่านมันไปโดยไม่มีความรู้สึกใดๆ มันชัดเจน แต่กลับไร้ตัวตน จากนั้น หน้าจอโปร่งแสงเริ่มขยายและเปลี่ยนรูปร่าง

สัญลักษณ์ต่างๆ ปรากฏขึ้นราวกับถูกสร้างจากกลไกที่มองไม่เห็น

[ภารกิจ] - กำหนดเป้าหมายที่คุณต้องทำเพื่อความอยู่รอด

[แผนที่] - นำทางในดินแดนอันกว้างใหญ่ พร้อมข้อมูลของแต่ละเขต

[สกิลและความสามารถ] - สร้างและปรับแต่งพลังของคุณ

[ปาร์ตี้] - เชื่อมโยงกับพันธมิตร

[การผสมสกิล] - พัฒนาพลังที่ลึกล้ำยิ่งขึ้น

[ช่องเก็บของ] - เก็บเสบียงหรือวัตถุต่างๆเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง

เขาเลื่อนสายตาไปยังตัวเลือกต่างๆ แต่ละหัวข้อดูเหมือนจะเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการเอาชีวิตรอด แต่ลึกๆ แล้วเขารู้ว่าความช่วยเหลือเหล่านี้ไม่อาจเชื่อถือได้ทั้งหมด

ก่อนที่เขาจะได้ทำความเข้าใจสิ่งที่แสดงอยู่ตรงหน้า เสียงลมกระโชกแรงก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันไม่ได้เป็นเพียงเสียงลมธรรมดา แต่มีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ภายในสายลมนั้น ฝุ่นและเศษทรายถูกพัดขึ้นมาจนฟุ้งกระจายบดบังทัศนวิสัย

ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อเห็นเงาร่างลางๆ ก่อตัวขึ้นจากฝุ่นที่ถูกพัดวน มันเริ่มจากกลุ่มฝุ่นที่ฟุ้งกระจายไร้ทิศทาง ก่อนจะรวมตัวกันช้าๆ จนกลายเป็นรูปร่างคล้ายมนุษย์ แขนและขาที่ดูเหมือนถูกปั้นจากเงาโปร่งแสง ไร้ผิวหนังหรือโครงสร้างที่มั่นคง ทุกส่วนของร่างกายมันเหมือนจะพริ้วไหวตามสายลม แต่ที่ทำให้ Dokuritsu รู้สึกขนลุกยิ่งกว่าคือ ใบหน้าของมันไม่มีดวงตา ไม่มีปาก มีเพียงรอยแตกเป็นเส้นสายที่กระจายอยู่เหมือนรอยแผลเก่า ลมพัดผ่านตัวมันจนเกิดเสียงหวิวเบาๆ ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไร แต่หากถูกมันคงไม่ดีแน่นอน

Dokuritsu ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว สายลมที่พัดผ่านร่างของเขาทำให้เสื้อผ้าปลิวไหวเล็กน้อย ดวงตาของเขายังคงจับจ้องที่รูปร่างลางๆ ตรงหน้า มันเคลื่อนไหวช้าๆ ฝุ่นที่หมุนวนรอบตัวมันยังคงปกคลุมทัศนวิสัยราวกับม่านหมอกที่ไม่อาจมองทะลุได้ ความคิดแรกแวบเข้ามาในหัวคือการที่เขาต้องรีบหลบเจ้าพวกนั้นให้ไว เขากวาดสายตาไปรอบตัวอย่างรวดเร็วเพื่อมองหาทางหนี ซากอาคารร้างที่พังทลายอยู่ข้างหน้าอาจเป็นทางเลือกเดียว เขาย่อตัวลงและเริ่มก้าวถอยหลังอย่างระมัดระวัง เสียงรองเท้ากระทบเศษแก้วบนพื้นทำให้เขาเผลอกลั้นหายใจชั่วขณะ เขาหลบเข้าไปในซอกอาคารที่กำแพงยังคงพอมีโครงสร้างเหลืออยู่บ้าง ผนังหินเย็นเฉียบแนบหลังของเขา เขาหายใจช้าๆ พยายามควบคุมสติ หัวใจที่เต้นรัวในอกต้องไม่ทำให้เขาพลาด

ทันใดนั้น หน้าจอโปร่งแสงปรากฏขึ้นตรงหน้าดวงตา ส่องแสงเบาๆ เหมือนกับรู้ว่าตัวเขากำลังต้องการคำแนะนำ

[ข้อมูลมอนสเตอร์]

ชื่อ: Dust Phantom

ประเภท: วิญญาณธาตุฝุ่น

กลุ่มฝุ่นและลมที่รวมตัวกันอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้มันมีชีวิตขึ้นมา แต่ไม่มีใครรู้ว่าฝุ่นเหล่านี้คือส่วนหนึ่งของร่างกายมันจริงๆ หรือเป็นเพียงเกราะป้องกันบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างใน บางคนเชื่อว่า Dust Phantom อาจเป็นเงาของวิญญาณที่ถูกผูกมัดอยู่ในโลกนี้ และใช้ฝุ่นเป็นเปลือกห่อหุ้มเพื่อซ่อนตัวตนที่แท้จริง

ลักษณะพิเศษ:

เคลื่อนไหวไปพร้อมกับลมและฝุ่น

ตรวจจับเหยื่อผ่านแรงสั่นสะเทือนและเสียง

เขาขมวดคิ้วเมื่ออ่านข้อความบนหน้าจอจบ ความคิดในหัววิ่งพล่านราวกับกลไกที่ทำงานรวดเร็ว กลุ่มฝุ่นที่รวมตัวกันโดยไม่ทราบสาเหตุ... หรือบางทีฝุ่นอาจเป็นเพียงสิ่งที่ปกปิดตัวตนที่แท้จริงของมัน

"ถ้าฝุ่นเป็นแค่เกราะด้านนอก... แล้วแกนพลังงานมันอยู่ตรงไหน?" เขากวาดสายตาผ่านรอยแตกเล็กๆ บนกำแพงเพื่อมองดู Dust Phantom อีกครั้ง มันยังคงเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ ฝุ่นที่หมุนวนรอบตัวเหมือนม่านลวงตา แต่ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ลมพัดแรงจนฝุ่นบางลง เขาเห็นอะไรบางอย่าง เรืองแสงอยู่ภายในตัวของมัน

"'บางทีนั่นคงเป็นแกนของมัน แต่จะทำลายมันยังไงล่ะ?"

เขากวาดสายตามองไปรอบตัวเพื่อหาอาวุธ แต่สิ่งที่เห็นมีเพียงซากอิฐ เศษหิน และเหล็กที่ผุกร่อนจากสายลมกัดเซาะ ไม่มีอะไรที่พอจะใช้ต่อสู้ได้เลย

ทันใดนั้น เสียงหัวเราะของบาร์เทนเดอร์ดังขึ้นในหัว เสียงที่แฝงเล่ห์เหลี่ยมและความลับ

"ผู้เล่นทุกคนจะได้รับพลังพิเศษ... และในกรณีของคุณคือพลังควบคุมเลือด คุณสามารถสร้างอาวุธจากเลือดของตัวเอง"

ดวงตาของ Dokuritsu เบิกกว้าง ความคิดวิ่งพล่าน—เขาเผลอลืมไปว่าตัวเองมีพลังนี้อยู่ในมือแล้ว หน้าจอโปร่งแสงยังลอยอยู่ตรงหน้า เขาเลื่อนสายตาไปยังเมนู

[สกิลและความสามารถ] ก่อนจะกดเลือกลงไปอย่างรวดเร็ว

[สกิลและความสามารถ]

ชื่อพลังหลัก: ควบคุมเลือด

ระดับพลัง: 1

จงหลับตาและจินตนาการถึงศาสตราที่เกิดจากความตั้งใจของเจ้าเอง

บรรจงสร้างจากโลหิตด้วยความละเมียดละไมดุจงานศิลป์ แต่จงจำไว้ให้ดี—โลหิตที่เป็นแหล่งพลังของเจ้า คือดาบสองคมที่พร้อมจะกัดกินตัวตนหากเจ้าใช้อย่างประมาท ทุกหยดเลือดที่รินไหล คือราคาที่เจ้าต้องจ่าย

เมื่อโลหิตมากไป

กายาจะแตกสลาย แต่หากเจ้าบรรจงใช้อย่างชาญฉลาด ศาสตราที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นทั้งเกราะป้องกันและดาบแห่งความพินาศ เลือดนั้นไม่ใช่เพียงสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิต—แต่คือพลังอันล้ำค่า หากเจ้าเข้าใจมันอย่างแท้จริง

ในระดับนี้ พลังของเจ้าจะยังคงอยู่ในขอบเขตที่พื้นฐานเท่านั้น อาวุธที่สร้างจะต้องใช้งานในระยะประชิด การควบคุมระยะไกลหรือการเปลี่ยนรูปอาวุธอย่างซับซ้อนยังไม่อาจทำได้ จงอย่าประมาทในข้อจำกัดนี้

เลือดในกายของเขาไหลเวียนเร็วขึ้น ราวกับคลื่นที่ซัดกระแทกฝั่ง ฝ่ามือเริ่มแผ่ความอุ่นร้อนออกมา ความรู้สึกเหมือนพลังที่รอวันปะทุ เส้นเลือดที่ข้อมือเต้นเป็นจังหวะเดียวกับหัวใจ เขาหลับตา ปล่อยให้สัญชาตญาณนำทาง

“ลองเริ่มจากอะไรที่ง่ายๆ ก่อน...” เขาคิดในใจ ภาพของมีดสั้นเล่มเล็กที่ผูกด้วยโซ่ ผุดขึ้นในความคิด มันไม่ต้องใหญ่โต—แค่พอจะจับได้ถนัดมือ

“จงบรรจงสร้างมันขึ้นมา... ด้วยจิตที่มั่นคง” เสียงหนึ่งดังก้องในหัว ราวกับคำแนะนำที่มาจากเบื้องลึกของสัญชาตญาณ

หยดเลือดที่ร่วงหล่นกลางอากาศลอยค้างไว้ มันสั่นไหวและขยายตัว เลือดที่ไหลจากฝ่ามือหมุนวนเป็นเถาวัลย์สีแดงเข้มที่เติบโตไม่หยุด เสียงเตือนดังก้อง “โลหิตคือพลัง—แต่จงใช้อย่างชาญฉลาด”

ใบมีดโค้งคมกริบค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ผิวมีดเงาวาวราวอัญมณีต้องแสง ด้ามจับประดับด้วยลายเส้นเลือดที่พันเกี่ยวแน่นหนา ที่ปลายด้ามมีโซ่โลหิตเส้นยาวต่อออกไป แข็งแกร่งแต่ยืดหยุ่นราวกับถูกหลอมจากโลหิตบริสุทธิ์

Dokuritsu กระชับด้ามมีดในมือ ปลายโซ่ที่พาดอยู่บนพื้นส่งเสียงแผ่วเบา มันคืออาวุธที่พร้อมจะพลิกแพลง—ทั้งขว้างออกไปและดึงกลับมาราวกับเป็นส่วนต่อขยายของร่างกาย

เมื่ออาวุธสมบูรณ์ มันส่องประกายเย็นเยียบด้วยอำนาจที่ยากจะต้านทาน โซ่โลหิตนั้นไม่ได้มีไว้แค่ตรึงเป้าหมาย แต่ยังสามารถเปลี่ยนรูปแบบได้ตามเจตจำนงของผู้ใช้ จะเป็นมีดที่แยกตัวออกเป็นเสี้ยวคมดั่งใบมีดเล็กๆ หรือรวมตัวกันกลายเป็นหอกพุ่งทะลวงก็ได้

เขาลืมตาขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววเจตจำนงแน่วแน่ มีดถูกยกขึ้น ปลายโซ่เคลื่อนไหวช้าๆ พร้อมสำหรับการโจมตี

เสียงลมยังคงหวีดหวิว แต่ในหัวของ Dokuritsu มันกลับเงียบสนิทราวกับเวลาหยุดเดินชั่วขณะ เขาค่อยๆ ย่อตัวลง หยิบอิฐก้อนหนึ่งที่หล่นอยู่ใกล้เท้าขึ้นมา น้ำหนักของมันเย็นเยียบจนรู้สึกถึงความสั่นไหวเล็กๆ จากฝุ่นที่ลอยวนรอบตัว

“ต้องล่อพวกมันไม่ให้สนใจก่อน” เขาคิดในใจ

เขาโยนอิฐก้อนนั้นไปยังมุมตึกที่อยู่ห่างออกไป เสียงกระทบพื้นดังก้องในความเงียบ Dust Phantom ตัวหนึ่งสะดุ้งและเคลื่อนตัวไปตามเสียงทันที แต่ก่อนที่เขาจะผ่อนลมหายใจ เขาเห็นอีกสองตัวกำลังลอยวนอยู่ไม่ไกลนัก ลมหายใจของเขาชะงัก ดวงตาจับจ้องไปยังเป้าหมายที่ใกล้ที่สุด

ไม่มีเวลาให้ลังเลอีกแล้ว

เขากระชับมีดโลหิตในมือแน่น ก่อนจะพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ปลายมีดแหวกอากาศและปักลึกลงในร่าง Dust Phantom เลือดของเขาผสานเข้ากับพลังเวทย์จนเกิดประกายแสงแดงวาบ แกนพลังงานแตกกระจายก่อนที่ร่างของมันจะสลายไปในสายลม

ทันใดนั้น เสียงลมหวนดังขึ้นจากด้านหลัง มอนสเตอร์อีกตัวจับแรงสั่นสะเทือนได้และใช้เวทย์ลมพุ่งโจมตีใส่เขา Dokuritsu หันตัวหลบโดยสัญชาตญาณ คมลมเฉือนผ่านต้นแขนจนเกิดบาดแผลเล็กๆ เลือดหยดลงบนพื้น แต่เขาไม่หยุด

เขากัดฟันและพุ่งเข้าไปหลบหลังซากกำแพงหิน ความเย็นจากผนังที่แตกร้าวซึมเข้าสู่แผ่นหลัง ลมหายใจแรงกระทบกับความเงียบที่แฝงไปด้วยอันตรายรอบตัว

“จะพลาดอีกไม่ได้แล้ว” เขากำโซ่โลหิตในมือแน่นก่อนจะเหวี่ยงมันสุดแรง เสียงโซ่ที่เสียดสีกับพื้นหินดังก้องกังวานไปทั่ว มอนสเตอร์สองตัวหันไปตามเสียงและเคลื่อนตัวเข้าไปทางจุดที่โซ่กระทบพื้น

นี่คือโอกาสเดียวของเขา

Dokuritsu พุ่งออกจากกำบัง พร้อมกับปามีดโลหิตไปยัง Dust Phantom ตัวหนึ่ง ใบมีดหมุนด้วยความเร็วสูง แต่พลาดเป้า ปลายมีดเฉียดแกนพลังงานไปเพียงเล็กน้อย แสงสีแดงวาบออกมา แต่ไม่เพียงพอจะทำลายมัน มือกำโซ่แน่น ปล่อยกระแสพลังเวทย์ให้ไหลผ่านเส้นโลหิตที่พันรอบปลายมีด

ใบมีดเริ่มเปลี่ยนรูปร่าง มันยืดออกและกลายเป็นดาบยาวคมกริบ แสงสีแดงเข้มส่องประกายจากคมดาบที่สั่นไหวพร้อมจะสังหาร

Dokuritsu พุ่งตัวอีกครั้ง ร่างกายของเขาเคลื่อนที่รวดเร็วเหมือนเงา เสียงลมหวีดหวิวกลายเป็นฉากหลังที่เลือนราง เขาใช้แรงทั้งหมดเหวี่ยงดาบลงบนแกนพลังงานของมอนสเตอร์ตรงหน้า เสียงแตกดังสนั่นราวกับแก้วถูกทุบ ร่างของ Dust Phantom สลายไปในพริบตา

มอนสเตอร์ตัวสุดท้ายพุ่งเข้ามาในระยะที่พอดี

Dokuritsu ไม่รอช้า เขาฟันดาบออกไปด้วยแรงทั้งหมดที่เหลือ เสียงคมดาบฉีกอากาศก่อนจะกระทบกับแกนพลังงานของมอนสเตอร์ ลมหวนเงียบลงชั่วขณะ ก่อนที่มันจะระเบิดออกและสลายไปในอากาศ

เขาหอบหายใจแรง ลมหายใจที่ร้อนผ่าวเหมือนควันจากหม้อเดือด มือที่กำดาบยังคงสั่นเล็กน้อย เลือดที่เสียไปทำให้ร่างกายอ่อนล้า แต่จิตใจของเขายังไม่หยุดหมุนวน ดาบในมือเริ่มสั่นไหว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นของเหลวสีแดงเข้ม ไหลหยดจากปลายดาบผ่านฝ่ามือและซึมลงสู่พื้น ทุกหยดเลือดที่เคยสร้างอาวุธ ไหลกลับเข้าสู่ผิวหนังของเขา ราวกับถูกเรียกคืนโดยสัญชาตญาณ พลังอันอุ่นร้อนนั้นค่อยๆ หายไป เหลือเพียงความหนักหน่วงในร่างกายที่ยังไม่ได้ฟื้นตัวเต็มที่

“จะพักนานกว่านี้ไม่ได้” เขาพึมพำเบาๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกวาดมองไปรอบๆ เศษซากอาคารที่พังทลาย เศษหินที่ถูกลมพัดปลิวกระจาย มันไม่มีที่ไหนปลอดภัยพอจะใช้พักฟื้นระยะยาวได้

การต่อสู้เมื่อครู่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เขาไม่สามารถทนอยู่ในสถานะนี้นานเกินไปได้ เพราะเมื่อไหร่ที่มอนสเตอร์ปรากฏตัว เขาอาจไม่มีพลังเหลือมากพอที่จะสู้อีกครั้ง

“ฉันต้องหา ที่หลบภัยที่มั่นคงพอจะใช้พักฟื้นได้”

Dokuritsu ลุกขึ้นช้าๆ แม้จะเจ็บแปลบที่ต้นแขนจากบาดแผลเล็กๆ เขาก็ไม่ได้สนใจมันนัก เขาเริ่มเดินไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง สายลมยังคงพัดหวีดหวิวเหมือนเสียงคร่ำครวญของวิญญาณในดินแดนที่ถูกทอดทิ้ง ดวงตาของเขาจับจ้องทุกสิ่งที่อาจกลายเป็นทางรอดหรือเบาะแสใหม่

จนกระทั่งสายตาเขาสะดุดเข้ากับ สัญลักษณ์แปลกตาที่สลักอยู่บนกำแพงหินเก่า เส้นลวดลายที่ถูกกัดเซาะด้วยกาลเวลา แต่ยังคงเห็นโครงร่างชัดเจนพอจะทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น

“นี่มัน...” เขาหยุดอยู่ตรงหน้ากำแพง สายตาจับจ้องไปที่สัญลักษณ์นั้น มันดูเหมือนบางอย่างที่เขาเคยเห็นมาก่อน ราวกับฝังอยู่ในส่วนลึกของจิตใต้สำนึก แต่ไม่ว่าจะพยายามนึกแค่ไหนก็ไม่อาจดึงความทรงจำเหล่านั้นออกมาได้

สายตาของเขากวาดมองไปรอบกำแพง และพบว่ามันเชื่อมต่อกับทางเดินที่นำไปยังโครงสร้างที่ดูเหมือนหอคอยเก่าที่ยังไม่พังทลายทั้งหมด ตัวอาคารแม้จะเก่าแก่แต่ยังคงมีส่วนที่ดูมั่นคงพอให้ใช้เป็นที่หลบภัยได้ เขาเร่งฝีเท้าเดินต่อไป แม้ร่างกายจะอ่อนล้า แต่จิตใจของเขากลับตื่นตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงลมที่เคยชวนให้หวาดหวั่นกลับกลายเป็นเพียงเสียงพื้นหลังที่เขาไม่สนใจอีกต่อไป

เมื่อเดินมาถึงหอคอยเก่า เขาเปิดประตูไม้อย่างระมัดระวัง ฝุ่นลอยฟุ้งจากการเคลื่อนไหวของบานประตู ภายในมีซากโต๊ะไม้เก่าและเก้าอี้ที่หักพังอยู่ตามพื้น แต่กำแพงหนาและช่องแคบระหว่างบันไดหินทำให้ที่นี่ดูปลอดภัยกว่าภายนอกมากนัก

เขานั่งลงพิงกำแพงหินเย็นๆ ปล่อยให้ร่างกายได้พักชั่วครู่ เสียงลมหายใจที่หนักหน่วงค่อยๆ ผ่อนลง เขาปิดตาและปล่อยให้ความคิดวิ่งวนอยู่กับสิ่งที่ได้พบเจอในวันนี้

พลังเลือดที่ยังควบคุมได้เพียงพื้นฐาน เบาะแสแรกที่เกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์ลึกลับ และคำถามมากมายที่ยังไม่ได้รับคำตอบ

“ฉันจะต้องหาคำตอบให้ได้...” เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเงยหน้ามองเพดานหอคอยที่แตกร้าว เสียงลมยังคงพัดหวีดหวิวอยู่ด้านนอก แต่คราวนี้มันเหมือนเสียงที่ปลุกเขาให้พร้อมจะลุกขึ้นอีกครั้ง

เพราะนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น—และเขาจะไม่หยุดจนกว่าจะค้นพบความจริง

สายลมแห่งการต่อสู้(1)

เสียงลมหวีดหวิวพลิ้วผ่านซากอาคารร้าง คล้ายกรีดร้องของโลกที่ลืมเลือน ขณะที่เขาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้เก่า ปล่อยให้ความเหนื่อยล้ากัดกินหัวใจชั่วคราว

Dokuritsu นั่งพิงผนังเย็นเฉียบภายในหอคอยเก่าที่ดูเหมือนหลงเหลือจากอารยธรรมที่ถูกลืม ลมหายใจของเขาแผ่วเบา มือที่ยังคงเปื้อนคราบเลือดค่อยๆ กำแน่นก่อนจะคลายออก สิ่งที่พบเจอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังคงหมุนวนอยู่ในหัว—มอนสเตอร์ฝุ่นที่เกือบพรากชีวิตเขาไป เบาะแสของสัญลักษณ์ปริศนาที่ไม่อาจเข้าใจ และพลังเลือดที่ยังไม่มั่นคงพอจะใช้อย่างชาญฉลาด

เขากัดริมฝีปากแน่น ความคิดในหัวหมุนวนราวพายุที่ไม่มีวันหยุด ความกลัวแทรกเข้ามาในใจเหมือนเงาดำที่ค่อยๆ กัดกินความหวัง แต่ลึกลงไปในความมืดนั้น ยังมีบางอย่างที่ส่องแสงเล็กๆ อยู่

'ถ้าเข้าใจเกมนี้มากขึ้น บางทีก็คงพอมีโอกาสอยู่บ้าง' ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของเขา

Dokuritsu สูดลมหายใจลึก ข่มทุกอารมณ์ที่พุ่งพล่านในตัว เขายกมือขึ้นปัดหน้าจอโปร่งแสงที่ยังลอยอยู่ตรงหน้า สายตาของเขาจ้องไปที่เมนู [ระบบผู้ช่วย] ก่อนจะกดเลือกคำว่า [แผนที่โลก] และ [ภารกิจ]

[แผนที่โลก]

เขตปัจจุบัน: City of Disgraced Winds (เมืองแห่งสายลมอัปยศ)

ซากอารยธรรมที่พังทลายลงจากพายุแห่งการทรยศ ลมที่พัดก้องดังราวกับเสียงคร่ำครวญของวิญญาณ เศษซากอาคารและอาวุธที่ถูกพัดพาอยู่ในอากาศสามารถเป็นอันตรายต่อผู้เล่นได้ตลอดเวลา

ตำแหน่งผู้เล่น: แสดงด้วย จุดสว่างกระพริบเล็กๆ บนแผนที่ ซึ่งแสดงพิกัดที่แน่นอนของ Dokuritsu ในเขตนี้

“พื้นที่ส่วนใหญ่ยังถูกปกคลุมด้วยหมอกแห่งความลึกลับ จงระมัดระวังเมื่อเดินทางเข้าสู่เขตใหม่ เพราะบางพื้นที่อาจมีศัตรูที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน”

หน้าจอโปร่งแสงส่องแสงจางๆ ขณะที่ Dokuritsu ลากนิ้วไล่ไปตามแผนที่โลก เส้นทางที่ซับซ้อนดูเหมือนจะนำพาไปยังจุดอันตรายมากกว่าความปลอดภัย แต่ข้อมูลเล็กๆ ที่แทรกอยู่ก็พอจะช่วยให้เขาเริ่มวางแผนการเดินทางได้

“หมอกแห่งความลึกลับ...” เขาพึมพำในใจ พลางครุ่นคิดถึงคำเตือนของระบบ

แต่ก่อนที่เขาจะได้วางแผนต่อไป สายตาเหลือบไปเห็นข้อความที่อยู่บนแถบเมนู [ภารกิจ] ซึ่งกำลังเรืองแสงอ่อนๆ เขาแตะไปที่มัน ข้อความบนหน้าจอเลื่อนขึ้นมาอย่างช้าๆ

[ภารกิจสำเร็จ]

เป้าหมาย: เอาชนะมอนสเตอร์ Dust Phantom

ของรางวัล:

[เสบียงสำหรับเดินทาง] x 2

[ขวดยารักษาแผลระดับพื้นฐาน] x 1

เมื่อเขากดรับของรางวัล ข้อความบนหน้าจอค่อยๆ สลายหายไป ราวกับหมอกที่ถูกลมพัด เสบียงและขวดยารักษาปรากฏในช่องเก็บของทันที ราวกับเวทย์มนตร์ที่มาได้ถูกจังหวะ Dokuritsu ถอนหายใจเบาๆ ความกังวลในอกผ่อนคลายลงชั่วขณะ พร้อมกับคิดในใจว่า "อย่างน้อยก็ดีกว่าอดตายแหละมั้งนะ"

แต่ไม่ทันที่เขาจะพักหายใจได้นาน หน้าจอโปร่งแสงอีกบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้า

[ภารกิจใหม่]

ชื่อภารกิจ: กระซิบแห่งอดีตในสายลม

เป้าหมาย: ออกสำรวจพื้นที่โดยรอบหอคอยร้างที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรือง สำรวจและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับซากอารยธรรมที่เหลืออยู่ ในระยะ 2 กิโลเมตรจากจุดศูนย์กลาง เพื่อไขเบาะแสที่ซ่อนอยู่

ข้อความเรืองแสงบนหน้าจอโปร่งแสงยังคงลอยนิ่งอยู่ตรงหน้า Dokuritsu จ้องมันด้วยแววตาที่ผสมผสานระหว่างความเหนื่อยล้ากับความท้าทาย ภารกิจนี้ดูเหมือนไม่ซับซ้อน แต่ในโลกที่ทุกย่างก้าวอาจหมายถึงความตาย เขารู้ดีว่าไม่มีอะไรที่ง่ายดาย

"เอาเถอะ ยังไงก็ต้องสำรวจแถวนี้อยู่แล้วว่ามันปลอดภัยมากพอไหม" เขาพึมพำเบาๆ ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก

เขากวาดสายตาไปยังพื้นที่รกร้างที่ทอดยาวออกไป ตึกสูงที่เหลือเพียงครึ่งหนึ่งและเสาหินที่พังทลายเหมือนซากศพที่ถูกลืม เถาวัลย์ที่พันอยู่กับเศษอิฐ หากพื้นที่นี้ยังมีมอนสเตอร์อาศัย หรือกับดักที่เขามองไม่เห็น มันอาจกลายเป็นหลุมฝังศพของเขาแทนที่จะเป็นที่หลบภัย

เขาเริ่มออกสำรวจอย่างระมัดระวัง พื้นดินที่แตกร้าวส่งเสียงกรอบแกรบใต้ฝ่าเท้า สายลมพัดแรงพอที่จะทำให้เสื้อคลุมสะบัดพลิ้ว และเศษฝุ่นลอยฟุ้งบดบังทัศนวิสัย

เขาหยุดยืนอยู่หน้าเสาต้นหนึ่งที่หักครึ่งและมีรอยแตกคล้ายถูกแรงลมกัดเซาะมาหลายศตวรรษ เขาย่อตัวลงและสังเกตพื้นดินรอบๆ มัน

“ไม่มีร่องรอยของมอนสเตอร์ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าปลอดภัย” เขาคิดอยู่ในใจ

ทว่าในจังหวะที่เขากำลังลุกขึ้นยืน เสียงกรอบแกรบเบาๆ ดังมาจากอีกฝั่งของตึกพังตรงหน้า เสียงฝีเท้าที่ย่ำเบาแต่มั่นคง คล้ายมีบางอย่างกำลังเคลื่อนที่

เขาหันตัวกลับอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสังเกตทุกความเคลื่อนไหวในเงามืด หัวใจเต้นรัวในอก ความกลัวแทรกซึมเข้ามาในจิตใจเล็กน้อย

มือขวาของเขายกขึ้นช้าๆ สายเลือดในร่างกายเริ่มตอบสนองต่อความคิด โลหิตอุ่นร้อนค่อยๆ ไหลจากฝ่ามือและหมุนวนกลางอากาศ เขากำลังบรรจงสร้างมีดอีกครั้ง ความอุ่นแผ่ซ่านจากนิ้วไปถึงปลายแขน

เงาที่เคลื่อนไหวค่อยๆ ชัดเจนขึ้น มันไม่ได้มีรูปร่างตายตัว ร่างโปร่งแสงที่บิดเบี้ยวราวกับควันถูกลมพัดไหว แขนยาวเรียว ปลายมือเหมือนกรงเล็บบางๆ เงาสีเทาจางมีรอยแยกเล็กๆ ที่ส่องประกายแสงสลัวเป็นเส้นสายตามตัว ใบหน้าของมันคล้ายหน้ากากที่ไร้ดวงตา มีเพียงรอยแตกที่คล้ายรอยยิ้มเยาะเย้ย

[ข้อมูลมอนสเตอร์]: พบมอนสเตอร์ประเภทใหม่ - Wind Wraith

ประเภท: วิญญาณลมที่ล่องลอยในพื้นที่พายุ

ร่างกายของมันคือสายลมที่ถูกผูกมัดด้วยพลังวิญญาณ ไม่มีรูปร่างที่ตายตัว แต่แขนและกรงเล็บสามารถตัดผ่านอากาศได้ราวกับใบมีดคมกริบ โจมตีเหยื่อทั้งระยะกลางและไกล ลมที่หมุนวนรอบกายทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกัน ลดทอนการโจมตีทางกายภาพราวกับโล่ที่ไม่มีวันแตก แต่ไม่มีเกราะใดไร้รอยร้าว หากสามารถฝ่าแรงลมและโจมตีถึงแกนกลางวิญญาณได้ เพียงครั้งเดียวก็เพียงพอจะสลายร่างมันให้หายไปกับสายลม

Dokuritsu สูดลมหายใจลึก ดวงตาจับจ้องไปที่ Wind Wraith ที่ลอยตัวอยู่เบื้องหน้า เขาสัมผัสได้ถึงความเร็วและความอันตรายของมัน แม้เกราะลมที่หมุนวนจะดูเหมือนป้องกันทุกอย่างได้ แต่ต้องมีจุดอ่อนบางอย่างที่เขาสามารถใช้ประโยชน์ได้ เขาก้มลงหยิบหินก้อนเล็กๆ จากพื้นขึ้นมา ความเย็นของมันแนบอยู่กับปลายนิ้ว เขาย่อตัวต่ำอยู่หลังเศษกำแพงแล้วขว้างหินออกไปยังอีกฝั่งของซากอาคาร หินกระทบกำแพงด้วยเสียงแหลมก้อง

ทันใดนั้น Wind Wraith หยุดเคลื่อนไหว ก่อนที่กรงเล็บโปร่งแสงของมันจะกวาดไปข้างหน้า ลมตัดเฉือนออกจากปลายมือด้วยความรวดเร็ว ตัดผ่านอากาศไปยังจุดที่หินตกกระทบ เศษอิฐที่อยู่รอบบริเวณปลิวว่อนด้วยแรงกระแทก

Dokuritsu ตกใจในความเร็วในการตอบสนองของมันที่เร็วมาก แต่มีบางอย่างที่เขาสังเกตเห็น—ช่วงเวลาที่มันใช้เวทย์ เกราะลมที่หมุนวนรอบตัวมันหยุดนิ่งและสลายไปชั่วขณะ แววตาของ Dokuritsu เปล่งประกาย เขาได้พบกับวิธีที่จะปราบมันได้แล้ว เขาย่อตัวลงอีกครั้ง หยิบหินขึ้นมาอีกหลายก้อน ก่อนจะขว้างพวกมันไปในทิศทางต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

เสียงหินกระทบพื้นดังสนั่นในหลายจุด Wind Wraith กวาดตามองหาที่มาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปล่อยเวทย์ลมออกมาหลายครั้ง ลมตัดที่ทรงพลังฟาดไปยังแต่ละจุดที่เสียงเกิดขึ้น แต่ในช่วงที่มันมัวแต่โจมตี ห่อเกราะลมที่ปกป้องร่างของมันก็หายไปตามที่เขาคาดไว้

Dokuritsu ไม่ปล่อยให้โอกาสทองนี้หลุดมือ เขาพุ่งออกจากที่กำบัง มีดโลหิตในมือเปล่งประกายสีแดงเข้ม เป้าหมายของเขาคือทำลายแกนกลางพลังงานที่เรืองแสงอยู่กลางอกของมัน แต่ Wind Wraith ไม่ได้ไร้สัญชาตญาณเหมือนหุ่นกระบอก มันจับการเคลื่อนไหวของเขาได้ทันที และหันกรงเล็บเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

Dokuritsu เบี่ยงตัวหลบในจังหวะเฉียดฉิว แต่กรงเล็บลมกรีดผ่านแก้มของเขา ทิ้งรอยแผลลึกเล็กน้อยไว้บนผิว ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้า แต่เขาไม่มีเวลาคิดถึงมัน เกราะลมของ Wind Wraith ยังไม่กลับมา และนี่คือโอกาสเดียวของเขา เขาพุ่งตัวเข้าใกล้มากขึ้น มีดโลหิตในมือถูกเหวี่ยงฟาดไปที่แกนกลาง แต่ Wind Wraith โต้กลับอีกครั้งด้วยกรงเล็บลมที่เฉือนผ่านต้นแขนของเขา เลือดซึมออกจากบาดแผล แต่ความเจ็บกลับยิ่งปลุกพลังของเขาให้ลุกโชน เขากัดฟันแน่น ใช้แรงเฮือกสุดท้ายฟันลงไปเต็มแรง

ปลายมีดแทงทะลุแกนกลางของ Wind Wraith อย่างแม่นยำ เสียงแตกดังสนั่นราวกับกระจกที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ลมที่เคยหมุนวนรอบตัวมันพลันสงบลง ร่างโปร่งแสงสั่นไหวก่อนจะสลายกลายเป็นฝุ่นละอองที่ถูกพัดไปกับสายลม เขาทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น ลมหายใจหนักหน่วง แต่ในแววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่ยังไม่จางหาย

“แผลเล็กๆ แค่นี้... ยังดีที่รอดมาได้” เขาพึมพำพลางเช็ดเลือดที่ไหลจากแก้ม ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เขาจ้องมองเศษฝุ่นที่ลอยหายไปกับสายลม และรู้ดีว่า การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้เขาได้เรียนรู้มากขึ้น เมื่อเขาได้นั่งพักหายใจเล็กน้อยก็เริ่มออกสำรวจสถานที่รอบๆเพิ่มเติม

เขาเดินผ่านเศษซากอาคารที่พังทลาย บางส่วนเป็นผนังหินที่ยังหลงเหลือร่องรอยของการแกะสลักลวดลายเก่าแก่ แม้ว่าร่องรอยนั้นจะถูกกัดกร่อนด้วยกาลเวลาและแรงลม แต่เส้นสายบางอย่างยังคงบอกเล่าถึงความรุ่งเรืองในอดีต

“ที่นี่...คงเคยเป็นเมืองที่สวยงาม” Dokuritsu พึมพำเบาๆ ขณะมองเศษอิฐที่กระจายอยู่ตามพื้น บางก้อนถูกปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำ บางก้อนมีเศษเหล็กแหลมโผล่พ้นออกมาเหมือนกับดักซ่อนเร้น เดินมาอีกสักพักเขาก็ได้พบกับ โครงสร้างของอาคารที่พังครึ่งหนึ่ง ตึกสูงครั้งหนึ่งที่อาจเคยเป็นหอคอย หรือที่พักอาศัยของผู้คน บัดนี้กลายเป็นเศษซากที่มีเถาวัลย์พันรอบกำแพง บางจุดเถาวัลย์แทรกผ่านรอยแตกเหมือนสิ่งมีชีวิตที่กำลังดูดกลืนซากอารยธรรมเข้าสู่ดิน ลมพัดผ่านช่องว่างระหว่างตึก ส่งเสียงคล้ายการคร่ำครวญ เหมือนเสียงของคนที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่ แต่ถูกลืมเลือนไปในพายุแห่งความทรยศ Dokuritsu สะบัดหัวเบาๆ ไล่ความคิดที่ไม่จำเป็นออกจากสมอง เขารู้ดีว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในสถานที่แบบนี้ไม่ใช่แค่ศัตรู แต่เป็นความคิดที่ไม่อาจควบคุมได้

ทางเดินข้างหน้าปูด้วยอิฐแตกที่สลายจนแทบมองไม่เห็นลวดลายเดิม ด้านข้างมีซากบ่อน้ำที่เต็มไปด้วยเศษหินและเศษโลหะ เขาเดินเข้าไปใกล้ พลางใช้รองเท้าขูดดูสิ่งที่อยู่ด้านล่าง น้ำที่ขังอยู่ในบ่อมีกลิ่นสนิมจางๆ เมื่อแหงนมองขึ้นไป ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้มด้วยเมฆหนาทึบที่ลอยคลุมทั่วบริเวณ มีแสงอาทิตย์บางส่วนที่พยายามเล็ดลอดออกมา แต่ลมแรงที่พัดอย่างต่อเนื่องกลับทำให้แสงสว่างดูไร้พลัง

เขาเดินต่อไป เจอกับซุ้มประตูหินที่พังไปครึ่งหนึ่ง หินแผ่นใหญ่บางส่วนยังคงหล่นอยู่กับพื้น ขณะที่บางส่วนแตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ เสียงลมคร่ำครวญยังคงอยู่ไม่ห่าง แต่สิ่งหนึ่งที่ Dokuritsu สังเกตได้คือ บริเวณรอบๆ นี้เงียบเกินไป ไม่มีมอนสเตอร์ ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่น ความเงียบนี้อาจเป็นได้ทั้งความปลอดภัยชั่วคราว หรือกับดักที่รออยู่ข้างหน้า

เขาหันไปมองรอบๆ ไม่มีเงาเคลื่อนไหว ไม่มีเสียงก้าวเท้า หรือ ไม่มีมอนเตอร์ใดๆ นั่นทำให้เขารู้ได้ในทันทีเลยว่า "อาจจะมีคนอยู่แถวนี้"

Dokuritsu ขยับมือจับด้ามมีดโลหิตแน่น ปลายนิ้วของเขารู้สึกถึงความอุ่นจากพลังเลือดที่เริ่มตอบสนอง แต่ก่อนที่เขาจะได้คิดแผนรับมือ เสียงลมแหวกวูบหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ยังไม่ทันที่เขาจะหันกลับมา บางอย่างก็พุ่งเข้าโจมตีจากเงามืด เขากระโจนตัวหลบไปด้านข้างโดยสัญชาตญาณ ลมแรงพัดผ่านใบหูของเขา เสี้ยววินาทีเดียวที่เขาเห็นแสงสะท้อนจากคมดาบที่เกือบปาดผ่านลำคอของเขา

เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็วรีบมองหาว่าสิ่งใดโจมตีเขา แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจคือ ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น เงียบสงัดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“นี่มันอะไรกัน…” เขาหอบหายใจ มองไปรอบๆ ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นด้านหลังอีกครั้ง เขาหันขวับทันที แต่สายตาเห็นเพียงลมที่พัดผ่านเศษฝุ่น

แล้วทันใดนั้น ร่างเงาหนึ่งก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขาในพริบตา ศัตรูในชุดคลุมสีดำสนิท ดวงตาสีเทาขุ่นที่ซ่อนอยู่ใต้ฮู้ดจ้องมาที่เขาอย่างเยือกเย็น ปลายดาบสั้นของศัตรูสะท้อนแสงอ่อนจางจากท้องฟ้ามืดครึ้ม

“ผู้เล่นคนอื่น...” Dokuritsu พึมพำในใจ ก่อนที่ศัตรูจะพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง ดาบของอีกฝ่ายฟาดลงมาที่เขาอย่างจังแต่ก็สามารถป้องกันไว้ได้อย่างหวุดหวิด

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!