ฝนตกอีกแล้ว — หนักกว่าคืนก่อน เสียงหยาดน้ำกระทบกระจกหน้าต่างดังไม่ต่างจากเสียงกระซิบที่คุ้นเคย วายุ ธนาวรรษ นั่งเงียบอยู่ในสำนักงานเก่าชั้นบนของตึกแถวริมถนนสุขุมวิท ห้องแคบ ๆ ที่เคยเป็นร้านขายเครื่องเสียง กลายเป็นสำนักงานนักสืบเอกชนหลังจากเขาทิ้งตราตำรวจไว้ข้างหลังเมื่อเกือบสิบปี
โต๊ะไม้เก่าเต็มไปด้วยแฟ้มคดีเล็ก ๆ รูปถ่ายผู้คนที่ไม่มีใครตามหา เบาะแสที่ไม่มีใครใส่ใจ ทุกอย่างเงียบเชียบ — จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เขาลุกช้า ๆ เดินไปเปิดประตู หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า ผมยาวเปียกชุ่ม ใบหน้าซีดเผือดในแสงสลัวจากโคมไฟหน้าตึก
“คุณคือ...วายุใช่ไหมคะ?” เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย
เขาพยักหน้า “เข้ามา”
หญิงสาวนั่งลง วางกระเป๋าผ้าไว้บนตัก แล้วดึงภาพถ่ายใบหนึ่งออกมายื่นให้เขา “เพื่อนฉันชื่อ ‘ทิชา’ หายตัวไปเมื่อสามวันก่อน ไม่มีร่องรอย ไม่มีการติดต่อกลับ”
วายุรับภาพมา ดวงตาเขาจ้องใบหน้าในภาพนั่นเนิ่นนาน ทิชาหัวเราะในรูปเหมือนหญิงสาวทั่วไป แต่มีบางอย่างในแววตาที่ทำให้หัวใจเขาชะงักไปเสี้ยววินาที
“ตำรวจว่าไง?” เขาถามเรียบ ๆ
“พวกเขาบอกว่าเธออาจหนีไปเอง แต่ฉันไม่เชื่อ…”
ชายหนุ่มวางภาพลงบนโต๊ะ ลมหายใจหนัก ๆ หลุดออกมาจากอก เขาเดินไปยังลิ้นชักด้านข้าง ดึงแฟ้มปิดผนึกใบหนึ่งออกมา เปิดมันช้า ๆ
ข้างในคือภาพถ่ายเก่า — หญิงสาวอีกคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนทิชา...เหมือนจนแทบเป็นคนเดียวกัน
คดีฆาตกรรมเมื่อสิบปีก่อน
คดีที่เขาไม่เคยปิดได้...
“คุณเคยเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้มาก่อนใช่ไหมคะ?”
พรรณรายจ้องตาวายุ ดวงตาของเธอไม่ใช่แค่ความหวาดกลัวของคนที่สูญเสียเพื่อน แต่มันเต็มไปด้วยความสงสัย… และคำถามที่เธอยังไม่กล้าถาม
วายุไม่ตอบในทันที เขาแค่พับแฟ้มคดีเก่าแล้วเก็บกลับเข้าลิ้นชัก สีหน้าไม่แสดงอะไรนอกจากความว่างเปล่าที่ฝึกมาเป็นสิบปี
“คุณรู้ได้ยังไงว่าเธอหายไป ไม่ใช่แค่ปิดมือถือหนีโลก?”
พรรณรายกลืนน้ำลาย “เพราะก่อนที่เธอจะหายไป ทิชาบอกว่าเธอรู้สึกว่ามีคนตาม… แล้วก็พูดอะไรบางอย่างที่ฉันไม่เข้าใจ”
“ว่า?”
“เธอบอกว่า ‘ถ้าฉันหายไป อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น’”
วายุหรี่ตา ราวกับประโยคนั้นทิ่มแทงเข้าไปในบางอย่างที่เขาพยายามฝังไว้ลึกที่สุด เขาหันหลัง เดินไปที่กระจกบานเก่าติดผนัง ใบหน้าของเขาซ้อนทับกับเงาสะท้อนของสายฝนด้านนอก
“เธอทำงานที่ไหน?” เขาถามในที่สุด
“ห้องสมุดมหาวิทยาลัยศิลป์กร — เธอเป็นนักศึกษาปริญญาโทด้านจิตวิทยา”
จิตวิทยา... ความทรงจำของวายุแล่นกลับมารวดเร็ว — หญิงสาวในอดีตที่หน้าคล้ายกันอย่างน่ากลัว ก็เรียนจิตวิทยาเช่นกัน และตายในคดีที่ไร้พยาน ไร้แรงจูงใจ
เขากระชับเสื้อโค้ท คว้ากุญแจรถ และหยิบภาพถ่ายของทิชาใส่กระเป๋าเสื้อ
“ผมจะเริ่มที่หอพักของเธอ”
พรรณรายมองเขาอย่างลังเล “คุณจะช่วยจริง ๆ เหรอคะ?”
“ไม่ใช่เพราะเธอเป็นเพื่อนคุณ…” วายุพูดเสียงแผ่ว “…แต่เพราะเธอหน้าเหมือนคนตายที่ผมลืมไม่ได้”
วายุเดินออกไปในสายฝน รถยนต์เก่าเคลื่อนผ่านถนนเปียกแฉะของเมืองกรุงเทพยามค่ำ หอพักนักศึกษาที่ว่างเปล่ากลางฝนชื้น กลับมีบางอย่างรออยู่แล้ว —
บางอย่าง…ที่รู้ว่าเขากำลังจะมา
เสียงลมพัดผ่านระเบียงหอพัก เสียงฝนกระทบเหล็กดัดหน้าต่างเหมือนนิ้วมือที่เคาะเรียกจากอีกฝั่งของโลก วายุยืนอยู่หน้าประตูห้องหมายเลข 407 — ห้องของทิชา
ประตูล็อก แต่ไม่มีร่องรอยงัดแงะ เขาก้มลงสอดสายตาผ่านช่องใต้ประตู — เงาคนไม่มี แสงไฟไม่มี แต่บางอย่างในอากาศมันผิด
พนักงานหอพักลังเลก่อนจะยื่นกุญแจให้ “ไม่มีใครเข้าห้องนี้ตั้งแต่วันเธอหายค่ะ แต่เมื่อคืน...มีเพื่อนข้างห้องบอกว่าได้ยินเสียงคนเดินอยู่ข้างใน”
วายุไม่พูดอะไร เขาไขประตูเข้าไป
ห้องมืด เงียบ สะอาดเกินปกติ ไม่มีเสื้อผ้ากระจัดกระจาย ไม่มีข้าวของล้ม ไม่มีร่องรอยการหายตัวกระทันหัน — แต่ที่ผนังตรงหัวเตียง มีบางอย่างขีดไว้ด้วยหมึกดำ
> “คนที่อยู่ในกระจก ไม่ใช่เรา”
วายุชะงัก ภาพเงาในกระจกเงาเก่าข้างผนังสะท้อนใบหน้าเขากลับมา — แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น เขารู้สึกเหมือนเงาในกระจกกระพริบตาช้ากว่าเขานิดเดียว…
เขากะพริบตาอีกครั้ง — ไม่มีอะไร
เขาหยิบมือถือขึ้นมาส่องทั่วห้อง ไฟแฟลชสะท้อนบางอย่างที่ซ่อนอยู่ใต้เตียง — กล่องรองเท้าเก่า
ในกล่องมีภาพถ่ายโพลารอยด์หลายใบ — เป็นภาพผู้หญิงที่หน้าคล้ายทิชา แต่ถ่ายในสถานที่ต่าง ๆ…ห้องที่ดูไม่ใช่ที่นี่ บางภาพมีวันที่เขียนด้วยลายมือ ตัวเลขเก่าเท่าปี 2561... แล้วก็ 2558…
แต่ที่ทำให้วายุแทบไม่หายใจ คือภาพใบหนึ่งในนั้น
เป็นภาพของ เขาเอง
ยืนอยู่หน้าสำนักงานของเขา…ถ่ายจากอีกฝั่งถนน เวลากลางคืน
ไม่มีวันที่ ไม่มีคำอธิบาย
เพียงแค่ความจริงเดียวที่เขาไม่อยากยอมรับ —
มีใครบางคนกำลังตามเขาอยู่เช่นกัน
ฝนยังตกไม่หยุด แต่เช้านี้แสงแดดแทรกผ่านเมฆหนา วายุขับรถไปที่มหาวิทยาลัยศิลป์กร — เป้าหมายคือห้องสมุดเก่าที่ทิชาเคยทำงานอยู่
เจ้าหน้าที่หญิงวัยกลางคนชื่อพี่ศรีเป็นคนดูแลที่นั่น เธอยิ้มอ่อนเมื่อได้ยินชื่อทิชา แต่แววตากลับหลบเลี่ยง
“ทิชา...เธอเป็นเด็กดีนะ ขยัน เงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับใครนัก แต่พักหลังดูเครียด ๆ ไปหน่อย” พี่ศรีพูดขณะพาเขาเดินผ่านชั้นหนังสือเก่า
“เคยมีใครมาหาเธอที่นี่บ้างไหม? ผู้ชายแปลกหน้า เพื่อนที่ดูไม่เข้ากับที่นี่?”
เธอส่ายหน้า “ไม่เคยเห็นใครแบบนั้นเลยค่ะ แต่เธอชอบนั่งอ่านแฟ้มจิตเวชเก่า ๆ ของโครงการวิจัยจากปี 2557 บ่อย ๆ บอกว่าจะเอาไปทำธีสิส”
วายุชะงัก “จิตเวช?”
“ใช่ค่ะ แต่เป็นแฟ้มลับนะคะ ปกติไม่ให้คนนอกดู...แต่คุณเป็นนักสืบใช่ไหม”
พี่ศรีพาเขาไปห้องเก็บเอกสารด้านหลังล็อคอย่างดี วายุก้มดูแฟ้มชื่อ “โครงการ 0417 - การศึกษาบุคลิกภาพในกลุ่มบุคคลสูญเสียตัวตนจากเหตุการณ์รุนแรง”
ในแฟ้มมีบันทึกการสัมภาษณ์ผู้ป่วยหลายคน หนึ่งในนั้นมีชื่อว่า “ญาดา”
อ่านผ่าน ๆ ดูเหมือนไม่เกี่ยวกับคดีของทิชา — จนกระทั่งวายุเห็นภาพแนบท้ายแฟ้ม
หญิงสาวในภาพนั่งในห้องสัมภาษณ์ หน้าตาซูบซีด ท่าทางหวาดระแวง...แต่ใบหน้านั้น เขาจำได้ดี
เธอคือเหยื่อในคดีฆาตกรรมเมื่อสิบปีก่อน — คนที่เขาไม่เคยหาคำตอบให้ได้
ข้างภาพมีโน้ตลายมือทิชาเขียนไว้
> “ทุกอย่างเริ่มจาก ‘ญาดา’ คนที่ถูกลืม… หรือถูกแทนที่?”
วายุยืนมองออกไปนอกหน้าต่างห้องสมุด เงาของเขาสะท้อนจาง ๆ บนกระจก...ซ้อนทับกับเงาอีกเงาหนึ่งจากมุมตรงข้ามของห้อง
เมื่อเขาหันกลับไป — ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!