NovelToon NovelToon

หั ว ใ จ ท ะ ลุ โ ล ง เเ ก้ ว

หัว ว ใ จ ท ะ ลุ โ ล ง เเ ก้ ว

นิยายเรื่อง ความรักทะลุโลงแก้ว

ถูกดัดแปลงมาจาก

...สุสานคนเป็น...

ผู้เเต่ง :Punyaporn SA

ผู้เเต่ง:Pannathorn Sirikaew

เบอร์โทรติดต่อ:092-4099356

ปรับเปลี่ยนบางอย่างเพื่อให้ได้อรรถรสในการอ่าน

และทำให้ผู้ชมรู้สึกดีมากขึ้นในเรื่องนี้

เป็นเรื่องที่ทำให้คุณนายลั่นทมสมหวังในความรักมากขึ้น

(เรื่องนี้ไม่มีรสสุคนธ์ชู้รักของชีพ) เรื่องนี้จะมีแค่

ความรักที่ดีของชีพและคุณนายลั่นทมเท่านั้น

เรื่องนี้ชีพจะไม่มีชู้นะครับ ผมอยากสร้างชีพเป็นคนดีบ้าง

ถ้าอยากรู้ว่าตัวเรื่องจะเข้มข้นขนาดไหน ฝากติดตามและกดอ่านได้เลยในวันนี้

“หัวใจทะลุโลงแก้ว”

เ ส น อ

หั ว ใ จ ท ะ ลุ โ ล ง เเ ก้ ว

“ชีวิตของฉันก็เหมือนกับชีวิตของผู้หญิงทุกคนทั่วไป”

แต่สิ่งที่ชีวิตของฉันไม่เหมือนกับผู้หญิงทั่วไปก็คือ

“ค ว า ม รั ก” ถึงแม้ว่าตัวฉันจะตายไปเเล้วก็ตาม แต่สิ่งเดียวที่ฉันเอาติดตัวไปได้ไม่ใช่เงินทอง แต่อย่างใด แต่สิ่งที่ฉันได้เอาติดตัวไปด้วยก็คือความรักที่เเสนอันอบอุ่นและบริสุทธิ์ ความรักที่สามีสุดที่รักของฉันเพียงคนเดียวมอบให้เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ฉันไม่รู้สึกไม่โดดเดี่ยวอ้างว้างเหมือนเมื่อก่อนที่เคยผ่านมาเเล้วผ่านไป

และทำให้ฉันได้สัมผัสกลิ่นของความรักที่

โหยหวนเย้ายวนใจลอยคลุ้งมาตามสายลม

สามีของฉันนั้น เป็นผู้ชายที่ซื่อสัตย์ต่อภรรยา ทั้งต่อหน้าและลับหลัง และไม่เคยทำให้ผู้หญิงอย่างฉันเสียใจ

ตั้งแต่ฉันมีเค้าเข้ามาในชีวิต ก็เหมือนกับมาต่อเติมรอยร้าวในหัวใจของฉัน ฉันรักเขาเราสองคนจับมือก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาต่างๆ ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขเราจะจับมือกันแน่นและไม่ยอมปล่อยมือจากกัน เราสัญญากันว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราจะเป็นอีกครึ่งหนึ่งของกันและกันตลอดไป แม้แต่ว่าความตายก็พรากเราสองคนไปไม่ได้ ฉันยังคงจำวันแรกได้ดีที่ตัวฉันได้ไปเจอกับเค้า ฉันไปทำงานปกติของฉันเวลาเดิมจนได้เจอกับเค้าที่กำลังทาสีผนังโรงงานของฉัน และแปรงทาสีของเค้าก็ได้ร่วงตกลงมาใส่ชุดราตรีอันสวยหรูของฉัน แต่ฉันไม่ได้ตกใจที่แปรงทาสีหล่นมาใส่ฉัน

แต่ฉันตกใจที่ฉันได้เจอเค้าหน้าตาของเค้าเหมือนกับ

ทำให้ฉันได้นึกถึงภาพในอดีตที่ฉันกับเค้าเคยสมหวังกันมาในชาติที่แล้วสงสัยว่าพรมลิขิตคงจะบันดาลชักพาจนให้มาพบกันทันใด เราทั้งสองคนเลยตกลงตรงกันว่าเรานั้นจะคบหาดูใจกัน จนกระทั่งเวลาที่เราสองคนนั้นมีความสุขหวนผ่านไปไวมากจากวันเป็นเดือนจากเดือนพ้นปีทั้งสองต่างพอใจในตัวของอีกฝ่ายเป็นอย่างมากทั้งสองเลยตกลงกันว่าจะเเต่งงานเพื่อสร้างครอบครัวที่อบอุ่นร่วมด้วยกัน

ณ งาน มงคล สมรส ได้เริ่มขึ้น

ลั่นทม & ชีพ

งานได้ถูกจัดขึ้นที่โรงงานของคุณลั่นทมในงานจัดตกเเต่ง

อย่างสวยงานพิธีพิถันเป็นอย่างมาก

มีผู้คนมากมายมายที่มาร่วม

เเสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว

ผู้คนในงานเเละคู่บ่าวสาวต่างยิ้มหน้าระรื่นต่างคนต่างมีความสุขเป็นอย่างมาก ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า

“อิจฉา ชีพ ที่มีภรรยาที่ดูสวยเเละรวยมาก

เเถมยังมอบความรักให้ตนมากกว่าผู้เป็นเเม่ส่ะอีก”

งานมงคลสมรสผ่านพ้นไปด้วยดีคืนนี้ทั่งสองได้นอนดูวิวที่หน้าต่างเห็นเเสงของหิ่งห้อยสะหลั่วๆระยิบระยับลอยทั่วนภา ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจเป็นอย่างมากทั้งสองควงเเขนมายืนที่ขอบหน้าต่างเเละชี้มองหิ่งห้อยกันอย่างสำราญใจ เเละทั้งสองได้ควงเเขนไปอาบน้ำทั้งสองมีความสุขที่ได้อาบน้ำด้วยกันน้ำที่ไหลออกมาจากฝักบัวนั้นอันเหน็บหนาว

เเละเล่นฟองสบู่กันเกลือนห้องน้ำทั้งสองมีความสุขเป็นอย่างมากทั้งสองไม่เคยมีความสุขเเบบนี้เลยทั้งสองก้าวขึ้นที่นอนเพื่อจะนอนกัน อ้อมกอดของชีพนั้นอบอุ่นมากไม่จำเป็นจะต้องมีผ้าห่มผืนหนาๆเลย เเค่มีชีพอยู่ข้างๆก็อบอุ่นร่างกาย

ณ รุ่งเช้า อาหารจานโปรดของชีพก็ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะอาหาร ชีพนั้นได้ลิ้มลองอาหารจานโปรดฝีมือของภรรยาสุดที่รักของตนเอง เเละพร้อมชมว่า ลั่นทมนั้นทำอาหารได้รสชาติอร่อยไม่มีใครเทียบได้ทำอร่อยที่สุดในสามโลก

ทำให้ลั่นทมยิ้มจนหน้าดำหน้าเเดงเเละเสียงหัวเราที่ดังสนั่น

“ลั่นทมกับชีพนั่งรถมาด้วยกัน ก่อนจะเดินควงแขนเข้าไปในที่ทำงาน ท่ามกลางสายตาอิจฉาของลูกน้องและเพื่อนร่วมงานที่ต่างจับจ้องมาอย่างหมั่นไส้และชื่นชมในเวลาเดียวกัน”

หลังจากวันทำงานอันแสนยุ่งวุ่นวายผ่านพ้นไป ลั่นทมกับชีพเก็บของและออกจากบริษัทพร้อมกันเช่นเคย แสงอาทิตย์ยามเย็นที่ลอดผ่านกระจกหน้าตึกทาบเงาทั้งสองคนเคียงกันราวกับสัญลักษณ์ของความผูกพัน

พวกเขาตัดสินใจไปทานอาหารเย็นด้วยกันที่ร้านประจำริมแม่น้ำ บรรยากาศอบอุ่น เสียงเพลงแจ๊สเบาๆ คลออยู่ในร้าน พร้อมกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยมาตามลม

“วันนี้เธอดูขยันเป็นพิเศษนะ” ชีพเอ่ยพลางยิ้มมุมปาก ขณะใช้ส้อมจิ้มสลัดตรงหน้า

“ก็แหม ใครจะอยากให้หัวหน้าต้องคอยตามงานละคะ” ลั่นทมหยอกกลับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำให้ชีพหัวเราะในลำคอเบาๆ

บทสนทนาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและถ้อยคำหยอกเย้า บางครั้งมือของทั้งคู่ก็แตะกันโดยไม่ตั้งใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจับกันไว้แน่นในความเงียบสบายๆ ที่ไม่ต้องเอ่ยคำใด

เมื่อมื้ออาหารจบลง ทั้งสองก็เดินเล่นริมทางเล็กๆ ข้างร้านใต้แสงไฟนวล ชีพถอดเสื้อสูทคลุมให้ลั่นทมเมื่อรู้ว่าอากาศเริ่มเย็นลง มืออีกข้างยังไม่ปล่อยจากมือเธอเลย

ในที่สุดพวกเขากลับถึงบ้านด้วยความรู้สึกเต็มตื้น หัวใจเบาสบายเหมือนได้พักผ่อนจริงๆ หลังวันที่แสนเหนื่อย เมื่อศีรษะแตะหมอน รอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้าของทั้งสองคน ก่อนจะค่อยๆ หลับไปท่ามกลางความสุขที่เรียบง่าย...แต่เต็มไปด้วยความหมาย

เช้าวันหยุดแสนสดใส แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าส่องลอดผ้าม่านเข้ามาในห้องนอน ชีพขยับตัวก่อนจะหันไปมองลั่นทมที่ยังหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ เขายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนก่อนจะกระซิบข้างหูเบาๆ

“ตื่นเถอะครับ วันนี้อากาศดี น่าไปเที่ยวทะเล”

เสียงกระซิบกับสัมผัสอุ่นที่หลังมือทำให้ลั่นทมลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย เธอยิ้มรับวันใหม่ด้วยหัวใจที่พองโต เมื่อรู้ว่าชีพเตรียมแผนพิเศษไว้ให้

ไม่นานนัก รถยนต์คันเดิมก็มุ่งหน้าไปยังชายทะเลที่เงียบสงบ คลื่นซัดเข้าหาฝั่งเป็นจังหวะ ท้องฟ้าสีครามตัดกับขอบน้ำระยิบระยับ ลั่นทมยืนเหยียบทรายละเอียด รู้สึกถึงลมเย็นพัดปะทะผิวหน้าเบาๆ ข้างกายคือชีพที่ยืนอยู่พร้อมกล้องถ่ายรูปในมือ

“ตรงนี้แสงสวย เดี๋ยวถ่ายให้” ชีพเอ่ย ก่อนจะยกกล้องขึ้นบันทึกภาพรอยยิ้มของเธอไว้

“ไม่ถ่ายคู่เหรอ?” ลั่นทมถามพลางยิ้มตาเป็นประกาย

ชีพนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะวางกล้องแล้วเดินมาโอบเอวเธอไว้แน่น “งั้นใช้หัวใจบันทึกก็พอเนอะ”

พวกเขาใช้เวลาเดินเล่นริมทะเล พูดคุย หยอกล้อ และเก็บความทรงจำดีๆ ไว้เต็มหัวใจ จนกระทั่งเย็นย่ำมาถึง ชีพขับรถพาลั่นทมตรงไปยังสถานที่หนึ่งที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน

“จะพาไปไหนอีกคะ?” เธอถามด้วยความสงสัยปนตื่นเต้น

“ไปงานเต้นรำครับ คืนนี้พิเศษ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

งานเต้นรำจัดอยู่ในโถงหรูใต้แสงไฟระยิบระยับ เพลงคลาสสิกแว่วดังตลอดเวลา ลั่นทมอยู่ในชุดเดรสยาวสีอ่อน ขณะที่ชีพในสูทเข้ารูปดูหล่อจนใครๆ ต้องหันมอง

เมื่อเสียงเพลงช้าเริ่มบรรเลง ชีพเอื้อมมือออกไปอย่างสุภาพ “เต้นกับผมนะครับ”

เธอวางมือลงบนมือเขาอย่างไม่ลังเล ท่ามกลางสายตาของแขกหลายคู่ที่หลีกทางให้พวกเขา

ทั้งสองหมุนตัวไปตามจังหวะอย่างงดงามและกลมกลืน ราวกับโลกทั้งใบเหลือแค่คนสองคนที่มองตากันด้วยความเข้าใจ

เป็นคืนหนึ่งที่สวยงาม ทั้งในความทรงจำ และในหัวใจของทั้งคู่

กาลเวลาหมุนผ่านไปพร้อมกับเรื่องราวมากมายในชีวิต ทั้งรอยยิ้มและคราบน้ำตา ทั้งสองคนยังคงจับมือกันแน่น ไม่ว่าเผชิญกับปัญหาใดก็ไม่เคยปล่อยกันไป ลั่นทมกับชีพใช้ชีวิตคู่ด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่ทุกวันจะมีแค่ความสุข แต่ทุกวันที่อยู่ด้วยกัน กลับอบอวลด้วยความรักและความมั่นใจว่ามีใครสักคนคอยยืนอยู่เคียงข้างเสมอ

ในเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งจิบชาริมระเบียงบ้าน ชีพหันไปมองลั่นทมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความซาบซึ้ง เขาเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่นโดยไม่ต้องลังเลเลยแม้แต่น้อย

“ลั่นทม...คุณคือภรรยาที่ดีที่สุดสำหรับผม อบอุ่น ใส่ใจ และเข้าใจผมเสมอ ต่อให้ย้อนเวลากลับไปอีกสักกี่ครั้ง ผมก็จะเลือกคุณเหมือนเดิม”

คำพูดเรียบง่ายแต่จริงใจของชีพทำให้หัวใจลั่นทมเต้นแรงขึ้น เธอยิ้มอย่างมีความสุข รู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่มีสามีอย่างเขา

“แล้วฉันล่ะคะ...” เธอพูดพร้อมเสียงหัวเราะน้อยๆ “จะหาสามีที่ดีและซื่อสัตย์อย่างคุณได้จากที่ไหนอีก ชีพไม่เคยทำให้ฉันต้องระแวง ไม่เคยทำให้เสียใจในเรื่องผู้หญิงเลยสักครั้ง ขอบคุณนะคะที่รักและรักษากันแบบนี้มาตลอด”

ชีพยื่นมือออกไปกุมมือเธอแน่น แววตาทั้งสองคู่สบกันอย่างเข้าใจโดยไม่ต้องพูดอะไรอีก

ท้องฟ้ายามเย็นมีสีส้มอ่อนลอยแต้มเส้นขอบฟ้า ลมโชยเบาๆ พัดกลิ่นดอกไม้ในสวนเข้ามาในระเบียง บ้านหลังเล็กของพวกเขาเงียบสงบ แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น และเรื่องราวของความรักที่เติบโตจากความไว้ใจ ความซื่อสัตย์ และการเคียงข้างกันในทุกช่วงของชีวิต

หลังจากบทสนทนาแสนซึ้งจบลง ทั้งชีพและลั่นทมต่างก็ยิ้มให้กันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก ไม่มีคำพูดใดจำเป็นต้องเอ่ยออกมาอีก เพราะทุกความรู้สึกได้ถูกถ่ายทอดผ่านการมองตาและการกุมมืออันแนบแน่นนั้นแล้ว

ค่ำคืนนั้น ทั้งสองใช้เวลาร่วมกันอย่างเงียบสงบ ภายใต้แสงไฟสีอุ่นในห้องนอนที่คุ้นเคย ลั่นทมหยิบเสื้อคลุมของชีพมายื่นให้เขา ขณะที่ชีพก็จัดผ้าห่มให้เธออย่างอ่อนโยน เป็นช่วงเวลาเล็กๆ แต่แสดงถึงความใส่ใจที่มีให้กันเสมอมา

ก่อนเข้านอน พวกเขาสวมกอดกันแน่น ราวกับจะบอกว่า “ขอบคุณ” ที่อีกฝ่ายยังอยู่ข้างกันไม่เคยเปลี่ยน

"ฝันดีนะครับ ภรรยาของผม" ชีพกระซิบเบาๆ ข้างหูเธอ

"ฝันดีค่ะ สามีที่แสนดีของฉัน" ลั่นทมตอบกลับพร้อมรอยยิ้มบางๆ ที่เต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจ

ทั้งสองเอนกายลงบนเตียง กอดกันไว้ใต้ผ้าห่มผืนเดียว เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอค่อยๆ กลมกลืนไปกับบรรยากาศสงบเงียบของค่ำคืน

และแล้ว...พวกเขาก็เข้านอนด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข และความรักที่ไม่เคยลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย

อ่านต่อตอนที่ 2 ค ว า ม รั ก ท ะ ลุ โ ล ง เเ ก้ ว

หั ว ใ จ ท ะ ลุ โ ล ง เเ ก้ ว

ช่วงเวลาที่ชีวิตของทั้งคู่เปลี่ยนไป

หลังจากวันนั้น ชีพเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวลั่นทมมากขึ้นเรื่อยๆ วันแล้ววันเล่า ภรรยาของเขามักจะมีอาการอ่อนแรง พูดจาไม่ค่อยออก บางครั้งเธอถึงกับเป็นลมกลางวันกลางคืนจนทำให้ชีพเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติในตัวเธอ

"ลั่นทม..." ชีพพูดพร้อมกับยืนอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นลั่นทมล้มลงขณะที่เดินเข้าไปในครัว "ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้บ่อยๆ?"

ลั่นทมพยายามยิ้มให้เขา แต่เสียงของเธอกลับแหบและอ่อนล้าเกินไปที่จะตอบว่าไม่เป็นไร

"เราไปหาหมอเถอะครับ" ชีพพูดพร้อมกับดึงตัวเธอขึ้นอย่างเบามือ แต่ลั่นทมกอดเขาเอาไว้แน่น

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ... ชีพ อย่าเป็นห่วงนะคะ” แต่เสียงของลั่นทมกลับแฝงไปด้วยความเจ็บปวด

แต่ในที่สุดชีพก็มุ่งมั่นที่จะพาเธอไปพบหมอ หลังจากการตรวจคร่าวๆ หมอได้ให้คำแนะนำที่ช็อกทั้งสองคน

"คุณลั่นทม" หมอบอกด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "คุณเป็นโรคหัวใจรั่วในระดับรุนแรง ซึ่งหมายความว่า... คุณสามารถจากไปได้ทุกเมื่อ"

คำพูดของหมอดังก้องในหูของชีพและลั่นทมเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน พวกเขานิ่งอึ้งไปชั่วขณะ แต่ลั่นทมก็พยักหน้าเข้าใจ และกลับยิ้มให้ชีพ

"คุณไม่ต้องห่วงนะคะ" เธอบอกด้วยเสียงที่ค่อยๆ แผ่วเบา "เรามีเวลาที่เหลือให้ใช้ร่วมกันใช่ไหมคะ?"

การเลือกใช้เวลาที่เหลือให้ดีที่สุด

หลังจากที่ลั่นทมรู้ว่าตัวเองมีเวลาเหลือไม่มาก ชีพก็พาเธอไปหาสถานที่ที่จะสร้างความทรงจำดีๆ ก่อนเวลาจะหมดไป พวกเขาไปเลือกบ้านหลังใหม่ที่ทั้งสองฝันถึงมานาน บ้านที่ทั้งสองจะสามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ลั่นทมเลือกสีผนังห้องนอนด้วยมือสั่นๆ ขณะที่ชีพคอยยิ้มให้กับทุกการตัดสินใจของเธอ

“เราจะอยู่ที่นี่นะคะ ชีพ” ลั่นทมพูดเบาๆ ขณะยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นที่ยังว่างเปล่า

ชีพยืนข้างๆ เธอ เขากุมมือเธอไว้แน่น “ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี... ฉันจะรักคุณเสมอ ลั่นทม”

“ฉันรู้ค่ะ” เธอหันมายิ้มให้เขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความรักและความขอบคุณ “ฉันดีใจที่มีคุณอยู่เคียงข้าง”

พวกเขาใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่ในทุกวัน แม้จะรู้ดีว่าเวลาไม่สามารถย้อนกลับได้ แต่พวกเขาก็เลือกที่จะให้ความรักและความทรงจำที่ดีที่สุดกับกันและกัน ก่อนที่จะถึงวันสุดท้ายที่ต้องจากลา

ในคืนหนึ่งก่อนที่ลั่นทมจะหลับไปในอ้อมกอดของชีพ เธอบอกขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา

“ไม่ว่าจะยังไง... ฉันก็จะรักคุณตลอดไป ชีพ... ขอบคุณที่ให้ความรักที่ดีที่สุดกับฉัน”

ชีพกอดเธอไว้แน่น น้ำตาของเขาไม่อาจห้ามได้ เขารู้ดีว่าทุกๆ วันกับเธอคือความมหัศจรรย์ในชีวิต แต่สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้คือให้เธอรู้สึกถึงความรักจนถึงที่สุด

รุ่งเช้าวันหนึ่งหลังจากที่ลั่นทมและชีพได้เดินทางมาถึงบ้านในต่างจังหวัดที่พวกเขาได้เลือกซื้อใหม่ บ้านหลังเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติในย่านที่เงียบสงบ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่และอากาศที่สดชื่น หน้าบ้านมีต้นลั่นทมที่สูงใหญ่กว่าปกติ เต็มไปด้วยดอกสีชมพูอ่อนๆ ที่บานสะพรั่งในช่วงเช้า

"นี่แหละ... บ้านที่เราจะใช้ชีวิตด้วยกัน" ชีพพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นขณะยืนอยู่ข้างๆ ลั่นทม โดยมองต้นลั่นทมที่แผ่กิ่งก้านอยู่ข้างหน้า

"ต้นลั่นทม...เหมือนกับความรักของเรา" ลั่นทมพูดขณะที่มองไปที่ต้นลั่นทม "แม้มันจะเงียบสงบ แต่ก็แข็งแกร่งและยืนหยัดอยู่ได้ในทุกสถานการณ์"

ชีพยิ้มให้กับคำพูดของเธอ "ใช่ครับ... ความรักของเราเหมือนกับต้นลั่นทมนี้ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ และจะคงอยู่ตลอดไป"

ทั้งสองยืนมองต้นไม้ด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งใจ ภายในใจของทั้งคู่รู้ดีว่าทุกวันที่ผ่านไปก็ยิ่งเติมเต็มความรักของพวกเขามากขึ้น แม้จะไม่รู้ว่าจะมีเวลาเหลืออีกเท่าไหร่ แต่พวกเขาก็มั่นใจว่าได้ทำทุกอย่างที่ดีที่สุดให้กับกันและกันแล้ว

การเตรียมการครั้งสุดท้าย

หลายวันหลังจากนั้น ลั่นทมเริ่มรู้สึกว่าอาการของเธอแย่ลงเรื่อยๆ เธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงความจริงได้ว่ามีเวลาเหลือน้อยเต็มที เมื่อรู้ตัวว่าไม่อาจรอดจากโรคหัวใจรั่วที่เป็นอยู่ ลั่นทมตัดสินใจทำสิ่งที่เธอคิดว่าจะทำให้ชีพได้เตรียมตัวสำหรับการจากลา

วันหนึ่งที่แสงแดดอ่อนๆ ส่องเข้ามาผ่านหน้าต่าง ลั่นทมก็เขียนพินัยกรรมส่วนตัวขึ้นมา เธอเรียกชีพมานั่งข้างๆ แล้วบอกสิ่งที่เธอได้ตัดสินใจ

"ชีพ... ฉันคิดแล้วว่า หากวันหนึ่งฉันไม่อยู่กับคุณแล้ว... ฉันอยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีร่วมกัน กลายเป็นของคุณ" ลั่นทมพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น แต่แฝงไปด้วยความรัก

ชีพมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย "ลั่นทม... อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เลยนะครับ..."

"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันอยากให้คุณรับรู้ไว้" ลั่นทมยิ้มให้เขา "บ้านหลังนี้... ต้นลั่นทม... ทุกอย่างที่เราได้สร้างร่วมกัน จะกลายเป็นของคุณทั้งหมด และ... ฉันขอให้คุณตั้งศพของฉันไว้ที่กลางบ้านในโรงแก้วที่เต็มไปด้วยดอกไม้" เธอพูดต่อ “นี่คือลำดับสุดท้ายที่ฉันอยากให้มันเกิดขึ้น... ฉันจะยังคงอยู่กับคุณในทุกที่ที่คุณไป”

ชีพไม่สามารถห้ามน้ำตาได้อีกต่อไป เขารู้สึกเจ็บปวดที่ต้องเห็นลั่นทมพูดถึงเรื่องนี้ แต่เขาก็เข้าใจในความต้องการของเธอ เขากุมมือเธอไว้แน่น

"ฉันสัญญาครับ... ว่าจะดูแลทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีให้ดี และจะรักคุณตลอดไป" ชีพพูดอย่างหนักแน่น "ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน คุณจะยังคงอยู่ในใจของฉันเสมอ"เช้าที่ไม่เหมือนเดิม

แสงแดดอ่อนของยามเช้าส่องลอดผ้าม่านสีขาวบางในบ้านเล็กๆ ท่ามกลางชนบทที่เงียบสงบ ชีพลุกขึ้นจากเตียงด้วยความเคยชิน เขาหันไปหาคนรักที่นอนข้างกายด้วยรอยยิ้มเล็กๆ

"ลั่นทม... ตื่นได้แล้วครับคนดี เดี๋ยวจะไปทำงานสายเอานะ" เขาก้มลงกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูเธอ ก่อนจะเอื้อมมือไปเขย่าตัวเบาๆ

แต่ไม่มีเสียงตอบ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากเธอ

ชีพชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลองเรียกชื่อเธออีกครั้งเสียงดังขึ้น "ลั่นทม... ตื่นสิครับ อย่าหลับอยู่แบบนี้สิ..."

เขาเริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ มือของเธอเย็นเฉียบ ไม่มีแม้แต่จังหวะหายใจ ไม่มีแม้แต่เสียงหัวใจเต้น

"ไม่... ไม่จริง..."

ชีพเริ่มสั่นเทา หัวใจของเขาหล่นวูบ เขารีบสวมเสื้อผ้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพยายามโทรหาโรงพยาบาล แต่ใจหนึ่งเขาก็ยังไม่อยากยอมรับความจริง เขาพยายามเรียกเธอซ้ำๆ ย้ำๆ เหมือนเด็กที่ไม่อยากเชื่อว่าแม่ตัวเองจะทิ้งไป

"ลั่นทม ได้ยินมั้ย? ลุกขึ้นมาสิ! เราต้องไปทำงานด้วยกันนะวันนี้... อย่าหลับไปแบบนี้..."

เสียงสะอื้นเริ่มหลุดออกจากลำคอ ชีพทรุดตัวลงข้างเตียง น้ำตาไหลอาบแก้ม เขาร้องเรียกชื่อเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งอ้อนวอน ทั้งสิ้นหวัง

เขานั่งอยู่แบบนั้นทั้งวันทั้งคืน ไม่ยอมปล่อยมือจากร่างของคนรัก

---

วันที่ไม่มีเสียงตอบกลับ

รุ่งเช้าอีกวัน ชีพจึงตัดสินใจทำในสิ่งที่เขาไม่เคยคิดว่าจะทำ... เขาลาออกจากงาน ไม่แม้แต่จะเก็บของในออฟฟิศ เขาตัดขาดจากโลกภายนอกทั้งหมด

"ผมจะอยู่กับเธอ...จนถึงวินาทีสุดท้าย" เขาพูดกับตัวเองเสียงแผ่ว

ภายในบ้าน เขาจัดวางร่างของลั่นทมไว้ในโรงแก้วอย่างที่เธอเคยขอ ดอกไม้หลากสีบานอยู่รอบตัวเธอ กลิ่นหอมบางเบาแต่แฝงด้วยความโศกเศร้าอบอวลไปทั่วห้อง

ชีพนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ ไม่พูดไม่จา อาหารแทบไม่ได้แตะ น้ำตาแทบไม่หยุดไหล

เขาทรุดลงกับพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงร้องไห้ดังสะท้อนกับผนังบ้าน "ทำไมเธอถึงจากไปเร็วแบบนี้ล่ะ... ไหนเธอบอกว่าจะอยู่กับผมตลอดไปไงลั่นทม..."

ความเจ็บปวดที่กัดกินใจเขาไม่มีคำใดจะบรรยายได้หมด ชีพกลายเป็นเงาของตัวเอง เขาไม่เคยคิดเลยว่าแค่ขาดคนๆ เดียว โลกทั้งใบจะว่างเปล่าขนาดนี้

แม้เวลาจะผ่านไปหลายวัน หลายเดือน แต่ในบ้านเล็กๆ กลางชนบทหลังนั้น ชีพยังคงใช้ชีวิตไม่ต่างจากเดิม ราวกับลั่นทมยังคงอยู่เคียงข้างเขาเสมอ

ทุกเช้าเขาจะตื่นขึ้นมา จัดโต๊ะอาหารเล็กๆ หน้าโรงแก้ว จานหนึ่งวางไว้สำหรับตัวเอง และอีกจานสำหรับลั่นทม จานโปรดของเธอ... “ข้าวผัดไข่กับปลาทอด” ที่เธอเคยบอกว่าแค่นี้ก็อร่อยที่สุดในโลกแล้วเมื่อได้กินจากมือของเขา

ชีพยิ้มบางๆ ขณะตักข้าวใส่จาน หยดน้ำตาไหลลงอย่างเงียบงัน เขายังพูดกับเธอเสมอราวกับเธอยังฟังอยู่

"วันนี้แดดแรงเลยนะลั่นทม... ถ้าเธออยู่ เธอคงบ่นว่าสีผิวจะคล้ำอีกแน่เลย"

ไม่มีคำตอบจากโรงแก้ว

มีเพียงความเงียบ และกลิ่นดอกไม้ที่เริ่มโรยราไปตามกาลเวลา

และทุกค่ำคืน...

ชีพจะเปิดประตูเข้าไปนอนในโรงแก้วนั้นอย่างแผ่วเบา เขาเอนตัวลงข้างร่างของลั่นทม ที่แม้จะเริ่มเปลี่ยนไปตามธรรมชาติของสิ่งไร้ชีวิต — ผิวหนังซีดคล้ำ ผมร่วงหล่น และกลิ่นอันเย็นเยียบของความตาย

แต่ในสายตาของเขา...

เธอยังคงเป็น "ลั่นทมของเขา"

เป็นหญิงสาวผู้เคยหัวเราะเสียงใสเมื่อเขาแอบแกล้ง

เป็นภรรยาที่เคยสวมกอดเขาทุกคืนด้วยอ้อมแขนอบอุ่น

" ผมไม่เคยอยากได้เงินทองหรือสมบัติของลั่นทมเลยสักนิด แต่กลับกันสิ่งที่ผมอยากได้คืนมาคือลั่นทมผมอยากได้ลั่นทมคนเดิมคนที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะที่สดใส "

เขากอดเธอไว้แน่น ราวกับกอดความทรงจำที่ไม่อาจปล่อยไปได้ ชีพไม่เคยกลัว ไม่เคยรังเกียจร่างกายที่เน่าเปื่อยตรงหน้า กลับยิ่งรู้สึกผูกพัน เหมือนทุกครั้งที่เขากอด มันคือคำสัญญาว่า เขาจะไม่มีวันลืม

“คำคืนนี้เป็นคำคืนที่ผมนั้นนอนอยู่ในโลงเเก้วกับลั่นทม

เเต่สิ่งที่ชีพเห็นในห้องนั้นมีผีเสื้อมาบินรอบๆโลงเเก้วอย่างสวยงามเหมืนเทพนิยาย”

รุ่งเช้าที่เงียบงัน ท่ามกลางแสงแดดอ่อน

เสียงนกร้องทักทายวันใหม่อย่างอ่อนโยน ขณะที่ชีพลืมตาขึ้นจากการนอนกอดร่างไร้วิญญาณของภรรยาในโรงแก้ว เขาค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้นไม้เย็นเยียบ สูดลมหายใจลึกและเอ่ยเสียงเบา

“วันนี้...ฉันจะทำบุญให้เธอแล้วนะ ลั่นทม”

ชีพแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบ ผูกด้ายแดงที่ลั่นทมเคยถักให้ไว้ที่ข้อมือ เขานำโฉนดที่ดินในมือ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินบริเวณบ้านที่ลั่นทมรักนักหนา เดินทางไปยังวัดประจำหมู่บ้านด้วยท่าทีสงบนิ่งแต่แฝงความตั้งใจ

“หลวงพ่อครับ... ผมอยากถวายที่ดินตรงท้ายสวนให้วัด ทำบุญให้ภรรยาของผม”

เสียงชีพสั่นไหว แต่แววตาแน่วแน่

หลวงพ่อพนมมือรับ พร้อมแย้มรอยยิ้มเศร้า “โยมมีจิตเมตตายิ่งนัก บุญนี้จักส่งถึงเธอแน่นอน”

หลังจากนั้น ชีพยังไปเยี่ยมสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า นำเงินที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิตมอบให้เพื่อสนับสนุนการศึกษาและชีวิตของเด็กๆ พร้อมกล่าวเพียงว่า

“ขอให้พวกเขาได้มีชีวิตที่สดใส... ไม่ต้องเจ็บ ไม่ต้องเหงา เหมือนที่ลั่นทมเคยหวัง”

ก่อนกลับบ้าน ชีพยืนมองท้องฟ้า หยิบกระดาษเขียนจดหมายเล็กๆ ผูกกับลูกโป่งลอยฟ้า ข้อความนั้นเขียนว่า:

> “ถึงลั่นทม... ฉันหวังว่าเธอจะได้รับบุญนี้ ฉันยังรักเธอเสมอ และจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยความดีงามเพื่อเธอ”

— รักจากชีพ

มีต่อตอนที่ 3 ค ว า ม รั ก ท ะ ลุ โ ล ง เเ ก้ ว

หั ว ใ จ ท ะ ลุ โ ล ง เเ ก้ ว

“ชีพ” ยังใช้ชีวิตอยู่กับ ร่างไร้วิญญาณ ของ “ลั่นทม” ราวกับทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม

ในบ้านไม้เก่าๆ หลังเดิมที่ทั้งสองเคยใช้ชีวิตร่วมกัน ทุกอย่างยังถูกจัดวางไว้เหมือนวันสุดท้ายที่เธอยังมีลมหายใจ

ทุกเช้า เขาจะลุกขึ้นมาจัดโต๊ะอาหารอย่างประณีต วางจานข้าวไว้สองจาน ถ้วยต้มจืดฝีมือเขาเอง ข้างๆ มีธูปที่จุดไว้จางๆ กลิ่นควันลอยคลุ้ง ผสมกับกลิ่นดอกลั่นทมแห้งที่เขาเก็บใส่แจกันไว้มิได้ขาด

เขาเอ่ยเสียงแผ่วเบาเหมือนกระซิบกับลม

“ลั่นทม…มากินข้าวเถอะ วันนี้พี่ต้มต้มจืดกระดูกหมู ใส่ผักที่เธอชอบไว้ให้ด้วยนะ”

ตรงข้ามกับเขา บนเก้าอี้อีกฝั่ง คือร่างที่ไร้ชีวิตของหญิงสาวในชุดเดิมที่เธอสวมในวันที่จากไป ถูกจัดวางไว้อย่างดี เส้นผมถูกหวีเรียบ เสื้อผ้าถูกเปลี่ยนทุกวัน เขาดูแลร่างนั้นอย่างทะนุถนอม ไม่ต่างจากดูแลชีวิตหนึ่งที่ยังคงหายใจ

คนในหมู่บ้านพากันกระซิบกระซาบ พูดกันไปต่างๆ นานา บ้างว่าเขาคลั่งรัก บ้างก็ว่าถูกคำสาป แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้าม ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะเข้าไปในบ้านของเขาอีกเลยนับตั้งแต่คืนที่ลั่นทมเสียชีวิต

บางคืน...เสียงหัวเราะเบาๆ ของหญิงสาวเล็ดลอดออกมาจากบ้าน

บางคนยืนยันว่าเห็นเงาผู้หญิงเดินผ่านหน้าต่างไปมา

แต่เมื่อมีใครกล้าหาญเข้าไปดู บ้านหลังนั้นก็เงียบสนิท มีเพียงชีพที่นั่งจ้องร่างไร้วิญญาณอยู่เงียบๆ ราวกับหลุดจากโลกแห่งความเป็นจริง

เขายังคงพูดคุยกับเธอเสมอ

ยังเล่าเรื่องข้างนอก ยังอ่านหนังสือที่เธอเคยชอบให้ฟัง

แม้จะไม่มีเสียงตอบรับ เขาก็ไม่เคยหวั่นไหว

รอยยิ้มของเธอ—ที่เขาเชื่อว่าเห็น—ยังคงอยู่ตรงนั้น

“เราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้... ตลอดไป”

เขาพึมพำคำเดิมซ้ำๆ ทุกคืนก่อนนอน

และเมื่อหลับตา เขาฝันเห็นเธอจับมือเขาไว้แน่น

ยิ้มให้เขาเหมือนวันแรกที่พบกัน

รอยยิ้มนั้น...ตราตรึงอยู่ในหัวใจของเขาไม่เคยเลือน

สำหรับชีพ—ลั่นทมยังไม่เคยจากไป

และเขาก็ไม่มีวันปล่อยให้เธอจากไปอีกครั้ง

บางครั้ง...ฉันก็อยากเอื้อมมือไปลูบหน้าผากเขาเบาๆ

อยากบอกเขาว่า “พอเถอะ”

ไม่ต้องจุดธูปให้ฉันกินข้าวทุกวัน

ไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ร่างนี้ ไม่ต้องคุยกับเงาอีกต่อไปแล้ว

ฉันรู้...เขารักฉันมาก

และฉันก็รักเขาไม่แพ้กัน

แต่หัวใจของฉัน...กำลังค่อยๆ เปื่อยล้า

เหมือนเสียงกระซิบของลมที่เบาบางจนแทบไม่ได้ยิน

ทุกครั้งที่เขามองมา แล้วพูดว่าเห็นฉันยิ้มให้

ฉันยิ้มจริงๆ นะ

ยิ้มเพราะฉันยังอยู่ในใจเขา

ยิ้มเพราะเขาไม่เคยปล่อยให้ความรักของเราตายตามเวลา

แต่ยิ้มด้วยน้ำตา เพราะรู้ดีว่าสิ่งนี้...ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง

ฉันเห็นเขาเหนื่อย เห็นเขาอ้างว้าง

เห็นเขาค่อยๆ หายไปจากโลกของคนเป็น เพื่อยึดรั้งสิ่งที่ไม่อาจย้อนคืน

บางคืนฉันยืนข้างเตียง

อยากกระซิบว่า “ไปเถอะ กลับไปใช้ชีวิตของเธฮ”

แต่ฉันไม่มีเสียง ไม่มีลมหายใจ ไม่มีอ้อมกอดอีกแล้ว

ถึงเวลาที่ฉันจะต้องไปเกิดแล้วจริงๆ

ดวงวิญญาณของฉัน...ไม่ควรจะติดค้างอยู่แบบนี้

สามีของฉันเป็นคนดีมาก คอยดูแลเอาใจใส่แม้กระทั่งหลังจากที่ฉันหมดลมหายใจ

แต่การรักใครสักคน...บางทีก็ต้องกล้าปล่อยเขาให้เป็นอิสระ

หากชีวิตใหม่ของฉันจะได้เริ่มต้น

ฉันก็ขอให้เขาได้เริ่มต้นใหม่ด้วยเช่นกัน

ขอให้เขามีความสุข แม้ไม่มีฉันอยู่ข้างๆ

ขอบคุณนะชีพ...

สำหรับความรักที่มากมายเหลือเกิน

แต่ตอนนี้ ฉันขอไปตามทางของฉันแล้ว

ไปในที่ที่แสงสว่างรออยู่...

แล้วสักวัน เราคงได้พบกันอีก

หลังจากคำพูดสุดท้ายของลั่นทม...

เสียงของเธอแผ่วเบาเหมือนลมฤดูหนาวที่พัดผ่านหัวใจ

ในห้วงเวลาเดียวกันนั้น

ชีพรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังจะหลุดลอย

เขาเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะอาหาร แล้วหันไปยังร่างของลั่นทมที่ยืนอยู่ข้างโรงแก้ว

บางสิ่งบางอย่างในใจเขากรีดร้อง

เหมือนเสียงตะโกนของคนกำลังจะสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต

“ลั่นทม...อย่าไป!”

เขาร้องเรียก ก่อนจะรีบวิ่งไปคว้าร่างนั้นเข้ามากอดไว้แน่น

ร่างที่เย็นเฉียบไร้ลมหายใจมาตลอด…

แต่ในวินาทีนั้น เขารู้สึกได้ถึงไออุ่นสุดท้าย

เหมือนลั่นทมก็กอดเขาตอบ...เป็นครั้งสุดท้าย

“อยู่กับผมก่อน...นะลั่นทม”

น้ำตาของชีพร่วงหล่นลงบนเสื้อผ้าของเธอ

มือของเขากอดแน่นขึ้นราวกับจะยื้อเวลาไว้

แต่เขากลับต้องเห็นกับตา—

เนื้อผิวของเธอเริ่มโปร่งแสง

เส้นผมค่อยๆ ละลายไปกับอากาศ

แขนที่เคยกอดเขากลับกลายเป็นเพียงสายหมอกบางๆ

ก่อนที่ทุกส่วนจะค่อยๆ สลาย ละลาย กลืนหายไปกับแสงสีขาวนวลที่อบอุ่นและสงบงาม

ชีพร้องไห้สะอึกสะอื้น เขากอดอากาศว่างเปล่า

แต่ในใจกลับรู้สึกอิ่มเต็มอย่างประหลาด

เสียงกระซิบสุดท้ายแว่วผ่านลมหู

“ขอบคุณนะชีพ… ฉันรักเธอ"

แล้วทุกอย่างก็เงียบลง

เหลือเพียงแสงจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่าง และความเงียบสงบในใจของชายผู้สูญเสีย

...และปล่อยวาง

30 ปีผ่านไป...

สวนเล็กๆ หน้าบ้านไม้เก่าหลังเดิมยังคงเงียบสงบ

ชีพในวัยชรา...ผมขาวแซมศีรษะ ดวงตาลึกแต่แววตายังอบอุ่น เขายังคงรดน้ำต้นไม้ทุกเช้าอย่างเป็นกิจวัตร

ต้นลั่นทมที่เขาปลูกไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน ยังคงยืนต้นออกดอกสีขาวนวล ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ อยู่หน้าบ้าน

ขณะมือกำลังจับสายยางรดน้ำ จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียง...

เสียงกิ่งไม้แห้งแหลกใต้ฝ่าเท้าใครบางคน

ชีพเงยหน้าขึ้น

ภาพตรงหน้านั้นทำให้มือของเขาชะงักกลางอากาศ

หัวใจในอกสั่นสะท้านเหมือนถูกช็อกเบาๆ

หญิงสาวในชุดกระโปรงสีอ่อนยืนอยู่ตรงรั้วหน้าบ้าน

เส้นผมยาวสลวยสีน้ำตาลอ่อน

รอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าที่คุ้นเคยอย่างน่าประหลาด

เธอไม่ได้พูดอะไร

แต่เพียงสบตา...เขาก็รู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปในวันวาน

“...ลั่นทม?”

เสียงเขาเบาแผ่ว ราวกับไม่แน่ใจว่าควรจะเชื่อในสิ่งที่เห็นดีหรือไม่

หญิงสาวยกมือไหว้เขา

ก่อนจะพูดประโยคสั้นๆ อย่างนุ่มนวลว่า

“ลุง...ขอรบกวนถามทางหน่อยค่ะ หนูหลงทาง...แต่ทำไมรู้สึกเหมือนเคยฝันถึงที่นี่...”

"หญิงสาวยิ้ม พลางเอื้อมมือแตะกลีบดอกสีขาวนวลที่ปลายกิ่งเบาๆ

“ต้นลีลาวดีออกดอกดีมากเลยนะคะคุณลุง... คงดูแลดีมากแน่เลย”

ชีพที่ยืนอยู่ข้างๆ เงยหน้ามองต้นไม้ต้นเดิม

รอยยิ้มบางๆ แตะที่มุมปาก แม้แววตาจะเต็มไปด้วยความคิดถึง

“ใช่แล้วนังหนู... ต้นนี้ภรรยาลุงเป็นคนปลูกกับมือเลยนะ

เธอรักมันมาก… ดูแลมันเหมือนลูก”

เขาเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

“ตอนเธอจากไป ลุงก็สัญญากับตัวเองว่าจะดูแลมันให้ดีที่สุด

เหมือนที่เคยดูแลเธอ...”

หญิงสาวฟังด้วยความเงียบ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม

“น่าอิจฉาภรรยาคุณลุงจังเลยนะคะ...

ที่ได้มีใครสักคนรัก และดูแลขนาดนี้ แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน”

เธอพูดพร้อมยิ้มเศร้าเล็กน้อย

แววตานั้นสั่นไหวบางอย่าง...เหมือนกำลังจดจำบางสิ่งที่เคยลืมไปนาน

ชีพหันมามองหญิงสาวชัดๆ อีกครั้ง

หัวใจของเขาสะท้านวาบ

เขาไม่รู้ว่าทำไม...แต่ดวงตาคู่นั้น เสียงนั้น กลิ่นไอละมุนแบบนั้น

มันเหมือนกับ “เธอ”

เหมือนลั่นทม...

แต่เขาไม่ได้พูดอะไร

เพียงแค่ยิ้ม แล้วชี้ไปที่เก้าอี้ไม้ใต้ต้นลีลาวดี

“หนูเหนื่อยไหม...มานั่งพักตรงนี้ก่อนก็ได้นะ

ตรงนี้ ลมดี...แถมกลิ่นดอกไม้ก็หอมพอดีเลย”

หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินตามไปอย่างว่าง่าย

ขณะเธอนั่งลง

สายลมก็พัดเอาดอกลีลาวดีร่วงหล่นลงบนไหล่ของเธอพอดี

เธอเงยหน้ามองขึ้นไป พลางยิ้มออกมาอีกครั้ง

“กลิ่นนี้...คุ้นจังเลยค่ะ”

ชีพยิ้ม

ในใจลึกๆ เขาไม่แน่ใจว่าโชคชะตาเล่นตลก หรือกำลังมอบปาฏิหาริย์ให้แก่เขาอีกครั้ง"

ชีพยืนนิ่ง

ความรู้สึกบางอย่างไหลทะลักเข้ามาในใจอีกครั้ง

ไม่ใช่ความเจ็บปวด...แต่เป็นความอบอุ่นแบบเดิมที่เขาเคยรู้จัก

เขายิ้ม

เหมือนกับเข้าใจบางสิ่งในจักรวาลที่ไม่มีใครอธิบายได้

เพราะบางความรัก...ไม่เคยจางหาย

มันแค่รอเวลาหวนกลับมา...ในร่างใหม่

...ทะลุผ่านโรงแก้วอีกครั้ง

“ความรักทะลุโลงแก้ว”

คือ ความรักที่ยิ่งใหญ่และมั่นคงจนสามารถก้าวข้ามกาลเวลา ความตาย และข้อจำกัดของโลก

ถึงแม้ลั่นทมจะจากโลกนี้ไป ร่างของเธอจะเหลือเพียงเถ้าธุลี

แต่หัวใจของชีพยังคงมองเห็นเธอ เหมือนเธอยังยืนอยู่ตรงหน้า

เขา ยังรักเธอแม้จะไม่มีเธออยู่จริงอีกต่อไป และเธอก็ยังตอบรับความรักนั้น แม้อยู่ในอีกภพหนึ่ง

แม้โรงแก้วจะใสบริสุทธิ์ แต่ก็เป็นผนังที่กั้นระหว่าง “คนที่อยู่” กับ “คนที่ลับลา”

แต่ความรักของทั้งสองคน กลับทะลุผ่านมันไปได้อย่างสง่างาม

เป็น รักแท้ที่ไม่ต้องการร่างกาย ไม่ต้องการคำพูด แต่อยู่ในใจ และตราตรึงชั่วนิรันดร์

จ บ

ค ว า ม รั ก ท ะ ลุ โ ล ง เเ ก้ ว

มีต่อภาค2

“ค ว า ม รั ก ท ะ ลุ โ ล ง เเ ก้ ว 2 ” อีกไม่นานทุกคน

จะได้อ่านเเน่นอนฝากติดตามผลงานด่วยนะครับ

ขอบคุณครับ

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!