เสียงกระดิ่งหน้าร้านกาแฟเล็ก ๆ ดังขึ้นพร้อมกับหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินเข้ามาช้า ๆ
เธอนั่งลงที่โต๊ะมุมในสุด มองผ่านกระจกฝ้าด้วยสายตาเหม่อลอย
"ลาเต้เย็นหวานน้อย เหมือนเดิมนะคะมินตรา"
เสียงพนักงานเรียกเธอกลับมาอยู่กับปัจจุบัน
มินตราพยักหน้าเบา ๆ แล้วยิ้มจาง ๆ แต่ในแววตา…กลับไม่มีรอยยิ้มอยู่เลย
> หัวใจเธอกลับไปอยู่ในวันนั้นอีกครั้ง
วันที่เธอได้เจอเขา...
--
สี่ปีที่แล้ว
เสียงออดเลิกเรียนดังขึ้น นักเรียนหญิงชายต่างทยอยกันกลับบ้าน
มินตรายืนหลบอยู่ข้างประตูรั้วโรงเรียนชายล้วนด้วยสีหน้ากระวนกระวาย มือเธอถือกระเป๋าเป้แน่นเหมือนพยายามเก็บความตื่นเต้นไว้ในนั้น
“มิน...มานานรึยัง”
เสียงทุ้มต่ำของภัทรทำให้เธอหันกลับไปทันที ดวงตาคู่นั้นยังคงอบอุ่นเหมือนวันแรกที่เธอรู้ตัวว่าแอบชอบเขา
“ไม่เลย เราก็เพิ่งมา...แค่เกือบครึ่งชั่วโมงเอง”
เธอยิ้มแบบประชดเบา ๆ ก่อนที่เขาจะหัวเราะ แล้วเอื้อมมือมาหยิกแก้มเธอเบา ๆ
“ขอโทษ ๆ รถติดอะ แม่โทรตามด้วย ก็เลย...”
“ไม่เป็นไร เราเข้าใจ...เราแค่คิดถึงนาย”
ประโยคนั้นออกมาง่ายดายเกินไป แต่มันคือความจริงจากใจของเธอ
ความรักของพวกเขา...คือความลับ
คือสิ่งต้องห้าม
แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งคู่รู้สึก ‘เป็นตัวของตัวเอง’ ที่สุด
...
มินตรากับภัทรแอบคบกันมาเกือบสองปี
โดยที่ไม่มีใครรู้
พวกเขานัดเจอกันหลังเลิกเรียน ไปนั่งคุยกันที่ร้านกาแฟร้านประจำ
แค่ได้เจอกันวันละไม่กี่นาที...ก็พอ
> เพราะสำหรับมินตรา แค่นั้นก็เหมือนโลกทั้งใบแล้ว
“เคยคิดมั้ย...ถ้าวันนึงพ่อแม่เรารู้เรื่องของเรา เขาจะว่ายังไง”
ภัทรถามขณะนั่งมองพระอาทิตย์ตกดินข้างเธอ
“ไม่อยากคิดเลย...แต่เรารู้ ว่าเขาไม่มีวันยอมแน่ ๆ”
มินตราตอบ ก่อนจะเบือนหน้าหนี ไม่อยากให้เขาเห็นแววตาที่สั่นไหว
“เราจะไม่ปล่อยมือเธอ...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนะมิน”
ภัทรจับมือเธอแน่น เหมือนจะย้ำว่าเขาหมายความตามนั้นจริง ๆ
และในตอนนั้น...
พวกเขายังไม่รู้เลยว่า วันหนึ่ง
โลกจะบังคับให้พวกเขาต้องปล่อยมือกัน…จริง ๆ
---
“เราไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นเลยภัทร”
มินตราพูดเบา ๆ ในขณะที่ยังกุมมือเขาไว้แน่น
สายตาของเธอมองพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า แสงสีส้มสะท้อนกับกระจกหน้าร้านกาแฟเหมือนฉากหนังที่เธอไม่อยากให้จบ
เขาไม่ได้พูดอะไรอีก…แค่จับมือเธอแน่นขึ้น ราวกับคำสัญญาที่ยังไม่ถูกเปล่งออกมา
…
วันต่อมา
มินตราเดินเข้าบ้านด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เพราะมือถือของเธอสั่นไม่หยุดตลอดทางจากโรงเรียนกลับบ้าน
“แม่โทรมา 15 สาย…”
เธอก้าวเข้าไปในบ้านอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
และพบว่าแม่ยืนรออยู่แล้ว หน้าตึงเครียด เหมือนมีอะไรบางอย่างที่เธอไม่อาจหนีได้
“หนูคบกับภัทรจริง ๆ ใช่มั้ยมินตรา?”
เธอชะงัก
“แม่รู้ได้ยังไง…”
“เพื่อนของหนูส่งรูปมาให้แม่ดูแล้วว่าพวกหนูไปไหนด้วยกันบ่อย ๆ แถมยังนั่งจับมือกันในร้านกาแฟกลางเมืองอย่างนั้น มันใช่เรื่องที่เด็กผู้หญิงในฐานะลูกเจ้าของบริษัทควรทำหรือเปล่า?”
เสียงแม่ดุกร้าว
แต่มินตรายังยืนนิ่ง
“แม่คะ...ภัทรเขาไม่ใช่คนไม่ดี เขาดีกับหนูมาก เขาไม่เคยขออะไรนอกจากขอให้หนูอยู่ตรงนี้กับเขา”
“แต่เขาไม่มีอะไรเลย! เขาไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะ! ลูกกำลังจะเสียอนาคตเพราะความรักแบบเด็ก ๆ แบบนี้น่ะเหรอ?”
มินตรานิ่งไป น้ำตาเริ่มไหลโดยไม่รู้ตัว
“แม่คะ...หนูรักเขา”
คำพูดนั้นทำให้ทั้งห้องเงียบลงทันที
…
เย็นวันนั้น มินตรารีบโทรหาเขา น้ำเสียงสั่น
“ภัทร…แม่เรารู้แล้ว”
ปลายสายเงียบไปพักหนึ่ง
“เราไม่อยากให้มันจบแบบนี้ เราไม่อยากเสียเธอไป”
“นายจะไม่เสียเราไปหรอกภัทร เราจะหาทางด้วยกัน...เราเคยสัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ภัทรเงียบอยู่นานก่อนพูดออกมาแผ่วเบา
“เราสัญญา”
…
แต่โชคชะตาไม่ให้เวลาให้พวกเขาได้นานกว่านั้น...
เพียงไม่กี่วันต่อมา
แม่ของภัทรตัดสินใจพาเขาย้ายไปอยู่กับญาติที่ต่างประเทศทันที
“แม่ขอร้องนะลูก...มันไม่ใช่โลกของเรานะภัทร แม่ไม่อยากเห็นลูกต้องถูกดูถูกไปทั้งชีวิต”
ภัทรมองแม่ด้วยแววตานิ่ง เขารู้ดีว่าแม่พูดจากความรัก
แต่หัวใจของเขา...ก็มีมินตราอยู่ทั้งดวง
เขาพิมพ์ข้อความหนึ่งในมือถือ ท่ามกลางน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า
> “เราจะกลับมา...และถ้าเธอยังรอ เราจะไม่ปล่อยมือเธออีก”
ข้อความถูกส่งออกไปในค่ำคืนก่อนเขาออกเดินทาง...
…
และวันนี้
หลังจากเวลาผ่านไป สี่ปี
มินตรากลับมานั่งที่ร้านกาแฟร้านเดิม
ที่ที่เคยนั่งข้างเขา
แต่ตอนนี้...เหลือเพียงเก้าอี้ว่างข้างเธอ กับลาเต้เย็นหวานน้อยที่ไม่มีใครจิบ
---
เสียงประกาศเที่ยวบินขาเข้าดังแว่วมาจากลำโพงทั่วสนามบินสุวรรณภูมิ ผู้คนมากมายเดินสวนกันไปมา บางคนรีบร้อน บางคนดูเหน็ดเหนื่อย บางคนยิ้มดีใจที่ได้พบญาติพี่น้องอีกครั้ง และในหมู่คนนับร้อยนับพันนั้น ภัทร...ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับข้อ แขนหนึ่งลากกระเป๋าเดินทางสีดำเรียบ อีกมือถือพาสปอร์ตแน่น เขาก้าวออกจากประตูผู้โดยสารขาเข้าด้วยดวงตาที่ไล่มองไปรอบ ๆ อย่างเงียบงัน
“สี่ปีแล้วนะ...” เขาพึมพำกับตัวเอง ขณะก้าวขาออกมายืนรับแสงแดดของกรุงเทพฯ ที่แสนจะร้อนอบอ้าว
แสงที่เคยทำให้เขานึกถึงกลิ่นแชมพูของใครบางคน
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่โชยมากับลมเมื่อเธอหันมายิ้มให้เขาครั้งแรก
> “เราจะรอกันและกันใช่มั้ย?”
เสียงนั้นยังคงชัดเจนในหัว
แม้มันจะผ่านมาเนิ่นนานเพียงใด
แต่เขาก็ไม่เคยลืม...
...
สองวันถัดมา
หลังจัดการธุระส่วนตัวบางส่วนเสร็จ ภัทรตัดสินใจเดินเล่นในย่านเก่าใจกลางเมือง
สถานที่ที่เขาเคยเดินจับมือกับใครบางคนเมื่อสี่ปีก่อน
เขาไม่ได้คาดหวังอะไร แค่อยากมองบรรยากาศเดิม ๆ
แต่มันกลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ร้านกาแฟหลายร้านปิดตัวไปแล้ว ร้านหนังสือบางร้านเปลี่ยนเจ้าของ
ผู้คนเองก็ดูเปลี่ยนไป
แต่แล้ว...เขาก็เจอเธอ
มินตรา
เธอเดินสวนกับเขาตรงร้านหนังสือเก่า ๆ ข้างทาง
ในมือเธอถือหนังสือปกแข็งเล่มหนึ่ง ดวงตากำลังมองปกโดยไม่ทันสังเกตว่าใครเดินสวนมา
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น...ดวงตาทั้งคู่ก็สบกัน
เหมือนเวลาหยุดหมุนในเสี้ยววินาทีนั้น
เธอยืนนิ่ง มือแน่นราวกับไม่รู้ว่าจะปล่อยหนังสือหรือจะทิ้งหัวใจตัวเองดี
ภัทรเองก็อึ้งไม่ต่างกัน
“ภัทร...?”
เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย
“มิน...”
ไม่มีคำถาม ไม่มีคำอธิบาย
เพราะแค่เห็นหน้า ก็รู้หมดแล้วว่าตลอดสี่ปีที่ผ่านมา...มันไม่ง่ายเลยสำหรับทั้งคู่
แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร
เสียงฝีเท้าของใครบางคนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“ขอโทษนะที่ให้รอ พลอยหาหนังสือนิยายเล่มนั้นไม่เจอเลย”
หญิงสาวร่างโปร่ง หน้าตาหมดจดในชุดเดรสลำลองเข้ามาเกาะแขนภัทร
เธอยิ้มให้ทั้งสองคนโดยไม่รู้ว่าระหว่างเขาและมินตรา...มันคือความเงียบที่เต็มไปด้วยคำพูดที่ไม่ได้เอ่ย
“อ้อ มิน...นี่พลอย แฟนเราเอง” ภัทรพูดเสียงแผ่ว
โลกของมินตราพังทลายทันทีในวินาทีนั้น
รอยยิ้มของเธอที่เคยใช้ปกปิดความอ่อนไหวมาหลายปี...มันกลับแหลกละเอียดลงต่อหน้าเขา
แต่เธอก็ฝืนยิ้ม และพูดออกมาเพียงว่า
“ดีใจนะ ที่นายมีความสุข”
จากนั้น เธอก็หันหลังเดินจากมา...ช้า ๆ
โดยไม่หันกลับไปมองเลย
...
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!