เถ้าธุลีสลักใจ
1
บทนำ — เถ้าธุลีสลักใจ
คืนหนึ่งในฤดูหนาว หิมะโปรยปรายราวกับจะกลบฝังโลกทั้งใบ เด็กน้อยไร้นามถูกลากผ่านตรอกแคบมืดสลัว สองมือเปื้อนโคลน กำขนมปังแข็งกระด้างชิ้นสุดท้ายไว้แน่น รอยตราสลักด้วยเหล็กร้อนบนข้อมือเล็ก ๆ ยังคงแสบร้าว…
เหยียนเอ๋อร์
มะ…ไม่นะ!!!! ปล่อยข้า!!! ฮือ ท่านพ่อ อย่าขายข้า!!
เสียงหวีดร้องสะท้อนก้องในตรอกแคบ แต่ถูกกลบด้วยเสียงฝีเท้าหนักหน่วง และเสียงหัวเราะเหี้ยมเกรียมของพวกค้ามนุษย์
เด็กน้อยดิ้นรนสุดแรงอย่างไม่ยอมแพ้ ร่างเล็ก ๆ ถูกลากไถลไปบนพื้นโคลนเย็นเยียบ ใบหน้าขาวซีดปนเศษดินจนไม่เห็นสีผิวเดิม ดวงตากลมโตเปียกชื้นด้วยหยาดน้ำตา ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวด แต่เพราะใจดวงน้อย ๆ นั้นแตกสลาย
ตปก
จำไว้ เจ้ามีค่าแค่ตราบนข้อมือนั่น
ชายค้ามนุษย์เอ่ยเสียงเย็นเฉียบ ก่อนจะเหวี่ยงเด็กน้อยลงในกรงไม้เก่า ๆ ท่ามกลางเด็กอีกหลายสิบชีวิตที่มีชะตาไม่ต่างกัน…
คืนหนาวเหน็บเดินทางผ่านไปอย่างไร้ความปรานี ในมุมมืดแห่งโลกนี้ ไม่มีใครสนใจเสียงร้องไห้ของเด็กคนหนึ่งอีกต่อไปแล้ว
แต่ใต้เถ้าธุลีของความสิ้นหวัง… หัวใจดวงน้อยยังคงเต้นอยู่เงียบ ๆ
สาบานด้วยเถ้าธุลีเหล่านี้…
ว่าวันหนึ่ง ข้าจะเป็นผู้เลือกชะตาของตัวเอง
ในถ้ำแห่งหนึ่ง มีทาสมากมาย ทั้งชายหญิง เด็กน้อย คนชรา ทุกคนล้วนเป็นผู้ไร้บ้าน ไร้ที่พึ่ง ถูกจับกุมมาอย่างโหดเหี้ยม
ไฟจากคบเพลิงที่ปักอยู่ตามผนังหินส่องแสงสลัว บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นสาบเหงื่อและความสิ้นหวัง เด็กน้อยตัวสั่นเทิ้มในอ้อมแขนผอมบางของตัวเอง เสื้อผ้าที่สวมอยู่ขาดรุ่งริ่งจนแทบปิดกายไม่มิด
ตปก
ไปทำงานของแกซะ ถ้าแกไม่ทำ อย่าหวังจะได้กินข้าว
เสียงตะคอกดังลั่น ก่อนที่ชายร่างกำยำจะผลักเธออย่างแรงจนล้มคว่ำกับพื้นหินเย็นเฉียบ
เด็กน้อยครางเบา ๆ แต่ไม่กล้าร้องไห้ออกมาอีก น้ำตาไหลพรากเงียบ ๆ ขณะที่เธอค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นด้วยแรงที่เหลืออยู่น้อยนิด
รอบตัวมีแต่ผู้คนที่หม่นหมอง ต่างคนต่างก้มหน้า ไม่มีใครเหลือเรี่ยวแรงจะช่วยเหลือกัน ทุกชีวิตเหมือนถูกลบตัวตนไปแล้ว เหลือเพียงร่างไร้วิญญาณที่รอวันหมดลมหายใจ
เด็กน้อยกัดฟันแน่น กำหมัดเล็ก ๆ จนสั่น เธอค่อย ๆ ลุกเดินไปยังกองหินที่กองทับกันอยู่ด้านในสุดของถ้ำ
นั่นคือ ‘งาน’ ที่เธอได้รับ — ขุดหิน ลากหิน และแบกหิน ทั้งที่ตัวเล็กเท่าไม้ขีดไฟ
หากไม่ทำ… ก็ไม่มีแม้แต่น้ำข้าวประทังชีวิต
แต่ภายในอกเล็ก ๆ นั้น ยังมีบางสิ่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าความหวาดกลัว… บางสิ่งที่แม้โลกจะเหยียบย่ำ เธอก็จะปกป้องมันไว้
เหยียนเอ๋อร์
ข้าจะรอด… ข้าจะรอดให้ได้
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ท่ามกลางความมืดมิดของถ้ำและการใช้งานเยี่ยงสัตว์ เด็กน้อยวันวานเริ่มเติบโตขึ้นทีละน้อย… จากเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ตอนนี้กลายเป็นวัยรุ่นอายุราวสิบสองถึงสิบสามปี
การแย่งชิงในหมู่ทาสก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น อาหารที่ได้แต่ละวันแทบไม่พอประทังชีวิต ใครอ่อนแอ คือคนที่ต้องตายก่อน
เสียงคำสั่งอันดุดันดังขึ้นก้องถ้ำในเช้าวันหนึ่ง
ตปก
ไปเรียกนางมา… ดูเหมือนนางจะหนีออกไปเที่ยวอีกแล้ว!
เหล่าทาสชายที่ถูกบังคับให้เป็นผู้คุม ต่างหันขวับไปมองเด็กสาวผมยุ่งเหยิงที่กำลังพยายามแอบกลับเข้ามาทางหลังถ้ำ
เธอมีรอยแผลถากยาวที่หัวเข่า เสื้อผ้าเก่า ๆ ขาดวิ่นมากกว่าเดิม แต่ในดวงตาคู่นั้น… ยังมีแววทระนงไม่ยอมแพ้
แม้สภาพจะเหมือนสุนัขเร่ร่อน แต่เธอก็ยังพยายามหาโอกาสออกไปสัมผัส ‘อิสรภาพ’ แม้เพียงเสี้ยวเดียวก็ตาม
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
ปล่อยข้า! ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด!
เธอร้องตะโกน ดิ้นรนสุดแรงขณะถูกจับกดกับพื้น
แต่เสียงร้องของเธอไม่มีความหมาย เพราะในโลกนี้… ความผิดคือการขัดขืนคำสั่งผู้มีอำนาจ
แส้หนังเส้นหนาถูกชูขึ้นสูง พร้อมจะฟาดลงบนแผ่นหลังบาง ๆ ที่มีเพียงเศษผ้าขาด ๆ บางเบาปกปิด
ตปก
จำไว้เจ้าหนู… ใครคิดฝันถึงอิสรภาพ
ตปก
ต้องถูกล่ามตราบจนสิ้นใจ!
ทั้งสองลากเธอไปยังลานกว้างกลางถ้ำ ที่ทาสหลายสิบคนถูกบังคับให้มองดู
มือสาก ๆ กดศีรษะเธอลงกับพื้นหินอย่างไร้ปรานี
ตปก
จำไว้!! หากพวกมึงยังอยากมีชีวิตอยู่
ตปก
ถ้ากล้าหนีออกไป จะเป็นแบบนี้!!!
หัวหน้าตะโกนเสียงดังลั่น กวาดตามองเหล่าทาสที่ตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว
อีกคนเงื้อแส้ขึ้นสูง ก่อนฟาดลงมาเต็มแรง
“เพียะ!!”
เสียงแส้กระทบกับแผ่นหลังเล็ก ๆ ดังสนั่นไปทั่วทั้งถ้ำ
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
อ๊ากกกกกก!!
เธอร้องเสียงหลง ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั้งร่าง เลือดสีแดงสดค่อย ๆ ไหลซึมออกมาตามรอยแผลที่โดนฟาด
ร่างเล็กสั่นเทา แต่กลับกำหมัดแน่น ไม่เอ่ยขอความเมตตาสักคำ ดวงตาที่มองลอดเส้นผมยุ่งเหยิง… เต็มไปด้วยไฟแห่งการต่อต้าน แม้ร่างจะอ่อนล้าแทบขาดใจ
เสียงหัวเราะเยาะดังจากพวกคุมทาส
หนึ่งในนั้นกระซิบเสียงเย็นข้างหู ก่อนจะผลักร่างเธอลงกับพื้นอย่างแรงอีกครั้ง
รอบตัวไม่มีใครกล้าแม้แต่จะขยับ ทาสทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างก้มหน้าหลบสายตา พวกเขาเรียนรู้แล้วว่า ใครพยายามต่อต้าน… จะถูกทำลายไม่ต่างจากเศษขยะ
แต่ในซากปรักหักพังแห่งศักดิ์ศรีนี้… ยังมีหนึ่งดวงใจที่ไม่เคยยอมพ่ายแพ้
ท่ามกลางเสียงซุบซิบ และสายตาเย็นชาของเหล่าทาส ชายชราผอมโซผู้หนึ่งเดินแหวกฝูงชนเข้ามาหาเธอ
เด็กสาวนอนฟุบอยู่บนพื้น ร่างกายเต็มไปด้วยรอยแผลสด เลือดไหลซึมเปรอะเสื้อผ้าเก่า ๆ ใบหน้าที่เคยดื้อรั้นตอนนี้เปื้อนโคลนและน้ำตา
ชายชราทรุดตัวนั่งลงข้างเธอ ชายเสื้อเก่า ๆ สัมผัสกับพื้นหินเย็นเฉียบอย่างไม่สนใจ เขาจ้องมองเด็กสาวด้วยแววตาหม่นเศร้า
เสียงของเขาแผ่วเบา แต่แฝงไปด้วยความเหนื่อยล้าและปลงตก
ตปก
แม่นาง… เจ้าดิ้นรนไปทำไม
น้ำเสียงนั้นเหมือนเป็นทั้งคำถามและการตัดพ้อต่อโชคชะตา เขาเคยดิ้นรน เคยหวัง… และสุดท้ายก็ถูกโลกบีบบังคับให้ยอมแพ้เหมือนกัน
เด็กสาวค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและน้ำตายังคงส่องประกายแข็งกร้าว
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
ข้า…ไม่อยากตาย
เสียงของเธอเบาราวกระซิบ ทว่ามั่นคงยิ่งกว่ากำแพงหินหนา
ชายชรานิ่งไปชั่วครู่ มองแววตานั้น — ดวงตาที่เขาเคยมีในอดีต และสูญเสียไปนานแล้ว…
สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจยาว เบือนหน้าหนีไปทางอื่น เพราะรู้ดีว่า… ในสถานที่เช่นนี้ ความหวังจะมีค่าอะไรได้อีก
แม้เลือดจะไหลเปรอะเสื้อผ้า เด็กสาวก็ยังฝืนกายลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า เธอเดินโซเซไปยังมุมถ้ำที่ถูกจัดไว้สำหรับขุดหิน ลากก้อนหิน ร่างกายที่บอบช้ำสั่นเทา แต่ดวงตากลับเด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ
ในใจของเธอ… มีบางอย่างที่ผลักดันให้ต้องก้าวต่อ แม้ร่างกายจะเจ็บปวดจนแทบขยับไม่ได้ก็ตาม
เวลาผ่านไปช้า ๆ ค่ำคืนที่ไร้ตะวันยิ่งทำให้ความหนาวเย็นชอนไชเข้าในกระดูก ไฟคบเพลิงที่ปักตามผนังมีเพียงไม่กี่ดวง ลมหนาวกรูเข้ามาในถ้ำจากทางเข้าที่ไม่มีแม้แต่ประตู
ณ ตอนนี้ ทั่วทั้งถ้ำเงียบกริบ… เพราะเหล่าผู้คุมได้ออกไปจับทาสจากหมู่บ้านใกล้เคียงเพิ่ม
เหลือเพียงยามไม่กี่คนเฝ้าทางออก — คนพวกนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่ามีใครบางคน กำลังรอเวลานี้มานานแล้ว
เด็กสาวหอบหายใจเบา ๆ ดวงตาเคลื่อนมองไปรอบตัว… ไม่มีใครทันสังเกตเธอที่ค่อย ๆ เลื่อนตัวไปตามเงามืด
ใต้ผืนดินเปรอะโคลน มีร่องรอยแปลก ๆ ซ่อนอยู่ — เส้นทางลับที่เธอค่อย ๆ แกะสลักด้วยมือเปล่า วันละนิด วันละน้อย ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
เส้นทางนั้นเริ่มต้นจากหลังกองหินใหญ่ ไปยังซอกหลืบของถ้ำที่ไม่มีใครเฝ้า ก่อนจะลัดเลาะผ่านอุโมงค์แคบที่แม้แต่เด็กตัวเล็ก ๆ ก็แทบต้องคลาน
และคืนนี้… คือโอกาสเดียว
เธอขบฟันแน่น หอบหายใจติดขัดจากบาดแผลทั่วตัว แต่ไม่มีเวลาสงสารตัวเองอีกแล้ว
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
ถ้าพลาดคืนนี้… ข้าอาจไม่มีวันได้เห็นท้องฟ้าอีก
เสียงหัวใจเต้นระรัวไปพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ค่อย ๆ ลากตัวเองไปตามรอยทางที่จำได้แม่นยำ
เมื่อรอดพ้นจากการหนีได้ เธอวิ่งตามทางที่เธอทำไว้ แต่ไม่พ้น เสียงธูน ฟิ้ว ปัก!!
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
อึก!!
เธอทรุดลงพื้น ธูนนั้นปักมาตรงแขนข้างซ้ายเธอ เธอ ยันตัวเองขึ้นสุดแรงแล้ววิ่งต่อไป เสียงเท้ามากมายตามเธอมากอย่างรวดเร็ว
ผู้คุมมากมายวิ่งพร้อมกับธูนในมือ เธอวิ่งมาสุดทางแล้ว หน้าผาที่สูงเกินจนไม่มีใครกล้าโดด ด้านล่างมีเสียงคำรามของแม่น้ำ ที่พร้อมจะพัดไปตลอด แม่น้ำ เชี่ยวแรง เธอหันมองตรงหน้า
แล้วกำมือแน่น แม้จะมีธูนที่ติดอยู่ที่ไหล่แต่สิ่งที่เจ็บที่สุด การที่จะต้องกลับไปที่ความมืดนั้นอีกครั้ง
ตปก
เป็นเพียงแค่ทาสเจ้ากล้าหนีงั้นรึ!!
ตปก
คิดว่ารอบนี้เจ้าจะรอดเหรอห้ะ!!
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
หึ ข้ารอดหรือไม่รอดมันเกี่ยวอะไรกับพวกเจ้ากันเหล่า!!!
ตปก
2:นังเด็กอวดดี ถ้าข้าตัดขาเจ้าตอนนั้นมันคงไม่เป็นแบบนี้
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
ต้องโทษเจ้าแล้ว
เธอพุ่งตัวลงหน้าผา พวกยามรีบไปดู ต่อให้ไปจับรอที่ริมแม่น้ำแต่แม่น้ำนี้ไม่สามารถรู้ได้ว่าจะพาไปถึงไหน
เธอพยายาม ตะเกียกตะกายสุดแรงแม้จะเจ็บไหล่ข้างซ้ายแต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้กระแสน้ำแรงเกินไป
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
อึก—แค่กๆๆ
เธอคอยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ หันมองรอบสายตายังพร่ามัวแต่ก็พอจะเห็น
2
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
รอดแล้ว
เสียงเธอแผ่วเบาราวสายลมกระซิบ แม้ไม่มีใครได้ยิน แต่สำหรับเธอ มันคือชัยชนะเล็ก ๆ ที่แลกมาด้วยชีวิต
มือสั่น ๆ ของเหยียนเอ๋อร์พยายามยันตัวลุกขึ้น แต่โลกทั้งใบก็โงนเงนจนต้องฟุบลงไปอีกครั้ง
เธอหลับตาแน่น รวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดเพื่อไม่ให้หมดสติอีกครั้ง เพราะเธอรู้ดีว่า—ที่นี่ไม่ใช่ที่ปลอดภัย
เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังใกล้เข้ามา…
เหยียนเอ๋อร์พยายามลืมตาขึ้นมอง แต่เปลือกตาหนักอึ้งจนทำได้แค่ได้ยินเสียง
ตปก
ตายแล้ว…เหตุใดถึงมีคนหมดสติอยู่แถวนี้ได้?
เสียงหวานนุ่มดังขึ้นเหนือศีรษะของเธอ
ฝ่ามืออุ่น ๆ ยื่นมาอย่างระมัดระวัง นิ้วเรียวยาวแตะเบา ๆ ที่ปลายจมูกของเหยียนเอ๋อร์เพื่อตรวจชีพจร
เจ้าของเสียงกล่าวอย่างโล่งใจ แล้วช้อนตัวของเหยียนเอ๋อร์ขึ้นอย่างเบามือ
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสมุนไพรลอยแตะจมูก เป็นสัมผัสสุดท้ายก่อนที่สติของเหยียนเอ๋อร์จะดับวูบไปอีกครั้ง…
เสียงฝีเท้าหนักแน่นตามเข้ามาใกล้ พร้อมกับน้ำเสียงเย็นชาที่ฟังดูไม่ใยดีแม้แต่น้อย
เสียงนั้นเอ่ยขึ้นอย่างห้วน ๆ
หญิงสาวที่ประคองเหยียนเอ๋อร์อยู่ตอบกลับอย่างอ่อนโยนแต่เด็ดเดี่ยว
ตปก
ท่านพี่ ข้าเห็นนางลอยมาติดฝั่ง…สภาพนางดูไม่ได้เลย
ตปก
ท่านจะให้ข้าเมินเฉยได้อย่างไร?
ไม่มีเสียงตอบรับทันที มีเพียงความเงียบที่กดทับบรรยากาศ
ท่ามกลางความเงียบงันนั้นเอง เหยียนเอ๋อร์เริ่มขยับตัวเบา ๆ ก่อนจะครางออกมาอย่างแผ่วเบา
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
อะ..อือ
ตปก
นางฟื้นแล้ว! ท่านพี่ นางฟื้นแล้ว!
เหยียนเอ๋อร์เบิกตากว้าง ตัวสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้ เธอถอยกรูดจนหลังชนหัวเตียง มองสองพี่น้องด้วยแววตาหวาดระแวงสุดขีด
หญิงสาวรีบหันไปต่อว่าพี่ชายทันที
ตปก
ท่านพี่!ท่านทำให้เธอกลัว!!
เซียวหรูหยิบผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่น บิดจนหมาด ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปใกล้เพื่อเช็ดคราบเลือดและโคลนบนใบหน้าเหยียนเอ๋อร์อย่างอ่อนโยน
แต่ยังไม่ทันที่ปลายผ้าจะสัมผัสผิว…
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
อย่า!! อย่าแตะตัวขะ…ข้า!
เหยียนเอ๋อร์ร้องลั่น ส่ายหน้ารัว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นสุดขีด
ร่างทั้งร่างสั่นระริกเหมือนลูกนกที่ถูกไล่ล่า ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดระแวง
เหมือนกับว่า…เพียงแค่การสัมผัสเบา ๆ ก็อาจเป็นภัยคุกคามถึงชีวิต
เซียวหรูชะงักนิ่ง มองเหยียนเอ๋อร์ด้วยแววตาเวทนาและเจ็บปวด
ส่วนเซียวเหยียนที่ยืนกอดอกอยู่ไม่ไกลเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง แววตาเย็นชานั้นอ่านไม่ออกว่าเขาคิดเช่นไร
เซียวหรู /น้องสาว
ข้าไม่ทำร้ายเจ้า…ไม่ทำร้ายจริง ๆ นะ
เซียวเหยียน
น้องสาวข้าอุตส่าห์เก็บหมาอย่างเจ้ามา
เสียงเย็นชาและไร้เยื่อใยของเซียวเหยียนดังขึ้น ทะลุผ่านอากาศที่เงียบงันราวใบมีดกรีดเนื้อ
เหยียนเอ๋อร์ชะงักไป ราวกับถูกตบหน้าเต็มแรง
ดวงตาที่พร่าเลือนจากพิษไข้เบิกกว้าง ก่อนที่เสียงหัวเราะแห้ง ๆ จะแทรกออกมาจากลำคอ
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
ฮะ..ฮะ..ใช่
เธอก้มหน้าลง ซุกตัวกอดเข่าแน่น เสียงหัวเราะของเธอสั่นพร่าเหมือนคนใกล้แตกสลาย
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
ข้าเป็นหมาบ้า…จริง ๆ
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
รอดแล้ว…ข้าต้องหนี
เสียงพึมพำนั้นดังชัดเจน เหยียนเอ๋อร์กอดตัวเองแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับกำลังยึดเศษเสี้ยวสุดท้ายของชีวิตเอาไว้ไม่ให้แตกสลายอีกครั้ง
เซียวหรูรีบย่อตัวลง ขยับเข้าใกล้อย่างระมัดระวัง
เซียวหรู /น้องสาว
ไม่ต้องกลัวนะ…เจ้าไม่ต้องหนี ข้าอยู่ตรงนี้
เธอเอื้อมมือออกไปอย่างอ่อนโยน แต่ก็ไม่แตะตัวเหยียนเอ๋อร์ เพียงแค่ยื่นอยู่ตรงนั้น—เป็นสัญญาณว่า ถ้าเหยียนเอ๋อร์ต้องการมือช่วย เธอพร้อมอยู่เสมอ
ส่วนเซียวเหยียนเพียงหรี่ตาลง มองภาพนั้นด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก…
เหยียนเอ๋อร์ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น
ดวงตาคู่นั้น — เต็มไปด้วยความว่างเปล่าและโหยหา — เหลือบมองไปยังประตูไม้เก่า ๆ ที่เปิดอ้าอยู่
นอกประตูนั้น…
แสงอาทิตย์ยามเย็นกำลังสาดทอเข้ามา ราวกับมือของสวรรค์ที่ยื่นมาทักทายเธอเป็นครั้งแรกในชีวิต
ร่างกายที่บอบช้ำสั่นเทิ้ม แต่เหยียนเอ๋อร์ยังฝืนยกมือขึ้นสูงเหนือศีรษะ
ฝ่ามือเล็ก ๆ สั่นระริก ทาบทับลงบนเส้นแสงสีทองที่อบอุ่น
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
แสงอาทิตย์
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
ข้า…ได้เห็นแล้ว
น้ำตาหยดหนึ่งไหลรินลงตามรอยแผลบนใบหน้า
ทั้งเจ็บปวด ทั้งสุขสม
เหมือนทั้งชีวิตที่เคยถูกจองจำ…บัดนี้ได้สัมผัสอิสระแม้เพียงเสี้ยววินาที
สองพี่น้องสบตากันครู่หนึ่ง
แววตาของเซียวหรูเต็มไปด้วยความเป็นห่วง แต่สุดท้ายเธอก็ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่นแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ
เซียวเหยียนถอนหายใจเบา ๆ แล้วหันหลังเดินนำออกไปก่อน
เซียวหรูชำเลืองมองเหยียนเอ๋อร์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะตามพี่ชายออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ
ประตูไม้ปิดลงเบา ๆ เหลือเพียงความเงียบว่างเปล่าปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง
เหยียนเอ๋อร์ยังคงยกมือแตะแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านช่องประตูนั้น
แสงอ่อน ๆ สัมผัสปลายนิ้วของเธอเหมือนคำปลอบโยนจากสวรรค์
เธอกระพริบตาช้า ๆ ราวกับจะจดจำภาพนี้ไว้ในหัวใจชั่วชีวิต
สองวันผ่านไปอย่างเชื่องช้า
บาดแผลตามตัวเหยียนเอ๋อร์เริ่มสมานดีขึ้น ร่างกายที่เคยอ่อนแรงก็ค่อย ๆ ฟื้นตัวทีละนิด
ตลอดช่วงเวลานั้น เซียวหรูแวะเวียนมาหาเธอแทบทุกวัน
นำน้ำแกงอุ่น ๆ ผ้าสะอาด และแม้แต่เงินเล็ก ๆ จำนวนหนึ่งวางไว้เงียบ ๆ ข้างหมอน
เหยียนเอ๋อร์มองทุกอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรสักคำ
เหมือนคนที่ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรดี และไม่กล้าแม้แต่จะหวัง
จนกระทั่งวันนี้…
เซียวหรูยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหมุนตัวเตรียมก้าวออกจากประตูเหมือนทุกครั้ง
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
ขอบคุณ
เสียงของเหยียนเอ๋อร์ดังขึ้นกะทันหัน แม้จะแผ่วเบาแต่หนักแน่น
เซียวหรูชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะหันมายิ้มกว้างกว่าเดิม
แววตาอ่อนโยนนั้นราวกับแสงแดดยามเช้า อบอุ่นจนเหยียนเอ๋อร์ต้องหลบสายตาอย่างไม่รู้ตัว
เซียวหรู /น้องสาว
เจ้าหายไว ๆ นะ
เซียวหรูพูดเพียงเท่านั้น แล้วเดินจากไปอย่างเบาเทา ทิ้งให้เหยียนเอ๋อร์นั่งนิ่งอยู่ท่ามกลางความเงียบอันอบอุ่น
ในเช้าวันหนึ่งที่ท้องฟ้าโปร่งใส
เซียวหรูเปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างเคย
แต่วันนี้ ห้องที่เคยมีร่างเล็ก ๆ นั่งอยู่ กลับว่างเปล่า…
บนโต๊ะไม้ตัวเก่า มีเพียงจดหมายแผ่นหนึ่งวางอยู่อย่างเรียบร้อย
เซียวหรูคว้ามันขึ้นมาอ่าน
ลายมือไม่เรียบร้อยนัก แต่ข้อความกลับหนักแน่นและจริงใจ
“ขอบคุณท่านมาก
ขอบคุณทั้งสองท่านที่ช่วยชีวิตข้าไว้
ข้าสัญญา…วันหนึ่งข้าจะกลับมาตอบแทน”
มือเรียวบางของเซียวหรูสั่นน้อย ๆ ขณะกำกระดาษแผ่นนั้นไว้แน่น
ภายในห้อง เงียบสงัดจนได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง
แสงแดดยามสายส่องลอดผ่านหน้าต่าง ทอดเงาว่างเปล่าไปทั่วห้อง
เหลือไว้เพียงร่องรอยจาง ๆ ของเด็กสาวคนหนึ่งที่หายตัวไปพร้อมกับความตั้งใจแน่วแน่ในหัวใจ
เซียวหรู /น้องสาว
ท่านพี่นางไปแล้ว
เซียวเหยียน
เซียวหรูปกติเจ้าไม่เคยห่วงใคร แม้แต่พี่ตัวเองเจ้ายังไม่ห่วง
เซียวหรู /น้องสาว
พี่ตัวเท่ายักษ์ นิสัยก็ยังโหดเหมือนพ่ออีก
เซียวหรู /น้องสาว
จะให้ข้าเป็นห่วงได้อย่างไร
เซียวเหยียน
เอาเถอะเรารีบกลับเมืองหลวงกันท่านพ่อจะกินหัวข้าอยู่แล้ว
เซียวเหยียน
บ่นในเอกสารอยู่นั้น
3
เหยียนเอ๋อร์เดินฝ่าลมแรงไปตามถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่นทราย
เสื้อผ้าหลวมโพรกของชาวบ้านปิดบังบาดแผลเก่า ๆ ไว้
ในมือของเธอกำเงินเล็กน้อยแน่น — เงินที่เซียวหรูเคยยื่นให้อย่างเมตตา
เธอขึ้นรถม้าร้าง ๆ ไปกับชาวบ้านที่มุ่งหน้าทิศตะวันออก
ตลอดทาง เธอกอดตัวเองแน่น หลบมุมในเงามืดของรถม้า ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาใคร
เมื่อถึงเมืองใหม่ที่ไม่คุ้นเคย
เหยียนเอ๋อร์ก้าวลงจากรถม้า
ลมหายใจขาดห้วง ดวงตาเหม่อมองรอบ ๆ อย่างไร้จุดหมาย
ไม่มีที่ไป
ไม่มีใครรู้จัก
ไม่มีแม้แต่หลังคาจะซุกหัวนอน
เธอเดินไปตามตรอกซอกซอยแคบ ๆ อย่างไร้ทิศทาง
แต่แล้วเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก็ดังขึ้นจากเบื้องหลัง
ตปก
2:มีเงินด้วยนี่หว่า ฮ่า ๆ ๆ!
เหล่าชายเร่ร่อนสองสามคนรูปร่างสกปรกกรูกันเข้ามาล้อมรอบเหยียนเอ๋อร์
กลิ่นเหม็นสาบและแววตาโหดเหี้ยมทำให้ร่างเล็กแข็งค้างไปชั่วขณะ
ยังไม่ทันที่เธอจะตั้งตัว
หมัดแรกก็ต่อยเข้าที่ท้องของเหยียนเอ๋อร์อย่างจัง
ร่างบอบบางทรุดลงกับพื้นทันที มือเล็กพยายามกอดเงินก้อนสุดท้ายไว้แน่น
อีกคนเตะซ้ำเข้าไปที่สีข้างเธอ
ความเจ็บปวดแล่นพล่านจนสติเลือนราง
น้ำตาไหลพรากบนใบหน้าขาวซีด
แต่เหยียนเอ๋อร์กัดฟันแน่น — เธอไม่ยอมร้อง ไม่ยอมวิงวอนแม้แต่นิดเดียว
ในใจมีเพียงเสียงเดียวดังสะท้อนก้องอยู่ตลอดเวลา
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
ข้าต้องรอด
เหยียนเอ๋อร์เบิกตากว้าง หอบหายใจถี่รัว
ในหางตา เธอเห็นไม้เก่า ๆ อันหนึ่งตกอยู่ข้างตัว
ไม่รอช้า!
มือที่สั่นระริกคว้าขึ้นมาแน่น
เสียงหัวใจเต้นแรงจนแทบได้ยินชัดเจนในหู
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
ย๊าาา!!
เธอตะโกนสุดเสียง ฟาดไม้ในมือลงไปเต็มแรง!
ฉัวะ!
ชายเร่ร่อนคนหนึ่งโดนฟาดเข้ากลางหน้า แขนใหญ่ ๆ ปล่อยหลุดเงินที่ฉกไปจากมือเธอ
เหยียนเอ๋อร์ไม่ลังเล
เธอโผเข้าคว้าเงินคืนมา กอดมันไว้กับอกแน่น
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
เอาเงินคืนมา!!
เสียงกรีดร้องปนสะอื้นหลุดออกมาจากลำคอ
อีกสองคนที่เหลือโกรธจัด
หนึ่งในนั้นเหวี่ยงหมัดใส่เธออีกครั้ง แต่เหยียนเอ๋อร์เบี่ยงตัวหนีสุดแรงเกิด
ไม้ในมือเธอสะบัดไปโดนเข่าอีกฝ่ายจนทรุดลงไป
เธอเห็นว่าพวกชายเร่ร่อนยังไม่ยอมคืนเงิน
ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความเจ็บแค้นและหวาดกลัว
เหยียนเอ๋อร์กัดฟันแน่น
ไม้ในมือถูกเงื้อขึ้นอีกครั้ง!
เสียงกรีดร้องขาดเป็นห้วง ๆ พร้อมแรงฟาดสุดชีวิต
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
ย๊าาาา!!
ไม้เก่า ๆ กระหน่ำลงไปบนตัวชายพวกนั้นอย่างบ้าคลั่ง
ฟาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่สนใจเสียงสบถหรือแขนที่ยกขึ้นมากันไว้
เธอฟาดไปทั้งน้ำตา ทั้งความกลัว ทั้งความสิ้นหวังที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจมาตลอดชีวิต
รอบข้าง…
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาในตรอกแคบ ๆ เหลือบมองเพียงครู่หนึ่งก่อนจะรีบเบือนหน้าหนี
ไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วย
ไม่มีใครแม้แต่จะสนใจ
ในสายตาของพวกเขา…
เหยียนเอ๋อร์ก็เป็นแค่คนเร่ร่อนที่ไร้ค่าอีกคนหนึ่งเท่านั้น
เหยียนเอ๋อร์รีบคว้าเงินจากมือพวกนั้นมากอดแน่นกับอก
แล้วออกวิ่งสุดชีวิตไปตามตรอกซอยที่สกปรกและวกวน
เธอหอบหนัก ร่างกายอ่อนล้าจนขาแทบลากไปกับพื้น
แต่จิตใจที่ร้อนรุ่มยังคงผลักดันให้เธอไม่หยุดวิ่ง
จนกระทั่ง…
ในมุมหนึ่งของตรอกสายตาเธอก็สะดุดเข้ากับภาพตรงหน้า
หญิงสาวคนหนึ่งสวมชุดผ้าไหมงดงาม กำลังถูกกลุ่มทหารสามสี่นายล้อมกรอกกวน ลวนลามด้วยท่าทางน่ารังเกียจ
หญิงสาวดิ้นรนร้องขอความช่วยเหลือ แต่นอกจากเสียงหัวเราะหยาบโลน ก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับ
เหยียนเอ๋อร์เบิกตาโพลง กัดริมฝีปากแน่น
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
อย่า…อย่าเข้าไปยุ่งเลย
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
ข้าเอาตัวเองยังไม่รอด จะเอาอะไรไปช่วยคนอื่น
เธอเบือนหน้าหนี พยายามบังคับขาให้ก้าวไปข้างหน้า
แต่หัวใจของเธอกลับหนักอึ้ง จนสุดท้ายต้องหยุดลง
เงามืดในอดีต…เสียงกรีดร้องที่ไม่มีใครเหลียวแล…เหมือนย้อนกลับมาเล่นงานใจเธออีกครั้ง
เหยียนเอ๋อร์กัดฟันกรอด หันขวับกลับไปอย่างเด็ดขาด!
มือเล็ก ๆ ก้มลงหยิบก้อนหินข้างทางขึ้นมาสี่ก้อน
“ปิ้ว! ปิ้ว! ปิ้ว! ปิ้ว!”
เสียงหินแหวกอากาศดังติดกันรัว ๆ
ก้อนหินพุ่งเข้าใส่พวกทหารน่ารังเกียจอย่างแม่นยำ
โดนเข้าที่หลัง ที่แขน ที่หัวไหล่ของพวกมัน!
พวกทหารที่กำลังลวนลามหญิงสาวชะงักงัน
พวกมันหันรีหันขวาง มองหาต้นทางของก้อนหิน
แต่ไม่ทันได้ตั้งตัว
ปิ้ว! ปิ้ว! ปิ้ว!
ก้อนหินอีกชุดหนึ่งกระหน่ำมาอีกระลอก
โดนเข้าที่หัว ที่ไหล่จนพวกมันสะดุ้งถอยหลังด้วยความโกรธ
ในที่สุด พวกทหารก็ทนไม่ไหว
พวกมันปล่อยหญิงสาวชุดหรูทิ้งไว้ แล้วแยกย้ายกันไล่ตามหาเหยียนเอ๋อร์ในตรอกอย่างเกรี้ยวกราด
และในจังหวะนั้นเอง…
เหยียนเอ๋อร์ที่แอบอยู่หลังเสาไม้ ผิวปากเบา ๆ เรียกความสนใจ
หญิงสาวที่นั่งทรุดร้องไห้ยังไม่ทันตั้งสติ
เหยียนเอ๋อร์พุ่งเข้ามา
คว้าแขนเธออย่างรวดเร็ว!
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
ไป!!!
เธอกระซิบเร่งด้วยเสียงร้อนรน
หญิงสาวตกใจแต่ก็ยอมลุกขึ้นตามแรงฉุด
ทั้งสองคนวิ่งสุดแรงไปในตรอกเล็ก ๆ ที่คดเคี้ยว
เสียงตะโกนไล่ล่าไล่หลังพวกเธอมาติด ๆ
ตปก
นังตัวดี! หยุดเดี๋ยวนี้!!
แต่เหยียนเอ๋อร์ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง
มือหนึ่งกุมเงินแน่น อีกมือกุมข้อมือหญิงสาวเอาไว้
เหยียนเอ๋อร์หันขวับไปมองเบื้องหลัง
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของพวกทหารดังกระทบพื้นดินจนสั่นสะเทือน
สายตาคมกวาดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เธอเห็นแสงสว่างและเสียงจอแจอยู่ไม่ไกลนัก — ตลาด!!
เหยียนเอ๋อร์กัดฟันแน่น รู้ว่านี่คือโอกาสเดียวที่จะรอด
ในชั่วพริบตา
เธอผลักหญิงสาวที่พยายามวิ่งตามมาไปข้างหน้าเต็มแรง!
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
ไปทางตลาดเร็ว!
หญิงสาวเซถลาไปทางด้านนอกที่ผู้คนแน่นขนัด
เหยียนเอ๋อร์ตามมาติด ๆ
ทั้งสองพุ่งทะลุเข้าไปในฝูงชนหนาแน่น
เสียงตะโกนขายของ เสียงหัวเราะ เสียงต่อรองราคาดังระงมกลบเสียงทหารที่ตามมา
เหยียนเอ๋อร์เบียดแทรกไปตามแผงขายผ้า เลี้ยวหลบซ้ายขวาอย่างคล่องแคล่ว
มือยังคงดึงหญิงสาวคนนั้นให้วิ่งตามไม่ห่าง
แต่เมื่อผู้คนแน่นขนัดไปหมด
ร่างของเหยียนเอ๋อร์กับหญิงสาวก็ค่อย ๆ กลืนหายไปกับฝูงชน
เธอพาอีกฝ่ายเลี้ยวเข้าตรอกเล็ก ๆ อีกเส้น
หยุดหอบหายใจแรง ๆ อยู่ข้างแผงขายเครื่องเทศที่มีกลิ่นแรงจนกลบกลิ่นตัวพวกเธอได้
เหยียนเอ๋อร์เงี่ยหูฟังอยู่พักใหญ่
เสียงฝีเท้าของพวกทหารค่อย ๆ เบาลง จนสุดท้ายเงียบหายไป
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
รอดแล้ว
เหยียนเอ๋อร์หันไปมองหญิงสาวที่ยังตัวสั่นไม่หยุด
ใบหน้าขาวซีด ริมฝีปากสั่นระริกเหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
ปลอดภัยแล้ว
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
เจ้ารีบไปตามหาคนของเจ้าเถิด ก่อนที่พวกมันจะย้อนกลับมา
หญิงสาวคนนั้นยังกำชายเสื้อของเหยียนเอ๋อร์แน่น
น้ำตาคลอหน่วย ก่อนจะกุมมือของเหยียนเอ๋อร์ไว้แน่นแทน
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
เจ้าดูข้าสิ…สภาพแบบนี้ ใครจะอยากจับนักหนา
หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น ราวกับลังเลอยู่ชั่วครู่
แล้วจึงล้วงมือเข้าไปในเสื้อผ้า หยิบห่อผ้าเล็ก ๆ ที่พันเชือกเส้นบางไว้อย่างดีออกมา
ตปก
ข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านอย่างไร แต่นี่คือเงินที่ข้าพกติดตัวมา
เหยียนเอ๋อร์เบิกตากว้าง เลื่อนสายตาสลับระหว่างห่อผ้ากับใบหน้าหญิงสาว
ใจหนึ่งอยากปฏิเสธ แต่อีกใจ…รู้ดีว่าตัวเองไม่มีแม้กระทั่งเศษเงินไว้ซื้อข้าวมื้อหน้า
หลังลังเลครู่หนึ่ง
เหยียนเอ๋อร์ยื่นมือไปรับอย่างเงียบ ๆ
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
ขอบใจ
หญิงสาวยิ้มบาง ๆ ก่อนจะกล่าวลาสั้น ๆ แล้วรีบหายลับไปในฝูงชนที่จอแจ
เหลือเพียงเหยียนเอ๋อร์ที่ยืนอยู่กลางตรอกอันวุ่นวาย
มือหนึ่งกำห่อผ้าแน่น รู้สึกถึงความอุ่นเล็ก ๆ ที่ไม่เคยสัมผัสมานานแล้ว
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!