ยามบ่ายที่แสนวุ่นวายภายในบริษัทแห่งหนึ่งในเมืองใหญ่ เหล่าพนักงานของแต่ละฝ่ายต่างก็วุ่นวายอยู่กับงานที่ตัวเองได้รับมอบหมายให้ส่งตามกำหนด บางคนลูกตาแทบจะทะลักออกมาอยู่แล้ว เอาตามตรงบริษัทนี้ค่อนข้างจะเข้มงวดกับการทำงานเอามากเพราะงานของบริษัทนี้ต้องพิถีพิถันและมีความสร้างสรรค์ เพราะบริษัทนี้รับเหมาทำคอนเทนต์ให้กับแบรนด์ดังต่างๆ บอกเลยว่าไม่ธรรมดา
"เฮ้อ ปวดตาจะแย่อยู่แล้ว😭"
พนักงานฝ่ายออกแบบคนนึงบ่นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าจากการทำงานอยู่ที่หน้าจอคอมมาประมาณ 20 นาทีได้
“ เอาน่า งานก็ใกล้เสร็จแล้วนี่ ”
“ ฮือ อยากพักแล้วอ่ะ ”
“ จะพักสายตาก็พักได้นิ 🤔”
พนักงานสองคนคุยกันอยู่สักพักก่อนจะหยุดเงียบเมื่อได้ยินเสียงของคนที่คุ้นเคยดังขึ้น
**“ หัวหน้าค่ะ งานที่คุณสั่งฉันทำเสร็จเรียบร้อยหมดแล้วค่ะ ” **
สิ้นสุดคำพูดหญิงสาว ทุกคนในฝ่ายต่างหันไปมองที่โต๊ะทำงานของหัวหน้า แล้วคนที่ยืนอยู่ก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็น ลิน่า พนักงานคนโปรดของหัวหน้าแล้วยังเป็นพนักงานดีเด่นของแผนกฝ่ายออกแบบด้วยเช่นกัน นอกจากจะทำงานเก่ง เสร็จเร็วตามเวลาแล้ว ลิน่ายังเป็นผู้หญิงที่สวยเซ็กซี่จนทั้งผู้ชายและผู้หญิงต้องเลี้ยวมองไม่หยุดกันเลยทีเดียว
“ โอ้ว\~ คุณลิน่าทำงานเสร็จเร็วเหมือนอย่างเคยเลยนะคะเนี่ย”
“ แล้ว..งานของดิฉันหมดใช่มั้ยค่ะ”
“ ใช่ค่ะ งานของคุณลิน่าก็น่าหมดแล้วล่ะคะ”
“ถ้างั้น ลิน่าขอตัวกลับก่อนนะคะ”
หญิงสาวในเสื้อเชิ้ดสีขาวกับกระโปรงทรงเอกล่าวจบก็เดินไปที่โต๊ะทำงานของตน เก็บข้าวของที่สำคัญเข้ากระเป๋าใบโปรดก่อนจะเดินออกจากประตู พอเห็นหญิงสาวออกไปแล้วพนักงานทุกคนก็หันไปมองที่นาฬิกาพร้อมเพรียงกัน แล้วก็เป็นอย่างที่ทุกคนคิด หญิงสาวออกจากออฟฟิศเร็วจากเดิม ประมาณ 16:22 ได้ ซึ่งมันเร็วขึ้นจากเวลาปกติของลิน่าที่มักจะกลับตอน 16:30 นาที ทำพนักงานบางคนรู้สึกว่าลิน่านั้นกลับเร็วกว่าปกติมากๆ
“ลิน่า กลับเร็วเหมือนเดิมเลยนะ”
”ก็คนมันทำงานเก่งอ่ะเนอะ”
”อืม..แต่รู้สึกว่าเธอจะกลับไวกว่าปกตินิดนึงรึเปล่า”
“นั้นสิ รีบกับไปดูแลแมวรึเปล่า”
“น่าจะใช่ เห็นพูดอยู่นะว่าแมวป่วยอ่ะ”
“แมวป่วย? หรือว่าผู้ชายป่วยกันแน่นะ 555”
เสียงแสดแก้วหูจากพนักงานคนนึงดังขึ้น ทำเอาคนที่กำลังมุ่งมั่นในการทำงานถึงกับต้องรีบเอาที่อุดหูมาใส่เลยทีเดียว
“นี่พิ้งค์ แกจะมาพูดมั่วซั่วแบบนี้ไม่ได้นะ”
“เอ้า ก็ฉันพูดจริงฉันเห็นมากับตาเลยนะจะบอกให้”
“เฮ้อ เอาอีกแล้ว”
“พิ้งค์ ฉันรู้จักลิน่ามาตั้งแต่มหาลัยจนทำงาน ยังไม่เคยเห็นมันไปไหนมาไหนกับผช.เลยสักครั้ง จะให้เชื่อได้ยังไง?”
“ไม่เชื่อก็แล้วแต่!! แต่กูว่ายังไงมันก็ต้องแอบซ้อนผช.ไว้ในห้องพักมันแน่นอน!!”
“😑เอาอีกแล้ว \(กระซิบ\)”
“อุ้ย แค่นี้ก่อนนะ\~ แด้ดดี้ โทรมา”
“เอ่อ ไปๆสักทีเถอะ”
หญิงสาวในชุดสีชมพูทั้งตัวกดรับโทรศัพท์ก่อนจะพูดกับคนในสายด้วยเสียงสอง ประมาณว่าวันนี้อารมณ์ไม่ค่อยดีเลย อยากให้พาตัวเองไปช็อปปิ้งหน่อย แล้วก็เดินออกประตูไป
“แม่ง ปวดหูชิบ”
“คือ…นางรู้ตัวบ้างมั้ยว่านางทำให้คนอื่นต้องรีบไปซื้อที่อุดหู”
“เริ่มไม่มั่นใจล่ะ ว่านางมั่นใจหรือมั่นหน้า”
“ดูก็รู้แล้วว่ามันมั่นหน้า มึงไม่เห็นเหรอ เอะอะๆก็ แด้ดดี้ค่า\~พาเขาไปช็อปปิ้งหน่อย\~”
“😆โคตรเหมือน”
“โคตรไม่สบอารมณ์ อิจฉาไม่ว่านะ แต่แม่งพูดถึงลิน่าแบบนั้น😤”
“เอาเถอะ อย่างมันนะมีดีแค่เป็นเด็กเสี่ยเท่านั้นแหละ”
“อุบ แรงเวอร์”
“อย่างอื่นก็แรงนะถ้าอยากลอง😏”
“😳อา…”
“พอๆ ไปทำงานให้เสร็จเถอะ”
พูดจบก็แยกย้ายกันไปทำงานของใครของมัน ในบรรดาพนักงานบริษัทมักจะมีหนึ่งคนที่เป็นตัวปัญหาซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็น พิ้งค์ พนักงานออกแบบที่ทำงานเก่งไม่ต่างจากลิน่าเลย แต่ติดอยู่ที่นางมั่นใจในการทำงานของตัวเองมากเกินเลยทำให้ทำงานพลาดหลายครั้งแล้วนางก็มักจะโทษว่าหัวหน้าเข้าไม่ถึงงานที่ตัวเองทำ ทั้งๆที่หัวหน้าให้นางออกแบบคอนเทนต์ให้ตรงกับคอนเซ็ปของแบรนด์แบบง่ายๆแต่นางก็ทำให้มันออกนอกทะเลไปซะหมด ด้วยความที่หัวหน้ารำคาญเสียงบ่นนางเลยเอางานนางไปให้คนอื่นแก้แทนที่จะเถียงกับนาง ไม่แก้วหูแตกพอดี
ตัดมาทางฝั่งของลิน่าที่กำลังเคร่งเครียดกับการหายารักษาเจ้าเมาเมาแมวน้อยของเธอที่กำลังป่วยหนักอยู่ในตอนนี้ หญิงสาวแวะเวียนหายาตามร้านขายสำหรับสัตว์เลี้ยงหลายๆที่แต่ก็ไม่มียาที่เธอต้องการ เจ้าเมาเมา เป็นแมวที่ป่วยง่ายมากๆแถมอาการป่วยของมันยังรักษายากเอามาก เธอเคยพามันไปรักษาหลายที่แต่ก็ไม่มีใครรักษามันได้เลย เว้นแต่สถานที่นึงที่เธอพามาไปเหมือนจะชื่อร้าน สมุนไพรแมว อะไรสักอย่างเจ้าของร้านนั้นตรวจดูร่างกายและวินิจฉัยอาการของเมาเมาแล้วก็ให้ขวดจิ๋วที่บรรจุผงสีเขียวๆอยู่ข้างในแล้วเจ้าของร้ายก็แนะนำว่าให้ผงนี่ลงในอาหารแมว ขอยอมรับเลยว่าตอนนั้นหญิงสาวไม่ค่อยเชื่อใจคำพูดของเจ้าของร้านสักเท่าไรแต่เธอก็ไม่มีทางเลือกเพราะไม่มีใครจะรักษาเมาเมาได้แล้ว จึงต้องจำใจยอมรับของสิ่งนี้เอาไว้ แต่ก็มีบางอย่างยังคงคาใจลิน่าอยู่ก็คือการที่เจ้าของร้านนั้นไม่ยอมเงินของเธอแล้วให้ยากับเธอแบบฟรีๆ
ลิน่าสลัดความสงสัยยอออกจากหัวแล้วตั้งตาดูแลเจ้าเมาเมาเป็นอย่างดี พร้อมทำตามสิ่งที่เจ้าของร้านบอกด้วยความหวังว่าเจ้าเมาเมาจะหายดีแล้วกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ใส่ผงปริศนาลงในอาหารแมวทุกๆวัน ไม่นานเมาเมาก็กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม แถมดีดกว่าเดิมร่วมด้วย หญิงสาวดีใจที่เจ้าแมวน้อยของเธอหายดีเป็นปลิดทิ้ง แล้วรู้สึกขอบคุณเจ้าของร้านสมุนไพรแมวมากๆ ที่ช่วยให้แมวน้อยของเธอหายดีเป็นครั้งแรก
แต่ในตอนนี้อาการป่วยเรื้อรังของเจ้าเมาเมาก็กลับอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้ป่วยหนักแบบนี้มานาน สิ่งเดียวที่ลิน่าคิดได้คือต้องกลับไปขอยารักษาจากร้านสมุนไพรแมว แต่วันนี้กับมีบางอย่างที่แปลกคือร้านนั้นหายไปอย่างเป็นปริศนาราวกับว่าไม่เคยมีร้านนี้ตั้งอยู่มาก่อน ไม่ว่าจะถามหาร้านนี้กับใครไปกี่คนก็ไม่มีใครรู้จัก แถมตัวยาที่เคยได้ก็ไม่มีร้านไหนรู้จักเลย เพราะขวดยาไม่ได้มีฉลากอะไรกำกับไว้เลย
“เฮ้อ หมดหนทางแล้ว😔”
หญิงสาวถอนหายใจด้วยความเหนื่อย ตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือนั่งรอรถเมล์เพื่อที่จะกลับไปหาเจ้าเมาเมา วันนี้ดูท่าคงจะต้องดูแลรักษาเบื้องต้นไปก่อน น่าสงสัยจริงๆทำไมร้านนั้นถึงไม่มีใครรู้จักกันเลยนะ ถึงร้านจะดูไม่ค่อยเป็นที่รู้จักอยู่แล้วก็เถอะแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครรู้จักเลยไม่ใช่เหรอ คิดสงสัยอยู่สักพักรถเมล์ก็มาพอดี
“เฮ้อ เหนื่อยจัง…รู้สึกอยากนอนมากๆเลย..”
ความรู้สึกเหนื่อยล้าเริ่มส่งผลให้หญิงสาวรู้สึกอยากหลับขึ้นมาทันที แต่ถ้าหลับตอนนี้มีหวังลงรถไม่ทันแน่… เวลาผ่านไปประมาณ 5 นาทีได้ รู้สึกว่ารถเมล์ขับช้ากว่าปกติรึเปล่านะ? รถน่าจะต้องจอดลงที่ป้ายทางกลับที่พักของเธอได้แล้วนี่ ความเหนื่อยล้าเริ่มถวีคูณมากขึ้น ทำให้ตาของหญิงสาวเริ่มปิดลงเธอไม่อาจทนความเหนื่อยได้จนสุดท้ายก็เผลอหลับไป
17:20 น.
“ อืม.. ห้ะ!! ทุกคนหาไปไหนหมด”
อย่างที่คิดเธอเผลอหลับไปนานพอสมควรเลยล่ะ เพราะตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในรถเมล์แล้วแม้แต่คนขับรถก็ไม่อยู่ หญิงสาวตกใจกับสถานการณ์ตอนนี้เอามาก เพราะเธอไม่เคยเผลอหลับนานขนาดนี้มาก่อน ดูเมือนว่าเธอคงต้องลงจากรถเมล์ก่อนแล้วค่อยเรียกแกร็บ
“อ่ะ..นี่มันอะไรกัน”
แล้วเธอก็ต้องใจหายอีกครั้งเพราะว่ารถเมล์ดันมาจอดในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย มันเป็นเหมือนสวนสาธารณะที่มีป่าค่อนข้างจะใกล้กับธรรมชาติมากพอสมควร ที่แน่ๆเธอไม่เคยมาที่นี่มาก่อน หญิงสาวหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อจะเรียกแกร็บ แต่มือถือดันเปิดไม่ติดซะยัง
“เปิดไม่ติดอะไรตอนนี้เนี่ย!!”
พยายามเปิดเครื่องหลายครั้งแต่ก็เปิดไม่ติด ตอนนี้ไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องเดินเข้าไปในสวนสาธารณะ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าออกก่อนที่จะก้าวเดินไปทางสวนสาธารณะอย่างกล้าๆกลัวๆเพราะต้องหาทางกลับที่พักในที่ที่ไม่คุ้นเคย เดินๆไปแล้วมองสำรวจบรรยากาศที่นี่ดีกว่าที่คิดคงเพราะอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติด้วยล่ะมั้ง เดินไปเลยๆก็เริ่มพ้นจากเส้นทางในป่า ก็เป็นเหมือนสวนสาธารณะที่เธอเคยเห็นตามปกติ ที่น่าแปลกก็คือสวนสาธารณะไม่มีคนอยู่เลยทั้งๆที่น่าจะมีคนมาวิ่งออกกำลังกายในช่วงเย็นแท้ๆ ลิน่าเริ่มรู้สึกแปลกกับสถานที่นี้แต่ก็พยายามไม่คิดอะไรเยอะ แล้วสายตาเธอก็ไปสะดุดกับม้านั่งตัวนึงที่สีแปลกกว่าเพื่อน หญิงสาวมองม้านั่งตัวนั้นอยู่สักพักก็เริ่มรู้สึกคุ้นๆกับม้านั่งตัวนั้น แล้วจู่ๆก็มีภาพเหตุการณ์บางอย่างผุดขึ้นในหัว เธอเห็นเป็นเหมือนสวนนี้ในบรรยากาศที่ฝนตกหนักและมีลูกแมวนอนหลบฝนอยู่ใต้ม้านั่งตัวนั้น แล้วสักพักก็มีผญ.คนนึงเดินมาที่ม้านั่งแล้วแล้วยื่นมือไปอุ้มแมวตัวนั้น
ไม่นานหญิงสาวก็เริ่มนึกอะไรขึ้นมาได้ คนที่เธอเห็นในภาพนั้นคือ เธอเอง แล้วลูกแมวตัวนั้นก็คือเมาเมา สวนสาธารณะนี้คือที่ที่ได้เจอกับเจ้าเมาเมาเป็นที่แรก ลิน่าเริ่มเกิดความสงสัยมากขึ้นว่าทำไมเธอถึงพึ่งจำได้ว่าเธอเคยมาที่นี่ หญิงสาวรับรู้ถึงลางบางอย่างจึงรีบวิ่งออกไปจากตรงนี้ แล้วสิ่งที่เธอรู้สึกก็เป็นจริงอย่างที่คิดไว้
ติดตามตอนต่อไป
หลังจากที่หญิงสาววิ่งออกมาจากสวนสาธารณะเธอก็ต้องกลับมาวิตกกังวลอีกครั้งเพราะรอบๆเมืองกับไม่มีคนอยู่เลยแม้แต่หมาก็ไม่มี ในเมืองมีแต่ความเงียบสงัด ไม่มีเสียงคน ไม่มีรถสัญจร ราวกับว่าเมืองนี้ไม่มีใครอาศัยอยู่มาเป็นระยะแล้ว ตอนนี้มีเพียงแค่เธอคนเดียวที่ยังอยู่
“แปลกมาก..ไม่มีอะไรจะแปลกไปมากกว่านี้แล้ว.”
อาการวิตกกังวลของลิน่าเริ่มหนักลงขึ้นเลยๆ ในหัวตอนนี้มีแต่ความสงสัยและความรู้สึกกลัวในเวลาเดียวกัน ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่คนเดียวกันนะ แล้วคนอื่นๆหายไปไหนกันหมด หญิงสาวได้แต่คิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่รึเปล่า แต่ทุกอย่างทำสมจริงเกินกว่าจะเป็นได้แค่ฝันจริงๆนั้นแหละ
“ ฟูว\~ ใจเย็นมันต้องมีอะไรที่อธิบายให้เราเข้าใจได้แน่”
หญิงสาวบอกตัวเองไปแบบนั้นเพื่อสยบความกลัว ในสถานการณ์แบบนี้ถ้าเรายังอยู่เฉยๆคงไม่มีทางเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้หรอก ตั้งสติแล้วลองเดินสำรวจดูรอบๆก่อนดีกว่า ว่าแล้วก็เริ่มเดินไปตามเส้นทางที่ตนพอจะรู้จัก ร้านค้าต่างๆ เหมือนจะปิดหมดเลย ราวกับว่าทุกคนอพยพไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยหรือไม่ก็…แม้ เห็นแล้วนึกถึงเกมรอดชีวิตรอดในวันโลกาวินาศเลยแหะ หวังว่าจะไม่มีซอมบี้หรอกนะ คิดไปคิดก็เริ่มอยากหาอะไรมาใช้ป้องกันตัวเองมาก ถ้ามีซอมบี้จริงๆอย่างที่คิดในหัว
“หืม?”
จู่ๆก็ได้ยินเสียงบางอย่างมากจากซอกซอยใกล้ๆ เสียงมันบางอยู่พอสมควรเลยฟังไม่ค่อยออกว่าเป็นเสียงอะไร ด้วยความสงสัยเลยลองหาเส้นทางของเสียงดู ตามเสียงไปเลยๆก็เริ่มได้ยินเสียงชัดขึ้นเสียงมันคล้ายๆกับเสียงร้องของแมวเลยหรือจะเป็นเสียงแมวกันนะ? พอคิดได้ว่าน่าจะเป็นเสียงแมวหญิงสาวก็เริ่มเดินตามเสียงไปเลยๆ จนมาเจอกับกล่องกระดาษใบใหญ่ที่ติดเทปกาวไว้แน่นหนา พอลองเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เสียงแมวก็ดังขึ้นจากในกล่อง หญิงสาวเห็นอย่างจึงรีบแกะเทปที่กล่องแต่ดูเหมือนว่ามันจะติดแน่นเกินกว่าที่เธอจะใช้มือแกะได้ หญิงสาวลองมองดูรอบๆว่ามีอะไรพอจะใช้ได้ไหม เธอค้นดูกองขยะแห้งที่อยู่ใกล้ๆ เหมือนจะมีคัตเตอร์เล็กกับกล่องผ้าพันแผลอยู่ของพวกนี้ยังดูใหม่อยู่เลย ใครมันกล้าทิ้งของที่ยังใช้งานได้แบบนี้กัน
พอได้ของที่น่าจะใช้ได้แล้ว หญิงสาวก็รีบใช้คัตเตอร์กรีดเทปกาวทันที พอเปิดกล่องได้แล้วเธอก็ต้องตกใจที่แมวในกล่องนั้นมีแผลเลือดออกตรงขา แถมมันยังดูอ่อนเพลียมากๆ เธอเห็นแผลของแมวแล้วจึงหยิบผ้าพับแผลมาตัดเป็นชิ้นเล็กพอดีกับขาแมวแล้วพันแผลให้มันอย่างเบามือ
เมี้ยว…
“😞ใครมันกล้าทำเรื่องโหดร้ายกับแมวกันแน่นะ”
“จะไม่มีวันให้อภัยมันเป็นอันขาด😤”
ในใจของเธอทั้งเจ็บปวดและโกรธในเวลาเดียวกัน เธอได้แต่เก็บความโกรธเอาไว้ในใจ ตอนนี้ตรงช่วยให้แมวช่วยอาการดีขึ้นก่อน หญิงสาวอุ้มแมวตัวนี้ไว้ในอ้อมแขนแล้วเดินไปยังคลินิกรักษาสัตว์ที่เธอเคยพาเมาเมามาตรวจสุขภาพ อย่างที่คิดไม่มีคนหรืออะไรในคลินิกตอนนี้เธอไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คงจะต้องขอหยิบอุปกรณ์ในนี้มาใช้ก่อน
“ขอใช้อุปกรณ์หน่อยนะคะ”
เธอพูดขออนุญาต ก่อนจะวางเจ้าแมวไว้ที่โซฟา แล้วไปเอาชุดปฐมพยาบาลมาใช้ทำแผลให้เจ้าแมวอีกที เพราะเธอไม่ค่อยแน่ใจว่าผ้าพันแผลที่เจอสะอาดรึเปล่า เธอแกะผ้าพันแผลเก่าออกก่อนจะตรวจดูแผลของเจ้าแมว และทำการล้างแผลพร้อมกับฆ่าเชื้อไปด้วยแล้วปิดจบด้วยกางพันแผลใหม่ ปฐมพยาบาลเสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็ไปนำอาหารกับน้ำมาให้เจ้าแมวพอเจ้าแมวเห็นอย่างนั้นก็ร้องเมี้ยว เมี้ยว เหมือนกำลังจะบอกว่า ขอบคุณเจ้ามนุษย์
พอเห็นเจ้าแมวน้อยกินอย่างเอร็ดอร่อยก็ใจฟูขึ้นมาทันที หลังจากที่เจ้าแมวกินเสร็จมันก็กระโดดลงจากโซฟา พร้อมกับเดินวนรอบตัวเธออย่างกับไม่รู้สึกเจ็บแผล แถมจากสภาพที่มันดูอ่อนแอในตอนแรกกับกลายเป็นว่ามันแข็งแรงขึ้นภายในไม่กี่นาที
“😊ดีจังที่แกดีขึ้นแล้ว”
แมวน้อยเดินไปที่ประตูแล้วร้องเรียกเธอ เหมือนอยากให้เปิดประตูให้
“อยากออกไปข้างนอกซินะ”
เมี้ยว\~
เธอเปิดประตูให้กับแมวน้อยแล้วมันก็รีบวิ่งออกไปทันที
”เอ้ะ?! เดี๋ยวสิขาแกเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ!!”
ด้วยความเป็นห่วงแมวน้อยลิน่าจึงรีบวิ่งตามมันไป ถึงมันจะวิ่งเร็วกว่าเธอมากๆแต่เธอก็พยายามวิ่งตามโดยไม่ล่ะสายตาจนมาถึงที่ที่เธอรู้จักเป็นอย่างดี
“เอ้ะ บริษัทที่ฉันทำงานอยู่นี่?”
เมี้ยว\~
เจ้าแมวเดินหนีไปแล้ว หลังจากที่มันเห็นว่าเธอมาอยู่ที่หน้าบริษัท ลิน่าแอบสงสัยว่าทำไมเจ้าแมวถึงวิ่งมาที่หน้าบริษัทที่เธอทำงานอยู่หรือจะมีบางอย่างในออฟฟิศกันนะ เธอเดินเข้าไปในบริษัทโดยไม่ได้คิดอะไร
“….ทำไมข้างในถึงมืดได้ขนาดนี้”
หญิงสาวรู้สึกไม่ชอบที่มืดเอาซะเลย ทุกครั้งที่มองเห็นแต่สีดำมันชวนรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่มีไฟฉายซะด้วยสิจะทำไงดี แล้วจู่ๆก็มีแสงระยิบระยับส่องสว่างเล็กน้อย หญิงสาวสังเกตเห็นแสงนั้นจึงค่อยๆเดินเข้าไปหาแสงนั้นอย่างระมัดระวังเพราะทางข้างหน้ามันมืดจนแทบมองไม่เห็นว่ารอบๆมีอะไรบ้าง พอเธอเดินเข้าไปใกล้มันเลยๆ มันก็ค่อยส่องแสงมากขึ้นๆ จนเริ่มที่จะเห็นรูปร่างของสิ่งที่ส่องแสง แล้วสิ่งนั้นก็คือผีเสื้อสีทอง?
ลิน่าเอื้อมมือไปแตะที่ปีกของมันอย่างเบามือ ก่อนที่มันจะส่องแสงที่สว่างไสวจากภายในบริษัทที่มืดจนน่ากลัว กลายเป็นสถานที่ที่เธอกลับรู้สึกว่ามันสวยงามเหมือนตอนที่เธอเริ่มมาสมัครงานที่นี่ใหม่เลย ตอนนั้นเธอยังจำได้ดีเลยว่าเธอตื่นเต้นมากแค่ไหนที่จะได้มาทำงานที่นี่ ไม่นานแสงสว่างจากผีเสื้อก็ลดลงแต่แสงของมันยังคงสว่างอยู่ มันบินมาตรงหน้าก่อนจะบินไปทางลิฟต์ หญิงสาวรู้สึกได้ว่ามันกำลังนำทางเธอไปที่ไหนสักที่ในบริษัท เธอจึงคิดจะตามมันไป หญิงสาวเปิดลิฟต์แล้วผีเสื้อตัวนั้นก็เข้าข้างใน
“อืม..ว่าแต่ต้องไปชั้นไหนนะ?”
ผีเสื้อบินไปเกาะปุ่มเลข3 ก่อนจะบินออกจากปุ่ม
“ชั้น3 เหรอ?”
ลิน่ากดขึ้นไปชั้น3 ในขนาดนั้นเอง ผีเสื้อก็บินมาเกาะที่ตัวเธอก่อนจะฉายแสงที่สว่างจ้าออกมา จากนั้นก็มีคน..ไม่สิ ต้องเรียกว่ามนุษย์เงามากกว่า เพราะลักษณะของสิ่งมีชีวิตนี้ดูเหมือนคนทุกอย่างแต่แค่ร่างกายของพวกเขาเป็นเหมือนเงาดำสามมิติเหมือนในอนิเมะเรื่องโคนันนักสืบจิ๋ว ถึงตัวจะเป็นเด็กแต่สมองเป็นผู้ใหญ่!!!
“นี่ๆ นายเห็นผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้ามั้ยเพื่อน”
“ทำไมว่ะ สนใจเหรอ?”
“เอ่อ มึงก็ดูดิหุ่นนี่คือแบบหื้ม”
”น้ำลายไหลหมดแล้วมึงเนี่ย”
“เป็นมึงไม่น้ำลายไหลรึไง หุ่นนางแบบขนาดนี้”
มนุษย์เงาผู้หญิงที่ถูกพูดถึงเหมือนจะได้ยินสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นพูด สีหน้าเธอดูรู้สึกอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด แปลกจังเหตุการณ์แบบนี้เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อนรึเปล่านะ? จากนั้นลิฟต์ก็มาถึงที่ชั้น3 แล้วมนุษย์เงาก็หายไปทันใด ผีเสื้อตัวนั้นบินออกจากลิฟต์ มันพยายามส่องแสงให้เธอพอมองเห็นรอบๆ แล้วมนุษย์เงาก็ปรากฏตัวอีกครั้งพวกมันเดินไปเดินมา บางตัวก็กำลังนั่งทำงานในโน้ตบุ๊ค หญิงสาวแอบคิดว่าพวกมันเหมือนกับพนักงานออฟฟิศที่เธอมักจะเจอหน้าเป็นประจำ หรือว่ามนุษย์เงาพวกนี้จะเป็นตัวแทนของพนักงานในบริษัท ถ้าเป็นนั้นจริงมนุษย์ที่เห็นในลิฟต์เป็นใครกันแน่?
ไม่นานหญิงสาวก็มาอยู่ตรงหน้าห้องนึงที่เธอรู้สึกว่ามันน่าจะเป็นห้องสัมภาษณ์งาน ผีเสื้อตัวนั้นเกาะอยู่ที่ประตูเหมือนอยากให้เธอเปิดเข้าไป หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปโดยไม่คิดอะไร
“ช่วยแนะนำตัวให้กรรมการรู้จักหน่อยค่ะ”
“สวัสดีค่ะดิฉัน……มาจาก…..”
“ทำไมคุณถึงอยากมาทำงานที่นี่ครับ”
“เพราะว่า….แล้วก็…..ค่ะ”
บทพูดของผู้หญิงคนนั้นเสียงของเธอถูกตัดไปเป็นบางช่วง ทำให้หญิงสาวไม่รู้ว่าคนที่กำลังตอบคำถามของกรรมการเป็นใครกันแน่ บทสัมภาษณ์ดำเนินการไปตามสเต็ป ถึงเสียงผู้หญิงคนนั้นจะตัดไปเป็นช่วงแต่สุดท้ายบทสัมภาษณ์ก็จบลงด้วยคำว่า ยินดีด้วยคุณมาตรฐานของเราแล้ว
หญิงสาวยังคงงงกับภาพที่เห็น คนพวกนั้นเข้าใจสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นตอบไปได้ยังไงในเมื่อเธอได้ยินผู้หญิงคนนั้นพูดได้แค่ไม่กี่คำเสียงเธอก็ตัดไปเป็นบางช่วงหรือว่าเธอเป็นคนเดียวที่ไม่ยินคำพูดทั้งหมด
“เอ้ะ? จะบินไปไหนฝนอีกล่ะ?”
ผีเสื้อบินออกไปอีกแล้ว คราวนี้มันจะพาเธอไปไหนอีกล่ะ และที่สำคัญเลยคือทำไมมันถึงอยากให้ฉันดูเหตุการณ์พวกนี้กันมันอยากบอกอะไรกันแน่ เริ่มสงสัยแล้วว่าที่นี่ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ มันพยายามจะบอกอะไรกับเรากัน ลิน่าตามผีเสื้อไปอย่างไม่ละสายตาเพราะเธอกลัวความมืดมากๆ กว่าเธอจะกล้าเดินไปที่แสงของผีเสื้อได้ก็ต้องข่มความกลัวไว้มากพอสมควร
ว่าแต่ ต่อไปเธอต้องเจออะไรอีกกันแน่นะ?
ติดตามตอนต่อไป
ผีเสื้อตัวน้อยยังคงบินนำทางเธออย่างช้าๆ แสงที่ปีกของมันเริ่มจะดับลงเลยๆ เธอรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเอาซะเลย เมื่อเห็นแสงที่ปีกมันใกล้ดับลง ราวกับว่ามันใกล้จะหมดหน้าที่ที่ต้องโบยบินอย่างอิสระบนโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่จ้องจะขย้ำสิ่งที่อ่อนแอกว่ามัน พอคิดถึงเรื่องอ่อนแอแล้วผีเสื้อก็เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่เรียกได้ว่าเปราะบางและอายุสั้นกว่าบรรดาสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ไม่รู้หรอกว่าทำไมโชคชะตาถึงกำหนดให้วงจรชีวิตมันสั้นขนาดนี้ แต่มันก็เป็นสิ่งเตือนใจอย่างหนึ่งที่ทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตที่มีอยู่
ไม่นานก็มาถึงจุดที่น่าจะเป็นที่สุดท้ายที่เธอต้องเห็น มันคือแผนกฝ่ายออกแบบที่ตัวของลิน่าทำงานอยู่นั้นเอง ผีเสื้อบินมาเกาะที่ตัวเธออีกครั้งเป็นครั้งที่3 แสงของมันริบหรี่เอามาก แต่มันก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะส่องแสงสว่างออกมา แล้วในที่สุดมันก็ส่องแสงสว่างออกมาจนได้ แสงสว่างได้กระจายไปทั่วรอบทุกอย่างขาวโพลนไปหมดจนมองไม่เห็นอะไรเลย แต่มันกลับไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด คงเพราะไม่ใช่ความมืดละมั้ง แล้วภาพเหตุการณ์บางอย่างก็ฉายขึ้นมา เหล่ามนุษย์เงารวมตัวกันที่แผนกของลิน่าพวกเขากำลังแสดงความยินดีกับพนักงานที่เข้ามาใหม่เหมือนทุกอย่างจะดูโอเคนะ
พนักงานใหม่ต่างก็ทำน่าที่ของตัวเองได้ดีทีเดียว และดูเหมือนว่าจะมีพนักงานหน้าใหม่อยู่2คน ที่ทำงานได้ดีเริ่ดกว่าคนอื่นๆ คนนึงเป็นผญ.ตัวเล็กในชุดโทนชมพูทำงานเก่ง แต่ชอบทำงานตามใจตัวเองไม่ค่อยทำตามเกณฑ์ที่กำหนด ส่วนอีกคนทำงานอย่างสร้างสรรค์ดูแปลกใหม่ แต่ไม่ทำงานออกนอกทะเล แถมยังรอบคอบกว่าอีกคนด้วยซ้ำ ผญ.คนนี้แต่งตัวดูมีภูมิฐานของความเป็นผู้นำ ดูเรียบง่ายแต่แอบหรูหรา บวกกับหุ่นนางแบบของเจ้าตัวก็ดูมีเสน่ห์เข้าไปใหญ่ แน่นอนว่าพนักงานคนอื่นก็ต้องชื่นชมทางฝั่งผญ.คนที่2 อยู่แล้วไม่ใช่แค่เรื่องภาพลักษณ์แต่เป็นความสามารถกับทัศนคติรวมถึง mindset และนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของความริษยา
“นี่พวกเธอ…..สวยมากเลยเนอะ”
“จริงอย่างกับนางฟ้าแน่ะ”
“แถมทำงานเก่งอีกต่างหาก”
“……นี่ เธอรู้เรื่องนี้รึเปล่าน่ะ”
“หื้ม เรื่องไร?”
“ก็เรื่องที่ยัย…..ศัลยกรรมทั้งตัวไง!!”
“ห๊ะ?! ไปเอาจากไหนเนี่ย”
“ก็ฉันได้ยินมากับหูนะสิ โคตรเด็ดเลยรู้ป่ะ5555”
“……”
“……”
“มึงกูว่า…แม่งไม่ใช่ละ”
“จะไปจริงได้ไงละ ดูก็รู้ว่ามันพูดเท็จ”
”กูว่ามันกำลังใส่ร้าย…ชัวร์”
“อยู่ห่างๆมันไว้ดีกว่า ดูทรงน่าจะอิจฉา….”
ผญ.คนนั้นพูดจาว่าร้ายผญ.อีกคนให้ดูไม่ดีในสายตาคนอื่นๆ แต่ดูเหมือนว่าคนอื่นจะไม่เชื่อคำพูดของผญ.คนนั้น ก็ไม่แปลกเพราะผญ.คนนั้นพูดแบบลอยๆโดยที่ไม่มีหลักฐานอะไรมาเป็นตัวพิสูจน์ว่าจริงเลยสักอย่าง แต่นางก็ยังคิดว่าคนอื่นเชื่อคำพูดของนางเลยไม่หยุดที่จะว่าร้ายผญ.อีกคนต่อไป และอย่าคิดว่าผญ.อีกคนจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ เธอรู้และได้ยินมาตลอดแค่แกล้งทำเป็นไม่รู้แล้วเธอก็ทำตัวให้ปกติที่สุด ถึงแม้คำพูดของผญ.คนนั้นจะทำร้ายความมั่นใจของเธอแต่เธอก็พยายามจะไม่ออกตัวกับเรื่องพวกเพราะไม่มั่นใจว่ามีคนเชื่อคำพูดของผญ.คนนั้นเยอะแค่ เธอจึงไม่ได้ทำอะไรถึงแม้คำพูดพวกนั้นมันเริ่มทำให้เธอคาดความมั่นใจ จนกลายเป็นคนตัดขาดจากสังคมก็ตาม
และทุกอย่างก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ ลิน่าแอบรู้สึกว่าเหตุการณ์พวกนี้เหมือนเคยเกิดขึ้นจริงๆในบริษัทของเธอ แต่ไม่รู้ว่าภาพเหตุการณ์ที่เห็นเมื่อตะกี้เป็นสถานการณ์ของใคร เธอรู้แค่ว่ามันเป็นเหตุการณ์ในแผนกของเธอ
“เอ๊ะ? ผีเสื้อตัวนั้นหายไปไหนแล้ว?!”
ผีเสื้อที่เกาะอยู่ที่ตัวเธอมันหายไปอย่างเป็นปริศนา หญิงสาวมึนงงเล็กน้อยแต่กลับไม่ได้กังวลเหมือนคราวก่อน เพราะเธอยังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากตัวของผีเสื้อ ความจริงตอนเจอกับผีเสื้อแรกๆเธอก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากตัวของมัน ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมรู้สึกแบบนั้นก็เถอะ แต่มันก็ช่วยให้เธอสบายใจที่จะอยู่ความมืด
“หื้ม? โต๊ะทำงานฉัน…”
หญิงสาวสังเกตเห็นแสงวูบวาบที่โต๊ะทำงานของเธอ เธอเลยเดินเข้าไปดูอย่างระวัง ก็เห็นผีเสื้อเกาะอยู่บนตะเกียงที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานเธอ มันบินมาตรงหน้าของเธอราวกับกำลังจะบอกว่าหมดหน้าที่ของฉันแล้ว ก่อนจะบินเข้าไปในตะเกียงแล้วสลายกลายเป็นเปลวไฟ
“…..มันสลายกลายเป็นไฟซะแล้ว..”
“แล้ว…ทำไมฉันถึงน้ำตาไหลแบบนี้ล่ะ”
ทำไมตอนที่เห็นผีเสื้อตัวนั้นสลายกลายเป็นเปลวไฟไปกับตา ถึงทำให้รู้สึกเหมือนพึงสูญเสียอะไรที่สำคัญไปเลย
“ว่าแต่…ทำไมถึงมีตะเกียงบนโต๊ะฉันล่ะ”
“แล้วผีเสื้อนำทางฉันมาเพื่อเจอตะเกียงเนี่ยนะ?”
แป๊ะ! แป๊ะ! เปรี๊ยะ!!
“เอ๊ะ?!”
จู่ๆก็มีเสียงไฟช็อตดังขึ้น หลอดไฟจากที่มันดับอยู่ก็เปิดไฟขึ้น แต่มันก็ไม่ได้สว่างนาน สักพักมันเริ่มกระพิบแล้วดับไป ก่อนจะเปิดใหม่อีกครั้ง หญิงสาวแปลกใจเพราะเสียงที่ดังเมื่อตะกี้เหมือนจะเป็นเสียงไฟฟ้าลัดวงจรมากกว่าเสียงเปิดเบรกเกอร์ไฟ รู้สึกเหมือนบางอย่างที่อันตรายกำลังเข้ามาใกล้ตัวเธอ
ลิน่าหยิบตะเกียงขึ้นมาก่อนที่จะออกจากประตู หญิงสาวถึงกับหน้าซีดเผือกเมื่อเห็นหุ่นเชิดหลายสิบกว่าตัวยืนกระจายอยู่รอบทางเดินจังหวะนั้นเองไฟก็กระพิบดับไปก่อนจะเปิดกลับมาอีกที หุ่นเชิดพวกนั้นกับเปลี่ยนท่าทางจากเดิม พอเห็นอย่างนั้นก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมผีเสื้อถึงนำฉันมาเจอตะเกียง เท่าที่ดูเหมือนหุ่นพวกนี้จะขยับตอนไฟดับนะ
“ถ้าตะเกียงยังส่องแสงมันอาจจะทำไรเราไม่ได้”
พอคิดได้อย่างนั้นจึงรีบเดินฝ่าหุ่นเชิดโดยพยายามไม่โดนตัวมัน ไม่แน่ใจว่าพวกมันมาจากไหนแต่มันอาจจะโผล่มาตอนที่มีเสียงไฟฟ้าลัดวงจรก็เป็นได้ หญิงสาววิ่งอย่างเร็วไปทางประตูหน้าบริษัทโดยที่มีเสียงเท้าของหุ่นขยับตามหลังแต่มันก็ทำอะไรเธอไม่ได้อยู่ดีเพราะมีตะเกียงอยู่กับตัว สุดท้ายก็ออกมากจากบริษัทได้แถมหุ่นพวกนั้นน่าจะออกมาจากประตูไม่ได้ด้วย
“เฮ้อ เกือบไปแล้วเชียว”
“ดูท่าน่าจะเปิดประตูไม่เป็น”
หญิงสาวโล่งใจที่ออกมาจากข้างในได้แล้วตอนนี้น่าจะปลอดภัย แต่ก็ไม่รู้ว่าควรไปไหนต่อได้ตะเกียงกับมาติดมือ แล้วไงต่อล่ะ? ตอนนี้ฉันควรจะไปที่ไหน? ลิน่าไม่แน่ใจว่าควรไปไหนต่อและดูเหมือนเธอจะลืมเป้าหมายที่สำคัญไปอย่างนึง…อืม
เมี้ยว\~
“เอ๊ะ!! เจ้าแมวนี่!!”
ลิน่าเจอกับแมวที่เธอช่วยเอาไว้อีกครั้ง ด้วยความดีใจหญิงสาวจึงรีบวิ่งไปหามันด้วยความคิดถึง เธอจับมันมากอดแล้วดูมันจะชอบให้เธอกอดซะด้วยสิ เมี้ยว เมี้ยว\~ 😽
“นึกว่าจะไม่ได้เจอแกอีกซะอีก🥲”
“ฉันไม่รู้เลยว่าควรทำไงต่อ”
เมี้ยว?
“ฉันไม่มั่นใจว่าจะกับไปโลกของฉันได้ยังไง”
เมี้ยว 😿
………💡 เมี้ยว!!
แมวน้อยกระโดดลงจากอ้อมแขนเธอก่อนจะเดินไปข้างหน้าแล้วหันกับมามองเธอ หญิงสาวรู้ได้ทันทีว่ามันอยากให้เธอตามไป จึงเดินตามไปโดยไม่ละสายตา
เมี้ยว\~
“อือ ทำไมนำทางฉันมานี่ล่ะ”
แมวน้อยนำทางเธอมาที่เส้นทางที่ไม่คุ้นเคย แถบจะไม่รู้จักเส้นทางนี้เลยด้วยซ้ำ ทำไมถึงพาเธอมาที่นี่ล่ะ…
“เอ้า!! หายไปอีกแล้ว”
แมวน้อยหายไปอย่างไร้ร่องรอยอีกแล้ว ครั้งนี้ทิ้งเธอไว้ในที่ที่ไม่รู้จักอีกต่างหาก แถวนี้ก็ดูจะไม่มีอะไรผิดปกติสักเท่าไรก็ถือว่ายังโอเค สิ่งที่ต้องทำก็คือสำรวจเส้นทางนี้ดูเพื่อเจออะไรที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของผู้คน พอลองมองคร่าวๆก็ดูไม่มีอะไรแปลก แต่ที่แปลกก็น่าจะเป็นโปสเตอร์ประกาศที่เขียนว่าขอเงินไปซื้อเหล้าถ้าคุณมีน้ำใจมากพอ what!! ใครมันกล้าเอามาติดตรงประตูหน้าโรงแรม5ดาวกัน
แคร่ก! แคร้กกก!!
“เสียภาพลักษณ์โรงแรมเขาหมด😮💨”
หญิงสาวฉีกโปสเตอร์ออก ดูเมือนคนที่นำมาติดก็คงเป็นพวกเกรียนๆ ไม่รู้จักกาลเทศะละมั้ง สันหาจริงๆไอพวกนี้….แต่ดูเหมือนจะไม่ได้มีใบเดียวด้วยสิ
“แม่ง ฉีกออกให้หมดเลยแล้วกัน ไหนๆก็วางแล้ว”
แคร่ก!แคร้กกก!!
“ฟิ้ว\~ สะอาดตาขึ้นเยอะ”
หญิงสาวฉีกโปสเตอร์ออกทั้งหมด พร้อมกับโยนทิ้งลงถังขยะ พอจัดการโปสเตอร์ขยะเป็นที่เรียบร้อย เธอก็เดินไปจากตรงนั้นแล้วสำรวจเส้นทางต่อไป เส้นทางจากนี้จะมีอะไรอีกกันน้า
“โอ้ว มีร้านขายชุดแต่งงานด้วยแฮะ”
ร้านขายชุดแต่งงานอยู่ใกล้ๆกับร้านขายดอกไม้อะไรมันจะทำเลดีขนาดนี้ หญิงสาวลองเดินไปดูที่หน้าร้านขายชุด เธอรู้สึกว่าชุดนี้ดูคล้ายกับชุดแต่งงานของแม่เธอมากเลยแต่มันก็ถูกพ่อของเธอเผาทิ้งไปหลังจากที่แม่ได้จากเราไปด้วยร่างกายที่อ่อนแอของท่าน
แอ๊ด…
“ !!!!! ”
ลิน่าตกใจแล้วรีบถอยห่างจากร้านดอกไม้ เพราะเสียงประตูเปิดแต่บางอย่างที่เปิดไม่ใช่อะไรอื่นแต่เป็น..คน!! เป็นคนจริงๆหญิงสาวดีใจที่ไม่ได้มีแค่เธอที่ติดอยู่นี่ ดูเหมือนคนที่เปิดประตูออกมาจะเป็นผญ.แฮะ
“เดี๋ยวก่อนสิ!! เธอตรงนั้นนะ”
????
ติดตามต่อไป
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!