NovelToon NovelToon

Real Life Action(Love)

บทที่ ๑ ประตูต้องห้าม

วัน อังคาร ที่ 2 เดือน มิถุนายน พ.ศ.2567

11.00น.

เสียงโหวกเหวกโวยวายดังกังวานออกมาจากบ้านหรูหลังนึง มีชายหนุ่มคนนึงกำลังเปิดกระโปรงรถและจัดกระเป๋าสัมภาระมากมาย แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มไม่ได้เป็นเจ้าของของกระเป๋าพวกนั้นเลย

"หลิวเว่ย! รีบมาเร็ว!! จะสายไม่ทันบินรอบนี้แล้วนะ"ชายหนุ่มใหญ่อายุต้นๆตะโกนเรียกชายที่ชื่อ'หลิวเว่ย'ด้วยเสียงที่ดังก้องไปทั้งลานบ้าน ทำให้ชายหนุ่มร่างเล็กที่น่าจะอายุเท่ากันรีบวิ่งมาหาชายผู้ที่เป็นต้นเสียง ดูจากการกระทำแล้วชายหนุ่มร่างเล็กน่าจะมีชื่อว่า'หลิวเว่ย'

"ปะ-แป๊ป! ฮึก...มะ-มึงสตาร์ทรถเลย...เข่อซิง"เสียงพูดและเสียงหอบปนกันไปจนฟังแทบไม่ออก

"อะ-เออ! รีบขึ้นรถเลย"เข่อซิงขึ้นตรงประตูคนขับ ส่วนหลิวเว่ยก็รีบขึ้นนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ พอเข่อซิงสังเกตุว่าหลิวนั่งเรียบร้อยก็รีบขับรถออกจากบ้านหลิวเว่ยทันที"มึงไปไทยคราวนี้จะกลับตอนไหนละ จะได้ไปรับ"

"กูยังไม่ไปถึงไทยเลย มึงนี่รีบถามจัง ก็อาจจะกลับในอีก 2 เดือนข้างหน้ามั้งหรือไม่ก็มากกว่านั้น"หลิวเว่ยกำลังพักหายใจจนเสียงเริ่มดีขึ้น เขาเอนศรีษะพิงพนักพิงและถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า

"โห นานนะเนี่ย ไม่ใช่ว่าจะไปศึกษาประวัติศาสตร์ไทยไม่ใช่หรอ ทำไมไปนานจัง"เชื่อซิงขับรถจนใกล้ถึงสนามบินแล้ว เส้นทางระหว่างบ้านหลิวเว่ยถึงสนามบินไม่ไกลมาก

"ก็กูจะไปศึกษาประวัติศาสตร์ไทยไง กูไม่ได้ศึกษาแค่จังหวัดเดียวสักหน่อย กูว่ากูจะไปหลายๆจังหวัด"หลิวเว่ยเป็นนักประวัติศาสตร์โบราณคดีของจีนและไทย เขานั้นเป็นคนจีนที่หลงใหลในโบราณคดีและเรื่องเล่าต่างๆของไทยจนตอนนี้ความชอบของเขากลายเป็นอาชีพอย่างเต็มตัว วันนี้หลิวเว้ยตัดสินใจที่จะไปศึกษาโบราณสถานของประเทศไทยมากขึ้น"มึงมาส่งกูแบบนี้แฟนมึงสุดที่รักของมึงไม่ว่าหรอ เมื่อวานตงเหยาให้กูช่วยเลือกชุดเดท ไม่ใช่ว่าวันนี้มึงมีนัดเดทหรอ"

"แหม~ วันนี้มีเดทตอนบ่ายจ๊ะ ไม่ต้องห่วงกู ห่วงตนเองก่อนเถอะ ถึงแล้ว รีบลงไป เครื่องจัขึ้นอีกครึ่งชั่วโมง"เข่อซิงช่วยหลิวเว่ยยกของสัมพาระออกจากกระโปรงรถ"กูไปละ ถึงแล้วโทรบอกกูด้วย โชคดีนะมึง"เข่อซิงเข่อซิงโบกมือให้หลิวเว่ย ทันทีหลิวเว่ยเห็นเข่อซิงโบกมือมา เขาก็รีบโบกมือกลับ

"เออ ถ้าถึงแล้วจะโทรบอก ไปนะมึง"เขาโบกมือเสร็จก็รีบไปขึ้นเครื่อง

ประเทศไทย

ดวงตาหลิวเว่ยมีดวงตาที่เป็นประกายเพราะสภาพแวดล้อมใหม่ที่ไม่เคยพบ เขามองไกรอบๆข้าง และรู้สึกหัวน้ำจึงเดินหาซื้อน้ำโชคดีที่หลิวเว่ยเรียนภาษาไทยมา เลยไม่ห่วงเรื่องการใช้ภาษา

"หวังหลิวเว่ย~"น้ำเสียงของผู้หญิงหวานใสยิ่งกว่าน้ำหวานโพล่งขึ้นมาในขณะที่เขากำลังจ่ายเงินซื้อน้ำ หญิงสาวรีบวิ่งเข้ามากอดเขาแน่น

"มะลิ!"เขาลูบหัวมะลิก่อนจะผละออก"นี่เธอยังจำฉันได้อยู่อีกหรอ ตอนฉันม.4 ฉันจำได้ว่ามาแลกเปลี่ยนและเราก็รู้จักกัน แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่"

"บังเอิญมากๆเลย ไม่เจอกันนานเลย เป็นไงบ้างละ ให้ฉันนำเที่ยวมั้ย"น้ำเสียงของมะลิหวานและสูงจนแสบแก้วหูเอาซะมากๆ

"กะ-ก็ดี! แต่เรื่องนำเที่ยวฉันเดินเที่ยวคนเดียวก็ได้"เขาพยายามปฏิเสธมากที่สุด เพราะรำคาญเสียงมะลิ แต่สุดท้ายเถียงกันไปมาก็จบลงด้วยการที่มะลิพาหลิวเว่ยเที่ยวรอบกรุงเทพ

17.30น.

"นี่มันเริ่มมืดแล้ว เดี๋ยวฉันจะไปหาโรงแรมพัก เธอกลับเถอะ" อ้าก!! ออกไปจากฉันทีรำคาญจะแย่ เสียงในหัวหลิวเว่ยดังไปทั่วสมอง

"ไม่เอาอะ หลิวเว่ยมาพักที่บ้านเราดีกว่า วันนี้พ่อแม่เราไม่อยู่บ้าน มาบ้านเราเถอะ" ว๊อททท? อิหยังนะ

"อะ-เอ่อ ไม่ดีกว่ามะ-อ้างงงง!?!"เขาพูดไม่ทันจบ มะลิก็ดึงแขนเขาไปซะแล้ว หลิวเว้ยสะบัดแขนออกอย่างแรงและเริ่มขมวดคิ้วและโมโห"นี่!! ฉันเป็นผู้ชายนะ ไปนอนบ้านผู้หญิงสองต่อสองแบบนี้มันไม่ดีนะ"น้ำเสียงเขาดูรุนแรง

"อะไรกัน เราแค่ชวนเอง ไม่เห็นต้องพูดจาแบบนี้เลย"มะลิทำหน้ามุ่ย

"แค่หรอ? เธอดึงแขนฉันไปเลยนะ ฉันยังไม่ได้ตอบเลย"น้ำเสียงเขาเบาลงแต่ยังคงความโกรธ

"ขอโทษ แต่ฉันไม่อยากให้นายเปลืองเงินเช่าห้องที่โรงแรม"

"ฉันยอมเปลืองเงินเพื่อไม่นอนกับเธอ"หลิวเว่ยโมโหและเผลอพูดสิ่งที่คิดออกไป ทำให้ดวงตาของมะลิน้ำสีใสคลอ

"ฮ-ฮึก...ทำไมนายต้อง...พูดแบบนี้...ฮึก"น้ำสีีใสจากดวงตากลมโตไหลรินอาบแก้มชมพู

"ข-ขอโทษ...เฮ้อ...ฉันไปนอนบ้านเธอก็ได้"ทันทีที่มะลิได้ยินดังกล่าวดวงตาก็เบิกกว้างอย่างดีใจ

"จริงหรอๆ!?!!"มะลิพุ่งตัวเข้าใกล้หน้าเขาจนสัญชาตญาณของหลิวเว่ยผลักมะลิออไปเล็กน้อย

ทั้งคู่เดินทางไปบนถนนแสงไฟสลัวๆ บรรยากาศเงียบไปชั่วขณะ มะลิพาเขาเดินมาสักพัก บรรยากาศรอบข้างเริ่มแปลก หลิวเว่ยเห็นป้ายเล็กใช้ปากกาสีแดงเขียนว่า"ระวัง!! ผีแม่หม้าย"พอเดินไปอีกสักแปปก็มีป้ายคล้ายๆกันแต่เขียนว่า'อย่าเข้าไปในเมืองนั้น เข้าแล้วออกไม่ได้'เขาแกล้งทำเป็นไม่เห็น ทั้งคู่ไม่พูดอะไรทั้งนั้น  บริเวณนั้นไม่มีผู้คนเหลืออยู่ เขาเริ่มแปลกใจว่าทำไมบรรยากาศวังเวงขนาดนี้และมะลิไม่พูดอะไรเลย

"มะลิ..."เขาเรียกมะลิแต่เธอไม่หันมาหรือแม้แต่พูดอะไรสักคำ หลิวเว่ยสะกิดมะลิ

"ว๊ากกกก!??!?"เขาตกใจและร้องอย่างสุดเสียง ทำให้มะลิหันมาหาเขา

"มะ-มะลิ!?!??" มะลิมีรอยยิ้มที่ฉีกยิ้มที่ยาวไปจนถึงหู ฟันมีคราบเลือด ดวงตาทะลักออกมาเป็กของเหลวสีแดงผสมสีเหลืองข้น ร่างกายเหม็นคาวมาก ข้างหลังมะลิเป็นกำแพงประตูเมืองขนาดใหญ่ที่ดูเก่าและมีเถาวัลย์เต็มไปหมดเขียนว่า'เมืองลับแล'

"ไง...มีอะไรรึเปล่า...หลิวเว่ย...ใกล้ถึงบ้านเราแล้วนะ"เขาเข่าแทบทรุดแต่พอตั้งสติได้ก็วิ่งไปที่ซอยมืดแห่งนึง ระหว่างวิ่งอย่างสุดชีวิตก็ได้ยินเสียงฝีเท้าตามหลังมา 

หลิวเว่ยวิ่งมาจนใกล้ตรอกก็ประตูไม้แกะสลักเก่าแก่แต่ดูเหมือนมีแต่กรอบไม่มีประตูปิด แต่ก็มองไม่เห็นข้างในนั้นอยู่ดีมันมืดมาก ดวงตาสีฟ้าอมดำจ้องมองไปที่ประตูไม้แกะสลักที่ดูเก่าแก่ มีเสียงเรียกของเด็กผู้ชายเบาๆออกมาจากตรงประตู เสียงนั้นช่างดูดึงดูดให้เข้าไปใกล้ "พี่...พี่ชาย...มานี่เร็ว"เสียงของเด็กชายพูดซ้ำๆเหมือนต้องการให้เขาเข้าไปใกล้

"นั่นใคร?"

"มานี่เร็ว...พี่ชาย"เขาได้ยินเสียงแต่กับไม่เห็นใครในประตูนั้นเลย สินตัดสินใจก้าวเท้าเข้าไปในบานประตูนั้น จู่ๆก็มีบางอย่างวิ่งพุ่งเข้ามาที่ตัวเขา และดึงร่างเขาเข้าไปในประตู

ว้ากกกกก!!!?!!

วาบ~

พอหลิวเว่ยถูกดึงเข้าไปในประตู ความรู้สึกของมือที่ถูกจับข้อมือของเขาก็หายไปในทันที เสียงของเด็กชายเพิ่งหายไปในทันตา เหลือเพียงแสงสว่างของท้องฟ้าและหญ้าที่ปลิวพริ้วไหวไปตามสายลม เรียกง่ายเหมือนในบริเวณนี้ที่เขาอยู่นั้นเป็นเพียงพื้นที่โล่งที่มีหญ้าเป็นหย่อมเล็กๆ เพราะเขาหันหลังไปก็ไม่พบกับประตู เหลือเพียงแต่ความว่างเปล่าในเวลานี้

"นะ-นี่...มันอะไรกัน"

"พี่ชายครับ"เด็กชายคนนึงอายุราวๆ11ปี ที่โพล่มาจากไหนไม่รู้ พูดโพล่งขึ้นในบรรยากาศที่เงียบสงบจนเขาตกใจจนสะดุดเล็ก

"เฮือก! นายเป็นใคร!"สีหน้าของเขาปนไปด้วยความงุนงงและสับสน

"พี่ไม่ต้องกลัวผมหรอกครับ ตอนนี้พี่อยู่อยู่หมู่บ้านสือหว่างครับ พี่รู้รึเปล่าคำว่าสื่อหวางแปลว่าอะไร"เด็กชายยิ้ม ดวงตาเปิดกว้างอย่างหน้าสยดสยอง

หลิวเว่ยรู้อยู่แก่ใจว่าความหมายของคำนั้นคือ'ความตาย'

"ม-ไม่รู้"เขาพยายามปรับเสียงให้ดูเข้มแข็ง

"เอ๋~ ไม่รู้จริงๆหรอครับ พี่เป็นคนจีนนี่นา"

(ชิบหายลืมไปว่าตนเองเป็นคนจีน ถ้าหนีก็ไม่รู้จะหนีไปไหน)ร่างกายหลิวเว่ยค้างไปชั่วขณะ

"..."เขาไม่ยอมตอบอะไรแต่ใช่ใบหน้าท่าทางสื่อสารกับอรกฝ่ายโดยการส่ายหน้า

"ไม่เป็นไรครับพี่ชาย เดี๋ยวผมจะพาพี่ชมรอบหมู่บ้านเองนะครับ พี่ไม่ต้องห่วงนะครับ..."

(เอาไงดีวะ ยังไงตามเด็กนี่ไปก่อน ถึงจะน่าสงสัยแต่ว่าถ้าเราไม่ตามเราอาจหลงหาทางออกไม่เจอ)

"อื้อ ก็ได้"เด็กชายยิ้มราและเดินนำหน้า

หลิ่วเว่ยเดินตามไปโดยไม่รู้ไม่ทันสังเกตุว่ามีบางอย่างรอบข้างเปลี่ยน จากพื้นที่โล่งกว้าง มีหญ้าสีเขียวอ่อนที่ปลิวไสว หญ้ากลับสูงขึ้นเรื่อยๆจนถึงเข่า ที่โล่งเริ่มมีต้นไม้สูงเพิ่มขึ้นจากพื้นที่มีทางให้เดินกลับมีหญ้าเยอะขนาดนี้ ในป่าจากแสงสว่างกลับกลายเป็นความมืดทันที

เขาหันหลังไปเพื่อกลับไปทางเดิม ก็พบว่าเจอกำแพงที่มีเถาวัลย์และตะไคร่น้ำเต็มไปทั่วกำแพง

"อ้าว...พี่ชาย ไม่ตามมาละครับ"ร่างหลิวเว่ยสั่นและเดินตามเด็กชายไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

"นี่ใช่ทางไปหมู่บ้านจริงๆหรอ"เด็กชายหันหน้ามาหาหลิ่วเว่ยแต่ร่างยังคงหันไปข้างหน้า

"พี่ไม่ไว้ใจผมหรอครับ"

(เอาแล้วไงๆ ใจเย็นๆ เราไม่เห็นอะไรทั้งนั้น)

"ไปเถอะ ฉันไว้ใจนาย"เขาตอบด้วยเสียงที่สั่นไหว พร้อมกับก้าวเท้าไปช้าๆ

คอของเด็กชายยังคงหันมาหาหลิ่วเว่ยแต่ร่างยังคงเดินตรงไป ใบหน้าเด็ชายแสยะยิ้มและหันคอกลับไป

ทั้งคู่เดินตามกันได้ไม่นานก็พบประตูหมู่บ้านเขียนว่า'สื่อหวาง'เด็กชายหยุดเดินเมื่อเข้าใกล้ประตูหมู่บ้าน

"ผมมาส่งพี่ได้เพียงเท่านี้"หลิ่วเว้ยรู้สึกโล่งอก แต่ก็ต้องหวั่นไหวกับประตูหมู่บ้านนี้

"อื้ม ขอบคุณ"

"แต่ผมจะบอกกฎของหมู่บ้านให้ฟังนะครับ"

1.ผู้ที่มาเยือนหมู่บ้านนี้ครั้งแรก หัวหน้าหมู่บ้านจะจัดสรรบ้านไว้ 1 หลัง ทางที่ดีไม่ควรนอนที่ที่หัวหน้าหมู่บ้านจัดให้

2.กลางคืนแนะนำว่าอย่าออกจากบ้าน

3.คนในหมู่บ้านไม่น่าไว้ใจทุกแต่มี3คนที่คุณไว้ใจได้มี หัวหน้าหมู่บ้านกับชาวบ้านพ่อลูก

พอเด็กชายพูดจบก็หายไปในพริบตา

"เฮ้ย! หายไปไหนวะ!?!"

ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากจะเดินก้าวเข้าไปในหมู่บ้าน มีชายวัยชราคนนึงเดินเข้ามาหาหลิวเว่ย

"อ้าว! พ่อหนุ่มนายคือคนที่เข้ามาใหม่ในหมู่บ้านนี้สินะ มาๆ ข้าจะพาเจ้าไปดูบ้าที่จัดหามาให้เอง"ชายชราให้ชุดจีนโบราณสีดำดูมีภูมิฐานแต่มีหนวดเคราและผมดูยุ้งเหยิงรุงรัง

"คุณเป็นใคร"หลิวเว่ยงุนงงกับชายชราที่ทำตัวดูสนิทสนม

"อ้อ ข้าชื่อชางอิน เป็นหัวหน้าหมู่บ้านแห่งนี้ ว่าแต่การแต่งตัวและคำพูดของเจ้าเนี่ยแปลกดีนะ ลองปรับตัวกับที่นี่ไปด้วยละ เดี๋ยวก็ชิน"

"ครับ"

"บ้านของเจ้าอยู่ตรงนั้น อุ้ย! ข้าลืมเอากุญแจบ้านเจ้ามา นี่ใกล้มืดแล้วลองไปขอผู้ชายที่อาศัยบ้านข้างๆเจ้าดูสิ"จากตรงหน้าหมู่บ้านถึงบ้านของหลิวเว่ยไม่ไกลกันมากนะ

หลิวเว่ยเดินอย่างกล้าๆกลัวด้วยความไม่เคยชิน หมู่บ้านนี้ดูเงียบมาก ชาวบ้านไม่ค่อยพูดจาสักเท่าไหร่ มีเพียงเสียงจิ้งหรีดที่ดังก้องกังวานไปทั่วหมู่บ้าน ความวังเวงพลันแล่นเข้ามา บรรยากาศพิลึกกลแปลกๆ

เขาเดินจนถึงหน้าประตูบ้านชายคนที่หัวหน้าหมู่บ้านบอก หลิวเว่ยกำมือและเคาะประตูไป2-3ครั้ง"มีใครอยู่มั้ยครับ"หลิวเว่ยกลัวเล็กน้อยเพราะว่าไม่รู้ว่าคนที่จะเปิดประออกเป็นใคร มาดีรึเปล่า

แอ๊ด...

ชายหนุ่มรูปหล่อตัวสูงกว่าหลิวเว่ยมาก สิ่งที่หลิ่วเว่ยอย่างแรกไม่ใช่ใบหน้าแต่เป็นคอของชายคนนั้นสาเหตุมาจากหลิวเว่ยสูง159 แบบเป็นผู้ชายที่โคตรเตี้ย ที่เขาเตี้ยขนาดนี้เพราะคนในครอบครัวตัวเล็กหมด ผู้ชายตรงหน้าหลิ่วเว่ยน่าจะสูงประมาณ189 แบบโคตรสูงอะ เพื่อนเขาส่วนมากสูงแค่170เอง แต่ไม่ว่าจะมองยังไงผู้ชายคนนี้หล่อมาก หล่อแบบสุดๆ

"เจ้าเป็นใคร"ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ย ด้วยน้ำเสียงเข้ม มันช่างเข้ากับใบหน้าคม ผิวแทนนิดหน่อย ตาคมมากเหมือนพร้อมบาดตาทุกคน คิ้วเข้มมาก เขาหล่อมาก จนหลิวเว่ยชะงักไปชั่วครู่

"ผ-ผมชื่อเหว่ยอ้ายเยว่ครับ ผมเพิ่งมาหมู่บ้านนี้ ผมกำลังเข้าบ้านแต่หัวหน้าหมู่บ้านลืมเอากุญแจมาให้ครับ เขาบอกให้ผมมาพักที่บ้านหลังนี้"หลิวเว่ยเขินจนพูดชื่อตนเองผิด อ้ายเยว่นั้นชื่อเพื่อนเก่าเขา ช่างมันเถอะ เอาชื่อนี้ก็ได้น่ารักดี

"อ้อ เข้ามาสิ ส่วนเรื่องที่นอนเดี๋ยวข้าไปถามพ่อข้าก่อนนะ เจ้านั่งรอก่อน"อ้ายเยว่พยักหน้า ชายคนนั้นชี้ไปที่เก้าอี้ตัวนึงในบ้านเพื่อให้เขานั่ง

เดี๋ยวนะ 'พ่อ' หรอ หรือว่า2คนนี้จะเป็นคนที่เด็กชายคนนั้นบอก ตามกฎข้อ1ไม่ควรนอนในที่ที่หัวหน้าหมู่บ้านจัดให้ งั้นเราคงต้องติดตามสองพ่อลูกคู่นี้สินะ ว่าแต่เขาหล่อจัง อ้ายเยว่รีบตบหน้าตนเอง คิดบ้าอะไรเนี่ย เราเป็นผูู้ชายนะ ห้ามคิดอะไรแบบนี้สิ

ชายหนุ่มร่างใหญ่เดินออกโดยมีชายที่สูง160เดินนำหน้าอายุประมาณ50กว่า"หวัดดีพ่อหนุ่ม ข้าชื่อกงหวางเฟย นี่ลูกข้าชื่อกงซีหยาง"

"ข้าชื่อเหว่ยอ้ายเยว่ คืนนี้ข้าไม่มีที่พักข้าขอพักที่บ้านท่านได้รึมั้ย"ดีนะที่คิดได้ทันเรื่องภาษา ก็ว่าทำไมทุกคนใช้วิธีการพูดโบราณ

"โฮะๆ ได้สิ เจ้าห้องเดียวกับลูกข้าก็ได้ ห้องของลูกข้าพื้นที่กว้าง"

"ต-แต่ท่านพ-..."ซีหยางเบิกตากว่าง

"ทำไม มีปัญหารึ"หวางเฟยขัดผู้เป็นลูกชายตน

"เอ่อ...ถ้าลูกของท่านไม่สะดวก ข้านอนห้องรับแขกก็ได้"อ้ายเยว่รีบพูดกลัวว่าถ้าพูดช้าอีกนิดพ่อลูกคู่ได้ทะเลาะกันแน่

"ไม่เป็นไร เจ้านอนห้องเดียวกับข้าก็ได้ ข้าไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก แค่มันรกนิดหน่อย"ซีหยางพูดขึ้น

"ข้าก็ไม่ถือสา ขอแค่คืนนี้ข้ามีที่พัก ข้าก็ขอบคุณพวกท่านมากแล้ว"อ้ายเยว่ยิ้มบางๆ

สักพักพ่อของซีหยางก็บอกให้ไปนอนได้แล้ว เพราะมันเริ่มดึกแล้ว สิ่งที่พ่อซีหยางพูดฉุกให้อ้ายเยว่คิดขึ้นว่า ตอนกลางคืนข้างนอกมันมีอะไรกันแน่นะ

22.00น.

ซีหยางและอ้ายเยว่เข้าไปในห้อง ในห้องเรียบร้อยมาก ของทุกชิ้นถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ ไม่ได้รกอย่างซีหยางพูดเลย

"ไหนท่านบอกข้าว่าห้องท่านรกไง ถ้าห้องท่านเรียกว่ารัก ห้องข้าคงเรียกว่ารังหนูเสียกะมัง"

"สำหรับข้ามันยังรกอยู่ดี ถ้าท่านต้องการ ฟูก ผ้านวม หมอน อยู่ในตู้นั้นนะ เปิดเอามาใช้ได้เลย"

"ขอบคุณท่านมาก ท่านซีหยาง"

"ไม่เป็นไร ว่าแต่ข้้าสงสัยว่าเจ้าอายุเท่าไหร่ ใบหน้าเจ้าดูขาวสะอาด เหมือนเด็ก13ปีเลย"

ทันทีที่อ้ายเยว่ได้ยินคำตอบก็รู้สึกเขินมากที่มีคนชมเขาแบบนี้

"เอ่อ...ข้าอายุ24ปี"คำตอบของอ้ายเยว่ทำเอาซีหยางค้างไปสักพักเลย

"ท่านหลอกข้ารึเปล่า ท่านอายุมากกว่าข้าตั้ง4ปี"ตอนนี้คนที่ค้างไปไม่ได้มีแค่ซีหยางแต่มีอ้ายเยว่ด้วย ไม่คาดคิดว่าคนตรงหน้าอายุน้อยขนาดนี้แถมสูงมากอีกด้วย

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!