NovelToon NovelToon

เรื่องของเพื่อนสนิท

intro

คำว่า ' เพื่อน ' เป็นเพียงคำสั้นๆแต่มันมีความมากมาย

' ทำไมหลายคนชอบคิดว่า เป็นเพื่อนสนิทกันแล้วรักกันไม่ได้? เหตุผลเพราะอะไร? '

ผมเชื่อว่าหลายๆคนอยู่ในสถานะเดียวกับผม นั่นคือ การที่รักใครสักคนแต่ไม่สามารถพูดมันออกมาได้ เพียงเพราะเขาคนนั้นคือ ' เพื่อนสนิท ' ใช่แล้วครับผมแอบรักเพื่อนสนิทตัวเองมาตั้งแต่ป.4 จนตอนนี้ผมเรียนอยู่ปีหนึ่งแล้ว ผมแอบรักเขามาเกือบสิบปีก็ว่าได้ เราสองคนรู้จักกันตอนที่เขาได้ย้ายมาเรียนที่เดียวกับผม ความบังเอิญทำให้เราสองได้เรียนอยู่ห้องเดียวกัน นั่งโต๊ะคู่กัน หลังจากนั้นมา มันก็ทำให้ผมและเขาสนิทกันมากขึ้น จนกระทั่งขึ้นมัธยมปลาย ผมและครอบครัวได้ย้ายบ้านไปอยู่ละแวกเดียวกับเขา เพราะมันไม่ไกลจากโรงเรียนแห่งใหม่ของผมมากเท่าไร และบ้านของผมกับเขาก็ไม่ไกลกันมาก เพราะเหตุนี้จึงทำให้ครอบครัวของเราสองคนสนิทกันมากขึ้น เวลาที่ว่างตรงกัน เราไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ด้วยความผู้พันธ์กันมานานทำให้หัวใจดวงน้อยๆของผมเริ่มเปลี่ยนไป จากคนไม่เคยคิดอะไรนอกจากคำว่า ' เราเป็นเพื่อนกัน ' แต่ตอนนี้กลายเป็นหัวใจของผมได้คิดกับเขาเกินคำว่า ' เพื่อน ' ไปแล้วคือ....

'ผมแอบรักเพื่อนสนิทของตัวเอง '

คุุณเข้าใจคำว่า ' อึดอัด ' ไหมครับ รักแต่ไม่สามารถบอกได้ ไม่สามารถทำให้เขารู้ว่าเราแอบรักเขา ไม่สามารถทำหน้าที่อะไรเกินคำว่าเพื่อน ไม่ว่ามันจะเจ็บปวดหัวใจและทรมานแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายเราก็ทำได้แค่เพียงอดทน อดกลั้น เก็บความรู้สึกนั้นไว้ไม่ให้เขารู้ เพียงเพราะไม่อยากเสียเขาไป กลัวคำว่ารักจากเพื่อนที่รักกัน กลายเป็นคำว่า ' พัง ' เพียงเพราะคำว่า ' รัก '

แต่สุดท้ายใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่งเราจะต้องเสียเขาไปให้ใครอีกที่เป็นฝ่ายได้ดูแลเขาแทน...

เพียงเพราะคำว่า ' กลัว ' คำว่า เพื่อนสนิท เลยไม่สามารถทำให้เราก้าวข้ามมันได้ สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะหันหลังให้ผม แล้วเลือกอีกคนเข้ามาในชีวิต ใครจะไปคิดล่ะครับว่า เขาจะมาเปิดตัวแฟนของเขาให้ผมได้รับรู้ในวันเกิดของตัวเองพอดี ใช่แล้วครับ ผมไม่เคยรับรู้ว่าเพื่อนสนิทคนนี้ของผมเขามีแฟนตอนไหน แอบคุยกันเมื่อไร แต่ที่เซอร์ไพรส์ผมมากกว่านั้น เพราะก่อนที่เขาจะมาร่วมงานวันเกิดของผมเขาโทรมาบอกกับผมว่า.... เขามีเซอร์ไพรส์พิเศษไว้ให้ผม แต่ไม่คิดว่าเซอร์ไพรส์พิเศษที่เขาพูดถึงคือการเปิดตัวแฟนของเขาให้ผมได้รู้จัก

ในเวลานั้นมันทั้งจุกอกและเจ็บปวดมาก และช็อคจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลย อยากร้องให้ออกมาตรงนั้นแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะมันไม่เหมาะสม ทำได้เพียงแค่ฝืนยิ้มและแสดงความยินดีกับเขาทั้งสองด้วยหัวใจที่เจ็บปวดแทน 

ไม่รู้หรอกนะว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ผมรู้แค่ว่า ในทุกๆวันของผมและเขาเริ่มเปลี่ยนไป จากอะไรที่ผมเคยได้รับจากเขาหรือบางอย่างที่ผมเคยทำให้เขามาโดยตลอด ในวันนี้กลับเป็นคนอื่น ที่ได้ทำเขาแทนผมหมดทุกอย่าง ผมทำได้เพียงแอบเฝ้ามองเขาทั้งสองในทุกๆวันอย่างห่างๆ แม้จะเจ็บปวดมากแค่ไหนก็เก็บมันไว้ในใจก็พอ คิดเพียงแค่ว่า

'ฟ้าอาจจะส่งเราสองคนมารู้จักกันแต่ไม่ได้ส่งให้เราสองคนมารักกัน ่

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ความรู้สึกหรือหัวใจของผมจะเจ็บปวดขนาดไหน ผมก็คงต้องใช้ชีวิตก้าวต่อไปในทุกๆวัน ทุกอย่างล้วนเป็นบททดสอบความเข้มแข็งของการใช้ชีวิตเสมอ ผมเชื่อแบบนั้น...

 

แนะนำตัวละคร

คิริว

- หนุ่มวัย 19 ปี ดีกรีเป็นถึงหนุ่มฮอตของคณะนิเทศศาสตร์ มีใบหน้าที่ หล่อคม จมูกโด่งได้รูป แม้นิสัยจะเย็นชาไปหน่อยแต่ก็ยังเป็นที่โด่งดังและฮอตสำหรับคนทั้งมหาลัยเสมอ

นมหมี

- เด็กหนุ่มวัย 19 ปี เป็นคนตัวเล็กชอบใส่แว่นหนาๆ น่ารัก ใบหน้าหวาน สวยงามดุจดั่งผู้หญิง นิสัยค่อนข้างเรียบร้อย นิ่ง เงียบ แค่กับบางคน

มีน

- ชายหนุ่มวัย 19 ปี ตัวเล็ก ผู้ที่มีใบหน้าหวาน หน้าตาจิ้มลิ้ม เป็นหนุ่มฮอตของคณะนิเทศศาสตร์ 

 

ขอแนะนำแต่ตัวละครหลักไปก่อนนะคะส่วนตัวละครอื่นๆ รอติดตามในเนื้อเรื่องต่อไปค่ะ

เรื่องนี้สร้างขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน อาจมีเนื้อหา คำพูดจาหยาบคายไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ

เราไม่ได้เขียนแบบบรรยายมานานมากแล้ว อาจจะเขียนบรรยายออกมาไม่ดีพอ ก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ เขียนแต่แฟนฟิคมาตลอดพอมาเขียนออริจินัลมันรู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้ หากใครที่เข้ามาอ่านแล้วสามารถติชมได้เลยนะคะ เราจะได้นำไปปรับใช้และแก้ไขให้ดีขึ้น สุดท้ายนี้ขอฝากเรื่องนี้ไว้ในอ้อมกอดอ้อมใจของทุกคนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ🙏

ถ้าใครอยากลองอ่านผลงานอื่นๆของเราเกี่ยวกับแฟนฟิคสามารถติดตามตามช่องทางด้านล่างนี้เลยค่ะ👇

Joylada : k.jankhana

Tiktok    : k.jankhana

 

แนะนำตัวละคร

คิริว

 

นมหมี

EP : 1 แค่เพื่อน

 

เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากโต๊ะมุมหนึ่งของโรงอาหารกลางมหาวิทยาลัย ในขณะที่แสงแดดส่องลอดผ่านต้นไม้ใหญ่ที่ทอดเงามายังโต๊ะนั้น สองหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกันกำลังสนทนาอย่างเฮฮา หนึ่งในนั้นคือ คิริว เด็กหนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวอมชมพู รอยยิ้มที่มักทำให้ใครหลายคนใจสั่น

 

ส่วนอีกคนคือ นมหมี เป็นเด็กผู้ชายตัวบางร่างเล็ก แต่นุ่มนวล ผู้เรียนคณะ สถาปัตยกรรมศาสตร์ ถึงจะดูขรึมในสายตาคนอื่น แต่เวลาอยู่กับคิริว เขากลับกลายเป็นอีกคนที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ

 

"คิริว วันนี้นายจะกลับบ้านกี่โมง?" นมหมีถามพลางกัดข้าวเหนียวหมูปิ้งที่ถืออยู่ในมือ

 

"อืม…น่าจะเย็นๆ นะ มีงานค้างที่ห้องสมุด อยากเคลียร์ให้เสร็จก่อน" คิริวยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้ "แล้วนายล่ะ?"

 

หัวใจของนมหมีเต้นแรงทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้น แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี ตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกันมา แต่ความรู้สึกที่เขามีต่อคิริวไม่เคยจางลงเลย...กลับทวีคูณขึ้นทุกวัน

 

"ก็...รอกลับพร้อมนายได้นะ ถ้าไม่รังเกียจนะ " นมหมีตอบพร้อมรอยยิ้มเก้อๆ

 

"เอาสิ ถ้านายรอได้ เราไปด้วยกัน"

 

เป็นคำตอบง่ายๆ ที่ทำให้นมหมีรู้สึกเหมือนทั้งโลกกำลังเป็นสีชมพู แม้จะเป็นคำพูดที่คิริวคงไม่ได้คิดอะไร แต่สำหรับเขา แค่ได้อยู่ใกล้คนที่แอบชอบ มันก็มากพอแล้ว

 

 

 

 

ตั้งแต่ก้าวแรกที่ทั้งคู่ย่างเท้าเข้าสู่ชีวิตมหาวิทยาลัย นมหมีก็เฝ้าสังเกตคิริวอยู่เสมอ เขาชื่นชมความพยายามของอีกฝ่ายที่เข้ากับเพื่อนใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีเสน่ห์ที่ดึงดูดสายตาคนรอบข้างโดยไม่ต้องพยายาม

 

ในขณะเดียวกัน คิริวก็รู้สึกขอบคุณที่มีนมหมีอยู่ข้างๆ เพราะแม้เขาจะดูมั่นใจ แต่ในบางครั้ง ความเป็น "ลูกครึ่ง" ของเขาทำให้รู้สึกเหมือนแตกต่างจากคนอื่น การมีนมหมีอยู่ด้วยเหมือนเป็นที่พึ่งพิงที่ทำให้เขาอบอุ่น

 

"นายนี่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลยนะ รู้ตัวป่ะ?" คิริวพูดพลางตบบ่านมหมีเบาๆ ในค่ำคืนหนึ่งที่ทั้งคู่กำลังนั่งเล่นใต้ต้นไม้หน้าหอพัก

 

คำพูดนั้นทำให้นมหมีนิ่งไปชั่วขณะ 'แค่เพื่อนเหรอ? ' เขาคิดในใจ

 

แต่ความกลัวที่จะสูญเสียมิตรภาพที่แน่นแฟ้นนี้ ทำให้นมหมีเลือกจะเก็บความรู้สึกไว้ในใจต่อไป

นมหมีนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มจางๆ และพูดตอบ "เออ...รู้สิ ฉันก็ดีใจที่มีนายเป็นเพื่อนเหมือนกันนะ"

 

คิริวเอนตัวพิงต้นไม้ ยกมือประสานท้ายทอย ดวงตามองขึ้นไปยังท้องฟ้าในยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว "มึงรู้ป่ะ บางทีเวลากูเครียดหรือรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยก กูแค่คิดว่ามึงอยู่ข้างๆ มันก็ดีขึ้นละ"

 

คำพูดนั้นทำให้นมหมีใจเต้นแรงขึ้นกว่าเดิม เขาพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติพลางเอ่ยล้อเลียนกลบเกลื่อน "เว่อร์ละ แค่ฉันอยู่ข้างๆนาย ก็ดีขนาดนั้นเลยเหรอ?"

 

"เออดิ" คิริวหัวเราะเบาๆ "นายอาจจะไม่รู้ตัว แต่กูว่านายมีอะไรบางอย่างที่ทำให้คนรอบข้างรู้สึกดี บางทีแค่นายอยู่เฉยๆ ฉันก็รู้สึกว่าทุกอย่างโอเคละ"

 

นมหมีหันไปมองหน้าอีกฝ่าย เขารู้ว่าคิริวไม่ได้โกหก เพราะน้ำเสียงและแววตาที่อีกฝ่ายใช้พูดมันจริงใจเกินกว่าจะเป็นคำพูดล้อเล่น เพราะสิ่งนี้ยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยของนมหมีเต้นแรงขึ้นกว่าเดิมในทุกครั้งที่สัมผัสถึงมัน

 

"ขอบใจนะ" นมหมีพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา แต่แฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง ที่มีเพียงเขาฝ่ายเดียวที่รู้ดีว่าหัวใจของเขาเองมันเริ่มที่จะต่อต้านความรู้สึกกับคำแค่ว่าเราเพื่อนกันไปแล้ว

 

คิริวหันมามองเพื่อนสนิทพลางเลิกคิ้ว "ขอบใจอะไรวะ? ฉันพูดความจริง"

 

นมหมีนิ่งไปอีกครั้ง ก่อนจะหลุดปากออกมาเบาๆ "ก็...ขอบใจที่นายอยู่ในชีวิตเราไง" นมหมีเลือกที่จะแก้ต่างออกไปเพราะกลัวว่าหากคิริวรู้ความจริงขึ้นมา สุดท้ายคำว่าเพื่อนของเขาจะพังลงไป และกลายเป็นคนแปลกหน้าแทน

 

คิริวหัวเราะร่า พลางยื่นมือไปขยี้หัวนมหมีจนยุ่ง "พูดแบบนี้ซึ้งไปปะเนี่ย! แต่เออ ฉันจะอยู่ข้างๆ นายเสมอแหละ ไม่ต้องห่วง"

 

คำพูดนั้นทำให้นมหมีรู้สึกเหมือนหัวใจโดนกอดด้วยความอบอุ่น แต่ก็ปนเปื้อนด้วยความเจ็บปวดเล็กๆ เพราะเขารู้ดีว่า 'ข้างๆ ' ที่คิริวพูดถึง มันอาจไม่มีวันพัฒนาไปไกลกว่านี้

"คิริว..." นมหมีเรียกชื่ออีกฝ่ายเบาๆ

"หืม?"

เขาอยากพูดอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจมานาน แต่สุดท้ายก็เลือกจะกลบเกลื่อน "พรุ่งนี้อย่าลืมตื่นไปเรียนล่ะ นายขี้เซาจนฉันต้องคอยปลุกตลอด"

 

คิริวหลุดหัวเราะลั่น "เออๆ เดี๋ยวฉันตั้งนาฬิกาปลุกเอง โอเคป่ะ!"

 

เสียงหัวเราะของคิริวช่วยปิดบังความรู้สึกมากมายในใจของนมหมี แม้เขาจะอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ยังไม่พร้อมที่จะเสี่ยง...

 

 

หลังจากเดินกลับถึงหอพัก นมหมีส่งยิ้มบางๆ ให้คิริวที่ยืนโบกมือลาอยู่หน้าประตูห้องตัวเอง

"ฝันดีนะ " คิริวพูดพร้อมรอยยิ้มที่เขาคุ้นเคย

"ฝันดีเหมือนกัน" นมหมีตอบเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องของตัวเอง

 

เมื่อประตูปิดลง เสียงหัวเราะและบทสนทนาอันคึกคักของคิริวยังคงดังก้องอยู่ในความทรงจำ นมหมีทรุดตัวลงนั่งบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า แต่ไม่ใช่เพราะร่างกาย...หากเป็นหัวใจที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกที่เขาไม่อาจพูดออกมาได้

 

เขามองไปยังโต๊ะเขียนหนังสือที่เต็มไปด้วยโมเดลสถาปัตย์ฯ และแบบร่างงานของตัวเอง ก่อนสายตาจะไปหยุดที่กรอบรูปเล็กๆ ซึ่งมีภาพถ่ายของเขาและคิริวในวันรับน้องปีแรก

"ทำไมฉันต้องรู้สึกแบบนี้ด้วย…" เขาพึมพำกับตัวเอง

แม้จะพยายามกดทับความรู้สึกไว้แค่ไหน แต่ทุกครั้งที่อยู่ใกล้คิริว มันก็เหมือนกับเปลวไฟที่โหมแรงขึ้นในอก ทุกคำพูด ทุกการกระทำของอีกฝ่ายล้วนมีผลต่อเขามากเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจ

นมหมีล้มตัวลงนอนบนเตียง สายตามองเพดานที่มืดสนิท น้ำเสียงของคิริวตอนพูดว่า ' นายคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน '  ยังคงดังก้องอยู่ในหัว

 

"เพื่อน...แค่นั้นเหรอ" เขาถามตัวเอง ทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว

 

ความกลัวที่จะทำลายมิตรภาพที่มีค่าที่สุดในชีวิต ทำให้นมหมีไม่กล้าแม้แต่จะคิดเกินเลย แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกนี้ก็เป็นเหมือนโซ่ตรวนที่พันธนาการเขาไว้ ไม่ให้หลุดพ้นจากความสับสนในใจ

 

เขาเอื้อมมือไปปิดไฟข้างเตียง ปล่อยให้ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความมืดมิด

 

ในความเงียบสงัด น้ำตาที่เขาพยายามกักเก็บไว้ตลอดทั้งวันค่อยๆ ไหลลงมาตามแก้ม นมหมีหลับตาแน่น พึมพำกับตัวเองอีกครั้งด้วยเสียงที่แผ่วเบา

"คิริว...นายรู้ไหมว่านายสำคัญกับฉันแค่ไหน"

คำพูดนั้นจางหายไปในอากาศ พร้อมกับเสียงสะอื้นเบาๆ ที่เขาพยายามเก็บซ่อน หากร่างกายภายนอกเขาจะดูเหมือนไม่มีอะไรแต่ภายในหัวใจของเขากลับเจ็บปวดและทรมานเกินที่จะรับไหว ความรู้สึกที่ไม่อาจพูดออกไปให้ใครได้รับรู้ได้ สุดท้ายก็ได้แค่กับความรู้สึกนี้ไว้กับตัวเองแบบนี้ตลอดไป ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะมีความกล้าที่จะพูดคำว่า ' รัก ' กับเพื่อนตัวเองสักที

 

หรือบางครั้งเขาควรรักษามิตรภาพที่ดีไว้แบบนี้จะดีกว่า การทำตามหัวใจตัวเองบางทีมันก็อาจจะสมหวัง หรือบางครั้งมันอาจจะทำให้เราเสียคำว่ามิตรภาพไปเลยก็ได้ และไม่ว่าจะเลือกเส้นทางไหน สุดท้ายที่เจ็บปวดที่สุดก็คงเป็นเขาอยู่ดี

 

หากคำว่า ' เพื่อน ' มันแข็งแรงเกินที่เราจะเดินเหยียบให้มันแตกหักได้ เราควรที่จะเดินเหยียบต่อไป หรือจะเดินข้ามมันไปแทนดีล่ะ 

 

...#เรื่องของเพื่อนสนิท [ คิริวนมหมี ]...

 

 

- ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ ออริจินอลเรื่องแรก หลังจากไม่ได้เขียนมานานแล้วยังไงก็ฝากผลงานด้วยนะคะ

** ฝากกดติดตาม กดไลค์ กดแชร์ คอมเมนต์ รีวิว เพื่อเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ🙏

*** ยังไม่แก้คำผิดนะคะ

EP : 2 หัวใจสั่นไหว

 

เช้าวันนั้น นมหมี พยายามทำตัวให้สดใสที่สุด แม้ในใจจะยังหนักอึ้งกับความคิดวนเวียนกับสิ่งที่คิริวพูดไว้เมื่อคืน แต่เขาก็เลือกที่จะทำตัวให้ปกติที่สุด

หลังจากที่จัดการกับชุดนักศึกษาของตัวเองเสร็จ เขาก็รีบออกจากห้องพักตรงไปยังมหาวิทยาลัยทันที

 

เมื่อเดินมาถึงใต้คณะ เขาเห็น คิริว ยืนพิงเสาอยู่ตรงมุมเดิมที่เขาชอบรอเป็นประจำ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็คสีดำเรียบง่าย แต่ดูดีตามแบบฉบับของเขา

 

"นมหมี!" คิริวโบกมือพลางยิ้มสดใสให้เหมือนทุกครั้ง นมหมีพยายามซ่อนความเขินอายแล้วเดินเข้าไปหา

 

"มารอตั้งแต่เมื่อไหร่?" นมหมีถามพลางหลบสายตา

 

"ก็ไม่นานหรอก เรานัดกินข้าวเที่ยงกันนี่ จำได้ใช่ไหม?" คิริวตอบเสียงร่าเริง

 

"จำได้สิ...แต่ตอนนี้ยังเช้าอยู่เลยนะ จะกินข้าวเที่ยงก็อีกตั้งหลายชั่วโมง"

 

คิริวยิ้มบางแล้วพูดล้อเลียน "ก็กะจะชวนไปนั่งคุยเล่นก่อน จะได้ไม่เบื่อ"

 

คำพูดนั้นทำให้นมหมีเผลอยิ้มออกมานิดหน่อย แม้ใจยังคงหนักแน่นกับคำว่า เพื่อนที่ดี จากเมื่อคืน

 

ทั้งสองเดินไปที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ในบริเวณใกล้ๆ นมหมีพยายามหาเรื่องคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบเกินไป

 

"เมื่อคืน...เรื่องที่นายพูดน่ะ จริงจังขนาดนั้นเลยเหรอ?"

 

คิริวเลิกคิ้วมองนมหมีด้วยความสงสัย "เรื่องอะไร?"

 

"ก็เรื่องที่บอกว่าฉันเป็นเพื่อนที่ดีของนายไง..." นมหมีพูดพร้อมกับพยายามควบคุมเสียงให้เป็นปกติ

 

คิริวหัวเราะเบาๆ "จริงสิ นายเป็นเพื่อนที่ดีมากเลยนะ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ"

 

นมหมีเผลอกำมือตัวเองแน่นใต้โต๊ะ เขาฝืนยิ้มออกมา "งั้นเหรอ...ดีใจที่ได้ยินแบบนั้น"

 

แต่ในใจกลับคิดว่า ทำไมคำว่า ' เพื่อน ' ถึงเจ็บแบบนี้นะ...

 

คิริวเอียงคอเล็กน้อยเหมือนเขาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง "ทำไมถามแบบนี้ล่ะ หรือว่า...เมื่อคืนฉันพูดอะไรผิดไปเหรอ?"

 

นมหมีรีบส่ายหน้า "เปล่าๆ แค่ถามเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก"

 

"แน่นะ?" คิริวถามย้ำพร้อมกับจ้องหน้าของนมหมี

 

"แน่สิ!" นมหมีรีบเปลี่ยนเรื่อง "ว่าแต่นายเถอะ ช่วงนี้มีเรื่องอะไรเครียดบ้างไหม?"

 

คิริวหัวเราะเบาๆ อีกครั้งก่อนจะตอบ "ไม่หรอก มีนายอยู่ทั้งคน จะเครียดอะไรได้"

 

คำพูดของเขาทำให้นมหมีรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง แต่เขาทำได้เพียงแค่เก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจ

 

"เอาล่ะ ไปเข้าคลาสกันก่อนเถอะ เดี๋ยวเที่ยงนี้เราค่อยไปกินข้าวกัน" คิริวพูดพลางลุกขึ้นยืน

 

"อืม..." นมหมีพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามเขาไปอย่างเงียบๆ ก่อนที่คิริวจะแยกตัวออกไปที่คณะของตัวเอง ทำให้นมหมีมองตามหลังไปอย่างเงียบๆ พร้อมกับความรู้สึกหนักใจที่เธอยังไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้

 

บรรยากาศระหว่างนมหมีและคิริวยังคงเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสับสนจากความรู้สึกที่เขาพยายามซ่อน...

 

 

 

โรงอาหารกลาง

หลังจากเลิกคลาส นมหมีรีบเก็บของทันที ร่างเล็กเดินออกจากห้องเรียนด้วยความเร็ว จนเพื่อนๆ ในกลุ่มยังอดแซวไม่ได้

 

“รีบไปไหนขนาดนั้นล่ะนมหมี? ไปเดตเหรอ?”

 

นมหมีแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน "เปล่าสักหน่อย ไปกินข้าวเฉยๆ"

 

หัวใจเขาเต้นแรงตลอดทางเดินไปโรงอาหารกลาง เขาหวังว่าการได้เจอคิริวจะทำให้บรรยากาศมืดมนในใจเธอเบาบางลง แม้จะยังไม่รู้ว่าคำว่า ' เพื่อนที่ดี ' ของเขามีความหมายแค่ไหน

 

เมื่อเดินมาถึงโรงอาหารกลาง เขามองหาคิริวทันที สายตาสำรวจไปตามโต๊ะต่างๆ จนไปหยุดที่มุมโต๊ะริมกระจกที่เขาชอบนั่ง

 

แต่แล้วหัวใจนมหมีกลับเหมือนถูกบีบแน่น เมื่อเห็น คิริว นั่งอยู่ที่โต๊ะนั้น...พร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง

 

เขาไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นดีนัก แต่เคยเห็นอยู่บ้างในคณะ เธอผมยาวประบ่าสีดำเงางาม ใบหน้าสวยหวานที่มาพร้อมกับรอยยิ้มสดใสที่เธอกำลังส่งให้คิริว

 

คิริวนั่งตรงข้ามกับเธอ ทั้งสองดูเหมือนจะคุยกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะของคิริวลอยมาถึงหูของนมหมี เหมือนเสียงสะท้อนที่ตอกย้ำว่าไม่มีเขาในที่ตรงนั้น คิริวก็ยังหัวเราะได้

 

เขาลืมนัดเหรอ...หรือว่าเราไม่สำคัญเลยตั้งแต่แรก

 

นมหมีหยุดอยู่ตรงทางเข้าโรงอาหาร ไม่กล้าขยับไปข้างหน้า ความรู้สึกอึดอัดและผิดหวังเริ่มทับถมจนเธอไม่อาจปกปิดได้

 

"นมหมี!"

 

เสียงของคิริวดังขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นนมหมี ก่อนจะโบกมือเรียกอย่างร่าเริง "มานั่งด้วยกันสิ!"

 

นมหมีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาพยายามกลืนความรู้สึกลงไป แล้วเดินเข้าไปหาพวกเขาทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม

 

"มานั่งนี่สินมหมี เรากำลังคุยกับยูกิเรื่องโปรเจ็กต์วิชาเสริม เธอเรียนคลาสเดียวกันกับเราน่ะ" คิริวพูดพลางผายมือไปที่เก้าอี้ข้างๆ

 

"สวัสดีค่ะ" เธอเอ่ยทักทายพร้อมกับยิ้มให้อย่างสุภาพ

 

นมหมีพยายามฝืนยิ้มตอบ "สวัสดีครับ" แล้วนั่งลงข้างคิริว

 

แม้นมหมีจะพยายามทำตัวปกติ แต่ความรู้สึกเหมือนถูกแย่งที่ในหัวใจ ความรู้สึกเจ็บปวดยังคงกัดกินอยู่ข้างใน นมหมีทำได้เพียงนั่งฟังพวกเขาคุยกันเรื่องโปรเจ็กต์ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามือเขากำช้อนแน่นจนรู้สึกเจ็บ

 

มันเจ็บแบบนี้สินะ เวลาที่เรามีใจให้ใครสักคน แต่เขาอาจไม่ได้คิดเหมือนเราเลย...

 

นมหมีหันหน้ามองออกไปด้านนอก เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่ท้องฟ้า มันครึ้มๆ เหมือนฝนจะตก เขากำลังกลบเกลื่อนความรู้สึกในใจที่เหมือนน้ำเดือดใกล้จะล้น เขารู้ดีว่าการแอบรักเพื่อนสนิทเป็นเรื่องที่เสี่ยง เพราะแค่คำพูดของคิริวเมื่อกี้นี้ก็เหมือนเข็มที่แทงเข้าใจกลางหัวใจของเขาแล้ว

 

คิริวเหลือบมองนมหมีที่นั่งเงียบผิดปกติ ใบหน้าที่เคยสดใสของเธอดูเหมือนมีอะไรบางอย่างปกคลุม คิริวเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

 

“นมหมี เป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมเงียบจัง”

 

“เปล่านี่” นมหมียิ้มบางๆ พยายามกลบเกลื่อน แต่แววตาของเขาไม่อาจซ่อนความรู้สึกได้

 

ยูกิที่นั่งอยู่ตรงข้ามมองดูบรรยากาศระหว่างพวกเขาทั้งสอง เธอเหมือนจะจับความรู้สึกบางอย่างได้ จึงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มเพื่อทำลายความอึดอัด

 

“นมหมีคะ ถ้ามีคำแนะนำเรื่องโปรเจ็กต์นี้บอกได้นะ ฉันเพิ่งเข้ามาเรียนคลาสนี้ อาจยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรมาก”

 

“อ๋อ... ครับ” นมหมีตอบเบาๆ พยายามไม่ให้เสียมารยาท แต่ในใจของเขาเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่มีใครตอบได้

 

เวลาผ่านไป คิริวกับยูกิคุยเรื่องโปรเจ็กต์ต่อ ส่วนนมหมีนั่งฟังไปเงียบๆ เขาเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนแปลกหน้าในโต๊ะไปแล้ว

 

“เอ่อ...เดี๋ยวฉันขอตัวไปซื้อน้ำก่อนนะ” นมหมีพูดขึ้นพร้อมลุกขึ้น คิริวพยักหน้ารับ แต่ไม่ได้พูดอะไร

 

เขาเดินออกจากโต๊ะ มุ่งหน้าไปที่ร้านขายน้ำ ในใจก็พลางคิดว่าควรทำยังไงต่อไปดี น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้เริ่มไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

 

เขาหยุดอยู่ตรงหน้าตู้ขายน้ำอัตโนมัติ พยายามหายใจลึกๆ เพื่อรวบรวมสติ เสียงรองเท้าดังใกล้เข้ามาทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมอง

 

“นมหมี...”

 

เสียงนั้นทำให้นมหมีรู้ทันทีว่าเป็นคิริว เขามองนมหมีด้วยสีหน้าแปลกใจและเป็นห่วง

 

“นายร้องไห้เหรอ?”

 

“เปล่าสักหน่อย ฝุ่นเข้าตา...” นมหมีรีบปาดน้ำตาแล้วหันหน้าหนี

 

“ฉันไม่เชื่อหรอก” คิริวพูดพร้อมจับไหล่เขาเบาๆ “มีอะไรบอกฉันได้นะ”

 

คำพูดที่อ่อนโยนนั้นทำให้ความรู้สึกนมหมีแทบจะพังลงตรงนั้น เขารู้ว่าคิริวไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขาเสียใจ แต่เป็นความรู้สึกที่เขาเก็บไว้มันเกินจะทน

 

“คิริว...” นมหมีพึมพำ แต่กลับพูดไม่ออกว่าความรู้สึกของเขาเป็นแบบไหน

 

คิริวมองนมหมีนิ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นายรู้สึกแย่นะ ถ้ามันเกี่ยวกับยูกิ...”

 

“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก” นมหมีพูดสวนกลับ แต่เขาก็หลบตาคิริวอยู่ดี “มันเป็นเรื่องของเราเอง ไม่เกี่ยวกับคนอื่น”

 

คิริวขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะอยากถามอะไรอีก แต่ก็เลือกจะไม่พูด เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยื่นกระดาษทิชชู่ให้นมหมี

 

“ถ้าไม่อยากพูดตอนนี้ ฉันก็ไม่บังคับ แต่ขอให้นายรู้ไว้นะ ว่าฉันพร้อมฟังเสมอ”

 

นมหมีรับกระดาษทิชชู่มาด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย เขาพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร

 

ในใจเขาทั้งเจ็บปวดและสับสน แต่คำพูดของคิริวก็ทำให้เขารู้สึกว่า มันอาจมีความหวังเล็กๆ ซ่อนอยู่ตรงนี้....... แต่มันกลับไม่ใช่เลย

 

 

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!