เสียงฟ้าผ่าอัสสนีคํ่า กังวานไปทั่วปฐพี เสียงกรีดร้องของผู้คนที่สูญเสียลมหายใจ แผ่กว้างไปไกลถึงขอบฟ้า ความตายที่แปลกประหลาดในแต่ละร่างกาย ทุกศพมีการตายที่แตกต่างกัน แต่สิ่งเดียวที่เหมือนกันคือศพทุกศพถูกวางเรียงกันจนสูงเสียดฟ้า เสมือนประจานความสิ้นหวังกลางหมู่สมรภูมิที่เต็มไปด้วยซากศพและความหายนะ
ท่ามกลางความโกลาหลนั้น มีชายคนหนึ่งยืนเด่นอยู่ เขาสวมอาภรณ์สีดำทมิฬและหน้ากากปิดบังใบหน้า ดวงตาของเขาฉายแววแห่งความโหดเหี้ยมและอันตราย แขนข้างหนึ่งของเขาขาดไปเต็มๆ ส่วนร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยบาดแผลจากธนูและการต่อสู้ แต่สิ่งที่ทำให้เขายังคงยืนอยู่ท่ามกลางความตายคือจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ เขายิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมาด้วยเสียงที่เยือกเย็น
"พวกเจ้ากลัวหรือ? เจ้านิกายอมตะ, เจ้านิกายเซียน...วันนี้ต่อให้เจ้าฆ่าข้าตายไป ข้าก็ไม่มีทางได้คัมภีร์สอนอมตะมาเป็นของเจ้าได้หรอก"
ชายหนุ่มค่อยๆยกคัมภีร์ขึ้นมา มือของเขาหยิบคัมภีร์อย่างมั่นคง ขณะที่สองศัตรูที่ยืนอยู่ข้างๆ ค่อยๆ ปรับท่าทางพร้อมที่จะโจมตี พวกเขาคือสมาชิกของนิกายอมตะและเซียนที่ถือดาบศิลาอันทรงพลังระดับเซียน การโจมตีที่เต็มไปด้วยพลังทำให้เขาต้องระวังตัวเป็นพิเศษ แต่ถึงแม้จะดูเหมือนเขาจะหมดแรงไปแล้ว เขาก็ยังคงสามารถปัดการโจมตีได้
สองนักรบจากทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมพลังกันเพื่อปลดปล่อยพลังมหาศาลที่มาพร้อมกับการระเบิดครั้งใหญ่ ความแรงของมันทำให้ทุกสิ่งในรอบข้างแตกกระจายไปในทันที พร้อมๆ กับการเปลี่ยนแปลงของมิติและเวลา
ขณะที่ชายหนุ่มล้มลงกับพื้น ใบหน้าของเขาก็ปรากฏความอ่อนโยนแวบหนึ่ง ท่ามกลางแสงขาวที่ค่อยๆ เข้ามาหล่อหลอม เขาเห็นเธอ...หญิงสาวที่ใส่ชุดเรียบร้อย เดินผ่านท่ามกลางความขาวโพลน ราวกับเธอคือสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในโลกนี้
ชายหนุ่มพยายามวิ่งตามเธอไป แต่เธอกลับหายไปท่ามกลางแสงที่จางลง เขาล้มลงกับพื้น ร้องไห้ด้วยความผิดหวังในตัวเอง
"ข้าผิดไปแล้ว...อย่าทิ้งข้าไป...ขอเพียงโอกาสอีกสักครั้ง"
เสียงคำพูดเหล่านั้นเหมือนจะหายไปกับลม ขณะที่ร่างของเขาค่อยๆ ดับไป พร้อมกับเสียงหัวใจที่ค่อยๆ เงียบลง
ในขณะที่ร่างของเขากำลังจะหมดลมหายใจ ความมืดมิดเข้าครอบงำร่างกาย แต่ทว่ามีบางสิ่งที่แวบเข้ามาในใจของเขา—เสียงที่เขารู้สึกว่าเคยได้ยินมาก่อน... มันคือเสียงของใคร?
---
เสียงกระซิบข้างหูเป็นเสียงที่ไพเราะและอ่อนโยน ใบหน้าของเด็กหญิงที่เต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางที่ยาวนาน หยิบขนมปังก้อนหนึ่งออกจากเสื้อเก่าที่ขาดด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย สายตาของเธอจดจ้องไปยังเด็กชายที่นอนอยู่ข้างๆ ด้วยความสงสัยและกังวล ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นเสียงเบาแต่มีแววขี้เล่น “ถ้าไม่รีบตื่น ขนมปังที่อร่อยที่สุดต้องเป็นของข้านะ” รอยยิ้มของเธอเต็มไปด้วยเสน่ห์ แม้จะเป็นแค่เด็กหญิงที่มอมแมม แต่รอยยิ้มนี้กลับมีพลังดึงดูด
แต่ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป เมื่อเห็นว่าเด็กชายไม่ได้ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย เขายังคงนอนนิ่งและไม่หายใจเหมือนเดิม เธอเขย่าตัวเขาอย่างแรง เรียกชื่อเขาซ้ำๆ “ตื่นเถอะ! ตื่นสิ!” แต่ทุกสิ่งก็ยังคงเงียบและไร้การตอบสนอง
เด็กหญิงรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนในทันที น้ำตาค่อยๆ ไหลรินจากดวงตาของเธอ เธอกอดร่างของเขาไว้แน่น ไม่รู้จะทำอย่างไรกับความเจ็บปวดที่กัดกินหัวใจ เสียงร้องไห้ของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าและความสูญเสีย ท่ามกลางความเงียบงันของป่า ราวกับว่าไม่มีอะไรจะพึ่งพาอีกแล้ว นอกจากแค่เขาคนเดียว
เมื่อเสียงร้องไห้ของเธอค่อยๆ เงียบลงไป ชายหนุ่มค่อยๆ ลืมตาขึ้น ท่ามกลางความมืดที่ล้อมรอบ เขาไม่เห็นอะไรเลย แต่กลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่คุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด เสียงใสของเด็กหญิงดังก้องในหัว “เจ้า...ยังอยู่หรือ?” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพึมพำออกมาเบาๆ
“ถ้านี่คือฝัน... ข้าก็ไม่อยากตื่น... ขอแค่มีเจ้าอยู่ข้างๆ ข้าก็พอใจแล้ว... ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ข้าก็ยอม”
เสียงพูดเหล่านั้นทำให้เด็กหญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ หัวใจสะท้านไปหมด เธอมองเขาด้วยความประหลาดใจ แต่ในใจกลับรู้สึกถึงความสุขบางอย่างที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน เพราะสิ่งที่เขาพูดมันหมายความว่าเขายังไม่จากไป และเธอก็ยังมีเขาอยู่ เธอยิ้มออกมาอย่างซาบซึ้งและพูดเบาๆ “ขอบคุณพระเจ้าที่เจ้ายังไม่ตาย” เธอหยิบขนมปังที่เหลือครึ่งหนึ่งจากมือของตัวเองส่งให้เขา “นี่... นี่ของเจ้า” เด็กหญิงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
เด็กชายมองขนมปังในมือของเธอ แล้วก็พยักหน้าเบาๆ ขอบคุณ แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรเพิ่มเติม สายตาของเด็กหญิงก็หลุดไปยังคำพูดเก่าๆ ของเขาที่เคยกล่าวไว้เมื่อหลายวันก่อน “ข้าจะปกป้องเจ้าเอง...” ความคิดนี้ทำให้เธอรู้สึกถึงความหนักหน่วงของการตัดสินใจที่เขาและเธอกำลังเผชิญ
ในที่สุดเด็กชายก็เอื้อมมือไปข้างหน้าและจับมือของเด็กหญิงเบาๆ ท่ามกลางการเงียบงันนั้น เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตั้งใจ “เราต้องหนีตอนนี้ ถ้าเราอยู่ที่นี่ พวกเขาจะตามหาพวกเราจนเจอ... พวกเขาจะไม่ปล่อยเราไปง่ายๆ”
เด็กหญิงทำท่าทางลังเล แต่เมื่อเห็นความจริงจังในสายตาของเขา ความมุ่งมั่นในดวงตาของเขาก็ทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้ เธอพยักหน้าช้าๆ ยอมรับความจริงที่เธอรู้ดีว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำ
"ไปเถอะ" เด็กหญิงพูดขึ้น.
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!