อื๊อ!!
ผมยืดแขนสุดหัว เพื่อปัดความเมื่อยล้าออกจากร่างกาย บิดความขี้เกียจเล็กน้อย แล้วมองผลงานตัวเอง
แผนโมเดลเป็นอะไรที่ผมขี้เกียจทำโครตๆ เพราะมันต้องใจเย็น มือก็ต้องนิ่ง คำนวณก็มียาก ยุ่งยากชะมัด ถ้าไม่ทำก็เท่ากับว่าเอาชีวิตตัวเองไปฆ่าตัวตายในนรกดีๆ นั่นเอง
ชีวิตช่วงปีสุดท้ายใครเขาว่าสบายกันวะ ไม่จริงเลยสักนิด ผมคนหนึ่งแหละจะเถียงให้เส้นเอ็นขาด คณะอื่นจะเป็นแบบไหนผมไม่รู้ แต่คณะผมโคตรไม่สบายเลย แม้ว่าหน่วยกิตตัวสำคัญๆ จะเก็บครบหมดแล้ว วิชาเรียนก็มีแค่ไม่ถึง 4 ตัว แต่ที่หนักสุดก็นี่แหละ "โมเดลบ้าน" ไม่ผ่านถือว่าไม่จบการศึกษา (。ŏ﹏ŏ) รู้สึกอยากย้อนเวลากลับไปตอนเมื่อปี1ใหม่ๆเลย ผมจะได้เลือกสาขาใหม่ที่มันง่ายกว่านี้
“เห้ย! อีกนิดเดียวมึงก็จะเสร็จแล้วไอ้น้ำเหนือ" คนนี้มันชื่อ บี เพื่อนสนิทผมเอง
เมื่อมันเห็นผมกำลังจะเอนตัวหลังพิงกำแพงห้อง ก็คนมันเมื่อยอะ นั่งทำตั้งแต่บ่ายโมง จนตอนนี้เวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว งานยังไม่ถึงไหนเลย...
ผมหรี่ตาเล็ก ๆ ภายใต้แสงไฟสีส้มอิฐไปหาพวกมัน พอเห็นผมทำหน้ายู่พวกมันก็เข้ามาจับหัวไหล่ทั้งสองข้าง ยันตัวให้นั่งตัวตรง
“ไอ้น้ำเหนือ อย่าขี้เกียจรีบทำไป เหลือเวลาแค่ 2 วันเองนะเว้ย”
ไอ้ปลายฝน เพื่อนผมอีกคนว่าขณะที่เอามือ มาคลึงที่ขมับผมพร้อมกับส่ายหน้ากับ ความขี้เกียจของผม
“กูทำมันตั้งแต่บ่ายโมงแล้วนะเว้ยพวกมึง ให้กูได้พักบ้างดิ๊”
“แล้วมึงเห็นพวกกูพักบ้างมั้ย? ก็ไม่...เพราะฉะนั้นมือค่ะ ยื่นมา...อะจับกระดาษค่ะ กาวอยู่นี่นะ ทาเข้าไปงานจะได้เสร็จๆ” มันยัดของทุกอย่างใส่มือผม ทั้งกระดาษ กาวรวมไปถึงอีกหลายอย่างก่อนที่มันจะไปทำของมันต่อ
ผมหาวหวอดใหญ่หลายๆ ครั้ง เมื่อเวลามันล่วงเลยเที่ยงคืนมาได้ครึ่งชั่วโมง จนห้องน้ำกับห้องนอนเสร็จเรียบร้อย เหลือแค่ตกแต่งอีกนิด หน่อยโมเดลบ้านของผมก็จะเสร็จ
“มา เดี๋ยวกูช่วย”
“เห้ย!! จริงดิ ขอบใจมากเพื่อนรัก”
โมเดล เพื่อนในแก๊งอีกคนเดินเข้ามานั่งข้างๆผม เสนอตัวเข้ามาช่วย ผมเลยไม่รอช้า เวลานี้ตัวช่วยคือสิ่งล้ำค่ายิ่งกว่าเงินในกระเป๋าอีก มอบ กระดาษแข็งที่เหลือวางตรงกลาง และมอบหมายให้มันแปะลงไปอย่างที่บอก
“ไอ้โมเดล งานของมึงเสร็จแล้วเหรอวะ ถึงมาช่วยไอ้น้ำเหนืออะ"
“ของกูเหลือแค่ตกแต่งไม่ถึง 7 อันก็เสร็จแล้ว"
ไอ้โมเดลมันเป็นคนหัวไว ทำงานไว ไม่แปลกใจเลยว่างานทุกอย่างของมันจะเสร็จก่อนเพื่อนในกลุ่มเสมอ
“งั้นกูขอเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะ”
“อืม..."
ผมลุกขึ้น ยกมือจับสะโพก ดูเหมือนมันจะบานออกมา นั่งตั้งแต่บ่ายโมง เข้าห้องน้ำแค่สองครั้งเอง ไม่แปลกที่สะโพกจะบาน ผมเดินย่ำ ๆ เข้าห้องน้ำ ทำธุระเสร็จสรรพ ออกมาเห็นโมเดลตัวเองเสร็จสมบูรณ์
ริมฝีปากจุดยิ้มขึ้น เสร็จสักทีกับโมเดลบ้าน บ้า ๆนี่ ต้องมาลุ้นอีกทีว่ามันจะผ่านหรือเปล่า เพราะนั่นคือด่านหินที่สุดแล้ว
พวกผมเก็บข้าวของทุกอย่างใส่กระเป๋า ปิดไฟห้องชมรมดับสนิท ก่อนจะแยกย้ายกันหน้ามหาลัย
พอส่งพวกมันสามคนขึ้นรถ ผมจึงเดินกลับ ผมเดินข้ามมาจากฝั่งตรงข้าม เดินไปอีกนิดเดียวก็ถึงคอนโดผมแล้ว เลยแวะซื้อข้าวต้มหนึ่งถุงร้านประจำ ก่อนจะแบกโมเดลบ้านอย่างระมัดระวังขึ้นห้อง
พอถึงชั้น 20 ผมก็มุ่ยหน้าทันที เข้ามาอยู่ที่นี่ก็เกือบจะสองเดือนแล้วก็ยังจำเลขรหัสห้องตัวเองไม่ได้สักที กุญแจอย่าไปหวังเพราะมันเป็นระบบคีย์การ์ด
หวังว่าวันนี้คงจะเข้าห้องไม่ผิดเหมือนทุกครั้งนะไอ้น้ำเหนือ ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ
ผมเดินคิ้วขมวดตลอดทาง จำได้ว่ามัน มีเลข 9 อยู่ เดินมาเกือบจะสุดทางเห็นห้อง 2009 ผมจึงไม่รอช้า แต่พอกำลังจะยกมืออีกข้างที่ไม่ได้ จับโมเดลบ้านใส่รหัสประตู สายตาก็ดันเหลือบไปมองห้องฝั่งตรงข้าม ก็เป็นเลข 2019 นาทีนี้บอกเลยว่าความลังเลผมได้เกิดขึ้นอีกแล้ว ระหว่างห้อง 2009 กับ 2019 ห้องไหนกันแน่คือห้องตัวเอง
ผมตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าต้องเป็นห้อง 2009 ไม่ผิดแน่ เพราะเมื่อวันก่อนดันเข้าห้องผิดเลยต้องกระเสือกกระสนหอบร่างกายอย่างว่องกลับห้องตัวเอง
น่าขายหน้าชิปหาย...
มือเรียวเข้าไปกดสัมผัสรหัสห้องอย่างนึกระวัง กดเลข ×××××× เลขตัวสุดท้ายสัมผัสลงไฟสีเขียวขึ้นวิบวับออกมา ผมถอนหายใจพรืดพราดออกมา ยาว ๆ
"โชคดีจังวันนี้ไม่เข้าห้องผิดละเว้ย"
ผมแบกร่างกายตัวเองเข้าห้อง เดินเข้าไปวางโมเดลบ้านที่โต๊ะกลางโซฟา ไฟในห้องผมขี้เกียจเปิด เลยเดินเข้าไปในห้องนอนเลยแล้วกระโดดขึ้นเตียง แค่ร่างกายแค่สัมผัสเตียงนุ่มก็หลับปุ๋ยอย่างว่าง่าย
ผมเป็นโรคนอนไม่ค่อยหลับมาเกือบจะหนึ่งปีแล้ว แต่ช่วงหลัง ๆ โรคพวกนี้ไม่ค่อยกำเริบเท่าไหร่ อาจจะเพราะทำงานมากเกินพิกัดตัวเอง
อย่างเช่นวันนี้....
06:00 น.
จิ๊บ จิ๊บๆ (เสียงนกร้องยามเช้า)
ผมจำได้ว่าตอนที่ออกจากห้องก็ไม่ได้เปิดผ้าม่านทิ้งไว้นี่หว่า แล้วทำไมเช้านี้แสงถึงได้แยงเข้าตาได้วะ แสงแรงซะด้วย ผมขยับตาขึ้นมามองปริบ ๆ อาการงัวเงีย คลอเสียงต่ำ ยกมือขยี้หัวตัวเอง หวังจะลุกขึ้นไปปิดผ้าม่าน
แต่ดันเห็นเงาตะคุ้ม ๆ ยืนอยู่ก็เกิดความสงสัยขึ้นมา ใครวะ? สงสัยจะเป็นขี้ตาบดบังแน่ๆ ใช้แรงมือขยี้ซ้ำอีกรอบ ขยับอีกครั้งมันก็ยังคงเหมือนเดิม จนกระทั่งผมยืดตัวขึ้นมาพิงขอบเตียง ถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่ขี้ตา
“มึงมานอนในห้องกูได้ยังไง?” เสียงเจ้าของห้องว่าก่อน
“เห้ย!...นี่มันห้องผมนะ” ผมเถียงกลับ กล่าวหาว่าผมมานอนห้องมันทำไม ทั้ง ๆที่เมื่อคืนผมใส่รหัสห้องตัวเองชัด ๆ
“ก่อนที่มึงจะเถียงกู มึงช่วยแหกตากว้าง ๆ แล้วกวาดมองรอบๆห้องดูสิว่ามันใช่ห้องมึงมั้ย”
ผมขมวดคิ้ว แต่ก็ทำตามคำสั่งอย่างที่อีกคนว่า ผมเริ่มจากขวาไปซ้ายแค่สิ่งแรกที่อยู่ที่ตรงโต๊ะข้างเตียงก็ไม่คุ้นตาแล้ว ปกติจะต้องเป็นกรอบรูปผมดิ แต่นี่มันเป็นนาฬิกาปลุกแอนะล็อกได้ยังไง...
ไหนจะกรอบรูปบนฝาผนังนั่นอีก มันไม่ใช่รูปวิวทิวทัศน์ที่ผมชอบ แต่เป็นรูปภาพธรรมชาติ หรือว่านี่จะไม่ใช่ห้องผมจริง ๆ แต่ทำไมรหัสห้องต้องตั้งเหมือนผมด้วย คงไม่ใช่บังเอิญหรอกใช่มั้ย
“ละ..แล้วทำไมพี่ต้องตั้งเลขรหัสห้องเหมือนผมด้วยละครับ"
“เรื่องนั้นกูต้องเป็นฝ่ายถามมึงมากกว่านะ”
ร่างสูงไม่ได้ว่าปากเปล่า แต่ตัวยังเดินเข้ามาหาผมเรื่อยๆอีก แถมพี่เขายังทำสีหน้าดุใส่ผม ผมได้แต่ดึงผ้านวมผืนใหญ่หนี เหลือรอดแค่ดวงตาเล็ก ๆของผมเท่านั้น ร่างกายกำยำที่แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ เสื้อกล้าม ที่ทับหลวม ๆ อยู่ไม่พอปกปิดส่วนหน้าอกให้มิดชิดได้ แค่พี่เขาก้มลงมา ไอ้ช่องว่างระหว่างนั้นก็โผล่มาทักทายผมแล้ว เนื้อสีเข้มที่เด่นนูนออกมาจนผมต้องเผลอลอบกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ด้วยความประหม่า
“เห้ย!! มึงจะบอกมาได้ยังว่ามึงเข้ามาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง”
"......"
เสียงตบมือเข้ากำแพงมันดังเพียะ! ทำให้ผมสะดุ้งโหยงบวกกับเสียงเข้มของพี่เขาอีก ยิ่งทำให้ผมตื่นกลัวในผ้านวมผืนหนาสีน้ำเงินเข้ม ไม่กล้า สบตาเลยสักนิด กลัว!!
“ผะ..ผมไม่รู้ เห็นเลขห้องมันเป็นเลข 9 เหมือนกัน”
“กูไม่ได้หมายถึงเลขห้อง แต่หมายถึงรหัสเข้าห้องกูต่างหาก”
พี่เขาทำเสียงเข้มไม่หาย แล้วตัวก็เขยิบเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนผมสัมผัสลมหายใจร้อนๆ ของพี่เขาได้
“ผมก็ไม่รู้อาจจะแค่บังเอิญเลขเหมือนกันก็ได้”
ผมบอกความจริงแล้วนะ ไม่เชื่อก็ไม่รู้จะหาอะไรมาอ้างแล้ว ตอนนี้ผมอยากจะมุดหน้าหนีออกจากห้องนี้อย่างเดียว แต่เจ้าของห้องก็ไม่ยอมเขยิบออกห่างสักทีนี่สิ๊
“หึ คิดว่ากูจะเชื่อหรอไอ้น้อง ครั้งนี้กูจะลืมให้ก็แล้วกันแต่ถ้ายังมีครั้งต่อไปอีกล่ะก็..”
พี่เขาเค้นเสียงให้ดุกว่าเดิม ทำเอาผมตัวหดเหลือแค่ไม่กี่เซ็น หน้าตาก็หล่อ ไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมนิสัยช่างต่างกับหน้าตาชิป... ดุเหมือนหมาเลย \=\=*
ร่างสูงลุกขึ้นยืนกอดเอวมองผมแล้วก็แสยะยิ้มขึ้นมา แบบนี้มันหมายความว่ายังไงอ่ะ ผมไม่ใช่ผู้ชายขายบริการตามเว็บไซต์ต่าง ๆหรอกนะเว้ย!
เอ้า แล้วทำไมผมต้องมานึกถึงเรื่องแบบนี้ด้วยวะ พี่เขาอาจจะไม่คิดแบบนี้ก็ได้ ไอ้น้ำเหนือเอ้ยมึงคิดนอกกรอบอีกแล้ว
“เอ้า! ละไม่ลุกล่ะเห้ย อยากนอนกับกูด้วยหรือไง”
“...ละ ลุกแล้วครับๆ ดุจริง!”
ผมสะดุ้งตัวอีกครั้งกับน้ำเสียงโฮกฮากเมื่อสักครู่นี้ ผมมองหน้าพี่เขาก่อนจะลุกออกจากเตียงในสภาพตื่นกลัว คว้ากระเป๋าสะพายแล้วก็วิ่งออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว
ผมหายใจเข้าออกยาว ๆ หลังออกมาจากห้องพี่เขาได้สักพัก แล้วก็มองเลขห้องตัวเองให้ขึ้นใจ เลยว่าเป็น 2019 ไม่ใช่ 2009
เฮ้อ!! จะไหวไหมเนี่ยไอ้น้ำเหนือ มึงมาอยู่ก็เกือบสองเดือนแล้วนะเว้ยย
ผมตบหัวตัวเองดังเพียะให้ได้สติกลับมา หลังจากพึมพำกับเลขห้องตัวเองก่อนจะเอื้อมมือ เข้าไปใส่รหัสประตูฝั่งตรงข้าม ลากตัวยาว ๆ ไปที่ เตียงนุ่ม กวาดมองโต๊ะข้างเตียงและกรอบรูปบน ฝาผนังแล้วก็ต้องนิ่วหน้าให้กับความเริ่มของตัวเอง
น่าอายชะมัดเลยไอ้น้ำเหนือ...
คนอะไรดุชะมัด ไล่ผมกลับมาห้องดี ๆ ก็ได้เหมือนที่ห้องอื่น ๆ เขาทำกัน ไม่อยากอยู่หรอกห้องแบบนั้น ทั้งห้องรายล้อมไปด้วยสิ่งของแมน ๆ ดูแล้วขัดลูกตา
ผมตื่นขึ้นมาหลังจากหลับไป 3 ชั่วโมง ลุกขึ้นมายืนหน้ากระจก คนอะไรหน้าตาก็หล่อนะ แต่นิสัยไม่เหมือนหน้าตาเอาซะเลย..
ผมปัดสีหน้าพี่เขาออกจากความคิดแล้วเดินเข้าไปห้องน้ำ เปิดน้ำรองมือทั้งสองชโลมล้างใบหน้าให้เกลี้ยง อ่า!! สดชื่น รู้สึกร่างกายตื่นขึ้นมานิดหน่อย
หลังจากออกมาจากห้องน้ำผมก็จัดการหาไรกินเพราะเมื่อคืนผมแทบจะยังไม่ได้กินอะไรเลยเพราะมัวแต่นั่งทำโมเดลจนดึก
พอกินทุกอย่างเสร็จสรรพก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ วันหยุดแม่งน่าเบื่อฉิบหาย เลยมานั่งโซฟาหยิบมือถือมาเล่น กดเข้าไปใน Facebook เห็นบี ส่งข้อความมาตั้งแต่ 1 ชั่วโมงก่อน
บี: ไอ้น้ำเหนือ ไอ้เวร นี่มึงลืมนัดพวกกูอีกแล้วใช่ไหม!?
ผมกำลังงุนงงว่าทำไมมันถึงส่งข้อความแบบนี้มาหาผม เท่าที่ไล่ตารางงานในหัวตัวเองวันนี้ ผมว่าก็ไม่มีนัดอะไรกับใครนะ
น้ำเหนือ: ลืมนัดอะไรของพวกมึงอ่ะ วันนี้กูไม่มีนะ
บี: นั่นไง!! กูว่าละ มึงลืมจนได้ วันนี้มีนัดมาดูงานไงไอ้เวร
น้ำเหนือ: งานอะไรวะ กูไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย
บี: ก็งานที่มึงจะต้องไปฝึกงานไงไอ้น้ำเหนือ อยากจะจบไหมปีนี้หรือไม่อยากจบ?
พอมันพูดถึงเรื่องฝึกงาน เออใช่! พวกมันนัดไปดูงานนี่หว่า แต่เวลานี้คงไปไม่ทันแล้วมั้ง เที่ยงกว่าแล้ว อีกอย่างบริษัทพ่อของไอ้โมเดลก็อยู่ตั้งไกล กว่าจะถึงคงประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า
ไอ้น้ำเหนือนะไอ้น้ำเหนือ ลืมแม้กระทั่งวันนัดเพื่อนเนี่ยนะ!?
น้ำเหนือ: กูไปตอนนี้ไม่ทันอยู่ดี กูหาที่ใหม่ก็ได้ พวกมึงตามสบายเลย
บี: ไม่ต้องมาละ พ่อของไอ้โมเดลบอกรับทุกคน รวมถึงถึงด้วย แต่...
น้ำเหนือ: แต่อะไรของมึงวะ?
บี: คืนนี้มึงต้องมากินเหล้ากับพวกกู ห้าม!ปฏิเสธ ฉลองได้ที่ฝึกงานเจอกันร้านเดิม
น้ำเหนือ: อืมๆ
ผมตอบรับไปส่งๆ ตามจริงก็ไม่อยากออกไปกินเหล้าเท่าไหร่ แต่พวกมันชอบพาผมเข้าตลอด พอไม่ไปก็หาว่าผมคออ่อน ผมไม่ได้อ่อนซักหน่อย แค่ไม่อยากกินเหล้าก็เท่านั้น...
ยอมรับก็ได้ว่าเป็นจำพวกคออ่อน เมาทีไรก็เรื้อนทุกทีนั่นแหละประเด็นที่ผมไม่อยากเข้า เพราะไม่อยากเห็นสภาพตัวเองตอนนั้นเท่าไหร่
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมเด้งตัวลุกพิงขอบโซฟาตามองบานประตูกว้าง ไม่ใช่ว่าห้องนี้ ไม่ใช่ห้องผมอีกนะ ผมเดินสำรวจห้องให้แน่ใจว่าห้องนี้ใช่ห้องตัวเองจริงๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตู
ผมเอื้อมมือไปบิดลูกกลอน เปิดประตูช้า ๆ ก็พบว่าคนที่อยู่หลังบานประตูคือพี่คนเมื่อเช้า สีหน้าเขากำลังดูงงกับสภาพที่เห็นตรงหน้า
“มึงทำอะไรอยู่”
“ผมเปล่า...ไม่ได้ทำอะไร...พี่มีอะไรกับผมอีกอะ"
เอาอีกแล้ว...น้ำเสียงแบบนี้อีกแล้ว แค่เข้าห้องผิดเอง ทำไมพี่เขาต้องอาฆาตผมขนาดนี้ด้วย เอาไว้ว่างๆผมจะเอาของไปไหว้ขอขมาก็แล้วกันนะ
“...กูขอโทษ ที่ตอนเช้ากูทำเสียงดุใส่มึงอะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ต้องขอโทษพี่เหมือนกันที่เผลอไปเข้าห้องพี่”
“อืม งั้นกูไปทำงานละ”
พี่เขาเดินก้าวออกไปล็อกประตูห้อง จะว่าไปผมยังไม่ได้รู้จักชื่อเขาเลย พอผมกำลังจะกล่าวทักก็มีเสียงนึงแทรกขึ้นมาเสียก่อน ผู้หญิงอีกคนที่หน้าตาดูสละสลวย หุ่นดี ผมยาว แต่งหน้านวลๆ เข้ากับหน้าและสวมชุดนักศึกษา
“อาทิตย์คะ อาทิตย์หน้ามิ้นท์ขอไปงานกับเพื่อนๆที่ต่างจังหวัดนะคะ”
เสียงเล็กที่ลอดออกมาจากปากกระจับ มันดูน่าฟังตรงไหน ผมคนหนึ่งแหละไม่ฟังด้วย มือผมกำลังจะปิดประตูห้อง แต่กลับมาชะงักกับเสียงผู้หญิงคนนี้
“เอ้า...น้ำเหนืออยู่คอนโดนี้ด้วยเหรอคะ”
ผู้หญิงคนนี้เขารู้จักชื่อผมได้ยังไง? ผมขมวดคิ้วขึ้น ขณะเดียวกันมือเรียวของเขาก็เข้ามาดันประตูห้องผมให้เปิดออก
“อยู่ฝั่งตรงข้ามกับแฟนเราเลย”
“นี่คุณรู้จักชื่อผมด้วยเหรอครับ”
ผมถามออกไปด้วยความสงสัยก็เท่านั้น แต่ทำไมเขากลับเลิกคิ้วให้ผมกลับซะงั้น ซ้ำคนที่ชื่อว่าอาทิตย์ ก็เดินเข้ามากอดผู้หญิงคนนี้ต่อหน้าผมอีก ถ้าอยากสวีตกันก็เชิญไปสวีตที่อื่น ตรงนี้ไม่ใช่ที่สาธารณะนะ!!
“รู้จักสิ ก็น้ำเหนือออกจะดังทั่วมหาลัย ใครบ้างที่ไม่รู้จัก”
“อ๋อ..เหรอครับ ผมไม่รู้เลยนะเนี่ย”
“มิ้นท์รู้จักมันด้วยเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ น้ำเหนือเขาดังสุดตอนนี้ในมหาลัยค่ะ นอกจากจะเป็นเดือนแล้ว หน้าตาก็หล่อ น่ารัก แถมยังเป็นคนรวยระดับต้น ๆ ของประเทศอีก”
ผมขอเถอะ ถ้าอยากสวีต ไปอื่นเถอะ ผมจะอ้วก! แค่เสียงยังทนได้ แต่นี่อะไรยังจะโชว์หอมแก้ม ตรงหน้าผมอีกมันจะเกินไปไหม!?
มือเรียวกำลังจะยันประตูปิด เพราะธุระส่วนตัวของผมหมดตั้งแต่วินาทีที่มีการขอโทษแล้ว แต่พี่เขาเหมือนเดิมแหละที่เอามือมาดันประตู แล้วก็เลิกคิ้วให้ผมนี่มันหมายความว่าอะไร
ถ้าคิดว่าผมจะจีบแฟนพี่นะ ฝันไปเถอะ!ไม่มีทาง เพราะผมไม่ได้ชอบผู้หญิง
“พี่อาทิตย์แกล้งน้ำเหนือทำไม...” ผู้หญิงว่าแล้วค่อยหันมาคุยกับผมต่อ
“มิ้นท์ต้องขอโทษแทนอาทิตย์ด้วยนะ อาทิตย์เขาก็เป็นคนอย่างนี้แหละ”
อ๋อ ไม่ว่าหรอก เพราะเห็นตอนที่พูดคุยกับผม ก็รู้แล้วว่าพี่เขาเป็นคนยังไง ผมยกมุมปาก แล้วค่อยตอบกลับส่งท้าย
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ ยังไงผมขอตัวนะครับ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ ยังไม่แนะนำตัวเลยค่ะฉัน มิ้นท์ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
เธอแนะนำตัวเองพร้อมกับยื่นมือเพื่อจับ แต่ก็โดนคนข้าง ๆ ชักมือเสียก่อน ดีแล้วล่ะเพราะผมก็ไม่อยากจับมือผู้หญิงเหมือนกัน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมน้ำเหนือ เรียกสั้น ๆว่าเหนือก็ได้ครับ”
พูดจบผมก็ยันประตูรอบที่สาม เสียงถอนหายใจดังพรืดออกมาเมื่อประตูถูกมือใหญ่ดันออกอีกรอบ แววตาดูกวนตีนเอามาก ๆ ถ้าไม่ติดที่ว่ามีมิ้นท์อยู่นะ ป่านนี้คงโดนฟาดหน้าไปนานแล้ว
“กูยังไม่ทันแนะนำตัวเลย จะรีบปิดประตูไปไหน"
“ผมไม่ได้อยากรู้จักพี่สักหน่อย ขอตัว”
“เห้ย...อะไรวะ แฟนกูอุตส่าห์แนะนำตัว ถ้ากูไม่แนะนำตัวอีกคนมันก็เสียมารยาทดิว่าปะมิ้นท์"
คำขอโทษเมื่อสักครู่นี้เอากลับไปเลย!ผมไม่รับแล้ว พี่มันเป็นคนยังไงกันแน่เนี๊ยะ
ผมยืนรอฟังการแนะนำตัวอีกครั้ง แต่...เวลาผ่านไป 5 นาที ก็ยังไม่มีเสียงขึ้น มาแนะนำตัวมีแต่เสียงเงียบสงัด สัมผัสได้แต่ลมหายใจเข้าออก ผมเลิกคิ้วให้กับพี่เขา จนพี่เขาหลุดขำออกมา
“อาทิตย์!!” มิ้นท์ว่าแฟนตัวเอง ยกมือตบแขนใหญ่ดังเพี๊ยะ
“กูขอโทษๆ พอดีเห็นหน้ามึงแล้วอดขำ ออกมาไม่ได้ กูชื่ออาทิตย์”
กว่าจะยอมพูดออกมาได้ กลัวเลือดออกปากหรือไง แต่ที่แน่ ๆ ผมจะจำที่พี่ทำกับผมวันนี้ แม้ว่าความทรงจำของผมจะจำอย่างอื่นไม่ได้เลยก็ตาม
หลังจากแนะนำตัวเสร็จผมก็ปิดประตูใส่หน้าทันที พิงหลังเข้ากับ ประตูบานใหญ่ ถอนลมหายใจยาว ๆแล้วค่อยเดินไปนั่งโซฟาตัวเดิม หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพบข้อความใหม่เข้าอีกแล้ว
บี: อย่าลืมนะเว้ยย เจอกัน 2 ทุ่ม ห้ามสาย!
น้ำเหนือ: เออๆ จำได้น่า..
ผมทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา ยกมือมาก่ายหน้าผากตัวเองอย่างเหนื่อยหน่าย "อาทิตย์" ทำไมชื่อผู้ชายคนนี้ถึงดูคุ้นๆจังแหะ... แต่ก็ช่างเถอะ จะคุ้นหรือไม่คุ้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตสำหรับผมเท่าไหร่อยู่แล้ว
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!