ชื่อเรื่อง: ปาฏิหาริย์ระหว่างเรา
คำนำ:
ในคืนคริสต์มาสที่หนาวเหน็บ เมืองเล็ก ๆ ถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน แสงไฟจากต้นคริสต์มาสส่องประกายระยิบระยับท่ามกลางความมืด เด็กหญิงคนหนึ่งชื่อเอลลายืนอยู่ใต้แสงดาว เธอกระซิบคำอธิษฐานต่อท้องฟ้า ขอให้แม่ที่จากไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อหลายปีก่อนกลับมาหาเธออีกครั้ง เสียงของเธอเต็มไปด้วยความหวังบริสุทธิ์ ราวกับหวังให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริง
แต่แทนที่คำอธิษฐานของเธอจะนำแม่กลับมา สิ่งที่เอลลาพบกลับเป็นชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างไร้ที่มา เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครหรือมาจากไหน ความทรงจำทั้งหมดของเขาหายไป ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าในจิตใจ และในเวลาเดียวกัน หญิงสาวอีกคนหนึ่งที่มีท่าทีเร่งรีบและดูเหมือนกำลังหนีจากบางสิ่งได้เข้ามาในชีวิตของพวกเขา
ทั้งสามคนที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ถูกโชคชะตาพาให้เดินทางร่วมกันในคืนคริสต์มาส ท่ามกลางแสงดาวและเสียงระฆังแห่งความสุข พวกเขาได้ค้นพบความลับที่ถูกเก็บซ่อน ความหวังที่เคยเลือนหาย และมิตรภาพที่ไม่คาดคิด การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การค้นหาคำตอบของความทรงจำหรืออดีตที่หลอกหลอน แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของปาฏิหาริย์ที่กำลังจะเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล
---
ตัวละคร:
เอลลา (Ella)
เด็กหญิงวัย 9 ขวบที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความหวัง แม้จะต้องเผชิญกับความเหงาหลังจากแม่หายตัวไปอย่างลึกลับ เธออาศัยอยู่กับยายในบ้านหลังเล็ก ๆ ที่อบอุ่น เอลลาเป็นคนมองโลกในแง่ดี เชื่อในปาฏิหาริย์และเชื่อว่าแม้ในความมืดมิด ก็ยังมีแสงสว่างเสมอ เธอเป็นผู้ที่นำชายแปลกหน้าและหญิงสาวให้มารวมกันในคืนคริสต์มาส
อีธาน (Ethan)
ชายหนุ่มวัยประมาณ 30 ปี ผู้สูญเสียความทรงจำอย่างสิ้นเชิง เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน หรือกำลังมองหาอะไร แต่สิ่งหนึ่งที่เขามีคือความอบอุ่นในหัวใจและความตั้งใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่น อีธานเป็นเหมือนเสาหลักในกลุ่ม แม้เขาจะไม่มีคำตอบสำหรับตัวเอง แต่เขากลับเป็นแรงบันดาลใจให้คนรอบข้าง
คาร์ล่า (Carla)
หญิงสาววัย 25 ปี ผู้ซ่อนตัวจากโลกด้วยกำแพงแห่งความแข็งกร้าว เธอมีอดีตที่ไม่อยากจดจำและพยายามหลีกหนีจากความผิดพลาดในชีวิต คาร์ล่าดูเหมือนเป็นคนปากร้ายและไม่สนใจใคร แต่ลึกลงไปเธอกลับเปราะบางและโดดเดี่ยว ในการเดินทางครั้งนี้ เธอค่อย ๆ เปิดใจและค้นพบความหมายของการได้รับความรักและการให้อภัย
---
ตอนที่ 1: คืนแห่งความหวัง
ท่ามกลางสายลมหนาวที่พัดมาจากทิศเหนือ เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยแสงไฟที่ประดับประดาไว้ตามบ้านเรือน ถนนที่เคยเงียบสงบกลับคึกคักไปด้วยผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ ทั้งชาวเมืองและนักท่องเที่ยวต่างมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองคริสต์มาส ด้วยความสุขที่เต็มเปี่ยมในค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลอง
แต่ท่ามกลางบรรยากาศที่ดูอบอุ่นและมีความสุขนั้น เอลลา กลับยืนอยู่คนเดียวใต้แสงไฟของต้นคริสต์มาสที่สูงตระหง่านท่ามกลางจัตุรัสกลางเมือง เธอห่มเสื้อกันหนาวสีฟ้าและยืนมองต้นคริสต์มาสที่ประดับด้วยดาวสีทองและไฟหลากสี ซึ่งบ่งบอกถึงความอบอุ่นในเทศกาลนี้ แต่ในใจของเอลลากลับเต็มไปด้วยความเหงา ความเหงาที่ไม่มีใครเข้าใจและไม่สามารถลบล้างได้
เธอหลับตาลงอย่างช้า ๆ ลมหายใจเย็น ๆ พัดผ่านเส้นผมและใบหน้าของเธอ เอลลากระซิบคำอธิษฐานเบา ๆ ออกมาจากใจที่เต็มไปด้วยความหวัง "ถ้าปาฏิหาริย์มีจริง ขอให้แม่กลับมาหาหนูด้วยเถอะ..." เสียงของเธอเบาและอ่อนแอลงเมื่อคำขอออกมาจากใจดวงน้อย ๆ ที่หวังว่าสิ่งที่เธอขอจะเป็นจริงในคืนนี้
แม่ของเอลลาหายไปจากชีวิตเธอเมื่อสามปีก่อน ทุกวันนี้เธออาศัยอยู่กับยายที่ดูแลเธออย่างดี แต่การที่ไม่มีแม่อยู่ข้าง ๆ ทำให้เอลลารู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างในชีวิต เธอรู้สึกว่าไม่ว่าคนรอบข้างจะพยายามดูแลเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถแทนที่แม่ของเธอได้
ขณะที่เอลลายืนอยู่เงียบ ๆ ในค่ำคืนนี้ เสียงฝีเท้าของใครบางคนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เธอหันไปมองและพบชายแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกล เขาสวมเสื้อโค้ทสีดำและกางเกงยีนส์เก่าที่ดูเหมือนจะใส่มานานแล้ว ดวงตาของเขาดูเหมือนจะมองอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างหน้า แต่เขากลับมีท่าทางสับสนเหมือนคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
เอลลาจ้องมองชายแปลกหน้าอย่างสนใจ เธอไม่เคยเห็นเขามาก่อน แต่บางสิ่งในตัวเขากลับดึงดูดเธอให้เข้าไปใกล้ "คุณโอเคไหมคะ?" เธอถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
ชายหนุ่มหันมาทางเอลลาอย่างช้า ๆ เขามองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูห่างเหิน "ฉัน... จำอะไรไม่ได้เลย" เขาเบิกตากว้างเหมือนจะค้นหาคำตอบในความมืด แต่ไม่สามารถหาอะไรได้เลย
เอลลาสังเกตเห็นว่าเขาดูเหมือนจะหลงทาง และในขณะที่เธอกำลังจะถามอะไรต่อไป เสียงฝีเท้าของคนอีกคนก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง มันเป็นเสียงที่เร่งรีบและหนักหน่วง หญิงสาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาและหันไปมองที่ชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็ว
"หลีกไปหน่อยได้ไหม?" หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงดุๆ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ชายคนนั้น "ฉันต้องการผ่านไป"
เอลลามองหญิงสาวที่กำลังจะเดินจากไป แต่ความสงสารทำให้เธอพูดออกไป "คุณช่วยพาคุณลุงคนนี้ไปที่โบสถ์ได้ไหมคะ? เขาดูเหมือนจะหลงทาง และอาจต้องการความช่วยเหลือ"
หญิงสาวหยุดเดินและมองกลับไปที่เอลลา เธอเหมือนจะลังเลก่อนจะถอนหายใจเสียงดัง "ทำไมต้องเป็นฉันล่ะ?" เธอถามอย่างหงุดหงิด แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเอลลาที่เต็มไปด้วยความหวัง เธอก็รู้สึกสะดุดใจและพยักหน้า "ก็ได้ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นนะ"
ในที่สุด ทั้งสามคนจึงเริ่มเดินทางไปด้วยกันในคืนคริสต์มาสที่แสนหนาวเย็น ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต แต่การเดินทางของพวกเขาในคืนนี้จะเปิดเผยความลับที่เก็บซ่อนอยู่ ความทรงจำที่ไม่เคยลืม และปาฏิหาริย์ที่ทุกคนหวังว่าอาจจะเกิดขึ้นในที่สุด
---
ตอนที่ 2: ความทรงจำที่หายไป
เอลลายังคงเดินเคียงข้างชายหนุ่มและหญิงสาวที่ชื่อคาร์ล่า เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางที่ไม่คุ้นเคย แม้จะมีคำถามมากมายในใจ แต่เธอกลับไม่กล้าถามอะไรออกไปเพราะรู้สึกว่าทั้งสองคนคงมีเรื่องราวที่ซับซ้อนกว่าที่เธอสามารถเข้าใจได้
อีธาน ชายหนุ่มที่สูญเสียความทรงจำ ได้แต่เดินเงียบ ๆ ข้าง ๆ โดยไม่มีคำพูดใด ๆ เขาหันมามองเอลลาเป็นครั้งคราว ดวงตาของเขาดูว่างเปล่าเหมือนเขากำลังพยายามจำบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในหัว แต่กลับไม่สามารถดึงมันออกมาได้
คาร์ล่าเดินนำหน้าไปเล็กน้อย หญิงสาวดูเหมือนจะไม่อยากพูดอะไรกับใคร แต่ในท่าทางที่แข็งกร้าวนั้น เธอก็ไม่สามารถปิดกั้นอารมณ์บางอย่างที่กำลังซ่อนอยู่ในใจได้ เมื่อเธอมองไปที่อีธานและเอลลาหลายครั้ง เหมือนเธอกำลังค้นหาสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะพบหรือไม่ แต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบจากทั้งสองคนได้
“คุณทั้งสองเป็นใครกัน?” เอลลาถามขึ้นในที่สุด หลังจากเดินเงียบ ๆ มาหลายนาที เธอไม่อาจอดทนที่จะเก็บคำถามไว้ในใจได้อีกต่อไป
อีธานหยุดเดินและหันมามองเอลลา ดวงตาของเขามีแววงุนงง “ผม... ผมไม่รู้ครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง "ผมไม่จำอะไรได้เลย นอกจาก... นอกจากความรู้สึกเหมือนผมเคยอยู่ที่นี่มาก่อน" เขาหยุดคำพูดและหันไปมองที่คาร์ล่าอีกครั้ง คำถามในใจเขายังคงมีแต่ไม่อาจออกมาเป็นคำพูดได้
คาร์ล่าเหลือบมองไปที่อีธาน แล้วถอนหายใจ "เขา... เขาจำอะไรไม่ได้เลย" เธอพูดในที่สุด น้ำเสียงของเธอไม่ใช่ความอ่อนโยน แต่มันเต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่ายและบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ “และฉันก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องง่ายที่จะหาคำตอบ”
เอลลามองคาร์ล่าด้วยความสงสาร เธอรู้สึกว่าอะไรบางอย่างไม่ถูกต้องในคำพูดของหญิงสาว แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมเพราะรู้ว่าเธอยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยอะไรในตอนนี้
เสียงของระฆังจากโบสถ์ใกล้ ๆ ดังกังวานไปทั่วเมือง สัญญาณของการใกล้ถึงเวลาค่ำคืนที่ทุกคนจะไปยังที่พักผ่อนกัน คาร์ล่าเดินนำหน้าต่อไปอย่างรวดเร็ว เอลลาจึงรีบตามไปติด ๆ และอีธานก็เดินตามหลังมาด้วยความเงียบ
ขณะที่เดินไปยังโบสถ์ คาร์ล่าก็พูดขึ้นอีกครั้ง “มีบางอย่างเกี่ยวกับคืนนี้... คืนนี้ไม่ใช่แค่คริสต์มาสธรรมดา มันคือคืนที่อะไรบางอย่างจะเกิดขึ้น” คำพูดของเธอทำให้เอลลาหยุดชะงักและหันไปมอง “อะไรบางอย่างจะเกิดขึ้น? หมายถึงอะไรคะ?” เอลลาถามด้วยความสงสัย
คาร์ล่าหยุดเดินและหันมามองที่เอลลา “คุณจะรู้เองในเวลาไม่นานหรอก” เธอตอบก่อนจะหันไปเดินต่อโดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม
อีธานเดินอยู่ข้างหลังคาร์ล่าและเอลลา เขามองไปที่เธอทั้งสองคน ก่อนจะเงียบไป เขารู้สึกเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่เชื่อมโยงเขากับพวกเธอ แต่มันกลับเป็นแค่ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจจับต้องได้
ในที่สุดทั้งสามคนก็มาถึงโบสถ์เล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในกลางเมือง กลิ่นของต้นคริสต์มาสและเครื่องหอมจากภายในโบสถ์ทำให้ทุกอย่างดูอบอุ่นและสงบ คาร์ล่าผลักประตูโบสถ์ให้เปิดและเดินเข้าไปในความมืดภายใน
เอลลาพยายามก้าวตามไปทัน แต่ท่ามกลางความเงียบสงบที่อยู่ภายในโบสถ์ เธอกลับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ไม่คุ้นเคย ดวงตาของเธอจับไปที่แท่นบูชาที่ถูกประดับด้วยเทียนไขและดอกไม้ แต่ในมุมหนึ่งของโบสถ์กลับมีแสงสว่างประหลาดๆ ส่องมาเหมือนมีบางสิ่งที่รอคอยพวกเขาอยู่
“นี่แหละที่เราต้องการ” คาร์ล่าพูดเบา ๆ ก่อนจะเดินไปยังจุดนั้น
เอลลาหันไปมองอีธานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขายิ้มให้กับเธออย่างอบอุ่นก่อนจะเดินตามคาร์ล่าไป
และในขณะที่ทุกคนกำลังจะเข้าไปหาคำตอบบางอย่าง พวกเขาก็เริ่มรู้ว่า คืนนี้จะกลายเป็นคืนที่ชีวิตของพวกเขาจะเปลี่ยนไปตลอดกาล
---
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!