“อีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงวันงานแล้ว แกมัวทำอะไรอยู่!”
“…”
“ไม่ได้เรื่อง ฉันจะคาดหวังให้แกคิดอะไรด้วยตัวเอง ไม่ต้องคอยย้ำคอยสั่งนี่มันไม่ได้เลยรึไง”
น้ำเสียงทุ้มต่ำหากแต่สั่นเครือด้วยความกรุ่นโกรธของผู้เป็นบิดาทำให้คนที่นั่งรับฟังอยู่เบื้องหน้าต้องเบือนหน้าหนี
เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ ทุกคนในบ้านหลังนี้มักจะชินชาไปแล้วกับภาพของลูกชายคนกลางและคุณผู้ชายเจ้าของบ้านต้องมีปากมีเสียงกันเสมอมา แต่ในช่วงนี้จะค่อนข้างบ่อยกว่าปกติเพราะอย่างที่รู้กันว่าตระกูลใหญ่ทั้งสองตระกูลตกลงกันเอาไว้ว่าจะเกี่ยวดองกัน แม้กระทั่งวันเวลาที่จะจัดพิธีก็ได้นัดหมายกันเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ติดก็แต่ตัวว่าที่เจ้าบ่าวซึ่งหาได้สนใจใยดีว่าที่เจ้าสาวเลยแม้แต่น้อย
“แกจะเงียบไปถึงไหน ห๊ะ!”
คราวนี้ไม่เพียงแต่พูด ฝ่ามือเหี่ยวย่นกำแน่นกระแทกกับโต๊ะไม้เนื้อดีเพื่อระบายความรำคาญใจ ต้นเหตุมาจากไอ้ลูกตัวดีที่ไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่าง ทั้งที่จะหาหนทางให้ธุรกิจมีโอกาสได้เติบโตด้วยการแต่งงานกับลูกสาวตระกูลเก่าแก่มีหน้ามีตาในสังคม จะทำอะไรก็มีแต่คนเกรงใจ ตัวมันเองก็ไม่ได้มีใครที่กำลังคบหาดูใจกันอยู่แท้ๆ เรื่องแค่นี้ยังทำให้พ่อแม่ต้องขายขี้หน้า
จนถึงตอนนี้ว่าที่เจ้าสาวยังไม่เคยพูดคุยกับไอ้ลูกตัวดีเป็นการส่วนตัวเลยสักครั้ง
“ผมยอมแต่งด้วยก็ดีแค่ไหนแล้วครับ พ่ออย่ามาบังคับให้ต้องไปเอาอกเอาใจยัยนั่นเลย”
“เก่งจริงนะเถียงคำไม่ตกฟาก ไม่เคยได้ดั่งใจอะไรสักอย่าง”
ใต้ฟ้าเค้นหัวเราะบางเบาซึ่งมีเพียงตัวเขาเองที่ได้ยิน หัวเราะให้กับชีวิตตัวเองที่น่าขันสิ้นดี เขาไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอีกเท่าไหร่หรือทำอีกแค่ไหนถึงจะใกล้เคียงกับคำว่าลูกที่ดีในสายตาของพ่อ ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง เป็นนักเรียนดีเด่นและทำผลการเรียนได้อันดับต้นๆ เสมอมา จบมัธยมก็เรียนต่อในคณะที่พ่ออยากให้เรียน จบมาแล้วก็ทำงานที่พ่อต้องการให้ทำและพยายามทำมันให้ดีมาโดยตลอด
หากแต่ก็ไร้ซึ่งคำชมใดๆ
แม้กระทั่งในช่วงเวลานี้ อยากให้เขาแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ของวงศ์ตระกูล เขาก็ตกลงที่จะทำให้
แต่ก็ยังเป็นลูกที่ไม่ได้เรื่องอยู่ดังเดิม
หากเทียบกับพี่ชายคนโตหรือน้องชายคนเล็กของเขาแล้ว ช่างแตกต่างราวฟ้ากับเหว พี่ชายถูกชื่นชมออกหน้าออกตา ไม่ว่าจะทำอะไรพ่อแม่ก็พร้อมที่จะสนับสนุน ส่วนน้องชายคนเล็กนั้นทำตัวเละเทะ ผลการเรียนรั้งท้ายตลอดทุกเทอม ว่างเป็นต้องออกไปเที่ยวกลางคืนในที่อโคจรอยู่เสมอ แต่กลับไม่มีใครกล้าดุด่าเพียงเพราะมันยังเด็ก
ก็ตลกดี
ใต้ฟ้าหันไปมองหน้าผู้เป็นพ่อ ตัวเขาเองนั้นไม่ได้อยากจะแต่งงานเลยสักนิด นลินว่าที่เจ้าสาวที่พ่อวางเอาไว้นั้นเป็นคนสวย สวยมากด้วย เขาเองก็เคยพบเจออีกฝ่ายมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ แต่ไม่เคยนึกพิศวาสเลยสักนิด
และถ้าการแต่งงานครั้งนี้สำเร็จ
อย่าว่าแต่จะหาโอกาสหย่าเลย
หลังจากนี้ไม่รู้ว่าเขาจะหยังหลงเหลือพื้นที่ในการเป็นตัวของตัวเองอีกหรือไม่ ชีวิตทั้งชีวิตหากจะต้องใช้มันเพื่อทำตามความต้องการของคนอื่นไปตลอด มันจะมีความหมายอะไร
“ผมก็เป็นแบบนี้แหละครับ พ่ออย่ามาเสียเวลาเลย”
ปั่ก!
แฟ้มเอกสารใกล้มือถูกเควี้ยงใส่หน้าชายหนุ่มอายุยี่สิบเจ็ดปีเต็มแรง หากแต่หญิงสาววัยกลางคนผู้ซึ่งได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทกันดังเล็ดลอดออกไปถึงนอกห้องจึงเข้ามาดูถึงกับร้องเสียงหลง รีบเข้าไปกอดปลอบลูกชายคนกลางไม่ให้ถูกประทุษร้ายได้อีก
“เกินไปแล้วนะคุณ! ทำไมต้องทำรุนแรงกับลูกด้วย”
“ดูลูกคุณสิ มันพูดดีด้วยได้ที่ไหน พูดอะไรไปมันเคยรู้จักฟังเหรอ”
คุณหญิงนงนุชหันไปถลึงตาใส่สามีให้หยุดพูดพลางลูบศีรษะคนในอ้อมแขนซึ่งไม่สามารถเดาได้เลยว่ากำลังรู้สึกแบบไหนอยู่ แต่ไหนแต่ไรใต้ฟ้าก็เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว ไม่ค่อยแสดงออกให้ใครรู้ว่าต้องการอะไรหรือไม่ต้องการอะไร ในสายตาของนงนุชนั้นใต้ฟ้าไม่ใช่ลูกที่แย่ หากแต่ในมุมมองของสามีผู้ซึ่งต้องแบกรับความคาดหวังของตระกูลเอาไว้นั้น กลับไม่เคยพึงพอใจในตัวใต้ฟ้าเลย
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถพูดอะไรต่อได้ คนเป็นพ่อจึงลุกออกจากห้องไปก่อนที่จะระเบิดอารมณ์มากไปกว่านี้ ปล่อยให้สองแม่ลูกกอดปลอบกันไป
“เราจะไปเถียงพ่อเขาทำไม เขาบ่นเขาสอนก็เพราะหวังดีกับลูกทั้งนั้น”
“…”
“พ่อเขาเหนื่อยกับงานมามากอย่าให้เขามาเครียดกับเรื่องแบบนี้อีกสิฟ้า…”
ใต้ฟ้าเงยหน้ามองเพดานห้องราวกับเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในช่วงเวลานี้
ทุกถ้อยคำของแม่ดังชัดอยู่ในโสตประสาท
เพียงเพราะเป็นลูกถึงห้ามเถียงห้ามแย้งถึงแม้ว่าเรื่องเหล่านั้นจะมีผลต่อชีวิตตัวเองมากแค่ไหนก็ตามอย่างนั้นหรือ แต่พอเงียบไม่ตอบโต้ ก็ไม่พอใจกันอีกอยู่ดี
แล้วตัวเขาเอง ไม่เหนื่อยจากการทำงานเลยหรือไง
“ครับ”
ใต้ฟ้าแอบโคลงหัวให้กับความย้อนแย้งที่เพิ่งได้รับมาก่อนจะผละออกจากอ้อมออดผู้ให้กำเนิดแล้วหมุนตัวออกจากห้องทำงานห้องนี้ไป ปล่อยให้นงนุชนั่งเคว้งอยู่ที่เดิมได้แต่มองตามแผ่นหลังลูกชายไปจนลับสายตา
ร่างสูงเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าขนหนูผืนเดียวผันหมิ่นเหม่อยู่ตรงช่วงตัวด้านล่าง ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ทำงานภายในห้องนอนพลางใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กขยี้เส้นผมเปียกชื้นให้แห้ง
Rrrrrrrrrrr…
โทรศัพท์สว่างวาบพร้อมเสียงเรียกเข้าจากลูกน้องคนสนิททำเอาชายหนุ่มต้องผ่อนลมหายใจ ฝ่ามือหนายกขึ้นมาลูบใบหน้าราวกับจะช่วยพาเอาความหม่นหมองออกไปจากหัวได้ วันนี้เขาเหนื่อยเกินกว่าจะคุยเรื่องงานหากแต่ความรับผิดชอบที่แขวนอยู่เต็มอกทำให้ใต้ฟ้าต้องรีบจัดการกับอารมณ์ตัวเองให้เร็วที่สุดก่อนจะกดรับสาย
“ว่าไงภูมิ”
“เจอเบาะแสของคนที่ให้หาแล้วครับบอส”
สิ้นเสียง ความเหนื่อยล้าตลอดทั้งวันซึ่งเคยหนักอึ้งอยู่เต็มใบหน้ากลับหายวับ ใต้ฟ้าลุกขึ้นนั่งเหยียดแผ่นหลังตรง สายตาที่เคยสิ้นหวังตอนนี้มีประกายบางอย่างราวกับกำลังมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
หลังจากรู้ว่าต้องแต่งงานอย่างเลี่ยงมิได้ใต้ฟ้าก็ไม่ได้นิ่งเฉยรอรับชะตากรรมเพียงอย่างเดียว เขาลืมหาข้อมูลทางฝั่งครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวมาโดยตลอดในขณะที่อีกฝ่ายไม่ได้ระวังตัวเลยแม้แต่น้อย ข้อมูลที่ได้มามีทั้งธุรกิจสีเทา ข้อมูลทุจริตบางอย่าง และการแอบทำเรื่องผิดกฎหมายนับครั้งไม่ถ้วนซึ่งคนที่ยืนอยู่ในแวดวงเดียวกันอย่างเขาเองรู้ดีว่าต่อให้ส่งหลักฐานให้ตำรวจก็คงจะไร้ประโยชน์
เว้นเสียแต่…
ชลาลัย อัครเมธา ลูกนอกสมรสซึ่งถูกปกปิดตัวตนเอาไว้ตลอดเวลาตั้งแต่เกิดมา จนกระทั่งผู้เป็นมารดาได้เสียชีวิตไปในขณะอีกชลาลัยเองนั้นอายุเพียงแค่17ปี ก็ถูกขับไล่ให้ออกจากบ้านไปตั้งหลักปักฐานด้วยตัวเองพร้อมกับเงินก้อนใหญ่ หากแต่เวลานี้ก็ผ่านมาเกือบ7ปีแล้วจึงไม่ง่ายเลยที่จะตามหาเบาะแสเกี่ยวกับคนที่เขาต้องการได้
หลังจากทราบข่าวใต้ฟ้ารู้เพียงแค่เขาต้องตามหาตัวคนๆ นี้ให้เจอ อาจจะทำข้อตกลงอะไรสักอย่างเพื่อจะได้แต่งงานกันในรูปแบบที่ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ และเมื่อถึงเวลาเหมาะสมก็จะหย่ากันได้โดยไม่มีอะไรยุ่งยาก เด็กคนนั้นอาจจะต้องการเงิน หรือหน้าที่การงานดีๆ หรือไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ถ้าเขาสามารถให้ได้ ก็พร้อมที่จะให้
“ว่ามาสิ เขาอยู่ที่ไหน”
เสียงปลายสายถอนหายใจเล็กน้อยสลับกับเสียงขยับเมาส์ซึ่งรู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังจดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์
“ยังไม่ทราบว่าเขาอยู่ที่ไหนครับ แต่เขาเป็นฝ่ายเข้าในที่ของเราเอง”
“…”
ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นภาพของเด็กหนุ่มแต่งตัวภูมิฐาน ใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับนลินว่าที่เจ้าสาวของเขาเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าไม่ผิดตัวอย่างแน่นอน ข้อมูลที่ภาคภูมิส่งมานั้นทำให้รู้ว่าชลาลัยมาในคลับซึ่งเขาเป็นผู้ดูแลประมาณสามครั้งแล้วในเวลาไล่เลี่ยกัน และล่าสุดก็มีการจองโต๊ะเอาไว้ในวันพรุ่งนี้ แถมยังเลือกโต๊ะใกล้กับโซนVIP มากที่สุด น่าบังเอิญเสียจริงเพราะมันดันตรงกับวันที่ใต้ฟ้าจะเข้าไปดูความเรียบร้อยทุกสัปดาห์อยู่เป็นประจำ
ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มราวกับเจอของถูกใจ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่เขาที่เป็นฝ่ายตามหา ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเด็กนั่นจะใช้วิธีไหนในการเข้าถึงตัวเขาได้ และมีเหตุผลอะไรที่จะต้องทำแบบนั้น
อิจฉาพี่สาวต่างแม่หรอกเหรอ… หรือเจ็บแค้นจากเรื่องราวในอดีตที่ถูกเฉดหัวให้ออกมาพึ่งพาตัวเองก็ไม่อาจทราบได้
“ดี งั้นก็เดินตามเกมเขาเลย ทำทุกอย่างให้เป็นปกติ”
ร่างผอมเพรียวในชุดเสื้อเชิ้ตซาตินสีน้ำตาลอ่อนกับกางเกงสแลคสีดำเอวสูงเสริมให้บุคลิกของผู้สวมใส่ดูสง่าผ่าเผย ชลาลัยทิ้งตัวลงนั่งตรงโต๊ะเดี่ยวขนาดเล็กจัดไว้สำหรับแขกที่มานั่งดื่มคนเดียว ซึ่งตัวเขานั้นได้จองล่วงหน้าเอาไว้แล้วก่อนจะเอ่ยปากสั่งเครื่องดื่มกับอาหารมาเพียงเล็กน้อย
วันนี้เขาไม่ได้มาเพื่อดื่มกินหรือหาความสำราญให้กับตัวเองแต่อย่างใด ชีวิตในวัย24ปีของเขานั้นไม่ได้ราบรื่นมากพอให้ยอมเสียเวลามาทำอะไรไร้สาระแบบนั้น
ตั้งแต่จำความได้ก็ต้องหาทางดิ้นรนเพื่อตัวเองมาโดยตลอด ถึงจะได้อาศัยอยู่ภายใต้ชายคาของคฤหาสน์หลังใหญ่ในตระกูลเก่าแก่ รอบตัวถูกล้อมรอบไปด้วยข้าวทองเงินทองเกินกว่าจะนับมูลค่าได้ เพียงแต่เขานั้นไม่มีสิทธิ์แตะต้องอะไรทั้งสิ้น มีตัวตนก็เหมือนไม่มี ถูกกดให้จมอยู่ในจุดที่ตกต่ำที่สุดแม้แต่คุณค่าของความเป็นคน… ชลาลัยก็ไม่แน่ใจว่าเคยได้รับบ้างหรือไม่
วันตายของมารดาผู้ทำแค่เพียงให้กำเนิดแต่ไม่เคยทำหน้าที่ได้ใกล้เคียงคำว่าแม่ คือวันที่ชลาลัยถูกตัดหางปล่อยวัด ไม่มีแม้กระทั่งที่ซุกหัวนอน เงินก้อนโตหลักหลายแสนไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาเลยแต่เขาก็เลือกที่จะรับไว้
และใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ริมฝีปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มเล็กน้อยเมื่อดวงตาเรียวสวยเหลือบไปเห็นใครบางคนในพื้นที่ของโซนvip ชายหนุ่มหน้าหล่อคมตามแบบฉบับพิมพ์นิยม จัดว่าดูดีแต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรสำหรับชลาลัย อีกฝ่ายแต่งตัวเรียบง่ายด้วยเสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาวสีดำทั้งชุด กระดุมถูกปลดลงมาสองเม็ดให้พอเห็นมัดกล้ามหน้าอกล่อตาล่อใจคนมอง หากแต่คนๆ นี้กลับมีลักษณะบางอย่างที่มองปราดเดียวก็พอจะเดาได้ว่าไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน
ใต้ฟ้า วัฒนาไพศาล
แน่นอนว่าชลาลัยรู้จักบุคคลคนนี้มามากพอสมควรถึงแม้จะเป็นการรู้จักเพียงฝ่ายเดียว ลูกชายคนกลางของตระกูลดังผู้รับหน้าที่ดูแลงานบริษัทต่อจากพ่อรวมถึงเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนรายใหญ่ของคลับแห่งนี้ด้วย และที่สำคัญ เป็นว่าที่เจ้าบ่าวของ นลิน อัครเมธา พี่สาวต่างแม่ของเขาเอง
เมื่อคนในสายตาลุกออกจากโซฟาราคาแพงก่อนจะสาวเท้าเหมือนจะกำลังเดินไปที่ไหนสักแห่ง ชลาลัยไม่รอช้า ร่างโปร่งขยับตัวลุกขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายคือลูกชายคนกลางของตระกูลใหญ่ อีกทั้งยังไม่ลืมที่จะคว้าแก้วเครื่องดื่มสีอำพันติดมือมาด้วย
ปั่ก!
“ตายจริง! ขอโทษนะครับ”
แสร้งเดินตัดหน้าด้วยความจงใจทำให้ร่างของเขาโดนกระแทกจนเสียการทรงตัว ฝ่ามือบางคว้าคอเสื้อของคนตรงหน้าเอาไว้ไม่ให้เซล้มหน้าคว่ำ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในมือกระฉอกออกจากแก้วสาดกระเด็นลงบนเสื้อเชิ้ตเนื้อดีของคนตัวสูงจนเปียกชุ่ม ชลาลัยรีบก้มหน้าก้มตาขอโทษพลางขอทิชชู่จากโต๊ะใกล้ๆ รีบเช็ดของเหลวออกจากเสื้อ ฝนขณะที่อีกฝ่ายยืนนิ่งสนิทไม่ปริปากพูดใดๆ ได้แต่ยืนก้มหน้าจ้องมองเขาด้วยสายตาที่คาดเดาได้ยาก
“ผมไม่ได้ตั้งใจ… เสื้อคุณคงแพงน่าดู ยังไงให้ผมชดใช้ได้นะครับ”
คนตรงหน้าแค่นหัวเราะ
ฝ่ามือหน้าคว้าข้อมือของเขาออกจากแผงอกก่อนจะแตะดูเสื้อของตัวเองเล็กน้อยราวกับกำลังพิจารณา
“ก็แค่เสื้อเปียก ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกครับ”
คนตัวเล็กคลี่ยิ้มให้กับคำพูดนั้น เขาไม่คิดจะถกเถียงหรือตื้ออะไรให้มากความ แต่กลับหยิบกระเป๋าขึ้นมาควานหานามบัตรแล้วจัดการยัดใส่ฝ่ามือคนตรงหน้าแกมบังคับ การกระทำช่างขัดกับท่าทีเรียบร้อยอ่อนหวานเสียเหลือเกิน
“ติดต่อผมได้ตลอดนะ หรือให้เลี้ยงข้าวคุณสักมื้อเป็นการขอโทษ…”
“ผมไม่ร่วมโต๊ะกับคนแปลกหน้า”
ชลาลัยยังคงยิ้มรับ เขาโค้งตัวให้กับคนตรงหน้าเล็กน้อยตามมารยาทก่อนจะถอยห่างออกมา
“ผมไม่รบกวนแล้วครับ”
ทันทีที่หันหลังให้สีหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่กลับหายวับไม่ต่างจากเควี้ยงหน้ากากทิ้ง ร่างผอมเพรียวพาตัวเองกลับไปนั่งที่โต๊ะดังเดิม ฝ่ามือบางจิกเข้าหากันแน่นเมื่อนึกถึงเป้าหมายของตัวเองเมื่อครู่ซึ่งดูว่าจะรับมือยากกว่าที่คิด ทั้งนิสัยเย่อหยิ่งปากคอเราะร้าย ไหนจะท่าทีที่ทำให้เขารู้สึกเป็นเพียงเศษฝุ่นนั่นอีก
ใต้ฟ้าทิ้งตัวลงบนโซฟาภายในห้องรับรองชั้นบนสุดของคลับแห่งนี้ เบื้องหน้าคือผนังกระจกซึ่งสามารถมองเห็นภายในตัวร้านได้อย่างกว้างขวาง และเป็นกระจกชนิดที่คนข้างในสามารถมองเห็นข้างนอกได้ แต่คนภายนอกมองมาจะไม่เห็นอะไรเลย สายตาคมกวาดมองเพียงไม่นานก็เจอตัวคนที่จงใจสาดเหล้าใส่เขาได้ในทันที รินฝีปากหยักกระตุกยิ้มเมื่อใบหน้าจิ้มลิ้มเมื่อครู่กลับทะมึนทึนบอกบุญไม่รับไปเสียแล้ว
ปั้นหน้ายิ้มเก่งแทบไม่หลุดพิรุธอะไรเลยในขณะที่ภายในอกมันร้อนรนเสียขนาดนั้น ช่างเป็นคนที่น่าสนใจไม่น้อย ถือว่าเป็นข้อผิดพลาดของพวกอัครเมธาอย่างมหันต์ กล้าทอดทิ้งเลือดเนื้อเชื้อไขจนมันเติบโตมาเป็นงูพิษ ไม่ทุบให้ตายก็คงจะโดนกัดเข้าให้เสียเอง
หือ…
อะไรบางอย่างแกว่งสัมผัสเข้ากับหลังมือทำให้ใต้ฟ้าขมวดคิ้วมุ่น
เมื่อยกขึ้นมาดูก็เจอเข้ากับสร้อยข้อมือเกี่ยวติดอยู่กับปลายแขนเสื้อ
คราวนี้ใบหน้าคมถึงกับยกยิ้มพลางหัวเราะกับตัวเองด้วยความชอบใจ เก็นึกไม่ถึงนหน้าตาท่าทางก็ดูใสซื่อนึกไม่ถึงว่ายังจะมีลูกเล่นอะไรซ้อนทับเข้ามาได้อีก ลูกไม้แพรวพราวอย่างกับแมวล่าเหยื่อ ถ้าอย่างนั้นเขาจะลองเป็นหนูให้อีกฝ่ายตะปบเล่นอีกสักหน่อยก็แล้วกัน
“เด็กน้อย”
ดวงตาคมมีประกายของความรู้สึกอะไรบางอย่างหันกลับไปมองคนในห้วงความคิดอีกครั้ง หากแต่คราวนี้โต๊ะตัวเดิมกลับมีแต่ความว่างเปล่าก่อนจะถูกแทนที่ด้วยลูกค้าคนอื่นเข้ามานั่งแทน
“บอสจะเปลี่ยนเสื้อรึเปล่าครับ”
“อืม…”
ใต้ฟ้ารับเสื้อตัวใหม่จากเลขาคนสนิทมาถือไว้แล้วยื่นนามบัตรกับสร้อยข้อมือให้คนตรงหน้า ภาคภูมิมีสีหน้างุนงงเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับเมื่อเห็นชื่อของคนที่เขาต้องตามสืบมานานหลายเดือน
“ช่วยติดต่อไปคืนเจ้าของเขาหน่อย”
ทำไมจะไม่รู้ว่าชลาลัยกำลังพยายามหาวิธีที่จะเข้าหาเขาและหวังที่จะได้โอกาสทำความรู้จักกัน แต่ถ้ายอมเล่นตามเกมมันจะไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ ถึงแม้ว่าเขาเองก็ต้องการแต่หลังจากได้เห็นท่าทีร้อยเล่มเกวียนของชลาลัยแล้วนั้นยิ่งทำให้อยากรู้มากขึ้นไปอีกว่าเด็กแสบนั่นจะงัดไม้ไหนขึ้นมาโชว์
เด็กขี้อิจฉาอยากเอาชนะพี่สาวต่างแม่ หรืออาจจะอยากสบายทางลัดแบบตกถังข้าวสาร เงินที่ได้ไปก่อนจะถูกขับไสไล่ส่งคงจะหมดแล้วสิท่าเลยต้องดิ้นรนหาทางรอดเพิ่ม แต่ก็ดี คนที่ไม่เห็นคุณค่าตัวเอง นิสัยร้ายกาจแบบนี้ ถ้าเลี้ยงให้เชื่องได้มันก็ควบคุมง่าย
“บอสจะไปเจอเขารึเปล่า”
“ไม่ล่ะ ฝากนายจัดการละกัน”
ภาคภูมิพยักหน้ารับ จัดการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจดรายละเอียดเก็บไว้ในทันที
ชลาลัยคนนี้เขาเป็นคนเฝ้าหาข้อมูลมาในระยะเวลานานพอสมควร ดูเป็นคนทะเยอทะยานเอาเรื่อง แม้ชีวิตจะตกต่ำจนมองไม่เห็นทางที่จะลืมตาอ้าปากได้ หากเป็นคนทั่วไปคงก้มหน้าใช้ชีวิตตามมีตามเกิดแต่เด็กคนนี้กลับหาทางดิ้นรนจนเรียนจบปริญญาตรีและมีความสามารถที่จะเข้ามาเที่ยวคลับระยะเวลาหลายวัน ดูแล้วก็คงไม่ได้ลำบากอะไร
ก็เก่งพอตัวเลยนะ
ใต้ฟ้าถอดเสื้อเชิ้ตเปียกชุ่มออกแทนที่ด้วยเสื้อตัวใหม่ สายตาคมยังคงเผลอชำเลืองมองไม่ยังโต๊ะซึ่งเลยมีใครบางคนนั่งอยู่ด้วยความรู้สึกบางอย่าง ก่อนหน้านี้ในห้วงความคิดมีเพียงความเวทนาที่จะมอบให้และนึกขบขันความอิจฉาริษยาจนถึงขั้นต้องลงทุนเอาตัวเองมาทำอะไรแบบนี้ แต่อีกใจนึงกลับมีข้อสงสัยเยอะแยะมากมายภายในหัว
เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ไม่มีครอบครัวไม่มีคนเคียงข้าง เอาความกล้าที่ไหนมาเสี่ยง หรือก่อนหน้านี้ต้องเจอกับอะไรมาบ้างถึงได้กลายเป็นคนร้ายกาจเจ้าเล่ห์ได้ถึงขนาดนี้
เขาเอ่ยเรียกภาคภูมิอีกครั้ง
“สืบต่อไปนะ ก่อนที่จะถูกไล่ออกมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง ที่อยู่ปัจจุบันตอนนี้ หรือก่อนหน้านี้ไปทำอะไรที่ไหนมา เอามาให้ละเอียด”
“เรื่องนั้นผมพยายามอยู่ครับบอส แต่แทบจะไม่มีเบาะแสอะไรเลย ถ้าหาตัวแม่บ้านคนเก่าเจอน่าจะคืบหน้าครับ”
“ดี แล้วก็ระวังอย่าให้เรื่องนี้เล็ดลอดถึงหูพ่อฉัน”
เพียงแค่นึกถึงก็เป็นอันต้องพ่นลมหายใจหนักอึ้งออกมา ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่บ้านตัวเองไม่ใช่สถานที่อภิรมย์ พ่อกับแม่ไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยอีกต่อไป หากทุกอย่างหลุดรั่วว่าเขากำลังหาทางตลบหลังการถูกบังคับแต่งงานในครั้งนี้ก็คงจะไม่เหลือทางรอดให้กับตัวเองอีกต่อไป
แต่ถ้าหากแผนการสำเร็จ ทุกอย่างเกิดขึ้นไปแล้ว พ่อกับแม่จะทำอะไรได้อีก อย่างมากก็แค่โดนด่าโดนประชดประชัน ทำเฉยชาไม่สะทกสะท้านทุกอย่างก็จะสงบขึ้นเอง
เรื่องทำหูทวนลมเขาถนัดอยู่แล้ว
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!