NovelToon NovelToon

เหมยฮวาฤดูหนาว

ตอนที่1 เริ่มใหม่

เหมยฮวาฤดูหนาว

ตอนที่1

เริ่มใหม่

........................................

"ระวัง!"

ตูม

เสียงสายน้ำแตกกระเซ็น พร้อมกับความเหน็บหนาวของสายน้ำในฤดูตงเทียน หลังบอบบางรู้สึกเจ็บจนชา เลือดสีแดงฉานถูกหลอมรวมกับสายน้ำ มือบอบบางถูกเอื้อมไปเบื้องหน้า ในใจของนางนั้นยังมีความหวังแม้เพียงเล็กน้อยว่าจะมีใครสักคน ใครสักคนที่จะช่วยนาง หากแต่เมื่อนางย้อนคิดกลับไปแล้ว ใบหน้างดงามกับมีร้อยยิ้มเย้ยหยันถูกจุดขึ้นมา จะมีผู้ใดเล่าช่วยนาง นางผู้เป็นสตรีที่ขึ้นชื่อว่าร้ายกาจ นางผู้เป็นสตรีที่มีแต่ผู้คนเกลียดชัง แล้วนางคงยังจะมีหวังอันใดเล่า.....

แล้วนางจะดิ้นรนไปเพื่อสิ่งใดกัน เปลือกตาของหลินเหมยฮวาค่อยๆปิดลงพร้อมๆกับลมหายใจของนางที่ดับสิ้นลงไปเช่นเดียวกัน 

ตูม

3 ปี

สำนักศึกษา

ร่างบอบในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มปักลายตราสำนักศึกษาหลวงอย่างงดงาม นางกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ภายในศาลา ในตาหวานจับจ้องไปยังกระดิ่งลมที่ถูกแขวนไว้กับต้นเหมย ยามเมื่อสายลมพัดผ่านก่อเกิดเสียงแหลมเล็กดังอย่างต่อเนื่อง 

"มานั่งอยู่ตรงนี้เองข้าหาเจ้าให้ทั่ว" 

เสียงบุรุษในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มปักลวดลายสำนักศึกษาเช่นเดียวกันก้าวเดินเข้ามาภายในศาลา 

หลินเหมยฮวาเมื่อได้ยินเสียงทักทายจากด้านหลังตนเองนางจึงละสายตาออกจากกระดิ่งลมมองไปยัง จ้าวหมิงลู่หรือองค์ชายหกด้วยสายตานิ่งเรียบ

"ท่านตามหาข้าทำไมหรือ" เสียงหวานเอ่ยถามพร้อมกับจับจ้องมองไปยังจ้าวหมิงลู่ที่ยามนี้นำตนเองลงไปนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของศาลา

"ข้าได้ยินมาว่าขบวนกองทัพ จะมาถึงเมืองหลวงในวันพรุ่ง เจ้าไม่ไปดูหน่อยหรือ" จ้าวหมลู่กล่าวพร้อมกับจับจ้องมองไปยังใบหน้าเรียบนิ่งมิเปลี่ยนแปลงของสตรีตรงหน้าเขา

"กองทัพเดินทางมาถึง เกี่ยวอันใดกับข้าหรือ" 

"เจ้ามิไปต้อนรับพี่ชายเจ้ากับน้องสาวเจ้าหรือ อีกทั้งคนผู้นั้นอีก" จ้าวหมิงลู่แม้เอ่ยถึงสองบุคคลแรกด้วยเสียงชัดเจนหากแต่เมื่อเอ่ยถึงบุคคลที่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่เสียงของเขากับแผ่วลง 

"ข้ายังมีอย่างอื่นต้องทำอีกมาก ข้าไม่มีเวลาว่างพอไปรอต้อนรับผู้อื่นหรอก" เสียงหวานเอ่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง 

"อ้า เป็นเช่นนั้นเอง" จ้าวหมิงลู่ยิ้มออกมาบางเบา ก่อนจะปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบครองพื้นที่ภายในศาลา ในตาคู่คมจับจ้องไปยังสตรีที่นั่งอยู่เบื้องหน้าตนเอง สามปีแล้วสินะที่เขาได้รู้จักสตรีเบื้องหน้า สตรีที่ถูกตราหน้าว่าเป็นสตรีร้ายกาจจนผู้คนมิอยากเข้าใกล้ หากแต่สตรีที่ร้ายกาจผู้นั้นกลับยอมที่จะยื่นมือบอบบางหากแต่กับอบอุ่นคู่นั้นมาวางไว้บนมือของเขาในวันที่เขารู้สึกสิ้นหวังทุกคนต่างหันหลังให้กับเขาแม้แต่ผู้เป็นพระมารดาของเขาก็ตามเพียงเพราะเขาเป็นบุคคลไร้ความสามารถเพราะเขามิอาจจะใช้พลังปราณได้อีกต่อไป 

หลินเหมยฮวา เมื่อถูกความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง ในใจผลันหวนนึกไปถึงวันที่นางเข้ามาอยู่ในร่างนี้เมื่อสามปีที่แล้ว เป็นวันที่เจ้าของร่างเดิมตัดสินใจวิ่งไปรับลูกดอกแทนบุรุษผู้หนึ่งซึ่งนางนั้นรักปักใจเขาตั้งแต่สิบหนาว นางทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิดกับบุรุษผู้นั้นแม้ว่าตัวนางเองจะถูกตราหน้าว่าเป็นสตรีร้ายกาจและไร้ยางอายนางล้วนยอมเพียงให้นางนั้นได้อยู่ใกล้เขา หากแต่สายตาที่บุรุษที่นางรักปักใจนั้นกลับมิเคยมองมาที่นางเลยแม้สักครั้ง สายตาของเขาล้วนมองไปยังสตรีอีกผู้หนึ่ง สตรีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องสาวต่างมารดาของนาง สตรีที่นางเกลียดชังที่สุด หากแต่สุดท้ายแล้วแม้นางจะทุ่มแทไปมากมายเท่าใดล้วนแล้วแต่ได้กลับมาแต่ความว่างเปล่า นางยอมปกป้องเขาจนตนเองต้องหมดลมหายใจลง หากแต่เฮือกสุดท้าย ฟ้าใหม่ สตรีอีกผู้หนึ่งซึ่งสูญเสียทุกอย่างไปในเวลาเดียวกันกลับเข้ามาอยู่ในร่างของหลินเหมยฮวาในยามที่ร่างของนางถูกช่วยขึ้นมาจากน้ำ หลังจากนั้นรักษาอาการจนหายดีเบื้องต้นหลินเหมยฮวาจึงถูกส่งกลับเมืองหลวงโดยไร้คำพูดใดๆ

เป็นเวลากว่าสามปีที่ฟ้าใหม่ใช้ชีวิตเป็นหลินเหมยฮวาสตรีที่ขึ้นชื่อว่าร้ายกาจ แม้ยามแรกจะยากนักเพียงเพราะไม่ชินกับภาษาและสิ่งแวดล้อมหากแต่เมื่อเวลาผ่านไป ฟ้าใหม่ ได้รับความทรงจำของหลินเหมยฮวามาจนหมด ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่ตามการเวลา ยามนี้ ฟ้าใหม่ได้แต่คิด เมื่อมาแล้วก็ต้องอยู่ต่อไปนางจะใช้ชีวิตเป็นหลินเหมยฮวาต่อไปหากแต่จะไม่เดินซ้ำลอยเดิมของเจ้าของร่าง ฟ้าใหม่จึงเริ่มนับหนึ่งใหม่ในร่างของหลินเหมยฮวาอีกครั้ง มิใช้แค่เพียงฟ้าใหม่ที่ต้องเริ่มต้นใหม่แต่หลินเหมยฮวาก็ต้องเป็นคนใหม่เช่นเดียวกัน 

"ท่านหิวหรือไม่"

หลินเหมยฮวาเมื่ออยู่กับความเงียบจนนานพอสมควรแล้วนางจึงหันไปหาบุรุษที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมภายในศาลา

"หิวสิ เจ้าจะทำอาหารให้ข้ากินหรือ" จ้าวหมิงลู่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือแววดีใจพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม

"อืมไปเถิด" 

จ้าวหมิงลู่กระโดดขึ้นรถม้าของหลินเหมยฮวากลับมายังจวนของนาง เมื่อรถม้าวิ่งมาจอดยังหน้าจวนแล้วเขาอดที่จะเงยหน้ามองป้ายสลักขนาดใหญ่หน้าจวนมิได้ ตัวอักษรสีทองถูกสลักเป็นตัวอักษรอย่างงดงามไว้บนหินศิลา 'ตำหนักบูรพา' ตำหนักที่องค์ฮ้องเต้ปัจจุบันพระราชทานมอบให้พร้อมกับแต่งตั้งให้นางเป็นท่านหญิงหลังจากสร้างคุณงามความดีบางอย่างที่มิอาจเปิดเผยได้เมื่อสองปีที่แล้ว 

"จวนของเจ้าใหญ่โตหากแต่เงียบเหงานักเหตุใดมิกลับไปอยู่กับคนตระกูลหลิน" จ้าวหมิงลู่เอ่ยถามคำถามที่เขาอยากจะถามสตรีที่เดินอยู่เคียงข้างตนหลังจากที่เขาได้แวะเวียนมาหานางที่จวนแห่งนี้อยู่หลายครั้ง

"อยู่ที่นี้ย่อมสบายใจกว่า อีกอย่างข้ามิได้รู้สึกเงียบเหงาแต่อย่างใด" หลินเหมยฮวาเอ่ยตอบพร้อมกับส่งผ้าคลุมไหล่ของตนให้กับบ่าวรับใช้ผู้หนึ่งเอาไปเก็บ

"ท่านไปนั่งรอสักครู่ข้าใช้เวลาเตรียมอาหารไม่นาน"

"งั้นข้าไปรอเจ้าอยู่ที่ห้องหนังสือ"

"อืม เสร็จแล้วข้าจะให้บ่าวไปตาม"

จ้าวลู่หมิงมองตามหลังของหลินเหมยฮวาที่เดินหายไปทางห้องหนึ่ง ก่อนเขาจะก้าวไปยังอีกทางซึ่งเป็นห้องหนังสืออย่างคุ้นเคย 

ตลอดทางที่เดินไปยังห้องหนังสือนั้นเขาอดที่จะสำรวจรอบๆจวนมิได้ จวนแห่งนี้นับว่าใหญ่โตก็ว่าได้แต่กลับมีข้ารับใช้เพียงไม่ถึงยี่สิบคน หากแต่เหนือสิ่งอื่นใดเขารับรู้ได้ว่ารอบๆจวนแห่งนี้กลับมีเงานับร้อยซ่อนตัวอยู่ ตลอดสามปีมานี้ เขาอยู่ข้างกายหลินเหมยฮวานับว่าเป็นคนคุ้นเคย หากแต่เขากลับยังมิสามารถเข้าถึงจิตใจของนางได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดเขารับรู้ว่านางนั้นมิธรรมดาจะมีสตรีนางใดเลี้ยงนักฆ่าไว้ร่วมห้าร้อยภายในสามปีกัน! แต่สำหรับเขาแล้วมิว่านางจะทำอันใดเขาพร้อมจะอยู่เคียงข้างนางเสมอ อีกทั้งเขายังรับรู้ว่านางนั้นมิได้รังเกียจเขาแต่อย่างใด

"เจ้าไปตามองค์ชายหกมาให้ข้า" หลินเหมยฮวาหันไปเอ่ยสั่งการบ่าวรับใช้ผู้หนึ่งหลังจากที่นางนั้นจัดแจงอาหารเสร็จสิ้น

"เจ้าค่ะท่านหญิง" บ่าวหญิงรับคำก่อนจะรีบเดินหันหลังทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายอย่างคล่องแคล้ว

หลินเหมยฮวานั่งลงยังม้านั่งตัวหนึ่งนางปรับไฟให้อ่อนลงเล็กน้อยหลังจากเห็นว่าน้ำในหม้อดินเริ่มเดือดมากจนเกินไป รอไม่นานคนที่นางให้ไปตามก็มาถึง

"อาหารนี้เรียกว่าอันใดรึข้าไม่เคยเห็น" จ้าวหมิงลู่อดที่จะถามมิได้ ทุกครั้งที่เขาได้มาทานอาหารที่จวนของนางนั้นล้วนได้ลิ้มรสอาหารแปลกใหม่แปลกตาหากแต่กลับมีรสชาติเป็นเลิศเสียทุกครั้ง

"อาหารนี้เรียกว่าหม้อไฟ" 

"ข้าต้องทำเช่นไรหรือ"

"มาเถิดข้าจะสอนท่าน" หลินเหมยฮวาจัดการสอนวิธีกินอาหารหม้อไฟอย่างถูกต้องให้กับจ้าวหมิงลู่ ก่อนทั้งสองคนจะเริ่มลงมือกินอาหารร่วมกันเสียงพูดคุยรวมทั้งเสียงหัวเราะของทั้งสองดังขึ้นเป็นระยะ

สำหรับหลินเหมยฮวาคนใหม่นั้น จ้าวหมิงลู่นั้นนับว่าเป็นสหายเพียงคนเดียวของนางในโลกใหม่แห่งนี้ อีกทั้งครั้งยามเมื่อนางมองไปที่จ้าวหมิงลู่คล้ายว่านางจะได้เห็นตนเองในอดีตภายในตัวของเขา วันนั้นนางจึงตัดสินใจที่จะเอื้อมมือเข้าไปหาจ้าวหมิงลู่ เมื่อลองคบหาดูแล้วจ้าวหมิงลู่นับว่าเป็นบุรุษที่รู้จักวางตนเอง เขามิเคยยุ่งเกี่ยวกับงานของนาง ทำให้นางอยากที่จะคบหาจ้าวหมิงลู่ผู้นี้เป็นสหาย 

เวลาผ่านล่วงเลยมาสามเดือนเต็มหลังจากขบวนกองทัพได้เดือนทางมาถึงเมืองหลวง มีงานจัดงานเฉลิมฉลองภายในแคว้นถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน ภายในวังเองก็จัดงานต้อนรับและปลอบขวัญทหารมอบรางวัลกันอย่างยิ่งใหญ่ หลินเหมยฮวาเองก็ได้เทียบเชิญไปงานเฉลิมฉลองเช่นเดียวกันหากเป็นหลินเหมยฮวาคนก่อนคงจะมิผลาดที่จะได้ไปพบบุรุษผู้นั้น แต่มิใช่นาง นางเลือกที่จะไม่ไปงานร่วมงาน อีกทั้งนางยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องจัดการ

"ท่านหญิงขอรับมีเทียบเชิญจากจวนสกุลหลินขอรับ"

หลินเหมยฮวาที่กำลังตรวจตราบัญชีที่ถูกส่งมาจากร้านค้าต่างๆที่เป็นกิจการของนางเองจำต้องเงยหน้าขึ้น มองไปที่ม้วนกระดาษสีแดงสดก่อนจะเอื้อมมือไปรับมันมาถือไว้ในมือ เมื่อเปิดอ่านข้อความภายในแล้วจึงวางม้วนเทียบเชิญลง

"พ่อบ้านโจ ท่านช่วยจัดเตรียมของขวัญวันเกิดสำหรับเด็กชายวัยสิบหนาวให้ข้าสักสองอย่างเถิด" หลินเหมยฮวานั้นด้วยชาติก่อนที่นางยังเป็นฟ้าใหม่เจ้าของบริษัทอสังหายักษ์ใหญ่นั้นไม่เคยซื้อของขวัญให้ผู้ใด หากมีงานวันเกิดหรือของขวัญตอบแทนคู่ค้าทุกอย่างล้วนเป็นเลขาเป็นคนจัดการทั้งสิ้น

"ขอรับ" พ่อบ้านโจรับคำผู้เป็นนายก่อนจะถอยหลังเดินออกจากห้องไปจัดการตามที่ผู้เป็นนายสั่ง เดิมทีพ่อบ้านโจเองนั้นตอนที่เขาได้มารับใช้ท่านหญิงหลินเหมยฮวาใหม่ๆในใจของเขายังแอบยอบรับว่าเขาเองนั้นยังคงติดภาพของสตรีร้ายกาจอยู่ในหัว แต่พอได้มาทำงานรับใช้ผู้เป็นนายแล้วเขากลับต้องเปลี่ยนความคิดของตนเองเสียใหม่อีกครั้ง ยามนี้หากเขาได้ยินใครกล้วนินทาว่าร้ายผู้เป็นนายตนว่าเป็นสตรีร้ายกาจ เขาพ่อบ้านโจผู้นี้พร้อมที่จะตบปากมันผู้นั้นให้ฟันหลุดเสียหมดปาก!

จวนตระกูลหลิน

รถม้าประจำตำหนักบรูพาวิ่งเข้ามาจอดเทียบหน้าจวนตระกูลหลินบ่าวรับใช้ต่างก็รีบวิ่งออกมาต้อนรับผู้ที่นั่งอยู่ภายในรถม้ากันอย่างพร้อมเพียง

"คาราวะ ท่านหญิง" บ่าวรับใช้ชายและหญิงต่างย่อกายทำความเคารพผู้ที่คุณหนูใหญ่แห่งจวนหลินกันอย่างพร้อมเพียง หลินเหมยฮวารับกล่องของขวัญจากมือสาวใช้ก่อนจะส่งให้พ่อบ้านหลิวผู้เป็นพ่อบ้านประจำจวนตระกูลหลินรับไป

"เชิญท่านหญิงด้านในขอรับ"

"อืม" 

หลินเหมยฮวาเดินตามหลังพ่อบ้านหลิวเข้าไปภายในจวนตระกูลหลินที่นับตั้งแต่นางขอแยกตัวออกไปสองปีมานี้นางมาที่จวนแห่งนี้นับครั้งได้ แม้ว่าจวนแห่งนี้จะมีความทรงจำของหลินเหมยฮวาคนเก่ามากมาย แต่มิใช้สำหรับนาง 

เสียงเพลงและเสียงพูดคุยหัวเราะดังมาให้ได้ยินหลังจากที่เดินมาจนจะถึงลานจัดเลี้ยงภายในตระกูล

"ท่านหญิงหลินเหมยฮวามาถึงแล้ว"

เสียงประกาศการมาของนางจากพ่อบ้านหลิวเรียกสายตาของแขกที่มาร่วมงานให้หันมามองที่นางเป็นสายตาเดียวกัน นางเพียงจุดใบหน้ายิ้มแย้มขึ้นบนใบหน้าก่อนจะยิ้มทักทายผู้คน ก่อนจะเดินเข้าไปยังตำแหน่งที่นั่งของตนเอง 

"หลินเหมยฮวาคาราวะ องค์รัชทายาท ท่านอ๋องสาม องค์ชายสี่เพคะ" เมื่อเดินเข้ามาจนถึงจุดที่เป็นที่นั่งของเหล่าเชื้อพระวงค์นางจึงย่อกายทำความเคารพตามธรรมเนียมของแคว้น

"ลุกขึ้นเถิด" เสียงเอ่ยอนุญาติจากองค์รัชทายาทจ้าวหมิงเซียนอีกทั้งมือหนาที่เข้ามาพยุงให้นางลุกขึ้น

"ขอบพระทัยเพคะ" หลินเหมยฮวาถอยตัวออกห่างจากจ้าวหมิงเซียนก่อนจะก้มทำความเคารพอีกครั้งจึงหันหลังเดินกลับไปนั่งยังตำแหน่งที่นั่งของตนเอง หากแต่นางก็ยังไม่ลืมที่จะหันไปทำความเคารพผู้เป็นบิดาของนาง

งานวันเกิดครบรอบสิบหนาวของหลินหนิงบุตรชายคนเล็กของราชครูหลินนั้นถูกจัดขึ้นไม่เล็กไม่ใหญ่นักสำหรับบุตรที่เกิดจากฮูหยินรอง หากแต่ผู้ที่มาร่วมงานในครั้งนี้นับว่ามิอาจดูเบาได้ มีทั้งคนของเชื้อพระวงศ์ และคนจากราชสำนักทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๋ ดูไปแล้วก็เหมือนกับงานการค้าดีๆนี่เอง

หลินเหมยฮวาเมื่อนั่งประจำที่ของตนเองเรียบร้อยแล้วนางก็มิได้ให้ความสนใจกำสิ่งใดรอบตัวเองอีกเลยนอกจากจอกสุราที่วางอยู่เบื้องหน้า

"พี่หญิงใหญ่ ท่านสบายดีหรือไม่" เสียงหวานใสถูกเอ่ยขึ้นเบื้องหน้าทำให้หลินเหมยฮวาต้องละสายตาจากจอกสุราขึ้นไปมองเจ้าของเสียง หลินหวังลี่ น้องสาวต่างมารดาของหลินเหมยฮวากำลังยืนส่งยิ้มสดใสมาให้นาง วันนี้หลินหวังลี่สวมใส่อาไรณ์สีชมพูสลับขายปักลายดอกไม้อย่างงดงามส่งผลให้หลินหวังลี่ดูงดงาม อ่อนหวานและบอบบาง 

"ข้าสบายดี" หลินเหมยฮวาละสายตาจากหลินหวังลี่มาให้ความสนใจกับจอกสุราเช่นเดิมหลังจากตอบคำถามเสร็จสิ้นนางมิได้สนใจท่าทีของหลินหวังลี่ที่คล้ายมีเรื่องพูดคุยกับนางหากแต่สุดท้ายแล้วเมื่อเห็นนางมิได้สนใจตนเองจึงเดินหันหลังกลับไปนั่งที่ของตนเอง

"พี่สาวข้าดีใจนักที่ท่านมางานวันเกิดข้า" เสียงสดใสของหลินหนิงที่วิ่งเข้ามาหานางที่กำลังจะยกสุราขึ้นดื่ม ใบหน้าสดใสพร้อมกับรอยยิ้มเต็มใบหน้าของหลินหนิงนั้นเรียกรอยยิ้มให้จุดบนใบหน้าของหลินเหมยฮวาได้ไม่ยากนัก

"เจ้าเสียงดังนัก" หลินเหมยฮวาเอ่ยพร้อมกับยกมือขึ้นวางบนศีรษะของหลินหนิงลูบแผ่วเบาซึ่งดูเหมือนเจ้าตัวก็ยอมให้ลูบอย่างเต็มใจ 

"ข้าขอนั่งพูดคุยกับพี่สาวได้หรือไม่" หลินหนิงพูดพลางก้าวขึ้นไปนัอยู่เคียงข้างหลินเหมยฮวาโดยมิได้รอให้ผู้ที่ตนเองขออนุญาติเสียด้วยซ้ำ

"หึ ข้ายังมิไดอนุญาติเจ้าเลย"

"หากพี่สาวมิได้ไล่ข้า นั้นก็แปลว่าพี่สาวอนุญาติแล้ว"

"เจ้าเล่ห์นักนะเจ้า" หลินเหมยฮวาอดที่จะยกมือขึ้นหยิกแก้มของหลินหนิงด้วยความเอ็นดูมิได้

ภาพความสนิทสนมของหลินเหมยฮวาและหลินหนิงนั้นเรียกสายตาจากหลายคนได้เป็นอย่างดี เพราะพวกเขาต่างรู้กันดีว่าหลินเหมยฮวานั้นเกลียดชัง หลินหวังลี่น้องสาวต่างมารดาพี่สาวของหลินหนิงอย่างไร ภาพเบื้องหน้าของพวกเขานั้นจึงยากที่จะเชื่อสายตายิ่ง

"หวังเหว่ย น้องสาวของเจ้าเปลี่ยนไปมากทีเดียว" เจียวจินเอ่ยกับสหายที่นั่งอยู่ข้างตนเองสายตาของเขาก็อดที่จะหันไปจ้องมองสตรีในอาภรณ์สีฟ้าเข้มฝั่งตรงข้ามมิได้

"นั้นสิ เวลาเพียงสามปีเปลี่ยนนางไปใดถึงเพียงนี้ ข้ายังจำภาพนางตอนนั้นได้ดี ใช่หรือไม่เสด็จพี่" องค์ชายสี่จ้าวหมิงซินเอ่ยพร้อมกับหันไปพูดหยอกเย้าผู้เป็นพี่ชายและเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นอย่างจ้าวเฟยเทียนที่ยังคงนั่งนิ่งประดุจหินศิลา

"เวลาเปลี่ยนทุกสิ่งล้วนหมุนเวียนเปลี่ยนแปลง นางเองก็เช่นกัน" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบจากจ้าวหมิงเซียนนั้นเรียกสายตาจากหกบุรุษที่นั่งอยู่ด้วยกัน รวมทั้งมีคำถามหนึ่งถูกจุดขึ้นในใจของพวกเขา สามปีที่ผ่านมาล้วนต้องมีเรื่องใดเกิดขึ้นเป็นแน่ 

จ้าวเฟยเทียเงยหน้าขึ้นจากจอกสุรา สายตาคู่คมจับจ้องมองไปทางสตรีที่ครั้งหนึ่งเคยวิ่งเข้ามารับธนูแทนเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง ในช่วงขณะหนึ่งสตรีที่จ้าวเฟยเทียกำลังจับจ้องมองนั้นกลับเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา ในตาคู่นั้นที่มองตอบกลับมานั้นมิได้เป็นเช่นกาลก่อน มิได้มีความหลงไหลรักใคร่ดังเดิม เขามองเห็นเพียงความว่างเปล่าจากสายตาคู่นั้นที่มองสบมา เพราะเหตุใดในใจของเขากับรู้สึกเบาหวิววูบโหวงอย่างมิเคยเป็นเช่นนี้กัน เหมือนกับว่าเขากำลังจะสูญเสียสิ่งสำคัญสำหรับเขาไปตลอดการ

ไรท์ขอฝากน้องไว้ในอ้อมใจของทุกคนด้วยนร้า

ตอนที่ 2 ไม่คุ้นเคย

เหมยฮวาฤดูหนาว

ตอนที่2

ไม่คุ้นเคย

.............................................

ยามเฉิน \(07:00 \- 08:59\)

วันนี้เจ้าของตำหนักบูรพาได้เปิดเรือนรับรองต้อนรับแขกที่มาเยือนถึงจวนตั้งแต่เช้า หลินเหมยฮวายืนกางแขนให้บ่าวรับใช้ช่วยกันแต่งกายให้นางด้วยท่าทางนิ่งสงบ ใบหน้างดงามถูกแต่งแต้มอย่างสวยงาม หลินเหมยฮวามองภาพตนเองผ่านกระจกทองเหลือง ก่อนมือบอบบางจะเอื้อมไปหยิบแหวนวงเล็กขึ้นมาสวมใส่ก่อนจะเดินออกจากเรือนนอนไปทางเรือนรับรอง

"ขออภัยที่ต้องทำให้ท่านต้องรอนาน" หลินเหมยฮวาเอ่ยพร้อมกับเดินเข้าไปภายในห้องรับรองในตาหวานมองไปยังหลินหวังเหว่ยซึ่งนั่งรออยู่ภายใน

หลินเหมยฮวานางเดินเข้าไปนั่งยังเก้าอี้ว่างฝั่งตรงข้ามกับหลินหวังเหว่ยพี่ชายของนางเองใบหน้างดงามถูกประดับไว้ด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย

"ท่านมาหาข้าวันนี้มิทราบว่ามีเรื่องใดหรือ" หลินเหมยฮวาเอ่ยถามถึงสาเหตุการมาเยือนจวนของนางถึงวันนี้

หลินหวังเหว่ยอดที่จะมองสำรวจน้องสาวของตนเองไม้ได้ ในความรู้สึกของเขามีความคิดหนึ่งถูกจุดขึ้นมา ความรู้สึกไม่คุ้นเคย แม้เขาจะไม่ค่อยสนิทกับน้องสาวของเขาด้วยเพราะนิสัยของนางแล้วนั้นแต่เขาก็มิได้จะไม่สนใจใยดีนางเลย เพราะอย่างไรนางก็ขึ้นชื่อว่าน้องสาวของเขา แต่มิรู้ว่าเพราะเหตุใดในวันนี้ วันที่เขาได้มองสำรวจหลินเหมยฮวาอีกครั้ง เขากลับรู้สึกว่านางให้ความรู้สึกไม่คุ้นเคย 

"ว่าอย่างไร ท่านมาหาข้าถึงที่นี่มีเหตุอันใดหรือ" เสียงหวานใสหากแต่กลับเรียบนิ่งถูกเอ่ยขึ้นอีกครั้งเรียกให้หลินหวังเหว่ยออกจากความคิดของตนเอง

"เออ...เจ้าสบายดีหรือไม่" 

"ข้าสบายดี" คำตอบกลับมาที่แสนเรียบนิ่ง ห่างเหิน ทำให้หลินหวังเหว่ยนั้นต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน ตั้งแต่เมื่อใดกันที่คำแทนตัวเองระหว่างเขาและนางห่างเหินเช่นนี้ มิใช่แต่ก่อนแม้ว่าเขาและนางจะไม่ค่อยสนิทกันหากแต่นางก็ยังคงแทนตนเองว่าน้องและเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ 

"เจ้าเอ่ยผิดหรือไม่ ใยไม่เรียกข้าว่าพี่ใหญ่" หลินหวังเหว่ยเอ่ยพร้อมกับยิ้มออกมาบางเบา

หลินเหมยฮวามองไปยังหลินหวังเหว่ยด้วยสายตานิ่งเรียบยากที่จะอ่านออกว่ายามนี้นางกำลังคิดอันใดอยู่ หากแต่เพียงครู่เดียวใบหน้างดงามกับมีรอยยิ้มจุดขึ้นมาอีกครั้ง

"เช่นนั้นพี่ใหญ่ท่านมา หาน้องด้วยเรื่องใดกันหรือเจ้าคะ" หลินเหมยฮวาเปลี่ยนคำพูดแทนตนเองเสียใหม่ 

"อย่างนี้ค่อยน่าฟังเสียมากกว่า วันนี้ที่พี่มาหาเจ้าด้วยเรื่องพิษในกายเจ้าฮวาเออร์" หลินหวังเหว่ยเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังขึ้นมาอีกครั้ง

"พี่ใหญ่รู้ได้อย่างไรว่าในร่างกายข้ามีพิษอยู่" หลินเหมยฮวาเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มหากแต่สายตาของนางนั้นกับเรียบนิ่งเฉยชา

"ท่านพ่อบอกกับพี่ว่าเจ้าได้รับพิษจากลูกธนูเมื่อสามปีที่แล้ว อย่างไรเจ้าลองให้ลี่เออร์รักษาดูดีหรือไม่" 

"คงไม่จำเป็นหรอกเจ้าคะ" หลินเหมยฮวานางเอ่ยปฎิเสธทันทีที่หลินหวังเหว่ยพูดเสร็จ 

"ฮวาเออร์ เจ้าลดความเกลียดชังในใจลงเสียหน่อยเถิดอย่างไรลี่เออร์นางก็เป็นหมอ อีกอย่างพิษในกายเจ้าคือพิษกล่อนวิญญาณหากไม่รีบรักษามันจะไม่เป็นผลดีต่อร่างกายเจ้า" หลินหวังเหว่ยพยายามเอ่ยอธิบายอย่างใจเย็น เดิมที่เขาคิดว่าน้องสาวของตนจะลดความเกลียดชังในตัวของหลินหวังลี่น้องสาวต่างมารดาไปบ้างแล้วเพราะเขาเห็นว่านางเองก็ดูเอ็นดูหลินหนิงมิได้มีท่าทีรังเกียจเช่นกาลก่อน

"ร่างกายข้าข้าย่อมรู้ดีว่าเป็นเช่นไร ขอบคุณพี่ใหญ่ที่เป็นห่วง แต่ข้าไม่ต้องการให้นางมายุ่งเกี่ยวกับข้า หากพี่ใหญ่มีเรื่องคุยเพียงเท่านี้ น้องขอตัว" หลินเหมยฮวาเอ่ยพร้อมลุกขึ้นยืน

"พ่อบ้านโจส่งแขก" หลินเหมยฮวาหันไปเอ่ยสั่งการกับพ่อบ้านประจำจวนก่อนจะเดินออกจากห้องรับรองไปในทันทีโดยไม่ฟังสิ่งที่หลินหวังเหว่ยต้องการจะพูดต่อ

"คุณชายท่านกลับไปก่อนเถิดขอรับ" พ่อบ้านโจเอ่ยเชิญก่อนจะเดินนำหน้าหลินหวังเหว่ยไปส่งขึ้นรถม้ากลับออกจากจวนไป 

สามวันผ่านไป

ตำหนักบูรพา

ศาลากลางสระบัวภายในตำหนักบูรพาร่างบอบบางของหลินเหมยฮวากำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่กับพรมขนสัตว์สีขาวสะอาดตาในมือของนางยังมีจอกสุราก่อนจะกระดกขึ้นดื่ม ห่างไปไม่ไกลยังมีบุรุษในอาภรณ์สีฟ้าอ่อน เครื่องหน้าหวานหากแต่ก็ยังมีความคมเข้มเชกเช่นบุรุษเพศสองมือวางอยู่บนสายพิณกำลังบรรเลงเพลงให้กับสตรีที่กำลังเหม่อมองออกไปนอกศาลาได้ฟัง สายตาของเขาที่มองไปที่สตรีตรงหน้านั้นสื่อความหมายได้เป็นอย่างดี หากแต่เขารู้ว่านางนั้นมิมีทางมองมาที่ชายคณิกาเช่นเขา 

"ท่านหญิงท่านต้องการให้ข้าน้อยดีดเพลงใดให้ฟังอีกขอรับ" โม่ฉิงเอ่ยถามเจ้าของแผ่นหลังบอบบางที่ยังคงหันหลังให้แก่เขาอยู่

"เพลงอันใดก็ได้ ข้าฟังได้หมด" เสียงหวานเอ่ยตอบกลับมาหากแต่ไม่แม้จะหันกลับมามองคู่สนทนา สายตาของนางยังคงจับจ้องมองไปยังปลาตัวหนึ่งภายในสระบัวอย่างครุ่นคิด

เสียงพิณถูกบรรเลงขึ้นอีกครั้งเป็นทำนองเพลงรัก เสียงพิณแว่วหวานใสกังวานทั่วบริเวณทำให้ขาทั้งสองข้างของจ้าวหมิงลู่ต้องชะงัก

"ผู้ใดมาเล่นพิณกัน" จ้าวหมิงลู่หันไปเอ่ยถามกับพ่อบ้านโจที่เดินมาด้วยกัน

"เออ เป็นนายคณิกานามว่าโม่ฉิงจากหอเยว่ วันนี้ท่านหญิงให้ตามเข้ามาเล่นพิณให้ฟังขอรับ" พ่อบ้านโจตอบคำถามด้วยท่าทางหนักใจเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าที่เริ่มจะมีความไม่พอใจขององค์ชายหกจ้าวหมิงลู่

จ้าวหมิงลู่เดินตรงเข้าไปภายในศาลาเขากวาดตามองโม่ฉิงเล็กน้อยก่อนเขาจะเดินเข้าไปหาหลินเหมยฮวาที่ยังคงกึ่งนั่งกึ่งนอนดื่มสุราอยู่

"เหมยฮวา ใยเจ้าดื่มสุราตั้งแต่ยามเว๋ยกัน" จ้าวหมิงลู่เอ่ยพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบจอกสุราออกจากมือของหลินเหมยฮวา

"ข้าจะดื่มสุรายามไหนเดี่ยวอะไรกับท่านแล้วนี่มาหาข้าถึงจวนทำไมกัน" หลินเหมยฮวาเอ่ยพร้อมกับยกมือเป็นสัณญาณให้โม่ฉิงหยุดเล่นพิณและให้ถ่อยออกไป

ซึ่งโม่ฉิงนั้นก็หยุดมือทันทีเขาเก็บพิณจนเรียบร้อยหากแต่ก่อนที่เขาจะจากไปเขายังคงอยากที่จะมองใบหน้าของนางอีกครั้งหากแต่เขากับได้สบตากับองค์ชายจ้าวหมิงลู่ที่มองมาที่เขาด้วยสายตาเช่นไรเขานั้นล้วนดูออก นั้นสินะฐานะของเขานับว่าเป็นอันใดกัน! 

"วันนี้เป็นเทศกาลลอยโคมเจ้าไปกับข้านะ"จ้าวหมิงลู่เมื่อเห็นว่าไม่มีตัวขวางหูขวางตาตนแล้วจึงหันมาเอ่ยถึงเรื่องที่ทำให้เขามาหาหลินเหมยฮวาถึงจวน

"ข้าไม่ชอบที่คนแน่นหนา" หลินเหมยฮวาเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก

"อันใดกันหนึ่งปีจะมีเทศกาลปล่อยโคมครั้งหนึ่งไม่ไปนับว่าเสียดายแย่" 

"มิใช่ว่าปีที่แล้วท่านก็พูดเช่นนี้?" 

"โธ่ เหมยฮวาเจ้าไปเป็นเพื่อนข้าเถอะนะ"

"ข้าไม่ชอบไปยื้อแย้งซื้อโคมกับผู้อื่น"

"เช่นนั้นเรามาทำโคมกัน รอข้าสักครู่"

หลินเหมยฮวามองตามหลังของจ้าวหมิงลู่ที่เดินหายออกไปจากศาลาอย่างรวดเร็ว ใบหน้างดงามพลันยกยิ้ม พ่อบ้านโจมองผู้เป็นนายครั้งหนึ่งก่อนจะมองตามหลังขององค์ชายหกไปอย่างใช้ความคิด สำหรับเขาแล้วองค์ชายหกนับว่ารูปร่างน่าตามิเลว ใบหน้าคมหล่อเหลา อีกทั้งยังมีฐานะเป็นถึงองค์ชาย เพียงเสียอยู่อย่างผู้ใดมิรู้บ้างองค์ชายหกจ้าวหมิงลู่นั้นถูกทำลายพลังปราณมิอาจฝึกฝนพลังได้ แต่อย่างไร หากผู้เป็นนายของเขามีใจแต่งเข้ามาตำแหน่งนายท่านรองหรือนายท่านสาทก็มิได้เสียหายอันใด

"เจ้าคิดสิ่งใดอยู่" เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นทำให้พ่อบ้านโจละสายตาจากแผ่นหลังของจ้าวหมิงลู่ที่เดินห่างออกไปไกลแล้ว

"นายท่านหากเป็นองค์ชายหก ข้าน้อยคิดว่าดีกว่านายคณิกาโม่ฉิงอยู่มากขอรับ" พ่อบ้านโจเอ่ยเชิญแสดงความคิดเห็นของตนให้ผู้เป็นนาย

"เขานับว่าเป็นสหายที่ดีแต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะยอมรับในสิ่งที่ข้าเป็นได้" หลินเหมยฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาหากแต่กลับแฝงไปด้วยความเจ็บปวด 

พ่อบ้านโจได้แต่มองผู้เป็นนายก่อนจะก้มหน้าของตนลงต่ำเพราะเขาเองก็มิอาจที่จะมองผู้เป็นนายเจ็บปวดได้ ตลอดสามปีที่ผ่านมาเขารับรู้มาตลอดว่าผู้เป็นนายนั้น รักษาระยะห่างกับผู้อื่นอย่างไร 

จ้าวหมิงลู่หายไป 2 เค่อก็กลับมาพร้อมกับหอบหิ้วอุปกรณ์สำหรับทำโคมมาด้วยจนเต็มอ้อมแขน

"มาเถิด มาทำโคมกัน"

หลินเหมยฮวามองหน้าจ้าวหมิงลู่เล็กน้อยก่อนจะยันกายลุกขึ้นนั่งตัวตรง พร้อมกับเริ่มทำโคมกระดาษไปพร้อมกับพูดคุยกับจ้าวหมิบลู่ไปด้วย กว่าจะทำโคมเสร็จเวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงยามโหย่วแล้ว 

ทั้งหลินเหมยฮวาและจ้าวหมิงลู่ต่างแยกย้ายกันไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์โดยจ้าวหมิงลู่นั้นใช่ให้องค์รักเงาของตนไปเอาชุดมาให้เขาผลัดเปลี่ยนที่ตำหนักบูรพาเลยเพราะเขามิอยากเสียเวลาในการเดินทางไปมาหลายรอบ

วันนี้หลินเหมยฮวานั้นอนุญาติให้บ่าวรับใช้ภายในเรือนสามารถออกไปเที่ยวชมงานเทศกาลได้หากแต่ต้องกลับมาให้ทันยามจื่อ ซึ่งบรรดาบ่าวรับใช้นั้นก็เดินทางออกจากจวนพร้อมกันกับหลินเหมยฮวาและจ้าวหมิงลู่

งานเทศกาลปล่อยโคมนั้นเป็นงานเทศกาลที่ถูกจัดขึ้นปลายฤดูตงเทียนแม้อากาศจะเย็นหากแต่เมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คนที่ต่างออกมาร่วมชมงานเทศกาลนั้นกลับให้ความรู้สึกมิได้หนาวเย็นนัก หลินเหมยฮวาฮวาสวมใส่อาภรณ์สีฟ้าสลับขาวปักลายดอกเหมยกุ้ย คลุมด้วยเสื้อคลุมขนจิ้งจอกขาว เรือนผลสีดำดุจแพรใหมนั้นถูกเกล้าขึ้นอย่างงดงามประดับด้วยปิ่นหยกเพียงสามเล่ม ส่วนองค์ชายจ้าวหมิงลู่นั้นก็สวมใส่อาภรณ์สีฟ้าเช่นเดียวกันมองผิวเผินนั้นคล้ายทั้งสองตั้งใจสวมใส่อาภรณ์คู่กันดูคล้ายคู่รักที่ออกมาเที่ยวชมงานเทศกาล หากที่จริงแล้วกลับเป็นความตั้งใจของจ้าวหมิงลู่เพราะเขาแอบถามสีชุดที่หลินเหมยฮวาจะสวมใส่มากับบ่าวรับใช้ข้างกายนาง

ตลอดสองข้างทางที่จ้าวหมิงลู่และหลินเหมยฮวาเดินผ่านนั้นมีร้านค้ามากมายทั้งขายอาหาร เครื่องประดับ โคมกระดาษ เครื่องสำอางค์ และสิ่งของอื่นๆอีกมากมาย หลินเหมยฮวานั้นตั้งแต่กลับมาจากชายแดนเมื่อสามปีก่อนแล้วนอกจากสำนักศึกษา และจวนบูรพา การออกมาข้างนอกสำหรับนางนั้นแทบจะนับครั้งได้ในรอบปี หากจ้าวหมิงลู่มิตื้อชวนนางออกมาสถานที่ที่มีผู้คนหนาแน่นเช่นนี้นางแทบจะไม่อยากมาเดินเลยก็ว่าได้

"เหมยฮวาหิวแล้วหรือไม่ข้าจองโต๊ะที่เหลาอาหารไว้ ไปกินกันก่อนเถิดแล้วค่อยไปปล่อยโคม" จ้าวหมิงลู่หันมาเอ่ยกับสตรีที่เดินอยู่ข้างกายตนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

"ได้สิ" หลินเหมยฮวาฮวาเองก็ตอบตกลงไปโดยง่ายเพราะนางเองก็เริ่มจะรู้สึกหิวแล้วเช่นเดียวกัน

ทั้งสองคนต่างก็พากันเดินตรงไปเหลาอาหารที่จ้าวหมิงลู่ได้จองเอาไว้ แต่ดูเหมือนโลกใบนี้ช่างกลมเหลือเกิน ผู้ใดที่เรามิอยากเจอล้วนได้เจอ

ขณะที่หลินเหมยฮวาและจ้าวหมิงลู่เดินมาถึงหน้าเหลาอาหารกลับพบว่ามีกลุ่มคนที่พวกนางต่างคุ้นเคยดีก็เดินมาหยุดอยู่หน้าเหลาอาหารเช่นเดียวกัน 

"พี่สาม พี่สี่ พี่ห้า....." จ้าวหมิงลู่เอ่ยเรียกบุรุษทั้งสามที่เป็นดั่งพี่ชายของเขาด้วยเสุยงเบาหวิว สายตาของเขาจับจ้องไปทางหลินเหมยฮวาและพี่สามหรือฮ่องสามจ้าวเฟยเทียน บุรุษที่เป็นแม่ทัพแห่งแคว้นและยังเป็นบุรุษที่นางยอมแลกชีวิตรับธนูดอกนั้น

"หลินเหมยฮวา คาระวะ ท่านอ๋องสาม องค์ชายสี่ องค์ชายห้า" หลินเหมยฮวาย่อกายทำความเคารพบุรุษสูงศักดิ์ทั้งสาม

เมื่อทำความเคารพเสร็จแล้วสิ่งที่ได้รับมีเพียงความเงียบงันหลินเหมยฮวาจึงยืดกายขึ้นก่อนที่นางจะหันไปยิ้มบางเบาให้กับจ้าวหมิงลู่

"เราไปเถิดข้าหิวแล้ว" หลินเหมยฮวาเอ่ยกับจ้าวหมิงลู่ก่อนที่มือบอบบางจะเอื้อมจับไปที่มือของจ้าวหมิงลู่แล้วพากันเดินเข้าไปในเหลาอาหารโดยไม่ได้สนใจสายตาของผู้อื่นที่กำลังมองตามหลังของพวกนางไปด้วยสายตาเรียบนิ่งหากแต่กลับมีความไม่พอใจเคลื่อนผ่าน

เมื่อเข้ามาภายในห้องหนึ่งในเหลาอาหารเรียบร้อยแล้วทั้งหลินเหมยฮวาและจ้าวหมิงลู่ต่างก็นั่งประจำที่ของตน สุราหนึ่งไหถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะก่อนอาหาร หลินเหมยฮวาจัดการรินสุราลงจอกก่อนจะส่งไปให้ จ้าวหมิงลู่ที่เอาแต่นิ่งเงียบตั้งแต่เข้ามาภายในห้องแล้ว

"เป็นอันใดไป" หลินเหมยฮวาเอ่ยถามจ้าวหมิงลู่ที่เอาแต่นั่งเงียบ

"ข้าเพียงรู้ว่าตนเองไร้ค่านักเมื่อเทียบกับพวกเขา" จ้าวหมิงลู่เอ่ยพร้อมกับก้มหน้าลงมองไปทางจอกสุรา เมื่อเทียบกับพี่สามแล้วเขานับว่าเป็นตัวอะไรกัน 

"มิเห็นว่าท่านจะต้องเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับผู้อื่นเลย ท่านที่เป็นท่านเช่นนี้ก็ดีแล้ว" จ้าวหมิงลู่เงยหน้ามองสบตากับหลินเหมยฮวาที่เอ่ยกับตนเองด้วยสายตาสั่นไหว นางรู้ว่าเขากำลังคิดเช่นไร?

"เจ้ารู้...." จ้าวหมิงลู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

"ดื่มเถิด" หลินเหมยฮวานั้นมิได้ตอบกลับคำถามของจ้าวหมิงลู่หากแต่นางทำเพียงส่งยิ้มบางเบาไปให้ก่อนจะกระดกสุราในมือ 

รอไม่นานอาหารที่สั่งไปก็ถูกยกมาจนเต็มโต๊ะหลินเหมยฮวากับจ้าวหมิงลู่ต่างก็เริ่มลงมือกินอาหารโดยมีการพูดคุยกันเป็นระยะอิ่มทั้งสองจึงวางตะเกียบลง

"เราจะไปลอยโคมกันที่ใดดี" จ้าวหมิงลู่เอ่ยถามขึ้นขณะเอื้อมมือไปหยิบโคมกระดาษมาถือไว้ในมือ

"เหลาอาหารนี้ชั้นบนสุดสามารถปล่อยโคมได้" หลินเหมยฮวาเอ่ยขึ้นพร้อมๆกับลุกขึ้นจากเก้าอี้

"เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเหลาอาหารนี้มีชั้นบนสามารถลอยโคมได้กัน" จ้าวหมิงลู่เอ่ยถามอย่างสงสัย

"ท่านตามข้ามาเถิด" หลินเหมยฮวาเอ่ยพร้อมกับเดินนำจ้าวหมิงลู่ออกจากร้องอาหารที่นางเคยนั่งอยู่ขาเรียวเดินไปตามทางอย่างคุ้นเคย เมื่อเดินไปถึงจุดหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นชั้นสำหรับเจ้าของเหลาอาหารแห่งนี้เพราะว่ามีผู้คุ้มกันยืนอยู่หน้าทางขึ้นถึงหกคน หากแต่เมื่อผู้คุ้มกันเห็นหลินเหมยฮวาทั้งหมดต่างโค้งทำความเคารพหลินเหมยฮวาอย่างพร้อมเพียงก่อนจะเปิดทางให้ทั้งสองคนเดินขึ้นบันใดไป

จ้าวหมิงลู่คราแรกเขายังมีความสงสัยอยู่หากแต่เมื่อขึ้นมาจนถึงประตูไม้บานใหญ่ซึ่งถูกสลักลวดลายแปลกตาซึ่งสัญญาลักษณ์เช่นนี้ก็มีอยู่ในจวนบูรพาเช่นเดียวกันเขาจึงรู้ได้ทันทีว่าเหลาอาหารแห่งนี้เป็นของผู้ใด

"เจ้านี่มีอะไรให้ข้าแปลกใจเยอะเสียจริง" หลินเหมยฮวาไม่ได้สนใจคำพูดหยอกเย้าของจ้าวหมิงลู่นางผลักประตูไม้เข้าไป ด้านในคือห้องขนาดใหญ่ มีเตียงนอนซึ่งถูกบดปังด้วยม่านผ้าโปร่งแสง กั้นด้วยฉากกั้นห้อง มีโต๊ะเขียนหนังสืออีกทั้งข้าวของภายในห้องนั้นถูกจัดเรียงอย่างเรียบง่ายและเป็นระเบียบดูสะอาดตานัก  เมื่อเดินผ่านห้องนอนออกไปกลับพบว่ามีระเบียงขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากตัวเหลาอาหารซึ่งมีถึงหกชั้น เมื่อมองลงไปด้านล่างภาพที่เห็นนั้นช่างชวนให้ตกตะลึง 

"งดงามนัก" จ้าวหมิงลู่เอ่ยพร้อมกับมองออกไปเบื้องหน้า ภาพที่เขาเห็นเบื้องหน้านั้นคือภาพของเสียงไฟจากร้านค้าต่างๆด้านล่าง ผู้คนที่เดินเที่ยวชมงานเทศ อีกทั้งยังมีแสงจากโคมกระดาษที่ค่อยๆลอยขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน

"มาปล่อยโคมกันเถิด" หลินเหมยฮวาเอ่ยพร้อมกับจัดไฟให้กับโคม จ้าวหมิงลู่เองก็จุดไฟให้กับโคมของตนเองเช่นเดียวกัน ทั้งสองยื่นโคมกระดาษที่กำลังพองตัวออกไปด้านหน้า

"เหมยฮวา ปีนี้ข้าอยากขอพรจากเจ้าข้อหนึ่งได้หรือไม่" จ้าวหมิงลู่หันมาเอ่ยกับสตรีที่ยืนอยู่ข้างกัน

"หากข้าทำให้ท่านใด้ พรนั้นของท่านย่อมเป็นจริง" หลินเหมยฮวาเอ่ยพร้อมกับหันหน้าไปมองโคมของตนเอง

"อย่าหันหลังให้ข้าได้หรือไม่เหมยฮวา....." สิ้นคำพูดของจ้าวหมิงลู่ หลินเหมยฮวากลับยิ้มออกมาก่อนที่มือบอบบางจะปล่อยโคมกระดาษของตนเองให้ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืนพร้อมๆกับโคมในมือของจ้าวหมิงลู่ที่ถูกปล่อยออกไปเช่นเดียวกัน

"พรของท่านย่อมเป็นจริงแน่นอน" เสียงหวานเอ่ยตอบกลับแม้จะแผ่วเบาหากแต่คนฟังนั้นกลับได้ยินอย่างชัดเจน ใบหน้าหล่อเหลาของจ้าวหมิงลู่ผลันส่งยิ้มกระจ้างใสไปให้กับสตรีที่ยังยืนอยู่ข้างๆตน

ภายในห้องหนึ่งของเหลาอาหารหกบุรุษหนึ่งสตรีกำลังนั่งทานอาหารและสุรากันอย่างเงียบงันมิได้พูดคุยสนุกสนานเฉกเช่นแขกคนอื่น

ตุบ อัก

องค์รักเงาผู้หนึ่งเขามาภายในห้องก่อนที่เขาจะทรุดลงไปกับพื้นพร้อมๆกับกระอักเลือดออกมา หลินหวังลี่รีบเข้าไปดูอาการขององค์รักเงาผู้นั้นนางตรวจดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะให้ยาถอนพิษกับองค์รักเงาไป รอเพียงครู่เมื่อยาถอนพิษก็เริ่มทำงาน

"เหตุใดเจ้าจึงมีสภาพเช่นนี้" องค์ชายสี่จ้าวหมิงซินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

"บริเวณฝั่งห้องที่องค์รัชทายาทอยู่และท่านหญิงหลินเหมยฮวาอยู่นั้นมีทั้งกลุ่มองค์รักเงาและกลุ่มนักฆ่าคอยระวังอยู่อย่างแน่นหนา ข้าน้อยไร้ความสามารถมิอาจได้ได้ข้อมูลใด

"กลุ่มองค์รักนั้นข้าคาดว่าจะเป็นขององค์รัชทายาทแต่กลุ่มนักฆ่านั้นเป็นของผู้ใดกัน" ทันทีที่องค์ชายห้าจ้าวหมิงจวิ้นเอ่ยเสร็จทั้งห้องก็ตกอยู่ภายใต้ความเงียบอีกทั้งยังมีแรงกดดันเพิ่มขึ้น

"เจ้าโดนพิษได้อย่างไร" ในที่สุดจ้าวเฟยเทียนที่นั่งเงียบอยู่นานก็เอ่ยถามขึ้นใบหน้าหล่อเหลายังคงนิ่งเรียบ

"เป็นกลุ่มนักฆ่าที่โจมตีระหว่างที่ข้าน้อยกำลังจะตามองค์ชายหกและท่านหญิงหลินไปขอรับ" เมื่อองค์รักเงารายงานเสร็จทั้งห้องก็ตกอยู่ภายในความเงียบอีกครั้ง

องค์ชายห้าส่งสัญญาณให้องค์รักเงาของตนออกไปก่อน ก่อนที่เขาจะหันไปสบตากับผู้เป็นพี่ชาย

"หวังเหว่ย ดูเหมือนว่าพวกเราจักต้องไปยืนจวนของน้องสาวเจ้าเสียแล้ว...."

นิยายเรื่องนี้ยังคงเป็นแนวฮาเร็มเช่นเดิมนะค่ะ

ขอบคุณรีดทุกท่านที่ติดตามและคอมเม้น

กดหัวใจให้กันไรท์จะขยันปั่นขยันลง

นิยายให้อ่านกันนร้า

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!