NovelToon NovelToon

มหาขันทีผู้กอบกู้ราชวงศ์

ตอนที่ 1

ตอนที่ 1

จางเหยียนสี่ เด็กหนุ่มวัย 19 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยที่ชีวิตเรียบง่าย แต่อยู่ๆ วันหนึ่งเขาประสบอุบัติเหตุรถชนที่ไม่คาดฝันขณะกำลังข้ามถนน ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นก่อนจะหมดสติ คือเสียงเบรกรถและความเจ็บปวดที่ปะทะร่างกาย

เมื่อจางเหยียนสี่ลืมตาขึ้นอีกครั้ง สิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่ถนนที่คุ้นเคย แต่เป็นป่าลึกที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่และเสียงนกร้อง เขาลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าคือเสื้อผ้าที่เขาใส่ มันไม่ใช่ชุดนักศึกษาธรรมดา แต่กลับเป็นชุดโบราณของราชวงศ์จีน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” จางเหยียนสี่พูดกับตัวเองด้วยความสับสน เขาลองสำรวจไปรอบๆ และพยายามหาคำตอบว่าเขาอยู่ที่ไหนและเกิดอะไรขึ้นกับเขา

ไม่นานนัก เสียงเท้าดังใกล้เข้ามา จางเหยียนสี่หันไปเห็นชายหนุ่มในชุดขุนนางโบราณเดินมาอย่างรวดเร็ว ชายคนนั้นมีใบหน้าหล่อเหลา แต่ดูเหมือนเขาจะเร่งรีบและวิตกกังวลอยู่

“เจ้าคือใคร? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?” ชายคนนั้นถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ข้าคือ… ข้าไม่รู้ว่ามาที่นี่ได้อย่างไร ข้าจำได้แค่ว่าข้า…ข้าโดนรถชนแล้วก็มาอยู่ที่นี่” จางเหยียนสี่ตอบอย่างสับสน

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าจางเหยียนสี่คือ หงเสี่ยนลี่ ลูกชายของขุนนางผู้มีอำนาจในราชสำนัก หงเสี่ยนลี่มองจางเหยียนสี่ด้วยความสงสัย แต่ก็รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้ไม่ใช่คนธรรมดา

“ข้าคือหงเสี่ยนลี่ ข้าจะพาเจ้ากลับไปที่จวนของข้า ก่อนที่เจ้าจะถูกอะไรในป่ามันทำร้าย” เขาพูดและพยักหน้าให้จางเหยียนสี่เดินตาม

จางเหยียนสี่ไม่ได้มีทางเลือกอื่น จึงเดินตามหงเสี่ยนลี่ไปอย่างสงบ แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยคำถามว่าเขาอยู่ที่ไหน และเขาจะกลับไปยังโลกปัจจุบันได้อย่างไร

เมื่อมาถึงจวนของหงเสี่ยนลี่ เขาได้รับการต้อนรับจาก ว่านเชี่ยน น้องสาวของหงเสี่ยนลี่ ว่านเชี่ยนเป็นหญิงสาวที่สดใสและอ่อนโยน แต่แฝงความเฉลียวฉลาดไว้ในตัว นางมองจางเหยียนสี่ด้วยความสนใจและช่วยดูแลเขาอย่างดี

“ท่านพี่ คนผู้นี้ดูแปลกนัก เขาอาจมาจากแดนไกลก็เป็นได้” ว่านเชี่ยนกระซิบกับหงเสี่ยนลี่ แต่จางเหยียนสี่กลับได้ยินชัดเจน

หลังจากที่ได้พักผ่อนและทานอาหาร จางเหยียนสี่รู้สึกขอบคุณหงเสี่ยนลี่และว่านเชี่ยนที่ช่วยเหลือเขา แต่ใจลึกๆ ของเขายังเต็มไปด้วยความกังวลเกี่ยวกับอนาคตและวิธีที่จะกลับไปสู่ยุคปัจจุบัน

ทว่า จางเหยียนสี่กลับไม่รู้เลยว่าการย้อนเวลาครั้งนี้จะนำเขาไปสู่ความวุ่นวายในราชสำนักและความรักที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น…

หลังจากที่จางเหยียนสี่ถูกพามายังจวนของหงเสี่ยนลี่ เขาได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากทั้งหงเสี่ยนลี่และว่านเชี่ยน แม้ความสับสนในใจยังคงมีอยู่มาก แต่บรรยากาศในจวนทำให้เขารู้สึกอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย

ในเช้าวันรุ่งขึ้น จางเหยียนสี่ลุกขึ้นมาพร้อมกับความคิดว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป แต่ก่อนที่เขาจะมีโอกาสหาคำตอบ เสียงเคาะประตูดังขึ้น และว่านเชี่ยนเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มสดใส

“พี่ชายบอกให้ข้ามาตามเจ้า เจ้าตื่นหรือยัง?” ว่านเชี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ข้าตื่นแล้ว ขอบคุณที่มาดูข้า” จางเหยียนสี่ยิ้มตอบ แต่ภายในใจยังคงมีความประหม่าเล็กน้อย

“พี่ชายข้าเป็นคนดี แม้เขาจะดูเย็นชาไปบ้าง แต่ท่านสามารถวางใจได้” ว่านเชี่ยนกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ

จางเหยียนสี่รู้สึกอบอุ่นในใจมากขึ้นเมื่อได้พูดคุยกับว่านเชี่ยน นางเป็นหญิงสาวที่น่ารักและมีความเป็นกันเอง เขารู้สึกว่าอย่างน้อยนางก็เป็นเพื่อนคนแรกในโลกแปลกประหลาดนี้

ไม่นานนัก หงเสี่ยนลี่ก็ปรากฏตัวขึ้น เขาพาจางเหยียนสี่ออกมาที่ลานกลางบ้าน ซึ่งเป็นสถานที่กว้างขวางและสวยงาม มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาและสวนดอกไม้ที่ปลูกไว้เป็นอย่างดี

“เจ้ามีความคิดจะไปจากที่นี่หรือไม่?” หงเสี่ยนลี่ถามขณะยืนมองจางเหยียนสี่ด้วยสีหน้าสงบ แต่แฝงความสงสัย

“ข้า...ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ข้าจำอะไรไม่ได้เลย” จางเหยียนสี่โกหกเพื่อปิดบังความจริงว่าตนมาจากอนาคต เพราะเขาไม่รู้ว่าจะอธิบายให้ใครเข้าใจได้อย่างไร

“ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็พักอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะดูแลเจ้าให้ปลอดภัย” หงเสี่ยนลี่กล่าวเสียงเรียบ แต่จางเหยียนสี่สัมผัสได้ถึงความจริงใจที่ซ่อนอยู่ในคำพูดนั้น

วันเวลาผ่านไป จางเหยียนสี่ค่อยๆ เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตในราชวงศ์และผู้คนรอบตัวเขา หงเสี่ยนลี่เริ่มเปิดใจให้กับเขามากขึ้น แม้จะเป็นคนที่เงียบขรึมและดูเย็นชา แต่ลึกๆ แล้ว หงเสี่ยนลี่กลับเป็นคนที่ห่วงใยและซื่อตรงกับคนที่เขาไว้ใจ

ส่วนว่านเชี่ยน นางกลายเป็นเพื่อนสนิทคนแรกของจางเหยียนสี่ในยุคโบราณนี้ นางมักจะมาเยี่ยมเขา พูดคุยและหัวเราะด้วยกัน ทำให้เขาลืมความกังวลเรื่องการหาทางกลับโลกปัจจุบันไปชั่วขณะ

ในบางวัน จางเหยียนสี่และหงเสี่ยนลี่มักจะใช้เวลานั่งพูดคุยกันที่ลานกลางจวน หงเสี่ยนลี่เริ่มแบ่งปันเรื่องราวในชีวิตของเขา ทั้งความกดดันจากราชสำนักและปัญหาภายในครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับอำนาจ จางเหยียนสี่ฟังด้วยความสนใจและรู้สึกเห็นใจ

ในช่วงเวลานั้น จางเหยียนสี่รู้สึกได้ถึงความผูกพันที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นระหว่างเขากับหงเสี่ยนลี่ แม้จะไม่ได้แสดงออกชัดเจน แต่ความเข้าใจและความสนิทสนมของพวกเขาก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น

หงเสี่ยนลี่เองก็เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่เปลี่ยนไป เขามองจางเหยียนสี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วแอบยิ้มในใจ ชายหนุ่มจากแดนไกลคนนี้อาจไม่ได้เป็นแค่คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขาเพียงชั่วคราว แต่เป็นคนที่มีความสำคัญบางอย่าง...

หลังจากที่จางเหยียนสี่ใช้เวลาหลายวันในจวนของหงเสี่ยนลี่ ความสนิทสนมระหว่างทั้งคู่ก็เริ่มแน่นแฟ้นขึ้น แต่หงเสี่ยนลี่รู้สึกว่าเขายังไม่รู้จักจางเหยียนสี่ดีพอ เขาจึงคิดหาวิธีที่จะสร้างความผูกพันและเข้าใจนายเอกมากขึ้น

วันหนึ่ง ขณะที่จางเหยียนสี่กำลังนั่งเล่นอยู่ในสวน หงเสี่ยนลี่ก็เข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อย

“ข้าเห็นว่าเจ้าชอบมองม้าของข้า เจ้าเคยขี่ม้าหรือไม่?” หงเสี่ยนลี่ถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นมิตรและอ่อนโยนกว่าปกติ

“ไม่เคยเลย ข้าไม่เคยขี่ม้ามาก่อน” จางเหยียนสี่ตอบด้วยความลังเล

“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะสอนเจ้า ขี่ม้าไม่ใช่เรื่องยาก หากเจ้าได้ลองขี่สักครั้ง เจ้าอาจจะชอบก็ได้” หงเสี่ยนลี่กล่าวพร้อมกับเสนอให้จางเหยียนสี่ไปฝึกขี่ม้าที่ลานฝึกม้า

จางเหยียนสี่แม้จะรู้สึกไม่มั่นใจ แต่ก็ยอมตกลง เพราะเขาอยากทำให้หงเสี่ยนลี่รู้สึกพอใจและไม่อยากให้ดูเหมือนว่าเขาอ่อนแอ

ที่ลานฝึกม้า หงเสี่ยนลี่พาจางเหยียนสี่มาหาม้าตัวหนึ่ง ม้าตัวนี้เป็นม้าสีขาวสง่างาม แต่ดูเป็นมิตร

“นี่คือไป่ฟง ม้าของข้า มันเชื่องและอ่อนโยน เจ้าสามารถฝึกกับมันได้โดยไม่ต้องกลัว” หงเสี่ยนลี่บอกพร้อมกับช่วยจางเหยียนสี่ขึ้นไปบนหลังม้า

ช่วงแรก ทุกอย่างดูเป็นไปได้ดี หงเสี่ยนลี่คอยดูแลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด จางเหยียนสี่เริ่มรู้สึกมั่นใจมากขึ้น เขาเริ่มสนุกกับการขี่ม้า แต่ทว่า ขณะที่ม้ากำลังเดินอยู่ จางเหยียนสี่กลับเสียการทรงตัว ม้าพยศขึ้นเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหลุดจากหลังม้า

"เหยียนสี่!" หงเสี่ยนลี่ร้องด้วยความตกใจและรีบวิ่งเข้าไปหาจางเหยียนสี่ที่ตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง

จางเหยียนสี่นอนอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด เขารู้สึกถึงความปวดแสบที่ขาขวา หงเสี่ยนลี่รีบเข้ามาช่วยพยุงเขาขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ข้าไม่น่าชวนเจ้าฝึกเร็วขนาดนี้เลย” หงเสี่ยนลี่พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

“ข้า...ข้าไม่เป็นไรมาก แค่เจ็บขานิดหน่อย” จางเหยียนสี่พยายามฝืนยิ้ม แม้ความเจ็บจะเล่นงานเขาอย่างหนัก

หงเสี่ยนลี่รีบพาจางเหยียนสี่กลับไปที่จวนทันที พร้อมกับสั่งคนใช้ให้นำยาและผ้ามาประคบให้จางเหยียนสี่ เมื่อถึงห้องพัก หงเสี่ยนลี่นั่งข้างจางเหยียนสี่ไม่ห่าง คอยดูแลเขาด้วยความอ่อนโยน

“ข้าขอโทษ ข้าไม่ควรให้เจ้าทำอะไรที่เสี่ยงแบบนี้” หงเสี่ยนลี่กล่าวด้วยความรู้สึกผิด ขณะที่มือของเขาค่อยๆ วางลงบนมือของจางเหยียนสี่อย่างอ่อนโยน

“ข้าไม่โทษท่าน ข้าแค่ยังไม่เก่ง ข้าจะฝึกให้ดีขึ้น” จางเหยียนสี่ยิ้มรับ ทั้งที่ในใจยังรู้สึกถึงความเจ็บที่ขา แต่เขากลับรู้สึกว่าหงเสี่ยนลี่ใกล้ชิดและใส่ใจเขามากขึ้นหลังจากเหตุการณ์นี้

ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนเริ่มพัฒนาไปอีกขั้น แม้จางเหยียนสี่จะไม่ได้แสดงออกชัดเจน แต่เขาก็เริ่มรู้สึกถึงความอบอุ่นและความห่วงใยที่หงเสี่ยนลี่มีต่อเขา และนั่นทำให้เขารู้สึกมั่นใจและปลอดภัยในโลกโบราณนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

**(โปรดติดตามตอนต่อไป)**

ตอนที่ 2

ตอนที่ 2

หลังจากที่จางเหยียนสี่พักฟื้นอยู่ในจวนของหงเสี่ยนลี่ได้สักระยะ อาการบาดเจ็บของเขาก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ยังไม่หายดีทั้งหมด แต่เขาก็เริ่มกลับมาเดินได้บ้าง วันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังนั่งอยู่ที่สวนกลางจวนพร้อมกับหงเสี่ยนลี่และว่านเชี่ยน มีข่าวที่ไม่คาดคิดเดินทางมาถึง

“ไทเฮาจะเสด็จมาเยี่ยมท่านพี่!” ว่านเชี่ยนรีบเข้ามาแจ้งข่าวด้วยความตื่นเต้น ขณะที่จางเหยียนสี่รู้สึกแปลกใจและไม่แน่ใจว่าใครคือไทเฮาที่ทุกคนต่างพูดถึง

“ไทเฮา?” จางเหยียนสี่เอ่ยถาม หงเสี่ยนลี่ที่นั่งข้างๆ หันมายิ้มเล็กน้อยก่อนจะอธิบาย

“ไทเฮาเป็นย่าของข้าและท่านพี่ พวกเราต่างเคารพนางมาก นางเป็นคนใจดีและมีความเมตตา” หงเสี่ยนลี่อธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

ไม่นานนัก ไทเฮาก็เสด็จมาถึง ท่ามกลางการต้อนรับที่เรียบร้อยของเหล่าข้าราชบริพาร จางเหยียนสี่รู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อเห็นไทเฮา นางเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ แต่งกายอย่างสง่างาม ทว่าท่าทางกลับดูอบอุ่นเป็นกันเอง ผิดจากที่เขาคาดไว้

เมื่อไทเฮาเดินเข้ามาในจวน นางพบกับหงเสี่ยนลี่และว่านเชี่ยนที่มายืนต้อนรับ นางยิ้มกว้างและกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนที่สายตาของนางจะเหลือบไปเห็นจางเหยียนสี่ที่ยืนอยู่ด้านหลังหงเสี่ยนลี่

“เด็กคนนี้เป็นใครกัน?” ไทเฮาถามด้วยความสนใจ

“เขาคือจางเหยียนสี่ ข้าพบเขาในป่า เขาบาดเจ็บและข้าได้พาเขากลับมาดูแลที่จวนของข้า” หงเสี่ยนลี่ตอบอย่างสุภาพ

ไทเฮาพยักหน้าและมองดูจางเหยียนสี่อย่างพิจารณา นางเห็นว่าจางเหยียนสี่มีท่าทางนอบน้อมและสุภาพ แต่ก็แฝงไปด้วยความไม่ธรรมดาบางอย่าง นางเดินเข้ามาใกล้จางเหยียนสี่แล้วเอ่ยถามด้วยความเอ็นดู

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้? ได้ยินว่าข้าของเจ้าบาดเจ็บ น่าสงสารจริงๆ” ไทเฮาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ข้าดีขึ้นมากแล้วเพคะ ต้องขอบคุณท่านหงเสี่ยนลี่ที่คอยดูแลข้า” จางเหยียนสี่ตอบด้วยความสุภาพ เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นเมื่อได้พูดคุยกับไทเฮา

ไทเฮาหัวเราะเบาๆ แล้วหันไปมองหงเสี่ยนลี่ด้วยรอยยิ้มที่แฝงความชื่นชม “ดูท่าเสี่ยนลี่จะมีเพื่อนใหม่ที่น่ารักเช่นนี้ ข้าชื่นใจนัก” นางกล่าวก่อนจะพยักหน้าให้จางเหยียนสี่อย่างอ่อนโยน

จากนั้น ไทเฮาได้นั่งลงพูดคุยกับทุกคนที่สวนในจวน บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเอง ไทเฮามีคำถามหลายอย่างที่ทำให้จางเหยียนสี่ได้พูดคุยและเล่าเรื่องราวของตน แม้ว่าเขาจะไม่ได้เปิดเผยว่ามาจากอนาคต แต่ไทเฮาก็รับรู้ได้ว่าเขาเป็นคนที่ไม่เหมือนใคร

ระหว่างการสนทนา ไทเฮาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเอ็นดูจางเหยียนสี่ นางเห็นในความจริงใจและความสุภาพของเขา นางปฏิบัติกับเขาเหมือนลูกหลาน ทำให้จางเหยียนสี่รู้สึกอบอุ่นใจมากขึ้น

“เจ้าเป็นคนดี ข้ารู้สึกเหมือนเจ้าเป็นหนึ่งในครอบครัวเรา” ไทเฮากล่าวพร้อมกับจับมือจางเหยียนสี่อย่างอ่อนโยน “หากมีเรื่องใดที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือ อย่าได้ลังเลที่จะบอกข้า”

จางเหยียนสี่รู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งใจต่อคำพูดของไทเฮา เขารู้สึกเหมือนกับว่าตนไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลกแปลกนี้อีกต่อไป

หลังจากการมาเยือนของไทเฮา จางเหยียนสี่ก็ได้รับการยอมรับจากคนในจวนมากขึ้น และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหงเสี่ยนลี่ก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นอย่างช้าๆ ทว่าการผจญภัยและความรักที่ซ่อนอยู่ในหัวใจของพวกเขากำลังจะเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ในอนาคต…

หลังจากที่จางเหยียนสี่พักฟื้นจนหายดี เขาก็สามารถกลับมาเดินได้อย่างปกติอีกครั้ง ไทเฮาที่เสด็จมาเยี่ยมก็พอใจที่เห็นจางเหยียนสี่หายดี นางเอ็นดูนายเอกอย่างมากและมีความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างในใจเกี่ยวกับตัวเขา แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมากนัก

เมื่อเสร็จสิ้นการมาเยือน ไทเฮาก็เสด็จกลับสู่วังหลวงพร้อมกับนางกำนัลคู่ใจ นางกำนัลชื่อชิงอี้เป็นคนที่ไทเฮาไว้วางใจที่สุด นางมักจะเป็นผู้ที่คอยให้คำปรึกษาและเป็นที่ปรึกษาด้านความเชื่อของไทเฮามาโดยตลอด

เมื่อกลับถึงวังหลวง ไทเฮารู้สึกกังวลใจบางอย่างที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับจางเหยียนสี่ นางจึงสั่งให้นางกำนัลคนสนิททำการตรวจดวงชะตาของนายเอกอย่างละเอียด นางอยากรู้ว่าจางเหยียนสี่คือใครและทำไมถึงมีความรู้สึกแปลกๆ ว่าเขาไม่ธรรมดา

กลางดึกคืนนั้น ชิงอี้นั่งอยู่ข้างๆ ไทเฮา ในห้องอันเงียบสงบ ขณะที่โต๊ะข้างหน้ามีผ้ายันต์ โหราศาสตร์ และตำราโบราณวางเรียงอยู่ ชิงอี้ค่อยๆ คลี่กระดาษดวงชะตาของจางเหยียนสี่ออกมา ดูตำแหน่งดาวและเครื่องหมายทางโหราศาสตร์ก่อนจะนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏในดวง

“องค์ไทเฮา… ดวงของเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่ดวงธรรมดา” ชิงอี้พูดด้วยเสียงเบาแต่ชัดเจน

“ไม่ธรรมดาอย่างไรหรือ?” ไทเฮาถามด้วยความสนใจ

“ตามตำรานี้บ่งบอกว่า…จางเหยียนสี่คือ ‘ลิขิตแห่งสวรรค์’ ดวงของเขาเป็นดวงของโอรสสวรรค์ ผู้ที่ถูกลิขิตมาเพื่อเปลี่ยนแปลงชะตาของราชวงศ์ และช่วยนำพาราชอาณาจักรนี้ไปสู่ความรุ่งเรือง” ชิงอี้กล่าวอย่างหนักแน่น

ไทเฮาฟังแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง นางรับรู้ถึงความพิเศษในตัวจางเหยียนสี่ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ แต่ไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะมีบทบาทสำคัญเช่นนี้ นางจ้องมองชิงอี้อย่างลึกซึ้ง

“แล้วเขาจะมีบทบาทอย่างไรในอนาคต?” ไทเฮาถามต่อ

ชิงอี้ตรวจดูดวงชะตาต่ออย่างละเอียดก่อนจะเอ่ยตอบ “ดวงชะตาบอกว่า จางเหยียนสี่จะไม่ใช่แค่ผู้ช่วยเหลือธรรมดา แต่เขาคือผู้ที่จะนำราชอาณาจักรไปสู่ยุคใหม่ เขาคือโอรสสวรรค์ที่ถูกส่งลงมาเพื่อเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของราชวงศ์และปกป้องบ้านเมืองจากภัยพิบัติ ข้าเชื่อว่าการมาของเขาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”

ไทเฮานิ่งคิดสักพัก นางหวนคิดถึงคำพูดของชิงอี้ และเริ่มตระหนักว่าการมาของจางเหยียนสี่ในชีวิตของพวกเขาอาจเป็นชะตาที่สวรรค์กำหนด นางรู้ดีว่าราชวงศ์กำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งศึกภายในและภายนอก องค์ฮ่องเต้และเหล่าขุนนางต่างก็ต้องเผชิญกับปัญหาการเมืองที่ซับซ้อน

“หากเป็นเช่นนั้น ข้าต้องระวังเรื่องนี้ให้ดี หากเขาคือลิขิตแห่งสวรรค์จริง ข้าจะไม่ปล่อยให้เขาถูกมองข้าม” ไทเฮากล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่

“องค์ไทเฮา… ข้าขอแนะนำให้ท่านเฝ้าดูเขาอย่างใกล้ชิด ท่านจางเหยียนสี่ผู้นี้อาจเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำพาราชวงศ์นี้รอดพ้นจากเคราะห์กรรม” ชิงอี้กล่าวเตือน

ไทเฮาพยักหน้าช้าๆ ด้วยความตั้งใจ นางรู้สึกว่าตัวเองต้องปกป้องและส่งเสริมจางเหยียนสี่ให้ได้เติบโตในเส้นทางที่เขาถูกลิขิตมา นางยังคงสงสัยว่าเหตุการณ์ในอนาคตจะเป็นอย่างไร และจางเหยียนสี่จะมีบทบาทอย่างไรในชะตากรรมของราชวงศ์

นับจากคืนนั้น ไทเฮาก็ตัดสินใจเฝ้าดูแลจางเหยียนสี่อย่างลับๆ และเริ่มคิดหาวิธีที่จะปกป้องเขาจากอันตรายใดๆ ที่อาจมาถึง เพราะนางรู้ดีว่าลิขิตสวรรค์นี้ไม่อาจถูกขัดขวางได้…

เช้าวันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ ขณะที่จางเหยียนสี่เริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังจากพักฟื้น หงเสี่ยนลี่ได้รับข่าวสำคัญจากราชสำนัก ขณะที่เขากำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขก มีทหารราชสำนักเดินเข้ามาพร้อมกับม้วนกระดาษคำเชิญในมือ

“คุณชายหง ท่านได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงของราชวงศ์คืนนี้” ทหารกล่าวพลางยื่นคำเชิญให้หงเสี่ยนลี่

หงเสี่ยนลี่รับม้วนกระดาษนั้นมาอ่าน เขาพบว่าฮ่องเต้จะจัดงานเลี้ยงฉลองประจำปีขึ้นในพระราชวังเพื่อแสดงความยินดีแก่เหล่าขุนนางและผู้มีส่วนช่วยในการสนับสนุนบ้านเมือง หนึ่งในนั้นคือเขา หงเสี่ยนลี่รู้สึกเกรงใจเล็กน้อย แต่ก็รู้ดีว่างานเลี้ยงเช่นนี้เป็นโอกาสสำคัญที่จะพบปะกับเหล่าขุนนางชั้นสูง รวมถึงเหล่าราชวงศ์ที่เกี่ยวข้อง

หลังจากทหารราชสำนักออกไป หงเสี่ยนลี่หันไปมองจางเหยียนสี่ที่นั่งฟังอยู่ใกล้ๆ

“คืนนี้ข้าจะต้องไปงานเลี้ยงในวังหลวง เจ้าคงต้องอยู่ที่จวนคนเดียว” หงเสี่ยนลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย

จางเหยียนสี่ยิ้มบางๆ และพยักหน้า “ไม่เป็นไร ท่านไปเถอะ ข้าอยู่ที่นี่ได้ ข้าคิดว่าข้าคงจะใช้เวลาอ่านหนังสือหรือเดินเล่นในสวน ข้าไม่อยากรบกวนท่าน”

หงเสี่ยนลี่พยักหน้าและยิ้มตอบ แม้จะรู้สึกเป็นห่วง แต่เขาก็วางใจว่าจางเหยียนสี่สามารถดูแลตัวเองได้ในช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่

ค่ำวันนั้น หงเสี่ยนลี่สวมใส่ชุดขุนนางที่สง่างามและเตรียมตัวออกเดินทางไปยังพระราชวัง ขณะที่เขาขึ้นม้าของตนและมุ่งหน้าไปยังงานเลี้ยง เขาไม่รู้ว่าในคืนนี้จะมีอะไรรอเขาอยู่ แต่เขาเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น

เมื่อมาถึงพระราชวัง หงเสี่ยนลี่ก้าวเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ที่ประดับด้วยโคมไฟและดอกไม้สด องค์ฮ่องเต้ทรงประทับอยู่บนบัลลังก์อย่างสง่างาม ขนาบข้างด้วยฮองเฮาที่ดูเยือกเย็นแต่เต็มไปด้วยอำนาจ บรรดาขุนนางและแขกเหรื่อมากมายกำลังสนทนาและรับประทานอาหารกันอย่างครึกครื้น

หงเสี่ยนลี่คำนับต่อหน้าฮ่องเต้และฮองเฮา จากนั้นเขาก็ถูกนำไปยังที่นั่งที่จัดเตรียมไว้สำหรับเขา ขณะนั่งลง หงเสี่ยนลี่รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เงียบสงบแต่ก็แฝงไปด้วยความระมัดระวัง ผู้คนในที่นี่ล้วนแต่มีสถานะและอิทธิพลในราชสำนัก

ระหว่างที่งานเลี้ยงดำเนินไป เสียงดนตรีจากวงดนตรีของราชสำนักดังก้องไปทั่วห้อง ขุนนางหลายคนเริ่มเข้ามาทักทายหงเสี่ยนลี่ บ้างก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่เคยทำงานร่วมกัน บ้างก็เป็นขุนนางที่ต้องการเสริมสร้างความสัมพันธ์ หงเสี่ยนลี่ตอบรับอย่างสุภาพและรักษาท่าทางสงบเสงี่ยมของตนไว้เสมอ

ในขณะที่งานเลี้ยงดำเนินไป มีบางสิ่งที่ทำให้หงเสี่ยนลี่รู้สึกไม่สบายใจ นางเถาหวังซูเลี่ยน ซึ่งเป็นบุตรีของขุนนางผู้ทรงอิทธิพล กำลังนั่งอยู่ไม่ไกล นางจ้องมองหงเสี่ยนลี่อย่างแหลมคม นางมีข่าวลือเกี่ยวกับการแย่งชิงอำนาจในวัง และไม่พอใจที่หงเสี่ยนลี่ได้รับความสำคัญมากขึ้นในราชสำนัก

เถาหวังซูเลี่ยนเดินเข้ามาหาหงเสี่ยนลี่พร้อมรอยยิ้มที่แฝงความร้ายกาจ นางกล่าวทักทายอย่างเป็นทางการ แต่ในน้ำเสียงมีนัยยะบางอย่าง

“คุณชายหง ดูเหมือนท่านจะได้รับความนิยมมากในช่วงนี้ ไม่คิดหรือว่าบางครั้ง การอยู่เงียบๆ จะดีกว่า?” นางกล่าวพร้อมกับยิ้มเยาะ

หงเสี่ยนลี่ไม่ตอบกลับทันที แต่เขากลับมองนางด้วยสายตาสงบ “ความสำเร็จหรือความนิยม ข้าไม่ได้แสวงหามัน ข้าทำงานของข้าตามหน้าที่ หากมีอะไรที่ทำให้ท่านไม่พอใจ ข้าขอโทษด้วย”

เถาหวังซูเลี่ยนหัวเราะเล็กน้อย แต่สายตาของนางเต็มไปด้วยความอิจฉา นางเอ่ยคำอำลาและเดินจากไป หงเสี่ยนลี่รู้ได้ทันทีว่านางเป็นคนที่ต้องระวัง เขารู้ดีว่างานเลี้ยงคืนนี้อาจไม่ได้เป็นแค่การฉลองเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องการเมืองและอิทธิพลที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง

ขณะที่งานเลี้ยงดำเนินไป ความคิดของหงเสี่ยนลี่ก็หวนกลับไปที่จางเหยียนสี่ เขารู้สึกว่าจางเหยียนสี่เองอาจมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์ แต่เขายังไม่รู้ว่าบทบาทนั้นคืออะไร…

**โปรดติดตามตอนต่อไป**

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!