เก่งขยับแว่นพลางจดจ้องกล้ามหน้าท้องที่ยามนี้ระยิบระยับตาไปหมดแม้จะสายตาสั้นมากแค่ไหน ชั่วโมงว่ายน้ำก็เป็นเหมือนเวลาอันแสนโอชะที่จะได้จ้องมองภาพเหล่านี้โดยไม่ถูกมองว่าเป็นไอ้สี่ตาโรคจิต ซึ่งเจ้าของกล้ามสวยก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นภูมิ ผู้ชายที่ชอบทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ
"เก่ง ไอ้เก่งเช็ดน้ำลายหน่อยเว้ย"
เสียงกวนประสาทนี้มาจากข้าวโพดเพื่อนสาวที่ตอนนี้อยู่ในชุดว่ายน้ำโรงเรียนและเพราะหน้าอกหน้าใจดูจะตู้มกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ ในห้อง สายตาที่มองมาจึงเยอะเป็นธรรมดาดูอย่างหัวหน้าห้องอย่างไอ้ชลยังอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองมา(เหลือบมองนมเพื่อนกูยี่สิบกว่ารอบแล้วไอ้เวรนี่) และเพราะอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เขารู้ว่าตัวเองไม่ได้ชอบผู้หญิง ข้าวโพดกับเขาจึงสนิทกันชนิดที่ทำเอาคน(ผู้ชาย)ทั้งห้องอิจฉา
แม้แต่กับภูมิเองก็ด้วย..
ถามว่ารู้ได้ไง
"ไอ้สี่ตามึงมานี่ดิ๊"
เก่งทำหน้าเหวอเล็กน้อยเมื่อคนที่เขาเรียกคือคนเดียวกันกับที่อยู่ในความคิดตอนนี้ ภูมิขมวดคิ้วมุ่นยืนรอเขาอยู่ที่ขอบสระแถมทำหน้าเหมือนจะบีบคอ ไม่น่าจะใช่เพราะจับได้ว่าเขาเป็นไอ้สี่ตาโรคจิตจ้องกล้ามผู้ชาย(เพราะผู้หญิงคนอื่นๆ ก็จ้องกันเป็นปกติ) แต่น่าจะเพราะหน้าอกหน้าใจอันบิ๊กตู้มของยัยข้าวโพดมันชนแขนเขาจังๆ เลยต่างหากล่ะ
ก็แค่นมเอง..
"มีอะไรเหรอภูมิ?"
"ไปซื้อน้ำให้กูหน่อยกูร้อน"
"งั้น.. กูไปตามข้าวโพดแป็บ"
"ไปคนเดียวไม่ได้เหรอกูไม่อยากให้ข้าวโพดเหนื่อย เอาเงินไปซื้อมาสองแก้วเลยให้ข้าวโพดด้วย" แหม..แล้วให้กูเดินไปซื้อไม่คิดว่ากูเหนื่อยเหรอไงวะ แต่เพราะเกิดเป็นตัวละครเบ๊รับใช้เก่งที่ว่าเก๋าก็ต้องก้มหัวรับคำสั่ง ไม่วายยังถูกดึงไปกระซิบเสียงเย็นว่า
"สนิทกับน้องกูก็อย่าคิดว่าจะจับนั่นจับนี่ได้" คนฟังเหงื่อตก
"มันก็เพื่อนกูป่ะภูมิ"
"แต่นั่นน้องกู"
กูชอบผู้ชาย
"ถ้ามึงไม่ได้สายตายาว มึงก็จะรู้ว่าน้องกูน่ารักขนาดไหน"
"กูสายตาสั้น"
"เหมือนกันนั่นแหละ"
ยังจะแถอีกไอ้เวรนี่ และถ้าสงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเรียกข้าวโพดว่าน้องนั่นก็เพราะมันสองคนเป็นลูกพี่ลูกน้องกันครับ ภูมิเกิดก่อนสองเดือนก็ถือตัวว่าเป็นพี่ชายแม้จะอยู่ห้องเดียวกันมาตั้งแต่ประถมจนตอนนี้ม.ปลายปีสามแล้วก็ตาม
ที่แย่กว่าคือ..
มันชอบเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเขากับข้าวโพดแบบผิดๆ
ร่างบางสบัดแขนหนีแล้วรีบเดินผ่านรั้วออกมาไปทางโรงอาหาร บนตัวเขามีแค่กางเกงว่ายน้ำสีน้ำเงินสั้น ที่กล้าเดินออกมาทั้งอย่างนี้ไม่ใช่เพราะว่ามั่นใจในหุ่นอนุบาลของตัวเองหรอกครับ แต่เพราะเวลานี้เป็นเวลาเข้าเรียนจึงไม่น่าจะมีใครออกมาป้วนเปี้ยนแถวโรงอาหารอยู่หรอก
ป้าขายน้ำฉีกยิ้มหวาน เอาซะเกือบเข้าใจผิดว่าหุ่นเขามันสร้างความหวาดหวั่นให้กับหัวใจสาวใสวัยห้าสิบ
"เอาอะไรจ๊ะหนุ่มน้อย"
"น้ำแดงสองแก้วครับป้า"
"แล้วพ่อหนุ่มด้านหลังล่ะ?"
เก่งเลิกคิ้วสูงขึ้นก่อนจะหันไปมอง สิ่งแรกที่เห็นที่อกแกร่งที่เปียกน้ำอยู่หน่อยๆ ของภูมิ เขาเตี้ยกว่ามันหลายสิบเซน ไม่สิ เตี้ยกว่าผู้ชายทุกคนในห้องจึงไม่แปลกที่จะต้องเงยหน้าขึ้นก่อนจึงจะได้สบกับนัยน์ตาคมที่ยามนี้ฉายแววไม่สบอารมณ์
"เดินแก้ผ้ามาถึงนี่ไม่สงสารลูกกะตาคนมองหรือไง"
"กูคิดว่าสภาพเราก็ไม่ต่างกันนะ"
มันก็เดินตัวเปียกโชกมาเหมือนกัน ภูมิจ้องหน้าเขาราวกับหมั่นไส้อยากกระทืบแต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่เคยโดนตีนมันสักครั้งยกเว้นมืออะนะ.. นัยน์ตาคมเลื่อนไปหาหญิงวัยห้าสิบที่ยิ้มแป้น สงสัยจะเพราะหุ่นล่ำบึกขยี้ใจของหนุ่มหล่อ อย่าว่าแต่ป้าเลย มันก็ขยี้ใจเขาเหมือนกัน
"สภาพไม่ต่างกัน? กล้าพูดเนอะมึงส่องกระจกสิหรือถามป้าก็ได้ว่ากูกับมึงมีอะไรเหมือนกันตรงไหน"
เก่งเลิ่กลั่กหันไปมองหน้าป้าอย่างขอให้ช่วยพูดอะไรดีๆ หน่อย
ทว่า..
"เห็นหนูแล้วป้านึกถึงหลานชายป้าตอนวิ่งมาขอเงินกินขนม ส่วนพ่อหนุ่มคนนั้น.."
เก่งไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะยิ้มแฉ่งเหมือนคนได้รับชัยชนะทำไมเพราะไม่ได้แข่งอะไรกันตั้งแต่แรก
"หน้าเหมือนผัวป้าเปี๊ยบเลย"
"พรืด!" เขาหลุดขำพรืดออกมา ก็รู้แหละว่าป้าอยากจะบอกว่าผัวป้าหล่อแต่พอเห็นเจ้าของใบหน้าหล่อยิ้มเจื่อนไปมันก็รู้สึกตลกขึ้นมา ป้ายื่นน้ำมาให้อย่างอารมณ์ดี เขายื่นน้ำแดงทั้งสองแก้วให้ภูมิทว่าอีกฝ่ายกลับหยิบไปแค่แก้วเดียวแล้วก็ดูดจนหมด
"เอาไปถืออีกแก้วดิข้าวโพดจะได้ไม่ด่าที่มึงใช้กูซื้อไง"
"มึงเอาไปเถอะ"
"เอ้า?"
"น้องกูไม่ชอบน้ำแดง" สิ้นเสียงก็เดินนำเขาไป ทำให้เห็นเพียงแผ่นหลังกว้างน่ามอง เก่งไม่ได้ดื่มเองเพราะจำได้ว่าคนอย่างข้าวโพดไม่มีของที่ชอบหรือไม่ชอบ ขึ้นชื่อว่ากินได้มันก็ยินดีเอาเข้าปากหมดนั่นแหละครับ แต่เมื่อนัยน์ตาคมหันกลับมามองก็พลันกระตุกยิ้มอย่างกวนส้นทีนส่งมา
ร่างที่เตี้ยกว่าถูกมือหนาผลักเข้าผนังห้องน้ำที่ซึ่งเป็นทางผ่านพอดี ไม่รู้ว่าผีเข้าอะไรอีกเขาจึงตั้งการ์ดไว้ก่อน
"มึงตัวแค่นี้กูเป่าก็ปลิวแล้ว เชื่อดิมึงไม่เหมาะจะคบกับน้องกูหรอก"
"......" โอ้ไอ้เชี้ยนี่คงคิดว่าที่เขาเก็บน้ำแดงไว้ให้ข้าวโพดเพราะมีใจสินะ คนอะไรโง่ชิบหาย เสียดายความหล่อชะมัด
"ว่าไงไม่เถียงออหรือเถียงไม่ออก?"
เก่งขยับแว่นขึ้นเล็กน้อยแล้วสบตาอีกคนชัดๆ
"ใช่ กูไม่เหมาะสมกับข้าวโพดหรอก"
"..."
"ภูมิ?"
"อ่าเออๆ เพราะงั้นดูดน้ำแดงซะห้ามเหลือให้น้องกูดูดด้วย"
เก่งได้ยินดังนั้นก็ร้องห๊ะออกมาอย่างงุนงงว่าทำไมตัวเองจะเหลือไม่ได้ คนตรงหน้าขมวดคิ้วมุ่นแล้วพูดราวกับอ่านสีหน้าเขาออก
"จูบทางอ้อมไง"
"กูไม่ถืออะ"
"แต่กูถือ"
เก่งแทบจะกระโจนเข้าไปขยุ้มหัว(ถ้าทำได้อะนะ) แต่ประเด็นคือได้แต่คิดในใจไง จนแล้วจนรอดเขาก็ต้องงับหลอดดูดน้ำอย่างจำใจในความประสาทแดกของผู้ชายหน้าตาดีที่ยามนี้ได้รู้สาเหตุแล้วว่าทำไมไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที ที่มาของคำว่าสวยแต่รูปจูบไม่หอมชัดๆ เก่งเดินดูดน้ำแดงขณะที่คนข้างกายแสดงสีหน้าพอใจออกมา เขาดูดจนปากแดงหมดแล้วแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหมด ปวดท้องแล้วเนี่ย
"กูบอกว่าห้ามเหลือไง" เสียงเข้มไม่สนใจร่างบางที่ทำหน้าบู้บี้ขนาดไหน
"จุกท้องหมดแล้วไม่ไหวแล้วอ่า"
"เฮ้อออองั้นเอามานี่"
แล้วมันก็เอาไปดูดเองจนหมด..
เก่งกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่ตั้งใจ
เขารู้ว่าตัวเองก็แค่ชอบหน้าตาและรูปร่างอันแสนสมบูรณ์แบบของอีกฝ่าย ไม่ได้ชอบคนนิสัยประสาทแดกที่นอกจากจะคลั่งรักน้องสาวแล้ว ยังแกล้งเขาอยู่บ่อยๆ แต่บางครั้งมันก็อดไม่ได้ที่จะแอบใจเต้นไปกับบางการกระทำของภูมิ อย่างเช่นเรื่องที่เพิ่งพล่ามถึงจูบทางอ้อม
"อะไร?"
"เปล่า"
จนกลับมาก็เหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเว้นซะจากสายตาอิจฉาจากเหล่าผู้ชาย เขาควรจะบอกให้ข้าวโพดห่างๆ เขาหน่อยดีไหมแต่การทำแบบนั้นมันเท่ากับการตัดเพื่อนสนิทคนเดียวในชีวิตเลยนะ เปรียบเป็นไส้ติ่งที่อยู่ด้วยกันมานานจะตัดทิ้งเพราะไส้ติ่งอักเสบมันก็.. กูไม่ควรเอามิตรภาพมาเปรียบเทียบกับไส้ติ่งเลยว่ะ
"ไปไหนกันสองคนเมื่อกี้นี้กูเห็นน้า"
ข้าวโพดเข้ามากระซิบถามหลังจากเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผู้หญิง เขารอมันแบบนี้ประจำจนคนอื่นชินกันหมดจะบอกว่าฟิลแฟนก็ไม่เชิง ข้าวโพดมักจะถึงเนื้อถึงตัวแค่กับเขาคนเดียว
"เลิกเชียร์สักทีเหอะ ไอ้ภูมิมันเกลียดกูอย่างกับขี้"
"ไม่จริงอะกูอยู่บ้านเดียวกันกับมันทำไมจะดูไม่ออกว่ามันอะสนใจมึงจะตาย มึงมาหากูทีไรมันก็รีบแจ้นมาเลย"
"..." นั่นก็เพราะภูมิห่วงว่าเขาจะคิดทำอะไรมิดีมิร้ายลูกพี่ลูกน้องตัวเองมากกว่า แม้ข้าวโพดมันจะซื่อบื่อหลายๆ เรื่องแต่เรื่องที่มันดูจะเข้าไม่ถึงมากที่สุดก็คือเรื่องที่เขากับภูมิไม่ชอบกัน อธิบายให้มันฟังก็มีแต่จะเปลืองน้ำลาย ต้องเห็นตอนที่ภูมิกระทืบเขาก่อนมั้งถึงจะเชื่อว่าไม่ถูกกันจริง
"ข้าวโพด"
"หื้ม?"
"นมมึง"
สิ่งนุ่มนิ่มเกินบรรยายเบียดกับแขนเขาอย่างช่วยไม่ได้ทุกครั้งที่อีกฝ่ายกอดแขนเขาเดินราวกับขาดความอบอุ่น พลันเย็นสันหลังวาบเมื่อรู้สึกถึงสายตาอาฆาตแค้นทิ่มแทงมาด้านหลัง ถ้าเปรียบเป็นมีดหลังเขาคงพรุนหมดแล้ว
ฉับพลัน
ขาที่เดินอยู่ดีๆ ก็สะดุดเข้ากับขาใครสักคน ทำเอาคนไม่ทันตั้งตัวอย่างเขาเสียหลักไม่วายทำคู่เวรคู่กรรมที่เกาะแขนอยู่ล้มลงไปด้วย เก่งไม่รู้จะบรรยายท่าล้มยังไงนอกซะจากบอกว่าฉากมันเหมือนพวกการ์ตูนโป๊ที่ตัวเอกล้มหน้าจุ่มกับอกนุ่มของสาวใต้ร่าง เกิดเหตุการณ์บัดซบแบบนี้ไม่บ่อยนักหรอก ที่รู้ๆ คือเราทั้งคู่ไม่สะทกสะท้าน
แต่เอือมระอา
"มึงทันเห็นหน้าไอ้เหี้ยนั่นไหม"
"ไม่ทัน แต่รู้ว่าไม่ใช่คนในห้องเรา"
พลันต้องสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ ตัวเขาก็ลอยขึ้นจากตัวอีกคน นัยน์ตาสีดำใต้เลนส์แว่นสีใสกระพริบปริบขณะที่จดจ้องร่างสูงที่ยกตัวเขาง่ายๆ เหมือนเป็นตุ๊กตา คิดว่าจะโดนด่าแล้วแต่อีกฝ่ายกลับเอ่ยถามอย่างอื่นแทน
"ถ้ายังปวกเปียกแบบนี้มึงจะดูแลน้องกูได้ยังไง?"
"กูนึกว่ามึงเคลียร์แล้วซะอีก กูกับข้าวโพดไม่ได้เป็นอะไรกันไง" อดไม่ได้ที่จะตอกกลับไประหว่างที่ข้าวโพดค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมกับตาขวางหาคนที่น่าจะเป็นคนดักขาผมเมื่อกี้ อีกฝ่ายคงไม่รู้ว่ายิ่งทำให้หน้าสวยๆ นั่นเต็มไปด้วยความโมโหหงุดหงิดก็มีแต่จะดูเร้าอารมณ์ไปอีกแบบ(ในสายตาผู้ชายอะนะ) พอเห็นสีหน้าที่มีสัดส่วนคล้ายกันอยู่หลายจุดของภูมิและข้าวโพดเขาก็ได้แต่ถอนหายใจ สงสัยจะหน้าตาดีแต่สมองไม่ดีกันทั้งคู่ ภูมิมองเขาเหมือนขยะเปียกที่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นขยะเปียก ขอแค่ได้ติดอยู่ใต้รองเท้าคนที่ชอบก็เพียงพอแล้วไม่ต้องคบกันก็ได้
"ถ้ามึงสูงขึ้นอีกสักนิด กูอาจยอมพิจารณา"
"พิจารณาอะไร?"
"พิจารณาให้มึงจีบน้องกูได้ไง"
"กูไม่ได้ชอบน้องมึง!"
"ปากแข็ง"
ปากแข็งพ่อมึงสิ!!
กูบอกว่า!
กู!
ไม่ได้!
ชอบ!
น้องมึง!
กูเป็นเกย์เว้ยไอ้ควาย!
แหม..ถ้าพูดตรงๆ ออกไปแบบนั้นได้ก็ดีสิ
คนโดนตวาดใส่ทำหน้านิ่งราวกับรู้อะไรในใจแต่ไม่พูดออกมา ก่อนจะเบือนหน้าหลบเขาเหมือนงอน
นี่มึงงอนคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิดได้ยังไง!?
"อะไร? ทะเลาะไรกัน"
เป็นคำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบ ข้าวโพดทำหน้าไม่เข้าใจแล้วก็ดึงเก่งให้เดินออกมา เพื่อนสนิทมีขนาดตัวไม่ต่างกันมาก จะต่างก็แค่บุคลิกที่ดูไม่เข้ากันสุดๆ แต่สิ่งที่ทั้งสองคนมีเหมือนกันคือความไม่สนโลก ไม่สนว่าคนอื่นจะชอบหรือเกลียด ไม่สนว่าฝนตกหรือแดดออก เพราะถ้าเราอยู่ด้วยกันแล้วก็เหมือนกับจะไม่มีอะไรสำคัญทั้งนั้น
"เมื่อกี้คนก็ไม่เยอะนะแต่พอถามว่าใครเห็นตัวคนทำไหมก็ไม่มีใครตอบว่าเห็นเลยสักคน"
"ช่างมันเถอะน่า" เก่งว่าอย่างเหนื่อยหน่ายกับเรื่องประมาณนี้เต็มทน บางทีก็คิดว่าถ้าเลิกคบกับข้าวโพดไปเลยจะยังมีคนคอยแกล้งเขาอยู่หรือเปล่า แต่เขาทำกับเพื่อนสนิทที่ทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ในยามนี้ไม่ลง ทุกครั้งที่ให้ใจเพื่อนคนนี้ไปเต็มร้อยเขาก็มักจะได้กลับมาเกินร้อยเสมอ
"ช่างมันไม่ได้นะเว้ย ถ้าสมมุติเมื่อกี้ไม่ใช่พื้นแต่เป็นบันได มึงไม่คอหักตายเป็นผีเฝ้าโรงเรียนไปแล้วรึไง"
เก่งหน้าเจื่อนทันที
"แต่มันก็ไม่ได้แย่ไปซะหมดจะได้รู้ด้วยไงว่าใครคบได้คบไม่ได้"
"เฮ้ออจนตอนนี้ก็จะเป็นหมาหัวเน่าอยู่แล้วอะนะ มึงเห็นสายตายัยพวกน้ำหวานตอนมองกูที่สระหรือยัง อย่างกับงูเห่าจ้องจะฉกนมกูให้แฟบ"
"ฉกแล้วแฟบจริงก็ดีกูรำคาญ"
"แล้วมึงคิดว่ากูไม่รำคาญนมตัวเองเหรอ กูสิบแปดขวบเองนะแต่ทำไมมันตู้มเหมือนแม่ลูกสามเลยวะ!?" น้ำเสียงอันอัดอั้นระคนหงุดหงิดของข้าวโพดทำให้เขาต้องปิดหูตัวเอง เราไม่ได้พยายามหาทางแก้เรื่องที่ถูกแบนและกลายเป็นหมาหัวเน่าของห้อง เพราะคิดว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิดตั้งแต่แรก พวกเพี้ยนพวกนั้นต่างหากที่ต้องคิดได้แล้วว่าเป็นเหี้ยอะไรกันอยู่
"เย็นนี้ไปติวสอบคณิตที่ห้องกูป่ะ?"
"กูให้มึงพูดใหม่" เก่งว่าพร้อมกับหรี่ตา
"ติวคณิตศาสตร์ให้ดิฉันหน่อยนะคะคุณเก่ง เก่งสมชื่อจริงๆ สอบได้ที่หนึ่งในห้องทุกปีเลย" คนถูกยอไม่คิดจะอ่อนน้อมถ่อมตนพลางยิ้มมุมปากเท่ๆ แล้วพูดเสียงหล่อ
"ได้เลย เทอมนี้กูจะแบกมึงให้ติดท็อปห้องไปด้วยกัน"
"กรี๊ดเท่จังเลยค่า" ข้าวโพดแสร้งดี๊ด๊าก่อนเราสองคนจะหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน
"ภูมิ"
"..."
"ไอ้ภูมิ!"
ร่างสูงเจ้าของชื่อเรียกหลุดจากภวังค์ เขาละสายตาจากบันไดที่ตรงไปยังห้องของคนเป็นน้องกลับมาจ้องหน้าเพื่อนที่ยามนี้กำลังหงุดหงิดเพราะเขาเหม่อคิดเรื่องอื่นไม่หยุด
"กูมาติวให้ฟรีแล้วยังจะนั่งเหม่ออีก"
มันบ่นแต่เขาไม่สนแล้วก้มหน้าก้มตาจดโน้ตสั้นต่อ เพรชสอนต่างจากอีกคน..
"ทำหน้าเหมือนปวดขี้อีกแล้ว ถ้ามึงไม่อยากติวกับกูก็บอกมาตรงๆ รู้งี้ติวกับสาวดีกว่าเผื่อได้ติ้วให้ด้วย" เสียงของเพชรไม่ดังไม่เบา มันกล้าพูดเพราะทุกคนในบ้านไม่อยู่เหลือเพียงข้าวโพดและไอ้สี่ตาที่ก็มาติวเหมือนกัน อยู่ในห้องกันสองต่อสองจะมาติวหรือติ้วกั-
"แม่ง!!"
เพชรสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ เพื่อนที่ไม่ค่อยเต็มบาทของตัวเองก็ลุกขึ้นพรวดพร้อมกับสบถออกมา
"เฮ้ยภูมิมึงเป็นไรเนี่ย?"
"กูไม่ติวแล้วไม่มีสมาธิ!"
"ก็ไม่เห็นต้องทำหน้าเหมือนจะแดกหัวใครแบบนั้นเลย" เพชรว่าอย่างหน่ายใจพลางขยับมือหยิบข้าวของของตัวเองลงกระเป๋าเตรียมกลับบ้าน ทว่าก็ไปไหนไม่ได้ไกลเมื่อพอจะรู้ถึงสาเหตุที่อีกคนไม่มีสมาธิ ภูมิมักจะไม่รู้ตัวว่าจริงๆ ตัวเองต้องการอะไรกันแน่
"เปลี่ยนจากห้องนั่งเล่นไปห้องมึงดีไหม?" บ้านนี้เป็นครอบครัวใหญ่ ห้องมันที่ว่าก็ติดกับห้องลูกพี่ลูกน้องที่เรียนห้องเดียวกันกับเขาชื่อข้าวโพด สวยน่ามองตั้งแต่หัวจรดเท้าขนาดนั้นก็ไม่แปลกหรอกที่จะห่วง แต่แปลกตรงที่...
...เขาไม่ได้รู้สึกว่าภูมิมันหวงน้องจริงๆ เนี่ยแหละ...
เก่งนั่งส่องกระจกโต๊ะเครื่องแป้งของเพื่อนสนิทที่ยามนี้กำลังแก้โจทย์ที่เขาให้ เจ้าของมือบางนั่งขมวดคิ้ว เดี๋ยวถอดแว่นเดี๋ยวใส่แว่นพลางพยายามคิดว่าแบบไหนดีกว่ากัน ดีที่สายตาสั้นไม่มากเขาจึงมองเห็นหน้าตัวเองอยู่ พลันได้ยินเสียงเดินตึงตังข้างห้อง ปกติภูมิจะมาติวด้วยกัน ทว่าตั้งแต่ตอนนั้นเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย ดีเหมือนกันไม่โดนแกล้งแล้วด้วย
"มึงว่ากูเนิร์ดหรือเปล่า"
"ไม่หรอกน่า ถึงจะเนิร์ดก็ไม่มีใครสนหรอกช่างหัวแม่งพวกที่ว่ามึง"
ข้าวโพดว่าพลางทำโจทย์ไปพลาง เธอเห็นเก่งส่องกระจกมาพักใหญ่และไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้อีกฝ่ายหันมาสนใจเรื่องรูปร่างหน้าตาตัวเอง เก่งมุ่ยหน้าแล้วใส่แว่นเหมือนเดิมก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงเสียงดังตึ่ง
"โอ๊ย.."
"เตียงกูแข็งมึงก็รู้"
"อื้อเจ็บอะ"
"อยากนอนก็ไปห้องพี่กูสิ เตียงเด้ง" น้ำเสียงล้อเลียนมาพร้อมกับสีหน้ากระหยิ่มยิ้ม ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเป็นญาติกัน
"ภูมิเกลียดกูจะตาย"
"พิสูจน์ไหมล่ะ?"
"ทำไมต้องเสียเวลาทำอย่างนั้นทั้งที่ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่ามันเกลียดกู"
ข้าวโพดไม่พูดอะไรอีกแต่ยกยิ้มกรุ่มกริ่มซะจนเขาไม่มีสมาธิติวหนังสือ ร่างบางขยับตัวหมายจะปิดปากโง่ๆ ของเพื่อนตัวเองด้วยความรำคาญลูกกะตา แต่ไอ้เชี้ยข้าวโพดเสือกหลบและอยู่ไม่นิ่งทำให้เขาต้องใช้กำลัง เสียงดังโครมครามเกิดขึ้นในห้องนอน จะเงียบได้ก็เป็นตอนที่มือของเขายันไหล่เล็กไว้กับพื้นห้องได้สำเร็จ เราสองคนหายใจเหนื่อยหอบแต่ยิ้มล้อเลียนบนใบหน้าสวยก็ไม่หายไปสักที
"แฮ่ก..หยุดยิ้มแบบนั้นนะ"
ฉับพลันประตูห้องที่ล็อคไว้ก็ถูกถีบเข้ามา นัยน์ตาคมจ้องเขม็งมาที่ร่างบางที่ยามนี้กำลังขึ้นคร่อมน้องสาวของเขา จะทำแบบนี้ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าเขาอยู่ในบ้าน ช่างกล้าจริงๆ นะไอ้สี่ตา เก่งเหงื่อตกรู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากร่างสูงใหญ่ที่ย่างเท้าเข้ามาก่อนจะอุ้มเขาออกจากตัวข้าวโพด
"อะไรของพี่เนี่ยเราแค่เล่นกันอยู่"
"กับผู้ชายที่มีไอ้นั่นเนี่ยนะ ติวหนังสืออะไรถึงมีท่าขึ้นคร่อมโผล่มา!?" คำถามนี้ไม่ได้ซักไซ้ไปทางน้องสาวตัวเอง แต่มาทางเก่งที่เอ๋อแดกเพราะถูกอุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาว ถึงปากจะบอกว่าไม่ค่อยชอบไอ้เชี้ยภูมิ แต่แขนแกร่งที่โอบร่างกายอยู่ก็ทำเอาใจสั่นไม่เป็นจังหวะ โดยเฉพาะตอนที่มันยื่นหน้าเข้ามาเพื่ออ่านแววตาของเขาใต้กรอบแว่นขึ้นฝ้าเพราะลมหายใจร้อน
เราไม่ได้ชอบ..
ไม่ได้ชอบเลยสักนิด
เพชรที่เห็นว่าเพื่อนหายไปนานเข้ามาดูสถานการณ์ เห็นภูมิยังยืนจ้องคนที่อุ้มอยู่ก็งุนงงจนต้องเขย่าตัวเรียกสติ ฉับพลันภูมิก็แทบจะปล่อยไอ้สี่ตาลงกับพื้นทันที เมื่อกี้ตอนที่อุ้มเก่งขึ้นมารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าจังหวะการเต้นของหัวใจของอีกฝ่ายจะดังและแรงขึ้น ภูมิหน้าแดงพร้อมกันก็ยกมือขึ้นกุมอกซ้าย กัดฟันกรอดเมื่อยามนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเป็นเสียงหัวใจของเขาหรือของเก่งกันแน่
"วันนี้ ..กูกลับก่อนดีกว่า"
เก่งว่าอย่างลุกลี้ลุกลน แก้มทั้งสองข้างแดงแปร๊บ แว่นตาขึ้นฝ้าซะจนมองไม่เห็นว่ากำลังมีแววตาแบบใด เขาเก็บของบนโต๊ะไม่สิต้องเรียกว่ากวาดของทั้งหมดบนโต๊ะลงบนกระเป๋ามากกว่า ข้าวโพดร้องโวยวายเพราะมันติดสมุดปากกาของมันไปด้วย
ระหว่างที่จะออกจากประตู ร่างของเขาก็ชนเข้ากับเพชรที่ยืนขวางอยู่อย่างไม่ตั้งใจ ทว่าสีหน้าหงุดหงิดเต็มทนของอีกฝ่ายทำเขาเหงื่อตกอีกรอบ เขารู้ว่าไอ้เพชรที่สูงมากเหมือน เอ่อ..เหมือนเปตรคนนี้ค่อนข้างจะไม่ชอบขี้หน้าเขา
"มองอะไรไอ้สี่ตาชนกูแล้วก็ขอโทษสิ"
ปากเล็กๆ ของเพชรเอ่ยตวาด เก่งกำลังจะขอโทษให้เรื่องมันจบๆ แต่อีกเสียงกลับดังขึ้นขัดจังหวะ
"เป็นเหี้ยอะไรมากไหมเพชร มันแค่เดินชนมึงแค่นี้โกรธเหมือนมันทำไอติมมึงตก" คนโดนตำหนิอ้าปากค้าง ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาภูมิชอบให้เขาช่วยกันกลั่นแกล้งไอ้สี่ตานี่ไม่ใช่เหรอ ไหงถึงได้กลายเป็นแบบนี้ เจ้าสี่ตาไม่รอช้ารีบอาศัยจังหวะนี้ออกจากสถานการณ์ ไม่วายถูกเดินตามมาอีก
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!