"หะ! พ่อว่ายังไงนะ” ฉันเปล่งเสียงที่เรียกว่าความดังนี้ยิ่งกว่ามลพิษทางเสียงที่เกินกำหนดและอันตรายต่อรูหูท่านผู้ฟังเป็นอย่างมาก
"พ่อจะให้แกไปช่วยทำงานที่บริษัทของเพื่อนพ่อ" พ่อของฉันพูดพร้อมทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้
"ไปช่วยทำไมต้องไปช่วยด้วยตอนนี้หนูก็ทำหน้าที่บริหารแทนพ่ออยู่แล้ว ถ้าหนูไปแล้วใครจะดูบริษัทแทนพ่อละคะ" ฉันพยายามแย้งหลังจากเราเถียงกันมาถึงสามสี่วันแล้ว
"เดี่ยวพ่อเข้าไปดูแลเอง แกก็ไปดูงานเสร็จกลับมาจะได้มาดูแลบริษัทต่อยังไงละ...ไปพัก ๆ ดูงานมั้งเถอะแกนะอายุปูนนี้ละยังไม่มีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝาเอาแต่ทำงานงก ๆ อยู่ได้"
แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องนี้ตรงไหนคะคุณพ่อที่รักกกกก!!!! ಠ_ಠ
"เอ้า พ่อก็หนูไม่เจอคนที่ชอบนิ...เจอคนที่ใช่เดี่ยวมันก็ใช่เองแหละ"
"แล้วเมื่อไหร่แกจะเจอ...จนอายุแกเท่าไหร่แล้ว แกยังไม่เจอเลยไม่ใช่ว่าแกยังคิดถึงไอ้หนุ่มคนนั้นหรือไง"
"......" ฉันไม่กล้าตอบและได้แต่หลบตาของพ่อที่มองมาทางฉันอย่างจับผิด
"เห็นไหมละว่าแกยังไม่ลืมเขาตัดใจสะเถอะเขาแต่งงานใหม่ลืมแกไปหมดแล้วเหลือแต่แกเนี้ยแหละที่ยังจมปลักไม่เลิก"
"พ่ออ่า!!"
"ไม่ต้องเถียง!!! พรุ่งนี้เข้าไปที่บริษัทของเพื่อนพ่อเลยไปเรียนงานเป็นเลขาส่วนตัวให้กับลูกชายของเขา"
"หะ! ลูกชาย!!!"
"ใช่ เขาชื่อเจอาร์เป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่มีธุรกิจหลายร้อยล้านและเป็นที่จับตามองเขาเป็นลูกของเพื่อนพ่อเอง"
"แล้วให้หนูที่เป็นผู้บริหาร...ไปฝึกงานเป็นแค่เลขาเด็กน้อยงั้นหรอ" ไอ่เด็กโข่งหอยขมมม
"แกอย่าดูถูกเขาเชียวนะ...เขามีประสบการณ์มากมายที่แกยังไม่มีไปศึกษามาสะ แล้วเลิกเถียงกับฉันเรื่องนี้สักที" พ่อลุกขึ้นและเดินออกจากห้องทำงานของฉันไปอย่างไม่ตอบโต้อะไรใด ๆ กลับมา หน็อย! คุณพ่อนะพอลูกเถียงไม่ได้หน่อยละก็เอาใหญ่เลยนะหึ้ย ให้มันได้อย่างนี้สิอารมณ์เสียจริงๆ อารมณ์ไม่ดีอย่างดีต้องทำยังไงให้อารมณ์ดีขึ้นดีละเนี้ย
ก๊อกๆ (เสียงเคาะประตู)
"เข้ามาค่ะ"
"มีเอกสารให้เซ็นค่ะคุณโดโรธี" พี่น้ำหวานนั้นเองเลขาส่วนตัวของฉันเราสนิทกันตั้งแต่สมัยที่ฉันยังเด็กๆ พี่เขาทำงานที่นี้ตั้งแต่นานแล้วเราก็ค่อนข้างที่จะสนิทกันมากอยู่
"พี่คะ..พี่รู้จักคนที่ชื่อเจอาร์มั้งไหมคะ"
"เจอาร์หรอคะ...ที่เป็นนักธุรกิจหรอคะ"
"ใช่ค่ะ"
"รู้จักมาบ้างค่ะ เขาลงนิตยาสารหลายเล่มอยู่เหมือนกันนะคะเกี่ยวกับวัยรุ่นที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจหน้าตาดีเหมือนกันนะคะ"
"งั้นหรอคะ"
"ทำไมหรอคะ"
"อ่อ เปล่าค่ะ" จากนั้นพี่น้ำหวานก็เดินออกจากห้องไปทำไมฉันต้องไปทำหน้าที่เป็นเลขาของนายนั้นด้วยนะไม่เข้าใจเลยจริงๆ พ่อคิดอะไรของเขาอยู่นะ อีกไม่นานก็จะเลิกงานแล้วตรวจความเรียบร้อยของงานวันพรุ่งนี้ก่อนแล้วกันหลังจากที่ฉันได้ทำการตรวจงานจนเสร็จเรียบร้อยก็เลยเดินออกจาห้องมาเพื่อที่จะกลับบ้าน
"กลับแล้วหรอ" พี่น้ำหวานทักฉัน
"กลับแล้วค่ะ พี่ละคะ"
"พี่กำลังจะกลับแล้วเหมือนกันค่ะ"
"นั้นกลับบ้านดีๆ นะคะ"
"จ้า" จากนั้นฉันก็เดินออกมาจากตึกที่ทำงานและเดินตรงไปยังรถสุดหวงของฉันฉันตั้งหน้าเก็บเงินเดือนของตัวเองซื้อมาด้วยตัวเองเลยแหละ เป็นถึงผู้บริหารขนาดนี้ไม่ใช่ว่าไม่มีเงินเดือนนะจ้ะ เราเองก็มีเงินเดือนของเราไม่ไปยุ่งกับเงินกองกลางเหมือนกันระหว่างที่ฉันกำลังขับรถกลับบ้านอันแสนสุขของฉันใจเจ้าเอยดันนึกอยากกินร้านชาไข่มุกตรงหัวมุมตรงนี้ขึ้นมาได้เลยต้องมาเสียเวลาวนรถหาที่จอดรถไปอีก
ร้าน Tea cuppu
"รับอะไรดีคะ"
"เอาชานมโกโก้พุดดิ่งนมสดนะคะ" ฉันสั่ง
"รอสักครู่นะคะ" ฉันเดินเข้าไปในร้านเพราะว่าร้านนี้ไม่ได้มีดีแค่ชาไข่มุกเท่านั้น ทั้งของหวานทั้งอาหารเอยก็อร่อยทั้งนั้นเลย และแล้วฉันก็ไปสะดุดตาที่ทาร์ตไข่เข้าน่ากินจังเลย ('・ω・')
"ทาร์ตไข่นี้เพิ่งลองทำหรอคะพอดีมาทานบ่อยๆ ไม่เคยเห็นเลย"
"ใช่คะทางร้านเพิ่งลองค่ะ...ลองดูไหมคะกล่องสุดท้ายแล้วนะคะ" กล่องสุดท้ายแล้วด้วยอ่ายอมไม่ได้ต้องได้กินเท่านั้น
"นั้นรับหนึ่งกล่องค่ะ"
"ซื้อทาร์ตไข่หนึ่งกล่องครับ" ฉันหันไปทางปลายเสียงพอดีใครบังอาจมาแย่งขนมของฉันนี้ฉันเพิ่งจะได้ลองกินและฉันสั่งก่อนนะแต่ทว่าก็ต้องตกตะลึงเมื่อหันไปพบกับใครบางคน
"พีท"
"โดโรธี" ฉันหลบสายตาของเขาทันทีที่ เขามองหน้าของฉันเอาไงดีทาร์ตก็จะกิน คนก็จะหนีจะเลือกอะไรก่อนกินหรืออยู่ จะอยู่เพื่อกินหรือกินเพื่ออยู่
(ーー;)
"ลูกค้าตอนนี้เหลือเพียงกล่องเดียวค่ะ" พนักงานบอก
"นั้นให้เขาไปแล้วกันครับ"
"ไม่เป็นไรค่ะ...ถ้าเขาอยากได้ก็ให้เขาเอาไปเถอะค่ะ" ฉันพูดแล้วยิ้มให้เขาอย่างเยือกเย็นเป็นน้ำแข็งขั๋วโลกใต้ที่สุด ถึงแม้ในใจจะเจ็บจี๊ดซี๊ดซ๊าดเพียงใดก็ตาม ฉันเดินไปจ่ายเงินและรับชาไข่มุกมาและรีบเดินออกจากร้านอย่างว่องไวแต่ทว่าก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่ฉันน่าจะเดาออกว่าคือใครวิ่งตามมาด้วย และฉันเองก็พยายามสับขาหนีจนคนแถวนั้นหันมามองอย่างสนอกสนใจ
"เดี่ยว!" เขาวิ่งมาดักหน้าฉันนี้ไม่ใช่หนังอินเดียที่ต้องมาวิ่งวนหากันนะ ไม่อายเขาบ้างหรือไง
"มีอะไรอีก" ฉันถามเขาอย่างเย็นชา
"เธอนะ...หายไปไหนโทรไปก็ไม่ติดเปลี่ยนเบอร์ใหม่ติดต่อก็ไม่ได้"
"แล้วทำไมนายจะต้องมาอยากติดต่อฉันด้วย" ฉันพยายามเดินต่อแต่เขาเอาตัวของเขามาบังเอาไว้
"เพราะว่าฉัน..."
"พอเถอะอย่าให้มันยากไปมากกว่านี้เลยนะเรื่องมันก็ผ่านมานานละยังจะเอาอะไรอีก..แค่นี้ฉันว่ามันก็ยากมากพอแล้วสำหรับนายอาจจะไม่แต่สำหรับฉันมันยาก"
"ฉันขอโทษ"
ขอโทษหา พ*องงงงเธอหรืออออ
"นายขอโทษฉันมาเป็นร้อยเป็นพันครั้งแล้วนายรู้ตัวไหม.." เสียงของฉันเริ่มอู้อี้จมูกของฉันเริ่มตันตาของฉันมันเริ่มร้อนขึ้นมาน้ำตาของฉันมันเอ่อท่วมเบ้าตาของฉันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
"ฉันแค่..."
"นายแค่ต้องออกไปจากตรงนี้แล้วหายไปจากชีวิตของฉันสะ" ฉันผลักเขาอกให้พ้นทางและเดินหน้าต่อโดยไม่หันหลังไปสนใจเขาน้ำตาเจ้ากรรมดันไหลออกมาไม่รู้ตัวฉันค่อยๆ เอามือปาดออก
"ถ้าฉันเลิกกับเขาเธอจะกลับมาไหม" ฉันหยุดเดินชะงักและหันกลับไปหาเขา
"ฉันไม่อยากได้นาย...ไม่ว่ายังไงก็ไม่อยากอยู่ใกล้นายอีก" ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะยังลืมเขาได้ไม่สนิทใจแต่ฉันก็ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากและฉันไม่อยากต้องกลับไปเป็นแบบนั้นอีกขอผ่านแล้วกันนะ ฉันคงทนเห็นตัวเองในสภาพเหมือนเมื่อหลายปีก่อนไม่ได้หรอก ฉันเดินมาจนถึงรถของฉันอย่างสะบักสะบอมเหมือนโดนคนต่อยมานี้มันบัดซบชัดๆ ชีวิตของฉัน ต้องไปดูงานเป็นเลขาให้เด็กน้อยไม่พอแถมยังต้องมาเจอแฟนเก่าอีกมีอะไรที่วินาศมากกว่านี้ไหมฉันนั่งตั้งสติตัวเองอยู่ในรถสักพักก่อนที่จะขับรถออกไปช้าๆ จนถึงบ้านของฉัน
Dorotie's house
"กลับมาแล้วค่ะ"
"กลับมาแล้วหรอยัยธี" เสียงของพ่อฉันนั้นเอง
"ค่ะ" ฉันนั่งลงที่โซฟาแล้ววางชาไข่มุกไว้บนโต๊ะหน้าทีวี
"เป็นอะไรทำหน้าเหมือนมีหมาเน่าตายหน้าบ้าน" นั้นปากหรอพ่อ -*-
"มันไม่ได้มาเน่าตายหน้าบ้านนะสิคะ..แต่มันมเน่าตายในชีวิตของหนูนี่สิ"
"นี่อย่าบอกฉันนะว่าแกไปเจอ.."
"...." ฉันไม่ตอบแต่พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นคำตอบให้พ่อแทน
"เห้อ...ฉันอุสาตัดการติดต่อทุกอย่างแล้วแกก็ยังไปเจอมันได้"
"เราบังเอิญเจอกันไม่ได้ตั้งใจนค่ะพ่อ หนูไม่ได้อยากจะเจอหน้ามันสักหน่อย"
"ช่างมันเถอะลูก...เรื่องที่ผ่านมาแล้วให้มันผ่านไปเถอะนะเรามาเริ่มต้นเรื่องใหม่ๆ ชีวิตใหม่ๆ กันเถอะนะ"
"ค่ะพ่อ" ฉันซบไหล่ของพ่อฉัน เราสองคนทานข้าวเย็นด้วยกันและฉันก็อาบน้ำขึ้นห้องนอนของตัวเองเรียบร้อย ฉันกำลังอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสำหรับงานของตัวเองในวันพรุ่งนี้และเตรียมชุดสำหรับงานวันพรุ่งนี้เช้าให้เรียบร้อย หลังจากที่ฉันปิดไฟและมาทิ้งตัวลงนอนที่เตียง
'ผมขอโทษ...ผมรักเขาไปแล้ว'
คำพูดนี้มันยังดังก้องอยู่ในหัวของฉันจนถึงทุกวันนี้ ทำยังไงต้องทำยังไงถึงจะลืมเรื่องพวกนี้ไปให้หมดสะนะ
กริ๊งงงงงงงงง!!!! (เสียงนาฬิกาปลุก)
ฉันลุกขึ้นมาตอนเช้าเวลาหกโมงของทุกวันเพื่อเตรียมตัวที่จะไปทำงานในเช้าของทุกๆ วัน ฉันใช้เวลาในการอาบน้ำแต่งตัวเพียงไม่นานด้วยความที่เป็นคนตัวสูงใส่อะไรก็สวยไปหมดนั้นแหละ ชมตัวเองหน่อยเถอะนะ ^0^ ฉันเดินลงมาข้างล่างเพื่อทานอาหารเช้า
"พร้อมหรือยัง" พ่อฉันถามหลังจากที่ฉันนั่งลงที่โต๊ะกินข้าว
"พร้อมค่ะ..นานเท่าไหร่คะที่หนนูฝึก"
"ก็จนกว่าฉันจะอนุญาตให้แกกลับมา"
"อ้าว...แล้วยังงี่หนูจะรู้ไหมว่าต้องทำยังไง"
"ไม่ต้องทำยังไงหรอกทำงานของแกต่อไป...ไม่นานหรอก"
"อื้ม.." เราสองคนตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารเช้าอย่างรวดเร็วเพราะว่าเราทั้งสองต่างก็มีงานที่ต้องทำในตอนเช้าซึ่งวันนี้เป็นวันแรกที่ฉันจะต้องไปทำงานเป็นเลขาให้กับเขาลูกชายของเพื่อนพ่อคนนั้นที่ชื่อ เจอาร์ สินะ
ฉันเดินเข้ามาในบริษัทที่ไม่คุ้นเคย ที่ทำงานใหม่ของฉันอยู่ไม่ห่างจากที่ทำงานเดิมมากเท่าไหร่เนื่องจากเป็นหุ้นส่วนกันเลยจัดตั้งบริษัทที่อยู่ไม่ห่างจากกันมากสินะ
"สวัสดีค่ะมาหาใครคะ" พนักงานชั้นล่างถามฉันก่อนที่ฉันจะเดินขึ้นไปในส่วนของพนักงาน
"ฉันชื่อโดโรธี..ฉันมาติดต่อทำงานเป็นเลขาวันแรกค่ะ"
"อ่อ คุณโดโรธีเชิญทางนี้เลยค่ะ" จากนั้นพนักงานสาวสวยคนนั้นก็เดินพาฉันมาที่ห้องๆ หนึ่งที่เขียนแปะหน้าห้องว่า ห้องรับรองแขก
"ท่านคะ คุณโดโรธีมาแล้วค่ะ" พนักงานพูดหลังจากที่เปิดประตูเข้าไป ฉันเดินตามเข้าไปและพบกับคุณลุงเพื่อนของคุณพ่อและชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา เด็กมากและที่สำคัญคือหน้าตาดีมากฉันยิ้มให้เขาทั้งสองและนั่งลงข้างหน้าของพวกเขา
"สวัสดีค่ะโดโรธีค่ะ" ฉันสวัสดีและแนะนำตัว
"แหมะ ไม่ต้องทำเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้หนูโดคนกันเอง"
"ค่ะ" ฉันยิ้มให้คุณลุง
"ยังไม่ได้ทำคความรู้จักกันสินะนี่คือเจอาร์ลูกชายของลุงเองยังไงก็ช่วยดูแลเป็นเลขาให้หน่อยแล้วกันนะ"
"ได้ค่ะ"
"พอดีหาเลขาดีๆ ที่เข้ากับเจ้านี้ไม่ได้เลย มีกี่คนๆ ก็ไม่เข้าทางอยู่ได้ไม่นานเลยวานหนูมาทำให้ก่อนและพอหาได้เดี่ยวหนูก็กลับไปทำงานที่เดิมต่อได้" คุณลุงอธิบายแหมะพ่อฉันก็โอเวอร์ไม่บอกกันสักคำ ต้องโดนด่าแบบนี้มันน่านัก
"ครับ ผมเจอาร์ยินดีที่ได้ทำงานด้วยครับ"
"ค่ะ เช่นกันค่ะ" จากนั้นพวกเราทั้งหมดก็เดินออกาจากห้องและเดินไปยังห้องทำงานของเขาโดยโต๊ะของฉันจะอยู่ข้างนอกหน้าห้องของเขานั้นเองสภาพโต๊ะดูดีมากเกินความจำเป็นจริงๆ นะ ฉันเดินไปนั่งลงที่โต๊ะวางข้าวของยังไม่ทันถึงโต๊ะเสียงอันแข็งกระด่างก็ดังขึ้น
"ชงกาแฟมาให้ผมด้วย"
"หะ...กาแฟ ヽ (o_o) ノ "
"ใช่ ใส่นมหวานน้อย"
"ใส่นมหวานน้อย..." ไม่ทันที่ฉันจะพูดจบเขาก็ดินเข้าห้องไปทันที อะไรเด็กนี่ทำตัวไม่น่ารักเหมือนหน้าตาเลยเดี่ยวจะเอามือตบหูให้น้ำในหูไม่เท่ากันจริง ๆ (◉Д◉) ฉันเดินไปยังที่ชงกาแฟซึ่งอยู่ข้างหลังของชั้นนี้ชั้นนี้จะเป็นชั้นผู้บริหารเลยจะไม่มีพนักงานคนอื่นตรงนี้จะมีแค่ห้องของคุณลุงและห้องของเขาและเลขาอย่างฉันเท่านั้น
"ไหน นมนะ.." ฉันกำลังมองหานมเพื่อเอามาใส่ในกาแฟของเขานั้นเองฉันหยิบๆ จับๆ ใส่ๆ ไปอย่างลวกๆ เพราะว่าก็ไม่รู้ว่าจะอร่อยถูกปากหรือเปล่าปกติก็ได้แค่เติมนิดๆ หน่อยๆ แต่ละคนก็ดื่มเข้มหวานไม่เท่ากันอย่าเรื่องมากเลยเหอะเงินขนาดนี้ไปซื้อกินวะ ฉันคิดในใจและยกแก้วกาแฟเข้าไปในห้องของเขา
"นี่ค่ะ กาแฟ" ฉันวางกาแฟลงบนโต๊ะของเขา
"อื้ม..." หื้มม...อื้มงั้นหรอนี่กะไม่ขอบคุณสักคำงั้นหรอ
"....."
"ยืนมองอะไรละออกไปสิ"
(▀ ̿Ĺ̯̿ ▀) ไอ่เด็กไม่มีมารยาทททท !!!!
"ค่ะๆ" เชี้ยไรวะเป็นบ้าปะเนี้นอากาศก็ไม่ร้อน ไม่แปลกที่จะไม่มีใครอยากทำงานให้ทำตัวแบบนี้ใครจะอยากทำงานให้ละขอบคุณสักคำก็ไม่มีผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ขี้ตูเอ๊ย!
ฉันเดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองเช็คคิวและตารางงานของเขาและปริ้นพิมพ์ลงเพื่อกันลืมและทำให้เรียบร้อย และง่ายต่อการทำงาน
"เอ๊ย! นี่มันคิววันนี้นิ" ฉันหยิบกระดาษขึ้นมาดูคิวตอนบ่ายหนึ่งครึ่งที่โรงแรมรอยัลเพรซ โรงแรมในเครือของพีทนิ....ทำไมโลกมันจะต้องกลมขนาดนี้พระเจ้าไม่เข้าข้างเอาสะเลยนะฉัน
ใจเย็นๆ โดโรธีอาจจะคนละคนไม่มีอะไรหรอกมั้งผู้บริหารมีตั้งหลายคนใจเย็นๆ พระเจ้าต้องเห็นใจเราแน่นอน T^T หวังว่านะ ฉันจัดการตั้งสติของตัวเองก่อนที่จะจัดเตรียมเอกสารในการคุยกับลูกค้าวันนี้และหลักฐานการพบลูกค้าของวันนี้ใส่แฟ้มให้เรียบร้อย ฉันเดินไปที่หน้าประตูและเคาะประตูห้องของเขา
ก๊อกๆ
"เข้ามา" เสียงของเขาตอบรับอนุญาตและฉันจึงเดินถือเอกสารต่างๆ เดินเข้าไป
"นี้เป็นรายการพบลูกค้าวันนี้ของคุณค่ะและนี้เป็นเนื้อหาการพบของลูกค้าของคุณค่ะ" ฉันวางแฟ้มทั้งหมดลงบนโต๊ะของเขาอย่างเป็นระเบียบ
"ผมเห็นละ...ทำงานเป็นระเบียบดียังไงก่อนถึงเวลานัดพบครึ่งชั่วโมงมาเตือนผมด้วย"
"ค่ะ" หลังจากนั้นฉันจึงยกเอกสารทั้งหมดกลับมาที่โต๊ะทำงานของฉันตอนนี้เพิ่งไม่กี่โมงเองและเราเองก็เคลียคิวงานของเขาเรียบร้อยแล้วด้วยอ่านหนังสือแทนแล้วกันนะระหว่างว่างๆ ฉันหยิบหนังสือออกมาจากกระเป๋าของฉันและเปิดอ่านต่ออย่างขมักเขม่นโดยไม่ลืมที่จะตั้งนาฬิกาเตือนเอาไว้กันลืม
ติ่ง ๆ ๆ ๆ (เสียงนาฬิกาเตือน)
ถึงเวลาแล้วสินะฉันลุกขึ้นไปเพื่อที่จะเตือนเขา
แกรก (เสียงเปิดประตู)
"เตรียมตัวพร้อมแล้วใช่ไหม"
"ค่ะ"
"เธอขับรถเป็นใช่ไหม"
"เป็นค่ะ" เขายื่นกุญแจรถมาให้ฉัน
"ขับให้ด้วย"
"ค่ะ...คะ" ฉันยืนอย่างงงๆ ก่อนที่จะต้องเดินตามเขาไปอย่างช่วยไม่ได้จนมาถึงที่รถของเขาแน่นอนว่าไม่ใช่รถราคาเบา ๆ แน่นอนฉันเดินเข้าไปนั่งฝั่งคนขับและวางเอกสารทั้งหมดไว้ที่เบาะหลังและเริ่มออกรถออกไปทันทีฉันดูสถานที่มาเรียบร้อยแล้วนั้นคือโรงแรมรอยัลเพรซที่ติดแม่น้ำสินะไกลพอตัวเหมือนกันนะเนี้ย
"เธอไปถูกหรอ"
"คะ...ค่ะไปถูกค่ะ"
"งั้นหรอก็ดี" อีตานี้น่าหงุดหงิดชะมัดปากก็เสียพูดจาไม่มีหางเสียงเอาสะเลยถึงแม้ว่าฉันจะมาเป็นแค่เลขาแต่ฉันก็อายุมากกว่าแล้วก็ประสบการณ์ชีวิตของฉันนะมากกว่าตั้งหลายเท่านะไอ่เด็กไก่ เดี่ยวก็แกล้งขับรถขึ้นฟุตบาตแม่งนิ
Royal Place Hotel
ฉันค่อยๆ จอดรถนานจอดรถอย่างระมัดระวังและลงจากรถไปพร้อมกับไอ้ชายที่หน้าบูดมาตลอดทางทำหน้าเหมือนไม่มีคนให้ข้าวกินยังงั้นแหละ (╯\=Д\=) ╯ เราทั้งสองคนเดินมาจนถึงประชาสัมพันธ์ของโรงแรมและให้บัตรนัดพบไปพยักงานเลยนำทางเราเข้าไปข้างในสำนักงานซึ้งอยู่ทางด้านบนของโรงแรมและเราทั้งสองก็ได้มานั่งรออยู่ในห้องที่ฉันคุ้ยเคยและคุ้นตานั้นคือห้องรับรองแขกฉันเคยมาที่นี้แต่ช่างเถอะฉันไม่อยากนึกถึงมัน...ภาวนาให้ไม่เจอเขาก็ดีแล้ว
ก๊อกๆ
เสียงประตูดังขึ้นไม่แน่ใจว่าระหว่างเสียงเคาะประตูกับเสียงหัวใจของฉันที่เต้นจนแทบจะกระเด็นออกมานี้อันไหนจะดังกว่ากันนะเนี้ยในระหว่างที่ฉันลุ้นอยู่นั้นเองประตูก็ค่อยๆ เปิดออกเหมือนสโลวโมชั่น
"สวัสดีครับคุณเจอาร์" เสียงของชายคนหนึ่งที่ฉันภาวนาว่าไม่อยากให้เป็นเขานั่นเอง
"สวัสดีครับคุณพีท" ฉันลุกขึ้นตามเจอาร์ที่ยืนขึ้นและจับมือกับพีทไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นเขาไม่มีส่งตัวแทนไปประชุมหรือไงนะ
"ฉัน...โดโรธีเลขาของเจอาร์ค่ะ" ฉันเงยหน้าขึ้นอย่างช่วยไม่ได้และเอื้อมมือไปจับมือกับเขา
"ไม่คิดเลยว่าจะเจอคุณที่นี้" เขาพูดพล่างยิ้มน้อยใส่ฉันเจอาร์หันมามองฉันแว่บนึงและก็ไม่ได้สนใจอะไรฉันได้แต่นั่งเงียบและให้เขาสองคนดีลงานกัน
"งั้นเอาเป็นว่าตกลงตามนี้นะครับคุณพีท"
"ครับ"
"...." ฉันซึ้งตอนนี้เอาแต่นั่งเงียบจดรายละเอียดของการพบปะลูกค้าอย่างละเอียดเพื่อเป็นข้อมูลไม่ให้ตกบกพร่องใดๆ
"ทำไมเอาแต่เงียบละครับเลขาของคุณ"
"ผมไม่ทราบครับ" เจอาร์ตอบอย่างไม่ใยดี เชอะใจคอนี้ไม่คิดจะอกปากช่วยกันบ้างเลยหรือยังไงย่ะ
"ฉันมาทำงานไม่ได้มามีธุระต้องคุยอะไรกับคุณนี่คะ"
"แต่ผมมี"
"งั้นก็ขอโทษด้วยแล้วกันนะครับเพราะตอนนี้เป็นเวลางานถ้าคุณอยากจุยกับเธอคงต้องเป็นเวลาอื่นไม่ใช่เวลานี้" เจอาร์พูดขึ้นมาทำให้บรรยากาศในห้องเงียบกริบเป็นป่าช้าที่รกร้างไปเลยทีเดียว
"งั้นหรอครับถ้าอย่างงั้นเดี่ยวผมขอเบอร์ติดต่อเลขาของคุณหน่อยจะได้ไหมครับ"
"นี่เป็นเวลางานนะคะ..เรื่องส่วนตัวของคุณขอให้ไปหาเอาที่อื่นเถอะนะคะ" ฉันพูดอย่างหมดความอดทนนี้ฉันกำลังทำงานอยู่นะทำไมเขาไม่คิดบ้าง
"ผมไม่อยากจะรู้มาก่อนเลยว่าคุณทำงานเป็นเลขาให้เขา"
"นั้นมันเรื่องของฉัน..ฉันจะเป็นแม่บ้านภารโรงพนักงานขับรถหรืออะไรก็ไม่เกี่ยวกับนาย"
"นั้นพวกเราขอตัวก่อนนะครับผมมาคุยแค่เรื่องงานไม่ได้มาเพื่อให้คนสองคนเคลียร์ปัญหากัน...กลับ" เขามองหน้าฉันอย่างเขม่งและพูดคำว่ากลับอย่างห้วนๆ แลดูน่ากลัวแปลกๆ เราทั้งสองคนเดินออกมาโดยไม่ได้พูดลาอะไรสักคำนี้หรอนักธุรกิจหลายล้านที่เขาว่าเก่งกันทำไมมารยาทสุดยอดแย่ขนาดนี้
"ถ้าคุณกำลังคิดว่าทำไมผมถึงมารยาทแย่กับลูกค้าคนนี้ละก็ผมว่าคุณคงเดาไม่อยาก"
"คะ.."
"เขาเสียมารยาทเขาควรจะคุยเรื่องงานไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของเขา..ผมไม่ชอบ" เขาทำท่าทางหงุดหงิดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดไปหงุดหงิดอะไรของเขา ไม่ได้ยุ่งเรื่องของเขาสักหน่อย อีตาบ้าแต่ที่เขาพูดก็ถูกนะ อื้มๆ เข้าใจได้
ฉันขับรถออกมาจากโรงแรมผีนรกนั้นโดยข้างในรถที่ก่อนหน้านี้เงียบอยู่แล้วทำให้ตอนนี้อึดอัดและเงียบหนักยิ่งกว่าเก่าะเอื้อมมือไปเปิดวิทยุก็ไม่ใช่รถของเราอีกฮือทำไมโลกถึงโหดร้ายกับคนสวยอย่างฉันขนาดนี้ T^T
"เดี่ยวผมจะกลับแลยไม่มีประชุมอะไรต่อแล้วใช่ไหม" เจอาร์ถามหลังจากที่ฉันวนรถมาจอดในตึกสำนักงานแล้ว
"ค่ะ..ไม่มีงานต่อแล้วค่ะ"
"งั้นคุณก็กลับเลยก็ได้ผมจะกลับแล้ว...ถ้าเกิดมีประชุมหรือใครติดต่อมาก็โทรมาหาผมนี้เบอร์ของผม" เขายื่นนามบัตรให้ฉัน ฉันเดินลงจากรถและขึ้นมาเอาของพร้อมจัดการงานอีกเล็กน้อยก่อนที่จะกลับบ้านพรุ่งนี้มีประชุมตอนสิบโมงตอนเย็นพรุ่งนี้มีทานข้าวกับลูกค้าที่นัดเอาไว้อีก
กริ้ง!!!!!
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะของฉันนั้นเองเป็นโทรศัพท์ของสำนักงานที่เป็นเบอร์หน้าห้องผู้บริหารใครโทรมาตอนนี้นะ
"สวัสดีค่ะโดโรธีพูดค่ะ"
(คุณโดโดรธี ค่ะดิฉันติดต่อมาจากสำนักงานข้างล่างนะคะ)
"ค่ะ"
(พอดีมีลูกค้าของคุณเจอาร์อ่ะค่ะต้องการเบอร์ของเลขาของคุณเจอาร์ค่ะ)
"อ่อได้ค่ะ096-000-0000 ค่ะ"
(ขอบคุณมากค่ะ)
"ยินดีค่ะ"
ฉันจัดการเก็บข้าวของและตารางการประชุมรายชื่อลูกค้าที่ต้องพบวันพรุ่งนี้ไปให้เรียบร้อยเย็นนี้แวะซื้อชาไข่มุกร้านเดิมดีไหมนะอยากกินจังเลยกินทุกวันขนาดนี้เขาไม่คิดจะให้กินฟงกินฟรีบ้างเลยหรือยังไงนะสงสัยจริงๆ มีเงินแล้วยังจะคิดเรื่องกินฟรีอีกนะเรารีบไปดีกว่าก่อนที่ร้านจะปิด ฉันขับรถมาจอดที่หน้าร้านชาไข่มุกโชคดีจังที่วันนี้มีที่จอดรถหน้าร้านเลยไม่ต้องเดินไกล
"สวัสดีค่ะวันนี้รับอะไรดีค่ะ"
"วันนี้เอาชามะลิพุดดิ่งนมสดค่ะ"
"รอสักครู่นะคะ"
"ค่ะ"
ฉันเดินไปนั่งรอที่โต๊ะเหมือนเดิมแล้วก็พบว่ามันยังมีทาร์ตไข่เหลืออยู่สองกล่อง
"พี่คะ..ทาร์ตไข่นี้มีคนซื้อหรือยังคะ"
"อ่อยังค่ะสนใจรับไหมคะ"
"เอาสองกล่องเลยค่ะ" ซื้อเก็บไว้ดีกว่าเผื่อวันพรุ่งนี้จะได้กินมีความสุขจังดีที่วันนี้ซื้อง่ายขายคล่องไม่มีแมลงวันมาก่อกวนจนถึงบ้านและฉันก็กลับมาท่านข้าวที่บ้าน
"อ้าว วันนี้พ่อยังไม่กลับบ้านหรอคะ" ฉันถามป้าแม่บ้านที่ทำงานที่บ้าน
"ค่ะเห็นคุณพ่อหนูบอกว่าจะไปงานเลี้ยงลูกค้าจะกลับมืดๆ ให้คุณหนูท่านข้าวก่อนได้เลยค่ะ"
"อื้ม...งั้นหรอ" ฉันเลยต้องกินข้าวคนเดียวอีกแล้วละสิเนี้ยหลังจากที่ฉันทานอาหารเย็นอย่างหว่าเหว่หัวใจแล้วฉันจึงขึ้นบ้านมาเพื่ออ่านหนังสือต่อนั้นเองฉันเป็นคนชอบอ่านหนังสือนะมันสนุกดี
[โทรศัพท์เข้ารับหน่อยจ้า!!!!!]
เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น
-090-000-0000-
เบอร์ใครนะ น่าจะเป็นลูกค้าที่ขอเบอร์ไปเมื่อเย็นสินะ
"สวัสดีค่ะ"
(นี่ผมเอง...จำได้หรือเปล่า)
"นี่นายอีกแล้วหรอ!"
"นายอีกแล้วหรอ!!"
(ทำไมต้องโวยวายเสียงดังด้วย...ผมแค่โทรมาหาคุณเอง)
"แล้วนายโทรมาหาฉันทำไม"
(ก็คุณเป็นเลขาของเจอาร์ไม่ใช่หรอครับผมก็ต้องติดต่อเขาผ่านคุณสิครับ"
"นี่นายอย่ามากวนฉันนะ!"
(ขึ้นเสียงใส่ลูกค้าคนสำคัญแบบนี้ไม่โปเฟสชั่นนอลเลยนะครับคุณโดโรธี)
"นั้น...นายมีอะไรว่ามา"
(พอดีว่าผมจะนัดเลี้ยงขอบคุณคุณเจอาร์ที่เราได้ทำธุรกิจร่วมกันในวันพรุ่งนี้ตอนเย็น)
"ได้เดี่ยวฉันจะบอกเขาให้"
(แต่ว่าคุณต้องมาด้วย)
"ทำไมฉันต้องไปด้วยนี่เป็นธุระของเขากับนายไม่เกี่ยวกับฉัน"
(เพราะว่าผมอยากเจอคุณ)
"หึ...ฉันจะบอกเขาให้แต่ฉันคงไม่ไปหรอกแล้วก็ไม่ใช่ว่าเขาจะว่างตลอดแค่นี้นะ" ฉันตัดบททันทีและรีบวางสาย
ตุ๊ด!
ฉันวางสายของเขาไปอย่างหัวเสียนี้มันอะไรกันวะเนี้ยทำไมต้องมีแต่เรื่องขนาดนี้นะ...ว่าแต่เราจะบอกเจอาร์ยังไงดี แต่เอ๊ะวันพรุ่งนี้ตอนเย็นมีนัดกินข้าวกับลูกค้าคนสำคัญของบริษัทได้ข่าวว่าเป็นเพื่อนของคุณพ่อเจอาร์และของพ่อฉันเหมือนกันคงจะพลาดนัดกันไม่ได้หรอกนะแต่จะต้องโทรไปบอกเขาดีไหมนะยังไงก็เรื่องงาน เห้อ....เอายังไงดีโดโรธีคิดสิตั้งสติเข้าไว้หายใจเข้าลึกๆ ....
[โทรศัพท์เข้ารับหน่อยจ้า!!!!!]
"ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ไป!! " ในระหว่างที่ฉันกำลังหลับตานั่งสมาธิก็ดันโง่รับโทรศัพท์โดยที่ไม่ลืมหูลืมตาเหมือนคนบ้าปีสามพันสิบแปด
(ไม่ไปอะไรของคุณ) เสียงทุ่มต่ำน่าฟังของใครบางคนดังขึ้นที่ปลายสาย
"อ้าวนั้น..." นั้นไม่ใช่เสียงของเขานิแล้วเบอร์ใครละเนี้ย
(นี่ผม...เจอาร์คุณคดว่าใครโทรมา)
"เอ่อ..เปล่าค่ะไม่มีอะไรพอดีฉันกำลังปวดหัวอยู่กับ..."
(กับ...)
"ช่างมันเถอะค่ะว่าแต่คุณมีเรื่องอะไรหรอคะถึงโทรหาฉัน"
(พอดีว่าตอนนี้ผมมาดื่มอยู่ที่โรงแรมรอยัลเพรซที่คุณพามาพบลูกค้านั้นแหละ)
"แล้ว"
(พอดีว่าผมเมา..มารับไปส่งบ้านหน่อย) หะ เมา!!! เมาแล้วโทรให้ไปรับเนี้ยนะ
"หะ...ตอนนี้เนี้ยนะคะ"
(ใช่)
"แต่ว่าทำไมไม่เรียกให้ใครมารับละคะ"
(ผมเป็นเจ้านายคุณและคุณเป็นเลขาของผมเพราะฉนั้นคุณต้องมารับผมแล้วเจอกันผมจะลงไปนั่งรอที่ล็อปบี้ชั้นล่างของโรงแรม)
"เดี่ยวสิ...คุณ!!!"
ตุ๊ด!!!
โอ้ยยยยย เป็นเ*ยยยยยยอะไรกันไปหมดดดดด
ตัดสายไปดื้อ ๆ แบบนี้ก็ได้หรอแล้วจะเอายังไงดีเนี้ยฉันใส่ชุดนอนพร้อมจะนอนแล้วด้วยต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนใส่เป็นกางเกงยีนส์กับเสื้อยืดแล้วกันแล้วก็ผ้าใบก็พอฉันรีบหยิบกุญแจรถยนต์และรีบขับรถออกไปทันทีแล้วทำไมที่ ๆ ฉันต้องไปต้องเป็นไอ่ที่บ้าบอนี้ด้วย
Royal Place Hotel
ฉันมาจอดที่หน้าโรงแรมและเดินเข้าไปเพื่อหาเขาที่นั่งสับปะงงอยู่ที่โซฟาของโรงแรม
"คุณ...คุณ!!"
"มาแล้วหรอ"
"ทำไมดื้อขนาดนี้เนี้ย"
"ช่างผมเถอะนี่โลเคชั่นคอนโดของผม" เขายื่นโทรศัพท์ให้ฉันและลุกขึ้นขนาดเดินยังเดินไม่ตรงเลยฉันเลยต้องไปพยุงเขาจนถึงรถของฉันที่จอดอยู่ที่หน้าโรงแรมและรีบขับรถออกไปเพื่อส่งเขาที่คอนโดซึ่งเป็นคอนโดที่อยู่กับทางเดียวที่ไปบ้านของฉันยังดีที่อยู่ทางเดียวกันถ้าคนละทางจะได้นอนตอนไหนก็ไม่รู้ฉันมาจอดรถที่หน้าคอนโดของเขาและพยุงเขาไปที่ล็อบบี้
"ห้องอะไรคะคุณ" ฉันถามเขาในขณะที่พยายามพยุงเขาเข้าไปในคอนโด
"1109" เขาพูดแล้วยื่นคีย์การ์ดมาให้ฉันฉันใช้แรงที่มีอันน้อยนิดของฉันพยุงถูลากถูจูงเขาจจนมาถึงหน้าห้องและพาเขาเข้าไปในห้องและเรียกได้ว่าแทบจะโยนเขาลงที่นอนเลยทีเดียว
"โอ๊ย! เหนื่อยชะมัดเลย" ฉันนั่งลงข้างล่างข้างๆ เตียงของเขาอย่างเหนื่อยหอบแล้วนี้ต้องทำไงต่อปล่อยให้นอนต่อในสภาพแบบนี้นะหรอ...เอาว่ะทำเท่าที่ทำได้แล้วกันฉันถอดรองเท้ากับถุงเท้าของเขาออกถอดเนกไทด์ให้เขาและเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้เขานิดหน่อย
"แม่ครับ...แม่อย่าทิ้งผมไป" แม่งั้นหรอ...เขาละเมอสินะอะไรกันเด็กน้อยนอนเมาคิดถึงแม่งั้นหรอเห็นอย่างงี้น่าจับถ่ายรูปเอาไปแบล๊คเมล์จริงๆ นะเนี้ย ดูๆ แล้วเขาก็หล่อมากเลยเหมือนกันนะเนี้ยผมสีดำมีรอยสักนิดหน่อยหน้าเข้มเห้อ...แต่เด็กขนาดนี้แถมปากหมาเหมือนมีฟูงหมาอัลเซเชียนไว้ในปากสักร้อยตัวขนาดนี้เป็นฉันก็ขอบายจ้าประตูนี้ล็อคอัตโนมัตใช่ไหมนะฉันเลยเดินออกจาห้องไปโดยปิดไหให้เขาเรียบร้อยแล้วเดินลงมาขับรถกลับบ้านอย่างเหนื่อยล้า
"เห้อออจะมีเรื่องที่เหนื่อยกว่านี้อีกไหมเนี้ย" ฉันถอนหายใจกับตัวเองที่ตอนนี้นอนไร้วิญญาณอยู่บนเตียงเอาเถอะเดี่ยวพอเขาหาเลขาใหม่มาได้เราก็ไม่ต้องทำตรงนี้ละจะได้จบๆ กันไปสักทีเหนื่อยจังนอนดีกว่า ZZzzz
กริ๊งงงงงงง (เสียงนาฬิกาปลุก)
ฉันลุกมาในเวลาเดิมของทุกวันและแต่งตัวทำผมแต่งหน้าใช้เวลาไม่นานและเมื่อเดินลงมาทานข้าวก็พบพ่อที่นั่งอยู่ข้างล่าง
"อรุณสวัสดิ์ค่ะพ่อ"
"อรุณสวัสดิ์...หน้าตาแกสดชื่นขึ้นนะมีเรื่องดีหรือไง"
"หะสดชื่น...มีแต่เรื่องนะสิไม่ว่าสดชื่นตรงไหน"
"มีเรื่องอะไรของแก"
"ก็ลูกชายตัวดีของเพื่อนพ่อนั้นแหละไปกินเหล้าเมายังกับหมาอยู่ที่โรงแรมแถมยังโทรให้หนูไปรับอีก"
"เอ้าก็ดีแล้วแกเป็นเลขาเขาไง" อ้าว! เข้าข้างกันไปอีก
"บ้า...ถ้างั้นหนูไม่ต้องไปอาบน้ำแปรงฟังให้เลยหรือไงละพ่อ"
"เอาน่าๆ ช่วยๆ ดูและกันไปเดี่ยวพอได้เลขาคนใหม่แกก็ไม่ต้องทำแล้วไง"
"พ่อ ให้หนูไปทำอะไรก็ไม่รู้อ่ะ" ฉันทำท่าทางงอลพ่อ
"เอาน่าถ้าแกทำได้นะเดี่ยวพ่อจะให้แกไปเรียนต่อที่อังกฤษตามความฝันของแกเลย"
"จริงหรอ" ฉันทำท่าทางตื่นเต้นขึ้นมาทันทีที่พ่อพูดฉันเคยขอให้พ่อส่งฉันไปเรียนที่อังกฤษหลายต่อหลายครั้งมากๆ แต่พ่อก็ไม่เคยพิจารณาให้ฉันไปเลยสักครั้งเพียงเพราะว่าพ่อคิดถึงไม่อยากให้ฉันไปไกลบ้านเพราะพ่ออยู่ที่นี้คนเดียว
"แกไม่ต้องทำท่าทางดีใจขนาดนั้นก็ได้...ถึงตอนนั้นถ้าแกยังอยากไปอยู่พ่อก็จะให้แกไป"
"ก็พ่อไม่เคยอยากให้หนูไปแล้วอยู่ๆ ก็มาบอกให้หนูไปมันแปลกๆ"
"เอาน่าแกรีบๆ กินเถอะเดี่ยวต้องไปทำงานแล้ว"
"โอเคไปละ" ฉันบอกลาพ่อก่อนออกจากบ้านเพื่อตรงดิ่งไปยังที่ทำงานทันทีระหว่างที่ไปฉันเลยแวะซื้อน้ำส้มคั้นไปสองขวดและน้ำผลไม้คั้นไปอีกและแซนวิชอีกสองกล่องเลยและไม่นานก็ถึงที่ทำงาน
"คุณ..."
"คะ.." เจอาร์เดินออกมาหาฉันข้างนอกหลังจากที่ฉันเดินมานั่งที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว
"เดี่ยวชงกาแฟเข้าไปให้ผมด้วย"
จ๊อกกกก!!!
เขามองหน้าฉันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเดินเข้าไปในห้องทำงานของเขาอย่างรวดเร็วนั้นคือเสียงท้องร้องหรือเปล่านึกว่าฟ้าร้องฉันเดินเข้าไปข้างหลังของชั้นนั้นซึ่งในชั้นที่ฉันทำงานนั้นมีเหมือนห้องครัวแต่ในชั้นของฉันจะดีกว่าชั้นอื่นๆ เท่านั้นเอง ฉันเดินเข้าไปชงกาแฟและเทน้ำส้มคั้นใส่แก้วให้ด้วยและจัดแซนวิชใส่ให้เขาไปกล่องหนึ่งจากการที่เราซื้อมาสองอันฉันหยิบของทั้งหมดใส่ถาดใหญ่แยกเข้าไปในห้องแต่ทว่าพอเข้าไปก็พบกับภาพแสนบาดตาบาดใจจนอยากจะขวักลูกตาทิ้งนั้นคือ
"เอ่อ..." นั้นคือสภาพของหญิงและชายกำลังเรียกว่าไงดีคือกำลังจูจุ้บ กันอยู่ซึ่งนึกภาพตามนะคะคือผู้ชายอยู่ที่เก่าอี้และผู้หญิงคือเอาขาข้างหนึ่งยกไว้ตรงเก้าอี้และก้มลงไปจูบผู้ชายซึ้งโครตจังหวะซิทคอมเวอร์ (ಠ_ಠノ)
"เอาวางไว้ตรงนี้นะคะ" ฉันวางของทั้งหมดไว้ที่โต๊ะรับรองตรงกลางและรีบผลักตัวเองเดินออกมาทันที
"เดี่ยว..."
"คะ..." จะเรียกไว้ทำพระแสงอะไรเนี้ย
"เดี่ยวอีกสักพักเข้ามาหาผมด้วย"
"อ่อค่ะ" ฉันเดินออกมาจากห้อง เห้อ! โล่งบรรยากาศที่แสนโล่งใจข้างในเหมือนมรสุมเลยยิ่งกว่าฝนแปดแดดสี่สะอีกนะเนี้ย ฉันเดินมานั่งลงที่โต๊ะอย่างอ่อนใจและนั่งพิมพ์งานต่อโดยไม่สนใจขิงข่าใดๆ ข้างในห้องว่าจะเกิดอะขึ้นวันนี้ตอนสิบเอ็ดโมงมีประชุมแล้วตอนเย็นมีทานข้าวกับลูกค้าอีก ฉันก้มลงมองดูนาฬิกาของฉันตอนนี้จะสิบโมงแล้วเขาคงยังไม่ลมหรอกมั้งเรื่องประชุมสิบเอ็ดโมงเนี้ยเพราะฉันเองก็ไม่อยากเดินเข้าไปข้างในแล้วเหมือนกัน
ติ่ง! (เสียงข้อความ)
ใครส่งข้อความมานะค่าโทรศัพท์ก็จ่ายแล้วคงไม่ต้องส่งข้อความมาทวงกันหรอกนะ หรือจะเป็นข้อความชวนทำประกันชีวิตอีกช่วงนี้ส่งมาบ่อยเหลือเกินตอนนี้กรมทัณเนี้ยเต็มบ้านฉันไปหมดแล้ว
'อรุณสวัสดิ์มาทำงานแล้วหรือยังนะคิดถึงผมหรือเปล่า'
(*ಠAಠ) โอ้ย คิดถึงบ้านแบร้ มึงสิ๊ ประสาท ประสาททั้งคนข้างใน ทั้งคนข้างนอก
อีตาบ้านี้อีกแล้วหรอจะบล็อคเบอร์ก็บล็อคไม่ได้เพราะว่าต้องติดต่อในฐานะลูกค้าอีกเป็นเลขานี้ทำไมต้องหดหู่กับชีวิตขนาดนี้เอาชีวิตที่แสนสดใสของฉันกลับคืนมา T^T ฉันเลือกที่จะเงียบแล้วไม่ตอบอะไรกลับไปเงียบดีที่สุดแล้วยิ่งเราดิ้นๆ กลับไปเดี่ยวมันจะได้ใจ
แกรก! (เสียงเปิดประตู)
ฉันไม่แม้แต่จะชายตาไปมองว่าใครเป็นคนเดินออกมาหรือเดินออกมาพร้อมกันหรือยังไงฉันพยายามเอาสมาธิทั้งหมดไปจ้องไว้ที่คอมและนั่งพิมพ์งานอย่างไม่สนใจฟ้าดิน
ตึง!!!
อุ้ย! ตกใจหมด (*⊙ ﹏ ⊙)
อยู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นที่ยู่ในห้องเมื่อกี้ก็เอามือมาวางที่โต๊ะของฉันอย่างรุนแรง โถ่โต๊ะอย่างดีของฉันเป็นยังไงบ้างเจ็บมากไหมปลวกจะขึ้นโต๊ะฉันไหมเนี้ย
"นี่...เธอเป็นเลขาคนใหม่ของแฟนฉันใช่ไหม"
"แฟน...อ่อใช่ค่ะ" ฉันยิ้มปันจิมปันเจ้อใส่หน้าของผู้หญิงคนนั้นไปอย่างใสซื่อทั้งที่ในใจตอนนี้อยากจะสาบแช่งให้หล่อนไปลงนรกให้เรียบร้อยเผาพริกเผาเกลือส่งไปให้เรียบร้อยแล้ว
"ดี...อย่ามายุ่งกับแฟนฉันละเขาสั่งให้ทำอะไรก็ทำแต่อย่ามาเกินหน้าเกินตาฉันแล้วก็ดูแลแฟนฉันให้ดีด้วยละ"
".....ค่ะ" ฉันตอบอย่างช้าในขณะที่เธอคนนั้นไม่สนใจแม้แต่จะฟังคำตอบของฉันเลยด้วยซ้ำ ฉันได้เพียงมองเธอคนเดินลับสายตาไปขอให้ลิฟต์ค้างไม่ก็ตกๆ ลงไปเลยก็ดีเอ๊ะ! จะดีหรอถ้าตายที่นี่ก็เป็นผีเฝ้าที่นี่นิไม่เอาด้วยคนหรอกนะแบบนั้นนะ
"ฉันบอกให้เธอเข้ามาหาฉันทำไมเธอยังไม่เข้ามาอีก" เสียงเข้มของชายคนหนึ่งดังขึ้นข้างหลังของฉันเพราะฉันมัวแต่มองอะไรไร้สาระเลยไม่ทันเห็นว่าเขาออกมาจากห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
"ก็คุณติดเอ่อ....ก็เลยไม่อยากเข้าไปกวน"
"ผมบอกให้อีกสักพักเข้าไปคุณก็ต้องเข้าไปเข้าไปข้างในเดี่ยวนี้"
"ค่ะๆ" แล้วทำไมจะต้องฉุนเฉียวขนาดนี้ด้วยไม่เข้าใจ -.,- ฉันรีบลุกและเดินตามเขาเข้าไปในห้องปากเสีย ขี้เหวี้ยง ชอบสั่ง ขี้ใช้ แล้วยังจะเอาแต่ใจอีกนะคนแบบนี้ต้องโตมาแบบไหนกันเนี้ย ฉันเดินเข้ามาในห้องของเขาและยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะของเขา
"จะยืนบื้ออีกนานไหม..นั่งสิ" บื้อ...นี้ไม่ติดว่าเป็นลูกชายของเพื่อนพ่อจะเดินเข้าไปตบหัวให้ทิ่มเลยไอ้หมาเอ๊ย ฉันเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างหน้าโต๊ะของเขา
"วันนี้ตอนเย็นผมมีนัดทานข้าวกับลูกค้าใช่ไหม"
"ใช่ค่ะ"
"นั้น...ผมสั่งให้คุณไปด้วยกับผมเย็นนี้"
"เดี่ยว! เดี่ยวนะคะ..ฉันเป็นเลขานะคะไม่ใช่คนใช้บ้านกริฟฟินดอร์จะได้หิ้วไปไหนก็ได้"
"ผมคุยงานกับลูกค้าคุณก็ต้องไปด้วยสิ"
"แต่อันนี้แค่นัดทาข้าวขอบคุณไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปเลยนี่คะ"
"ผมบอกให้ไป..ก็คือไปฟังไม่รู้เรื่องหรอ" เขาเริ่มทำเสียงเข้มและทำหน้าจริงจังขึ้นมาอะไรของเขาวะเอาแต่ใจชะมัดแล้วแฟนเขาก็มีทำไมเขาไม่พาแฟนเขาไปละอย่างงี้เรียกว่าทำเกินหน้าเกินตาหรือเปล่า ต้องท่องไว้ในใจ งานคืองานนะโดโรธี
"...."
"รู้เรื่องนะ"
"ค่ะ"
"เดี่ยวผมมีประชุมตอนสิบเอ็ดโมงใช่ไหม"
"ใช่ค่ะ"
"นั้นไปได้ละ" เขาลุกขึ้นและเดินนำฉันออกไปปล่อยให้ฉันนั่งเอ่อเป็นยัยบ้าอยู่ที่เก้าอี้และเมื่อตั้งสติได้ก็เพิ่งจะคิดได้ว่าต้องเดินตามไปนี่หว่า
ห้องประชุม
เราเข้ามาในห้องประชุมฉันวางเอกสารเรียบร้อยแล้วจริงๆ ในการประชุมไม่ต้องมีฉันยืนอยู่ตรงนี้ก็ได้ฉันเลยกลับมานั่งที่โต๊ะเผื่อว่ามีใครมาติดต่องานจะได้ไม่พลาด
ติ่ง! (เสียงข้อความ)
เอาอีกละคราวนี้ขอให้เป็นข้อความเรียกเก็บเงินไม่ก็ข้อความดูดดวงก็ได้ไม่เอาข้อความของอีตานั้นก็แล้วกันไม่ก็ทำประกันชีวิตก็ได้
'สรุปว่าเย็นนี้เจ้านายคุณว่างที่จะมาทานอาหารเย็นกันผมไหมครับ'
เห้อ...เจ้าเก่าเจ้าเดิมจริงๆ นี่ว่างมากงานไม่มีทำหรือยังไงถึงได้ว่างนั่งพิมพ์ชวนคนอื่นเขาไปแดกข้าวเนี้ย
'ไม่ได้ค่ะตอนเย็นคุณเจอาร์มีนัดทานข้าวกับลูกค้าคนสำคัญแล้วค่ะคงไม่ว่างนะคะ'
ฉันพิมพ์ตอบเขากลับไปอย่างสุภาพ
'เสียดายจังแล้วคุณไปด้วยหรือเปล่า'
เผือกจริงๆ นี่โตมาด้วยเผือกหรือยังไงเนี้ยเลิกทำธุรกิจโรงแรมแล้วไปทำเผือกส่งออกขายดีกว่าไหมจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนใครได้เงินเยอะด้วย
'ฉันไม่ได้ไปทำไมฉันจะต้องไปด้วยนั้นไม่ธุระของฉัน'
ตอบแบบนี้แหละดีแล้วตอบให้มันเดาไม่ออกก็บอกให้ได้ใจไปเลยว่าไม่ได้ไปจบง่ายดีไม่มีสะดุด
"ทำอะไร"
"อุ้ย! พอดีลูกค้าของคุณเจอาร์เมื่อวานที่ชื่อพีทเขาอยากจะนัดทานข้าวกับคุณวันนี้ตอนเย็นฉันเลยบอกไปว่าคุณมีนัดแล้ว"
"งั้นหรอ"
"ค่ะ"
"เธอ...เดี่ยวออกไปข้างนอกกับฉัน"
"ข้างนอก..ไปไหนหรอคะ"
"ไปดูชุดของเธอที่ใส่เย็นนี้ยังไงละ"
"แต่ไม่เห็นจะต้องออกไปซื้อเลยนี่คะ..ชุดฉันก็มี"
"ฉันจะไปก็คือไปไม่ต้องเถียงจะได้ไหมอีกห้านาทีเตรียมตัวได้เลย" ห้านาทีให้ฉันเตรียมตัวจะบ้าเก็บของเนี้ยนะเจอาร์ทำเป็นไม่สนใจและเดินเข้าห้องของเขาไปตามระเบียบ โหย คนอะไรเอาแต่ใจตัวเองชะมัดเลยฉันรีบใช้เวลาทุกอย่างให้คุ้มค่าที่สุดในการเก็บของและเก็บรายละเอียดงานทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะใส่ลงในกระเป่าอย่างเรียบร้อย
"เสร็จหรือยัง"
"เสร็จแล้วค่ะ"
"ดี..เธอขับนะเอารถเธอไป"
"อ้าว..แล้ว"
"ทำไมเวลาฉันสั่งเธอต้องมีคำถามตลอดหะ เป็นเครื่องตอบรับอัตโนมัตหรือไงหะ" เขาทำหน้าเข้มขรึมแล้วทำท่าทางดุขึ้นมาทันที ทำไมฉุนเฉียวตลอดเมนส์ไม่มาหรือไงอ่า งื้ออ T^T
"เอ่อค่ะๆ" ฉันเดินตามเขาไปที่ลิฟต์และลงไปยังชั้นจอดรถของสำนักงานก่อนที่จะพาเขาขึ้นรถของฉันไปทันที
"ไปไหนคะ"
"ไปห้างในเครือของฉันละกัน"
"ห้าง JJR ใช่ไหมคะ"
"อื้ม" เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นและปล่อยให้ฉันขับรถอย่างเงียบเหงาเดียวดายนี้เขาไม่คิดจะคุยอะไรหรือคุยกับฉันบ้างเลยหรอนี้มันเงียบเกินไปนะจะเปิดเพลงก็ไม่กล้ากลัวจะไม่ชอบอีกโอ๊ยเอาใจยากจริงเลยโว้ยยยยย -*-
ณ ห้าง JJR
ฉันมาจอดในที่จอดวีไอพี ที่จอดได้ไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของที่นี่หรอกนะ แต่เป็นเพราะว่าฉันนะมาช็อปปิ้งที่นี่บ่อยมากจนเรียกว่าเป็นเมมเบอร์คนสำคัญของที่นี่เลยก็ว่าได้
"สวัสดีคะคุณโดโรธีวันนี้มาช็อปหรอคะ" พนักงานตรงทางเข้าห้างทักฉันอย่างเป็นกันเองเนื่องด้วยว่าฉันมาบ่อยจนพนักงานจำหน้าได้มากกว่า
"ค่ะ...ก็นิดหน่อยนะค่ะ"
"ขอให้สนุกนะคะ" ระหว่างที่นางพูดกับฉันแต่สายตาของนางไม่ได้มองฉันแม้แต่น้อยเขามองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังของฉันนั้นเอง เหอะ! หน้าตาก็ดีแต่นิสัยแย่หล่อให้ตายก็ไม่รู้สึกอะไรด้วยหรอกจำไว้
"คุณมาที่นี่บ่อยหรอ"
"บ่อยอยู่..ฉันมาซื้อของที่นี่บ่อยค่ะ"
"อื้ม..." เขาเดินนำฉันไปโดยไม่พูดอะไรสักคำอ้าว...ยังงี้ก็ได้หรอชวนเรามาให้เราพามาแล้วก็มาเดินทิ้งกันแบบนี้เดี่ยวจะแกล้งเอาคืนวันหลังคอยดูเถอะนะเราทั้งสองคนเดินมาและมาหยุดที่หน้าร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่ง
"ไชน์นิ่ง...ร้านนี้หรอคะ" ฉันหันไปถามเขา เขาแค่เพียงใช้หางหาหันมามองเท่านั้นแต่ว่าไม่พูดอะไรเขาเดินเข้าไปในร้านข้างนอกร้านดูไม่น่าสนใจแต่ว่าภายในร้านสวยดีตกแต่งภายนอย่างหรูหราสวยงามเป็นสีโทนที่ฉันชอบฉันชอบสีคลุมโทนแบบขาวดำเทาอะไรแบบนี้ไม่ค่อยชอบสีฉูดฉาดสักเท่าไหร่
"ชุดที่ผมสั่งไว้เอามาเลยครับ"
"ค่ะๆ"
"ชุดที่สั่งไว้..." ฉันหันไปมองหน้าเขาหมายความว่ายังไงคือเขาจะให้มาซื้อที่นี่อยู่แล้วหรือว่ายังไง ฉันมองหน้าเขาแต่ว่าเขาไม่ได้พูดอะไรกลับมาจนกระทั่งพนักงานยกกล่องสำดำที่ดูหรูสุดๆ มาไว้ข้างหน้าของฉัน
"เอาไปลองสิ" เขาพูดเสร็จแล้วเดินไปนั่งรอที่โซฟาแล้วมองหน้าฉันประมาณว่า ไปสิไปลอง อย่างไงอย่างงั้นแหละฉันเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและแกะกล่องออกมามันคือเสื้อเชิทคอปกสีขาวกับกระโปรงสีดำพอใส่แล้วทำไมดูสวยแบบทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีร้านเสื้อผ้าดีๆ แบบนี้อยู่บนโลกไม่งั้นจะมาทุกวันเลย ฉันใส่แล้วเดินออกไปให้เขาดู
"0_0" สายตาของเขาที่มองฉันมันคืออะไร ทำไมมันน่าเกลียดหรือว่ายังไง
"เป็นยังไงบ้าง" ฉันหมุนตัวให้เขาดู
"เอ่อ...ก็ดี" เขาตอบแต่ไม่หันขึ้นมามองให้ดีแล้วยังงี้จะรู้ไหมว่ามันดีหรือไม่ดีอ่ะทำเป็นไม่สนใจเชอะ แต่ทำไมมันรู้สึกหวิวๆ นะกระโปรงนี้มันดูก็ยาวนะแต่ทำไมเวลาใส่มันสั้นๆ จังเลยแหะฉันเลยเดินกลับไปเปลี่ยนชุดและใส่ชุดเดิมกลับมาจ่ายเงิน
"ไม่ต้องจ่ายค่ะ..เสื้อผ้าชุดนี้จ่ายแล้วค่ะ"
"คะ...จ่ายแล้ว" ฉันถามแบบงงๆ พร้อมหันไม่มองหน้าของเขาที่นั่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่ที่โซฟานั้น พนักงานใส่กล่องให้ฉันอย่างเรียบร้อย
"ขอบคุณมากนะที่ซื้อให้"
"เปล่าฉันก็แค่อยากให้เธอใส่ดีๆ ไปฉันจะได้ไม่ต้องอายเขาว่ามีเลขาแก่"
"หะ..." แก่งั้นหรออีตาบ้าฉันเพิ่งสามสิบเท่านั้นนะฉันยังไม่แก่ขนาดนั้นสักหน่อยนะหน่อยพูดจาแบบนี้เดี่ยวจะปล่อยให้ไปคนเดียวไม่ไปด้วยแล้ว T^T ฮือโดนแกล้งอ่าไม่ยอม!!!
"เดี่ยวคุณไปส่งผมที่สำนักงานแล้วก็มารับผมที่คอนโดด้วย"
"หะ..ทำไมคุณไม่เอารถของคุณไปละ"
"ประหยัดดีไปคันเดียวกันแหละผมขี้เกียจขับรถ" ทำไมอยู่ๆ ก็เป็นง่อยขึ้นมาเลยหรือไง หะ! ตั้งแต่เรื่องตอนนั้นที่ให้ไปรับละ อะไรจะขนาดนั้น
"งั้นให้ฉันไปรับกี่โมงดีคะ"
"สักหกโมงเย็นก็มารับได้แล้ว"
"ค่ะ" เราคุยกันระหว่างที่อยู่ในรถและนั้นเป็นประโยคสุดท้ายที่เราคุยกันเขาเป็นคนไม่ค่อยพูดเนอะว่าไหม...นี่ฉันถามใครละเนี้ยเอาจริงๆ ทั้งปากร้ายนิสัยเสียเอาแต่ใจนี้ได้ใครมาเนี้ยเพื่อนของพ่อฉันคุณลุงท่านออกจะนิสัยดี ระหว่างที่ฉันนั่งเงียบและกำลังขับรถกลับนั้นเองก็ต้องผ่านร้านชาไข่มุกร้านโปรดของฉัน
"เออ...ฉันขอแวะร้านอะไรแปบนึงได้ไหม"
"ร้านอะไร"
"คือ...ฉันชอบกินชาไข่มุกร้านนี้มากขอแวะซื้อก่อนกลับแปบนึงได้ไหม" ฉันถามเขา
"อื้มๆ ตามสบายสิแต่ผมไม่ลงไปนะ"
"ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ" ฉันยิ้มอยางดีอกดีใจเหมือนถูกหวยสามสิบล้านบาท หุหุ ^0^ ในเรื่องไม่ดีก็ยังมีเรื่องดีๆ อยู่นั้นแหละ ฉันหาที่จอดรถซึ่งไม่ไกลจากร้านมากและลงจากรถไปเพื่อซื้อชาไข่มุกของโปรดของฉัน ลั้ลล้า ลั้ลลั้นล้า สบายใจ ><
"วันนี้รับอะไรดีคะ"
"เอาชามะลิค่ะพุดดิ่งนมสดด้วยค่ะ"
"ค่ะวันนี้รับทาร์ตไข่ด้วยไหมคะ"
"มีเหลือหรอคะ"
"ค่ะ..วันนี้คุณลูกค้ามาเร็วเลยยังเหลืออยู่ค่ะ"
"เอาสัก....สองกล่องค่ะ" เอาไปเผื่อเขาด้วยดีกว่าอาจจะชอบกินหรือไม่ชอบกินก็แล้วแต่...แต่ก็อยากตอบแทนที่ซื้อชุดสวยๆ ให้ใส่
"มาคนเดียวซื้อไปสองกล่องซื้อไปให้ใครหรอ" เสียงของใครบางคนด้านหลังทำให้ฉันต้องเหลียวหลังกลับไปมองด้วยความลุ้นระทึกยิ่งกว่าหนังผี นายนี่อีกแล้วหรอ!!!
"นี่...ถามจริงว่างมากป่ะเนี้ย" ฉันถามอย่างหงุดหงิด
"ว่าง...ถ้าเป็นเธอละก็แค่ไหนฉันก็ว่าง"
"ว่างมากขนาดนั้นเอาเวลาไปทำตัวเองให้ดีขึ้นเถอะ" ฉันพูดและเดินไปหยิบของที่ได้แล้วและกำลังจะจ่ายเงิน
"ลาออกสะสิเดี่ยวฉันเลี้ยงเธอเอง" คำพูดของเขาทำฉันหยุดชะงักในทันที
"เหอะ...เลี้ยง สภาพ...ทั้งบริษัทนายไม่พอค่ารองเท้ากับกระเป๋าของฉันด้วยซ้ำ"
"...." เป็นไง พูดไม่ออก บอกไม่ถูกละสิ๊
"นายรู้จักฉันมานานนี้ฉันไม่ชอบให้ใครมาเลี้ยงฉันมีมือมีตีนทำมาหากินเองได้แล้วบ้านฉันก็ไม่ได้จนขนาดจะต้องแบมือขอนายหรอกนะ"
"แล้วทำไมเธอต้องมาทำงานเป็นเลขาให้มันด้วยหรือว่าเดี่ยวนี้ชอบเลียขาแล้ว"
เห้ยยยย ตรูจะเลียขา เลียอะไรมันก็เรื่องของตรู !!! (゜Д゜)
"อย่ามาพูดแบบนี้กับฉันนะอายคนอื่นเขาบ้าง"
"ทำไมฉันบอกให้เธอลาออกทำไมเธอถึงไม่ลาออกถ้าเธอไม่สนใจมันจริงๆ" เขาเริ่มใส่อารมณ์มาในการสนทนามากขึ้น
"นายเลิกยุ่งกับฉันสักที...เราไม่ยุ่งเกี่ยวกันมาหลายปีแล้วนะเพราะฉะนั้นปล่อยมันไปแบบนั้นนะมันดีอยู่แล้ว" ฉันพูดแล้วเอาเงินวางบนโต๊ะแล้วหยิบของออกมาจากร้านทันทีฉันเดินมามาด้วยความเร็วแสงจนมาถึงรถที่จอดอยู่ฉันวางของลงที่เบาะหลังอย่างเบามือและพยายามตั้งสติตัวเองให้มั่นคงก่อนที่จะออกรถ
"ซื้อมาทำไมเยอะแยะ"
"คือ...ฉันเห็นว่าทาร์ตไข่มันน่ากินแล้วก็อร่อยดีฉันเลยซื้อมาฝากขอบคุณที่ซื้อชุดให้ฉัน"
"ทาร์ตไข่งั้นหรอ"
"อื้ม...อร่อยนะ" ฉันพูดแล้วค่อยๆ ออกรถออกมาจากตรงนั้นทันทีฉันขับรถไปส่งเขาที่คอนโดโดยต้องมารับเขาในเวลาหกโมงเย็นซึ่งตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามครึ่งแล้วฉันเลยต้องรีบกลับมาแต่งตัวก็ไม่ได้แต่งอะไรมากหรอกฉันไม่ชอบแต่งหน้าเยอะชอบแต่งอ่อนๆ มากกว่าฉันทำผมลอนนิดหน่อยก่อนที่จะทาลิปจบงาน ปังงงงงงปุรีเย้จ้าาาา
"สวยจริงใครเนี้ย" ฉันบอกตัวเองในกระจกก่อนที่จะลงมาข้างล่าง
"สวยจังวันนี้จะไปไหนหรอ"
"พอดีวันนี้เจอาร์มีนัดทานข้าวกับลูกค้าตอนเย็นเพื่อนของพ่อนะคะคุณลุงจอร์นนะคะ"
"อ่อ"
"เขาเลยให้หนูไปเป็นเพื่อนด้วยนะคะ"
"อ่อ...อย่างงี้เองขับรถไปดีๆ นะ" พ่อฉันยิ้มร่าอย่างมีเลศนัย
"ค่ะ" ฉันเดินออกมาจากบ้านพร้อมรองเท้าส้นสูงคู่ใจสีดำคู่โปรดของฉันแต่ความรู้สึกคือกระโปรงมันสั้นไปหน่อยนะแต่ต้องนั่งระวังๆ หน่อยฉันขับมาจอดที่หน้าคอนโดเวลาหกโมงพอดีเป๊ะ ฉันกดโทรศัพท์เพื่อโทรหาเขาแต่เขาก็เดินออกมาจากประตูพอดี
"ชุดสวยนะ"
"0////0 ขอบคุณค่ะ" เขาชม...เป็นครั้งแรกที่เขาชมนะเนี้ย นึกว่าจะด่ากว่าแก่สะอีก
"ยังดีที่ใส่แล้วดูไม่แก่" อุสาจะดีใจแล้วนะว่าชม ไม่น่าเลยตรู
"แก่...นี้ฉันดูแก่ขนาดนั้นเลยหรือไง" ฉันถามอย่างหัวเสีย
"เปล่า...เกือบๆ" เกือบ!! เกือบนี้หมายความว่ายังไง
"นั้นไปคนเดียวเลยไหม" ฉันพูดแล้วทำท่าจะลงจากรถ
"ไม่ได้นี่เป็นคำสั่ง" เอะอะนู้นก็คำสั่งนี้ก็คำสั่งอะไรๆ ก็คำสั่ง จะสั่งเอาโล้หรือไงไม่ใช่บริการเซอร์วิชนะจะได้ส่งนู้นนี้นั้นได้ตามใจชอบฉันออกรถไปจนถึงโรงแรมแห่งหนึ่งไม่ไกลมากแต่ว่ามีร้านอาหารอยู่ด้านบนฉันเคยมากินเมื่อนานมาแล้วมันอร่อยดีแต่ความทรงจำมันดำมืดมิดปิดปี๊ไปหน่อยเท่านั้นเอง
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!