**คำเตือน
นิยายเรื่องนี้มีฉากการร่วมเพศกับเด็กอายุต่ำกว่า15ปี เนื้อหามีความรุนแรงขัดต่อกฎหมายและหลักศีลธรรมหากไม่ชอบแนะนำให้กดปิด...ถ้าชอบกดอ่านและโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะค่ะ**
+++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++
แต่ละคนมีประสบการณ์เรื่องความรักที่แตกต่างกัน คำว่า “รัก” ของแต่ละคนจึงมีความหมายต่างกัน ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีสิ่งที่เป็น “จุดร่วมของความรักที่ดี” ที่เอามาชวนคุยกันได้
การรักใครสักคนหนึ่ง มันคือการยอมรับเขาแม้เขาจะไม่ได้ดีไปทุกอย่าง ยอมรับไม่ใช่การมองผ่านข้อเสียโดยไม่สนใจ แต่คือเราจะไม่เอาข้อเสียของเขาไป ‘ตัดสิน’ หรือทำร้ายให้เขารู้สึกแย่กับตัวเอง
พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูหลักมีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยสร้างให้คนๆ หนึ่งเป็นคนที่ ‘มีความรักในหัวใจ’ เด็กที่ถูกทอดทิ้งและเพิกเฉยทั้งทางร่างกายและอารมณ์ มักจะไม่ค่อยมีความรัก หรือสานสัมพันธ์กับใครได้อย่างลึกซึ้ง
++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดถึง บางครั้งเราคิดถึงคนบางคนก็เพียงเพราะความเคยชินที่เขาตอบสนองความรู้สึกได้ จึงต้องระวังเพราะถ้าไม่รู้ทันความรู้สึกอาจหลงคิดว่านั่นคือความรัก
เซ็กส์ การมีเซ็กส์กับคนหนึ่งแล้วรู้สึกดีไม่ได้แปลว่ารักเสมอไป บางครั้งอาจหมายความว่าเขารู้ใจว่าคุณชอบอะไร
ความตื่นเต้น ความตื่นเต้นดีใจเวลาที่ได้อยู่ใกล้เขา เขาทำดีด้วย ไม่ได้แปลว่านั่นคือความรักเสมอไป เรื่องแบบนี้หลายครั้งก็เหมือนการเล่นการพนันตรงที่เรารู้สึกดีรู้สึกลุ้นที่จะได้บางสิ่งจากการพนันแต่ก็ไม่ได้แปลว่าการพนันนั้นทำให้เรารู้สึกดีจริงๆ มันเป็นเพียงแค่ความตื่นเต้นเพียงชั่วคราว
รักเพราะเขาทำบางสิ่งให้ เรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน ผมพึ่งเข้าใจผ่านการทำจิตบำบัด (self-analysis) ได้ไม่นาน เพราะต้องแยกให้ดีว่านั่นคือเรารักเขาเพราะเขาทำบางสิ่งให้ หรือรักที่เขาเป็นเขา แน่นอนว่าเราต่างก็ต้องการให้เขาทำดีด้วย แต่ต้องระวังว่ามันจะเป็นเงื่อนไขที่ผูกมัดแค่ว่า ถ้าคุณไม่ตอบสนองในสิ่งที่เราต้องการ เราก็จะไม่รักคุณ และใช้ความกลัวไม่ถูกรักของเขาเป็นการควบคุมให้เขาทำสิ่งต่างๆ ตามที่เราต้องการ เพราะนั่นไม่ใช่ความรัก แต่คือการต้องการได้รับการตอบสนอง
บทนำ
ช่วงฤดูใบไม้ผลิในประเทศอังกฤษมักจะมีสภาพอากาศที่ค่อนข้างแปรปรวน แต่เช้าวันนี้บรรยากาศค่อนข้างอบอุ่นทำให้เขาอยากออกไปเดินเล่นสักเล็กน้อยเพียงแต่ว่าไม่สามารถออกไปได้ด้วยเหตุผลที่น่าชัง
เด็กหนุ่มนั่งกอดเข่ามองต้นไม้สีเขียวชอุ่มผ่านหน้าต่างบานใหญ่ ดวงหน้าเรียวรูปหัวใจ จมูกเชิดโด่งเป็นสัน ริมฝีปากสีชมพูกระจับ ดวงตากลมโตสีฟ้าอมน้ำเงิน ผมเส้นเล็กสีน้ำตาลเข้ม และผิวขาวบริสุทธิ์เหมือนหิมะถูกแสงแดดจากดวงอาทิตย์ทอส่องลงมากระทบร่างดูงดงามราวกับเทวดาตัวน้อยบนสวรรค์
ก็อกๆๆแก็ก!
เสียงเปิดประตูและการปรากฏตัวของผู้มาใหม่ไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มละความสนใจจากวิวด้านนอกได้ เขายังคงนิ่งเฉยและทอดสายตาออกไปไกลแสนไกล...
“ขอโทษที่กวนเวลาพักผ่อนครับ...นายท่านเรียกหาคุณสมิธครับ” ร่างบางเจ้าของชื่อตัวสั่นขึ้นนิดๆ หันมามองผู้มาเยือนด้วยสายตาแข็งกร้าว
“กูไม่ไป!” จบประโยคหนังสือที่อยู่ข้างตัวก็ถูกมือบางขว้างออกไปแทบจะในทันที บอดี้การ์ดหนุ่มรีบขยับตัวหลบอย่างรู้ทัน
เพราะนี่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรกสักหน่อย
เมื่อครั้งแรกไม่โดน ครั้งที่สอง สามก็ตามมาติดๆ จากนั้นก็เกิดตามมาอย่างต่อเนื่อง บอดี้การ์ดหนุ่มร่างใหญ่ทำได้เพียงหลบและปัดป้องเป็นพัลวัน ไม่กล้าที่จะเข้าไปหยุดหรือเอ่ยปากปากห้ามเด็กตัวเล็กๆคนนี้ด้วยซ้ำ
ใครจะไปกล้า...ทุกคนที่นี่ต่างรู้ดี
คนนี้คนโปรดของนาย....
ตึง!เสียงกระแทกที่หน้าประตู ทำให้สงครามฝ่ายเดียวของสมิธหยุดชะงัก เขาหันไปมองการปรากฏของใครอีกคน เมื่อร่างนั้นปรากฏแก่สายตา ขาเรียวจึงเผลอขยับก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างไม่รู้ตัว
“เป็นอะไรอีกมิทตี้?” ชายหนุ่มหรี่ตามองไปทั่วห้อง ก่อนจะโบกมือให้ลูกน้องออกไปแล้วหันไปถามผู้ลงมือโดยไม่ต้องสงสัย หลักฐานคามือซะขนาดนี้
“เรื่องของกู มึงไม่ต้องมาเสือก!” ดวงตาสีเขียวเข้มวาวขึ้นจนสมิธขนลุกไปทั้งตัว ขายาวก้าวจากประตูถึงอีกคนในเวลาไม่กี่วินาที มือเรียวยาวแต่แข็งแกร่งคว้าหมับเข้าที่กรามของคนตัวเล็กกว่าอย่างแรง
“พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าปากดีนัก” ชายหนุ่มตัวสูงกดเสียงเข้ม กดหน้าลงไปใกล้คนที่ตัวเล็กกว่าเขามากนัก
“กูก็บอกแล้วใช่ไหมว่ามึงมันเลว อึก!” แรงบีบที่มือเพิ่มขึ้นจนเด็กชายเจ็บร้าวไปทั่วทั้งหน้า แต่เขาก็ไม่ยอมเอ่ยปากขอร้อง ไม่เคยยอมลงให้อีกคนเลยสักครั้ง
ชายหนุ่มมองท่าทางของคนตัวเล็กแล้วก็ยิ่งโกรธ เขาคลายแรงบีบลงเล็กน้อยแล้วกระแทกริมฝีปากบางกับกลีบปากเล็กของอีกคนอย่างแรง ชายหนุ่มบดจูบใส่อีกคนอย่างรุนแรงและกรุ่นโกรธ โพรงปากสมิธคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดจากรสจูบที่รุนแรง มือเล็กกำแน่นทุบอีกคนอย่างไม่ยินยอม แต่สุดท้ายก็ถูกมือแกร่งรวบไว้ในมือเดียว
สมิธถูกลงโทษจนปากแตกไปหลายแผล จนกระทั่งเด็กหนุ่มหายใจไม่ทันแล้วเกิดการสำลังลมหายใจอีกคนจึงดูดริมฝีปากอิ่มแรงๆส่งท้ายก่อนจะยอมถอนจูบออกมา
ชายหนุ่มใช้นิ้วลูบเบาๆที่ริมฝีปากอิ่มของเด็กหนุ่มที่แดงช้ำจากการลงทัณฑ์ของเขา สมิธหันหน้าหนีด้วยความรู้สึกเกลียดชัง ถ้ามันสอดลิ้นเข้ามาครั้งนี้เขาจะกัดมันให้ขาดจริงๆ
“จิมบอกพี่ว่ามิทตี้ไม่กินผัก จริงรึเปล่า?” ชายหนุ่มเลือกที่จะถามเปลี่ยนเรื่อง ไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่เด็กน้อยทำลงไปก่อนหน้านี้ ให้ได้ระบายอารมณ์บ้างก็ดี ของพวกนั้นหาซื้อเมื่อไหร่ก็ได้
“…”
“สมิธ พี่ถามก็ตอบ” เขากดเสียงเข้มขึ้น เชยคางเล็กให้เขาสามารถมองสบดวงตาสีมหาสมุทรได้อย่างชัดเจน
“กูไม่อยากกิน...ไม่ชอบ”
“ผักมีประโยชน์ มิทตี้กำลังโตต้องได้รับสารหารให้ครบถ้วน”
“มึงจะบังคับอะไรกูนักหนา แค่นี้ยังไม่พออีกใช่ไหม!” เด็กหนุ่มระเบิดอารมณ์อย่างสุดจะทน แต่อีกคนกลับพูดด้วยน้ำเสียงเรียบลื่นพร้อมรอยยิ้มน่ารังเกียจที่เขาชิงชังอยู่ตลอดเวลา
“เอาอย่างนี้ ถ้ามิทตี้ยอมกินผักจะขออะไรพี่ก็ได้หนึ่งอย่าง ดีไหม?”
“อะไรก็ได้อย่างนั้นหรอ” ดวงตาของสมิธทอประกายอย่างมีความหวัง
“ใช่”
“ถ้าอย่างนั้นกูขอ...” สมิธกำลังจะเอ่ยต่อแต่คนตัวโตก็ดับฝันเขาด้วยประโยคที่เขาไม่อยากได้ยิน
“ยกเว้นอิสระ...ยังไม่ใช่ตอนนี้” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแววตาสีเขียวเย็นชาขึ้นชั่วแวบหนึ่งก่อนจะกลับไปราบเรียบดังเดิม
“แล้วมันเมื่อไหร่! ทำไมต้องทำแบบนี้ลูคัส...ทำไมต้องเป็นกู” สมิธเอ่ยถามด้วยความสับสนไม่เข้าใจ เขาทำอะไรผิด เข้าไปก้าวพลาดตอนไหน ทำไมชีวิตเขาถึงเป็นอย่างนี้…
ต้องมาติดอยู่ในขุมนรกที่หาทางออกไม่เจอ
+++++++++++++++++++++
บทนำเราจะมาเบาๆก่อนนะจ๊ะ ไม่ม่ามากเราเน้นหื่น หึหึ เอาล่ะคุณอยู่ทีมไหน :กอด1:
#มิทตี้ #ลูคัส #คนโปรด
คนโปรด 1
ในมหานครใหญ่อย่างกรุงลอนดอน สำหรับช่วงเวลายามค่ำคืน สถานที่ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ชอบไปก็จะเป็นไนท์คลับต่างๆ ตั้งแต่ไนท์คลับสุดหรูเกรดAลงไปจนถึงเกรดC ต่างก็ได้รับความนิยมไม่น้อย
ไนท์คลับเกรดAแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในย่านท่องเที่ยวของกรุงลอนดอน ในมุมหนึ่งทางด้านหลังคลับมีคนสองคนต่างวัยกำลังยืนถกเถียงกันอย่างไม่สนใจอากาศหนาวจัดในช่วงฤดูหนาวโชคดีที่วันนี้หิมะหยุดตกไปแล้ว
“แกจะแอบตามฉันมาทำไมสมิธ ฉันบอกให้แกนอนรออยู่ที่ห้องไม่ใช่หรือไง!” หญิงสาวหน้าสวยอายุสามสิบต้นๆผลักศีรษะเด็กชายนัยน์ตาสีฟ้าอมน้ำเงินอย่างแรงจนเขาเซถลาแทบจะทรงตัวไม่อยู่
“ผมไม่อยากอยู่คนเดียว ผมกลัวนี่” เด็กชายเถียงออกไปอย่างไม่ยอมแพ้แม้ในน้ำเสียงจะสั่นอยู่มากก็ตาม
“แกจะกลัวอะไรกันนักกันหนา กับอีเรื่องแค่นี้”
“ไอ้สารเลวนั้นมันจะข่มขืนผม แม่ยังบอกว่าเรื่องแค่นี้หรอ” เด็กชายวัยสิบสองปีจ้องมองผู้เป็นแม่น้ำตาคลอ คิดไปถึงเรื่องเมื่อสัปดาห์ก่อนที่เขานอนอยู่ในห้องคนเดียว แล้วถูกไอ้ไมเคิลชายผิวสีขี้ยาที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์เดียวกันงัดห้องเข้ามาหวังจะข่มขืน ดีที่เขาไหวตัวทันคว้าขวดแก้วฟาดใส่หัวมันจนล้มแล้ววิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือจากห้องข้างๆเขาถึงรอดมาได้ แล้ววันนี้ไอ้ชั่วนั่นก็พ้นคุกออกมาแล้ว สมิธจึงกลัวว่ามันจะย้อนกลับมาทำร้ายเขาอีก
“แล้วมันทำหรือยัง!”
“แม่จะปล่อยให้มันมาทำผมก่อนหรือไงถึงจะห่วงผมได้” เด็กชายตัดพ้อด้วยความน้อยใจ ที่ผู้หญิงที่เขารักที่สุดทำเหมือนไม่ไยดีเขาเลยสักนิด
ไม่สิ มารดาเขาคนนี้ไม่เคยสนใจไยดีเขาตั้งแต่จำความได้แล้ว เพียงแต่ให้ข้าวให้น้ำ เลี้ยงดูเขาพอถูไถไปวันๆ แต่ถึงอย่างนั้นสมิธก็รักผู้หญิงคนนี้มากๆ เขารู้ว่าแม่เหนื่อยและลำบากมากแค่ไหนที่ต้องเลี้ยงเขามาโดยลำพัง ยังดีที่รัฐบาลที่นี่ช่วยเหลือเรื่องการศึกษาและเงินค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนเล็กๆน้อยๆ เขาถึงสามารถเติบโตขึ้นมาได้โดยที่แม่ไม่ต้องห่วงอะไรมากนัก
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มันสะเทือนใจเขามากเกินกว่าที่เด็กอายุสิบสองปีคนหนึ่งจะรับไหว เขาอยากให้แม่ปลอบโยนเขาบ้างสักนิด ห่วงใยเขาสักหน่อย...ก็ยังดี
“เฮ้อ!แกนี่มันตัวปัญหาของฉันจริงๆ ไป!เข้าไปในร้าน” มิเชลเสยผมตัวเองอย่างรำคาญแล้วตัดบทสมิธด้วยการเดินนำไปทางประตูหลังร้าน เธอทำงานเป็นนักเต้นที่ไนต์คลับสุดหรูแห่งนี้ แต่งตัวน้อยชิ้นเต้นยั่วยวนให้ถูกใจแขกเล็กๆน้อยๆก็ได้ทิปเป็นกอบเป็นกำ ด้วยเพราะเธอยังสวยและสาวทำให้เธอเป็นตัวท็อปของที่นี่ เวลาที่ออกไปเต้นก็จะเป็นทีมละสามคนผลัดกันออกไป หนึ่งคืนเธอเต้นแค่สองช่วงเวลาเท่านั้น
“อ้าวมิเชลวันนี้พาเด็กที่ไหนมาด้วย” นาตาลีที่กำลังนั่งแต่งหน้าอยู่เอ่ยถามเพื่อนที่เดินเข้ามาพร้อมเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักที่เดิมตามมาข้างหลัง
“นี่สมิธน้องชายฉันน่ะ วันนี้เขาไม่ค่อยสบายเลยพามาด้วย” สมิธเหลือบมองมิเชลที่พูดออกไปได้อย่างคล่องแคล่วว่าเขาคือน้องชาย ซึ่งเขาก็ชินเสียแล้วเพราะปกติเธอก็บอกแบบนั้นกับทุกคนที่ถาม เขานั่งลงตรงโซฟาเงียบๆตามที่มิเชลชี้บอก
“ว้าว!เธอไม่เห็นเคยบอกว่ามีน้องชายหน้าตาน่ารักขนาดนี้” นาตาลีหันมาให้ความสนใจกับสมิธอย่างออกนอกหน้า
“หรอ ฉันคิดว่าฉันเคยบอกเธอไปแล้วซะอีก” มิเชลพูดพลางเริ่มลงมือแต่งหน้าให้ตนเอง
“ไม่เคยย่ะ เออนี่เธอจำเรื่องยัยโรสที่ฉันเล่าให้ฟังเมื่อครั้งก่อนได้ไหม ยัยนั่นน่ะ...” หลังจากนั้นนาตาลีก็เริ่มหมดความสนใจในตัวสมิธเพราะดูท่าทางมิเชลไม่อยากจะพูดเท่าไหร่ เธอเลยเปลี่ยนเรื่องไปเม้าท์ผู้หญิงอีกคนที่ทำงานที่นี่เหมือนกันกับพวกเธอแทน
สมิธนั่งนิ่งๆไม่ได้สนใจสิ่งที่สาวสวยทั้งคู่กำลังพูดกัน แต่เขากำลังขบคิดว่าจะทำอย่างไรดีที่จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ยิ่งช่วงนี้มิเชลกลับห้องช้ามาก บางวันก็กลับมาตอนที่เขากำลังจะออกไปโรงเรียน และเขาคงจะตามมิเชลมาอย่างนี้บ่อยๆไม่ได้เพราะมิเชลคงไม่ยอมแน่ จะย้ายที่อยู่ก็รู้ดีว่าแม่คงไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาจะทำยังไงดี
สมิธนั่งขบคิดไปมาจนสมองอ่อนล้า ในที่สุดก็หลับไปด้วยความง่วงงุน มิเชลที่แต่งตัวเสร็จแล้วเหลือบมองดูลูกชายที่ขดตัวนอนบนโซฟานิดๆด้วยสายตาอ่านยาก เธอหยิบเสื้อโค๊ทตัวใหญ่ห่มให้เด็กชายก่อนจะออกไปเตรียมตัวสำหรับการทำงานโดยไม่หันไปมองเด็กน้อยอีก
สมิธคือความผิดพลาดที่สุดในชีวิตของเธอ
++++++++++++++++++++
สมิธสะดุ้งตื่นขึ้นในเวลาตีหนึ่งกว่าๆ เด็กชายมองไปรอบๆห้องก็พบใคร เขาก้มมองเสื้อโค๊ทที่อยู่บนตัวเขาแล้วยิ้มออกมา จริงๆแล้วมิเชลก็คงห่วงเขาอยู่เหมือนกัน
สมิธได้ยินเสียงคุยกันแว่วๆคล้ายว่าจะเป็นเสียงของมิเชลมาจากทางด้านหลังร้านที่อยู่ติดกับห้องที่เขานอนอยู่ เด็กชายขยับตัวลุกขึ้นแล้วก้าวเดินไปตามเสียงจนกระทั่งออกมาจากประตูหลังร้าน
ภาพที่สมิธเห็นทำให้นัยน์ตาสีมหาสมุทรเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจก่อนแปรเปลี่ยนเป็นความเกรี้ยวกราดในเวลาต่อมา สมิธเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนจูบกับผู้ชายคนหนึ่งอย่างดูดดื่ม แม้จะไม่เห็นหน้าของผู้หญิงคนนั้นแต่เขาก็จำแผ่นหลังที่เขาเห็นมาเป็นสิบปีได้ เขามองคนทั้งคู่นิ่งแต่จู่ๆผู้ชายหัวทองคนนั้นกลับเหลือบสายตามาทางเขา ทำให้เด็กหนุ่มสบตากับนัยน์ตาสีเขียวเข้มนั่นเข้าอย่างจัง มันเป็นสายตาที่ทำให้เขาเกลียดผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น
สมิธกำหมัดแน่นเมื่อเห็นไอ้ผู้ชายคนนั้นสอดมือเข้าไปในเสื้อมิเชลทั้งๆที่สายตาก็ยังมองสบเขาอยู่ คล้ายๆว่ามันจะยั่วยุให้เขาโกรธอย่างไรอย่างนั้น อีกอย่างมิเชลก็ไม่ได้มีท่าทีจะขัดขืนมันเลยสักนิดนั่นยิ่งทำให้สมิธรู้สึกเจ็บใจเข้าไปใหญ่
ตอนแรกเด็กหนุ่มก็ไม่กล้าผลีผลามทำอะไรเพราะจุดที่มิเชลกับไอ้บ้าคนนั้นยืนอยู่ต่างรายล้อมไปด้วยชายชุดดำหลายคน แต่พอเห็นมันสอดมือไปในเสื้อมิเชลเท่านั้นแหละทำให้การยับยั้งชั่งใจที่มีอยู่น้อยนิดของสมิธหมดลงในทันที
“มิเชล!!!” สมิธตะโกนเสียงดังลั่น มิเชลถึงกลับสะดุ้งจนตัวโยนผละออกห่างกับคนที่เธอพึ่งจูบอย่างดูดดื่มทันที หญิงสาวหันไปมองตามต้นเสียงเป็นสมิธอย่างที่คิดและเธอคิดว่าเขาก็คงเห็นอะไรๆไปพอสมควร
สมิธโกรธจัดที่มิเชลปรายตามาทางเขาอย่างไม่ยินดียินร้ายอะไร เขาโตพอที่จะรู้เรื่องความสัมพันธ์แบบชายหญิงแล้วแต่ไม่เคยคิดว่าจะมาเห็นแม่ตัวเองทำคาตาแบบนี้ มิเชลหันไปพูดกับไอ้ผู้ชายคนนั้นสองสามคำก่อนจะเดินตรงมาทางสมิธเนิบนาบ เธอหยุดยืนอยู่ตรงหน้าสมิธในระยะหนึ่งช่วงแขนก่อนจะฟาดฝ่ามือใส่หน้าเด็กน้อยเข้าอย่างจัง
สมิธหน้าหันไปตามแรงตบเขาเอามือกุมแก้มแล้วหันไปมองหน้าแม่ตัวเองช้าๆ ไม่บ่อยนักที่มิเชลจะตบเขาถ้าหากสมิธไม่ผิดร้ายแรงหรือดื้อมากจนไม่ฟังเธอ
น้ำตาเด็กชายคลอหน่วยตาไม่ยอมให้มันไหล เขารู้ว่าถ้ามิเชลตบเขาแสดงว่าเขาทำความผิด แต่เขาไม่เข้าใจว่าเขาทำผิดอะไร สุดท้ายน้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลพราก มิเชลเดินผ่านตัวเขาเข้าไปในร้านโดยไม่พูดอะไร
เด็กชายยืนนิ่งแล้วรีบเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเพราะนึกขึ้นได้ว่ามีบุคคลอื่นอยู่ในเหตุการณ์ด้วย สมิธมองไปยังฝั่งตรงข้ามตัวเองที่ห่างไปไม่กี่เมตร มันมองเขาอยู่จริงๆ
ใบหน้าเรียวหวานดูหล่อเหลายกยิ้มที่มุมปากอย่างอารมณ์ดี ดวงตาสีเขียวแพรวระยับสะท้อนแสงไฟยิ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดแปลกๆ มันขยับตัวลูกน้องชุดดำที่อยู่ข้างๆก็รีบเปิดประตูรถคันหรูแทบจะทันที
ก่อนมันจะเข้าไปนั่งในรถเขาเห็นมันเหลือบมามองเขาครั้งสุดท้ายด้วยสายตาที่ดู...น่าขนลุก
ไม่นานรถยนต์คันหรูก็ขับออกไป
เด็กชายยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองที่รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา
เพราะมัน มิเชลถึงได้โกรธเขา
สายตาและรอยยิ้มนั่น
คนอย่างมัน สมิธเกลียดที่สุด!
+++++++++++++++++++
อิพี่ลุคมึงโรคจิตป่ะเนี่ย ฮ่าๆๆ มิทตี้น้อยระวังตัวด้วย
//ช่วงแรกๆอาจจะมาสั้นหน่อยนะคะจะพยายามปรับ และช่วงสมิธวัยเด็กคนแต่งเป็นผู้บรรยายเง้อ :mew1
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!