“ไม่แต่ง!!!”
วาจาแข็งกร้าวตะคอกตอบกลับคนเป็นพ่ออย่างเหลือทน วันนี้ความอดทนที่สั่งสมมานานได้ขาดสะบั้นลงพร้อมระเบิดออกมาแล้ว
คุณหนูมีน ณมล กรณ์กิตเจริญ ผู้ที่มีรูปเป็นทรัพย์ชายใดได้มองก็ต้องหลงใหลได้ปลื้ม แม้นจะเป็นชายแต่รูปร่างอ้อนแอ้นอรชรเอวบางร่างน้อยน่าทะนุถนอมยิ่งนัก ส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจนทุกสัดส่วน สะโพกอันผึ่งผายรับกับบั้นท้ายกลมกลึงได้อย่างพอดิบพอดี ถ้าจะให้พูดแบบหยาบคายไม่ต้องอ้อมค้อมก็ต้องบอกว่าเหมาะสำหรับจะเป็นแม่พันธุ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยแท้ ดวงหน้างดงามราวกับภาพวาดของจิตรกรฝีมือดีระดับโลกทั้งนัยน์ตาคมกลมโตเป็นประกายระยิบระยับใครได้สบก็เหมือนดั่งต้องมนต์สะกด เรียวปากบางเป็นกระจับยามเปล่งเสียงออกมาก็นุ่มนวลแสนไพเราะเสนาะหูหรือแม้กระทั่งยามเหยียดริมฝีปากคลี่ยิ้มออกมารอยยิ้มก็แสนหวานเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวชวนให้หลงใหลเช่นเดียวกับผิวกายที่ขาวละเอียดเนียนผุดผ่องชวนให้อยากสัมผัส
คุณหนูผู้แสนเลอค่าคนนี้นับว่าเป็นสมบัติอันมีค่ามหาศาลของเจ้าสัวธนา กรณ์กิตเจริญ ผู้นำตระกูลเก่าแก่ที่สืบเชื้อสายมาจากขุนน้ำขุนนางในวังเลยก็ว่าได้เพราะท่านเจ้าสัวเฝ้าประคบประหงมดูแลยิ่งกว่าไข่ในหิน
กรณ์กิตเจริญนับว่าเป็นตระกูลที่มีอำนาจทางการเงินที่สุดในประเทศเลยก็ว่าได้ เนื่องจากมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากมายมหาศาลทั้งในและต่างประเทศเป็นผลให้ติดอันดับตระกูลที่มีทรัพย์สินมากที่สุดในประเทศตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาจวบจนปัจจุบันนี้กรณ์กิตเจริญก็ยังคงถือครองตำแหน่งนั้นอยู่
การทำงานหนักมาตลอดทั้งชีวิตของท่านเจ้าสัวยังไม่เหนื่อยเท่ากับการพูดอ้อนวอนขอร้องแก้วตาดวงใจเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้ คนเป็นลูกดื้อรั้นและต่อต้านการถูกคลุมถุงชนจนหัวชนฝา คนทั้งสองยืนประจันหน้าปะทะคารมกันเช่นนี้เนิ่นนานนับชั่วโมงเนื่องจากท่านเจ้าสัวอยากให้ลูกรักแต่งงานกับคนที่ตัวเองหมายมั่นปั้นมือไว้
สองพ่อลูกต่างก็จ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใครเป็นเพราะเรื่องที่คนเป็นพ่อกำลังบังคับอยู่ตอนนี้คือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต การแต่งงานที่ถูกต้องสำหรับณมลคือต้องเกิดจากคนสองคนรักกันและอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่เกิดจากการเห็นดีเห็นงามของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายแล้วมาบีบบังคับเขาแบบนี้
“ป๊า! ป๊าจะเรียกน้องมีนกลับมาเพื่อจับแต่งงานกับใครก็ไม่รู้แบบนี้ไม่ได้นะครับ! น้องมีนไม่ยอม!!”
เมื่อไม่สามารถหลบหลีกได้อีกแล้วมีอย่างเดียวคือต้องลุกขึ้นสู้ ณมลน้อยใจคนเป็นพ่อที่สุดในตอนนี้เขายอมทิ้งทุกอย่างในชีวิต ยอมกลับบ้านตามคำร้องขอเพื่อมาช่วยผู้เป็นบิดาดูแลงานที่บริษัท ทว่าเมื่อสองเท้าก้าวเหยียบเมืองไทยคนเป็นพ่อก็เอาแต่พูดผลักไสไล่ส่งเขาอยู่ทุกวันสามเวลาหลังอาหาร อดทนข้ามน้ำข้ามทะเลใช้เวลานานกว่าสิบสามชั่วโมงกว่าจะมาถึงบ้านเกิดเมืองนอน นึกว่าอยากให้กลับมาช่วยทำงานที่ไหนได้อยากให้ลูกไปแต่งงานกับลูกชายเพื่อนรักตัวเอง ป๊านะป๊า!!
“เดี๋ยวป๊าจะแนะนำให้รู้จักกับพี่เขาเองลูกรัก ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ” เมื่อเห็นว่าลูกมีอาการซึมและหงอยถนัดตาลงจึงเข้าไปลูบหัวปลอบโยนแล้วพูดเกลี้ยกล่อมให้ลูกใจเย็นลงกว่านี้อีกสักนิด
“ป๊า.. น้องมีนขอเลือกแฟนเองไม่ได้เหรอครับ สัญญาเลยว่าจะเลือกให้ถูกใจ” ตอนนี้ณมลกำลังมืดแปดด้านอ้างเหตุผลต่างๆ นาๆ กับผู้เป็นพ่อไปจนไม่เหลืออะไรให้อ้างเพื่อเอาตัวรอดอีกแล้วจริงๆ กลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นานก็จะมีสามีเป็นตัวเป็นตนซะแล้ว อยากจะหนีกลับก็ทำไม่ได้เพราะพ่อสุดที่รักยึดพาสปอร์ตไปซ่อนไว้ที่ไหนก็ไม่รู้
“สวัสดีครับคุณลุง”
เสียงของชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลาในชุดลำลองง่ายๆ เอ่ยเสียงนุ่มทักเจ้าของคฤหาสน์พร้อมกับรอยยิ้มทำให้สองพ่อลูกที่กำลังปราบพยศกันอยู่หันไปมองเป็นตาเดียว คงจะมีแค่ณมลเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ขมวดคิ้วสงสัยว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นใครกันทำไมถึงได้เดินเข้าออกบ้านเขาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
“ไหว้พระเถอะลูก” เจ้าของคฤหาสน์หลังใหญ่พูดทักทายกลับอย่างสุภาพพร้อมกับยกมือขึ้นรับไหว้ ก่อนจะหันสายตาทอดมองลูกชายตัวดีที่เอาแต่นั่งขมวดคิ้วจ้องหน้าแขกอย่างเสียมรรยาท “น้องมีน.. มือ!"
"สวัสดีครับ" เมื่อถูกคนเป็นพ่อสะกิดด้วยคำพูดและสายตาบอกให้รีบยกมือขึ้นไหว้แขกจึงยอมทำตามอย่างว่าง่าย
"สวัสดีครับน้องมีน"
ชายหนุ่มผู้ที่ถูกอกถูกใจคุณหนูเจ้าของคฤหาสน์อยู่ก่อนแล้วส่งยิ้มที่คิดว่าหวานและสวยที่สุดออกไปทว่ากับได้รับเพียงสายตาที่ว่างเปล่าจากอีกฝ่ายกลับมาแทน
"น้องมีนนี่พี่คินน์ลูกชายคุณลุงพฤกษ์ครับ ลูกจำคุณลุงได้ไหม?.. คุณลุงเคยไปเยี่ยมลูกที่สวิตเซอร์แลนด์กับป๊าเมื่อสามปีที่แล้ว”
คนนี้สินะลูกชายเพื่อนรักที่ป๊าพูดถึงบ่อยๆ หน้าตาก็ดูปกติดี ไม่ได้ดูเหมือนคนปัญญาอ่อนหรือเสียสติเลยสักนิด ทำไมถึงยอมให้ผู้ใหญ่บังคับจับแต่งงานกับคนอื่นง่ายๆ แบบนี้กัน
หน้าตาก็พอจะพาไปวัดไปวาได้ไม่อายพระ ทำไมถึงไม่ปฏิเสธผู้ใหญ่ให้มันจบๆ ไป จะยอมแต่งงานกับเขาเพราะผู้ใหญ่บังคับแบบนี้ทำไม!!
แววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยระคนปนกับตำหนิด่าทอถูกส่งออกไปอย่างไม่คิดจะปิดบัง เป็นผลให้ท่านเจ้าสัวธนาเอ่ยห้ามปรามลูกชายตัวดีให้หยุดการกระทำไร้มรรยาทเช่นนี้ลง
“น้องมีน! อย่าเสียมรรยาทกับพี่คินน์แบบนี้สิครับ”
"ไม่เป็นไรครับคุณลุง"
คินน์ หรือ ไคเลอร์ คินน์ เจทท์ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่ใครๆ ต่างก็จับตามองเพราะนอกจากจะทำธุรกิจได้เก่งกาจและเฉียบขาดแล้วยังมีรูปร่างกำยำสูงใหญ่ท่วงท่าสุขุมน่าเกรงขามวางตัวดีทุกกระเบียดนิ้ว คิ้วเข้ม นัยน์ตาสีรัตติกาลคมกริบ ทุกสัดส่วนบนใบหน้าไร้ที่ติราวกับเทพปั้นสรรค์สร้างลงมาจุติ ยามที่ริมฝีปากหยักได้รูปเหยียดยิ้มออกกว้างมักมีรอยยิ้มที่แสนหวานพร้อมสะกดได้ทุกคน
จากการรับฟังผู้เป็นพ่อสาธยายคุณสมบัติคนตรงหน้ามานานหลายเดือนไม่มีอะไรเกินจริงเลยสักนิดทั้งรูปร่างหน้าตาและหน้าที่การงาน เป็นถึงเจ้าของโรงแรมชื่อดังทั้งในและต่างประเทศ ลงทุนทำธุรกิจให้เช่าเครื่องบินเจทท์ส่วนตัวในต่างประเทศเป็นงานอดิเรกแถมยังมีพ่อเป็นเจ้าของบ่อน้ำมันในตะวันออกกลางอีก โพรไฟล์ดีขนาดนี้อยู่เป็นโสดรอดมาถึงป่านนี้ได้อย่างไรกัน
ดวงตากลมหรี่มองคนตรงหน้าอย่างพิจารณา หน้าตาก็ดีทำไมถึงได้โง่เง่ายอมให้ผู้ใหญ่จับแต่งงานกับคนอื่นง่ายๆ แบบนี้กัน ยิ่งคิดหาคำตอบณมลยิ่งโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงกระทั่งเผลอสะบัดหน้าและแสดงท่าทีไม่เหมาะสมออกไป
“น้องมีนอย่าเสียมรรยาทกับแขกของป๊าแบบนี้นะ!" อดทนมองพฤติกรรมของลูกชายตัวดีมาได้ตั้งนาน สุดท้ายความอดทนก็หมดลงเพราะลูกชายตัวดีดันค้อนตาสะบัดหน้าใส่แขกคนสำคัญ
"แขกของป๊า?...โอเคครับ! ถ้าอย่างนั้นน้องมีนขอตัวนะครับ" พูดจบร่างเล็กก็หยัดกายลุกขึ้นปัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ด้วยท่าทียียวนคนเป็นพ่อก่อนจะหันหลังเตรียมเดินหนีออกจากตรงนี้แต่ทว่าขณะที่กำลังจะก้าวขาเดินกลับมีมือดึงรั้งขากางเกงของณมลเอาไว้ "อ๊ะ! ป๊าปล่อยน้องมีนครับ"
"ไอ้ตัวแสบนั่งลง! อย่าให้ป๊าต้องโมโห"
การกระทำของคนทั้งสองอยู่ในสายตาของคินน์ตลอดเวลา ว่าที่ภรรยาในอนาคตของเขาท่าทางจะพยศเก่งไม่เบาถึงขั้นกล้าทำกิริยาแบบนั้นใส่พ่อตัวเองต่อหน้าแขก ทันทีที่คนตัวเล็กกระแทกก้นลงบนโซฟาตัวใหญ่ทั้งเขาและเจ้าของคฤหาสน์หลังใหญ่ต่างก็นั่งลงตามไปด้วย
“วันนี้ที่ผมมาหาคุณลุง.. แด๊ดให้มาแจ้งว่าอีกสองสัปดาห์แด๊ดจะกลับเมืองไทย.. แล้วจะมาคุยเรื่องสินสอดกับคุณลุงครับ”
"สินสอด!!" ร่างกายราวกับโดนไฟช็อตเข้าอย่างจังเป็นผลให้คนที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ ดีดตัวลุกพรวดขึ้นยืนเท้าเอวแล้วยื่นหน้าเข้าไปถามคนพูดเรื่องสินสอดอย่างเอาเรื่อง “เอาจริงดิ?”
"ครับ!.. แด๊ดบอกด้วยนะครับว่าให้คุณลุงแจ้งได้เลยว่าต้องการเท่าไหร่"
เมื่อคนตรงหน้าพูดเรื่องสินสอดต่ออารมณ์คนฟังก็ยิ่งปรี๊ดขึ้นจนปรอทแตก "ถ้าอย่างนั้นก่อนจะแต่งงานกับผม รบกวนคุณไปเช็กสมองก่อนเลยว่ามีส่วนไหนที่บกพร่องบ้าง!!"
"น้องมีน!! มันจะมากเกินไปแล้วนะ!"
ไม่คิดว่าจะแสบขนาดนี้
"มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ! ทำไมป๊าต้องบังคับน้องมีนด้วย น้องมีนไม่ได้รักเขา เขาเองก็ไม่ได้รักน้องมีนเหมือนกัน แต่งไปเราก็ต้องหย่ากันอยู่ดี ทำไมป๊าถึงไม่ให้น้องมีนเลือกคู่ครองด้วยตัวเอง!!" เมื่อฟางเส้นสุดท้ายขาดสะบั้นลง ณมลจึงระเบิดอารมณ์ออกมาเสียงดังสนั่นลั่นไปทั่วบ้าน
"ป๊าต้องการคนนี้เป็นลูกเขยแค่คนเดียวเท่านั้น! คนอื่นป๊าไม่รับ!!"
น้องมีนมีแฟนแล้วเหรอ.. ทำไมเขาถึงไม่รู้
"ฮึก! ป๊าเสียงดังใส่น้องมีนเพราะเขา"
เมื่อเห็นน้ำตาของลูกรักคนเดียวไหลรินลงอาบแก้มมีหรือคนเป็นพ่อจะทนไหว มือใหญ่ที่เริ่มมากไปด้วยริ้วรอยสั่นไหวยามที่ยื่นออกไปหมายจะเช็ดน้ำตาให้ลูกรักที่เปรียบเสมือนลมหายใจของชีวิตนี้
ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจที่ไม่สามารถเลือกคู่ครองเองได้จึงทำให้ณมลฟิวส์ขาดทำกิริยาไม่ดีใส่แขกต่อหน้าพ่อตัวเอง ณมลทรุดตัวลงนั่งกับโซฟากลั้นเสียงสะอื้นไห้ไว้ไม่ให้เล็ดลอดออกมาจนใบหน้าเริ่มเห่อแดง
"อย่าร้องไห้แบบนี้สิครับทูนหัว ป๊าไม่ได้ตั้งใจ"
สิ่งที่มันอัดอั้นอยู่ภายในใจตอนนี้ณมลสามารถระบายกับใครได้บ้าง ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเกเรหรือทำให้คนเป็นพ่อต้องอับอายใครเลยสักครั้ง ตั้งใจเรียนและปฏิบัติตัวดีตามคำสั่งสอนมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ป๊าถึงไม่ใจดีกับน้องมีนเลยสักนิด!
ที่อยากให้ลูกรักคนเดียวครองคู่กับชายหนุ่มผู้นี้ก็เพราะลูกชายเพื่อนรักเป็นคนเก่งกาจอายุยังน้อยแต่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเป็นอย่างมาก ตอนนี้คินน์เองก็ขึ้นแท่นเป็นผู้บริหารหน้าใหม่ไฟแรง คนในแวดวงนักธุรกิจต่างก็พากันจับตามอง หลายตระกูลต่างก็อยากเป็นทองแผ่นเดียวกับเพื่อนรักเขาทั้งนั้น พวกลูกหลานขุนนางผู้ดีเก่าต่างก็พาลูกพาหลานของตัวเองไปแนะนำให้รู้จักกับชายหนุ่มผู้นี้ด้วยกันทั้งนั้น
แต่ด้วยสัญญาใจเมื่อสามปีที่แล้วไอ้เพื่อนรักของเขาดันมาบอกว่าอยากให้ลูกชายของเราทั้งคู่แต่งงานกัน วินาทีนั้นเจ้าสัวธนาค่อนข้างตกใจและกังวลใจเป็นอย่างมากเพราะลูกเขาทั้งสองคนต่างก็ยังไม่เคยพบเจอกันมาก่อนและที่สำคัญเจ้าสัวธนาเองก็รู้จักนิสัยลูกชายของตัวเองดีว่าเรื่องแบบนี้จะบังคับกันง่ายๆ ก็คงไม่ได้ แต่ไอ้เพื่อนรักของเขากลับบอกว่าลูกชายมันจริงจังกับเรื่องนี้มากและกำลังจะไปดูตัวลูกชายสุดที่รักของเขาไกลถึงสวิตเซอร์แลนด์ ขอแค่วางใจและทำตามที่มันแนะนำก็พอแล้ว
‘เราสองคนเป็นเพื่อนรักกันมานาน ฉันไม่อยากเป็นทองแผ่นเดียวกับคนอื่น เราเป็นเพื่อนรักกันต้องเกื้อกูลกันในอนาคตสิวะ’ เทเลอร์ พฤกษ์ เจทท์
ทั้งหมดนี้กว่าจะทำให้ลูกรักยอมกลับมาเมืองไทยใช้เวลานานราวสามปี วางแผนพูดหว่านล้อมอ้อนวอนขอให้ลูกกลับมาเมืองไทยทุกวันสุดท้ายก็สำเร็จ ตลอดเวลาสามเดือนที่ลูกชายกลับมาอยู่บ้านมีหรือคนเป็นพ่อที่รักและหวังดีกับลูกเสมอมาจะไม่หยิบยื่นสิ่งดีๆ ให้
"น้องมีนขอตัวนะครับ"
ร่างบางของณมลลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องรับแขกริมน้ำตรงขึ้นห้องนอนตัวเองทันทีโดยสั่งห้ามสาวใช้คนสนิทเดินตามเพราะอยากอยู่เพียงลำพัง
เบื้องหน้าของคินน์หลากหลายเต็มไปด้วยอาหารไทยทั้งต้มผัดแกงทอด สำหรับคนโสดอย่างเขาที่อาศัยอยู่คนเดียวการได้เห็นอาหารเต็มโต๊ะเช่นนี้นับว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลกตาและแตกต่างจากทุกวันเป็นอย่างมาก อาหารบนโต๊ะวันนี้สำหรับเขาเพียงแค่คนเดียวสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ทั้งสัปดาห์
“แม่จันทร์ ให้คนไปตามน้องมีนลงมาทานข้าว”
“เจ้าค่ะ ท่านเจ้าสัว”
เมื่อได้รับคำสั่งจากท่านเจ้าสัวประมุขของบ้านก็รีบขึ้นไปตามคุณหนูด้วยตัวเองเพราะเป็นห่วงกลัวว่าจะร้องไห้จนปวดหัวขึ้นมาอีก
ปล่อยให้ลูกได้อยู่คนเดียวนานขนาดนี้ก็คงจะใจเย็นลงบ้างแล้ว ต่อไปจะได้ทำความรู้จักกับว่าที่สามีในอนาคตอย่างเป็นทางการเสียที เจ้าสัวธนาเองก็ตั้งใจอยากจะฝากฝังให้ลูกชายไปเรียนรู้งานจากชายหนุ่มตรงหน้านี้ด้วย ทั้งสองจะได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น อีกอย่างไปเรียนรู้งานไว้บ้างก็ดีจะได้เลิกไปเดินเที่ยวเล่นตามห้างชอปปิงของไร้สาระเสียที ถึงเวลาแล้วที่ลูกชายตัวดีต้องทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันแล้วจริงจังกับชีวิตสักที
“ถ้าพี่คินน์หิวก็ทานก่อนได้เลยนะครับลูก”
“รอน้องมีนมาก่อนก็ได้ครับ.. ผมยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”
สิบห้านาทีผ่านไป.......
“วันนี้น้องมีนไปทานข้าวข้างนอกกับณัฐนะครับ”
“ไม่ได้!!”
เมื่อเห็นลูกชายตัวดียังไม่หยุดพยศทำตัวเสียมรรยาทกับแขกซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้ก็เริ่มจะทนไม่ไหวกับพฤติกรรมแย่ๆ จึงหันหน้าไปตอบลูกชายเสียงแข็งดังลั่นไปทั่วห้องรับประทานอาหารเป็นผลให้ทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ต่างก็ก้มหน้างุดไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองสถานการณ์ตรงหน้า
“คุณหนูมาทานข้าวเถอะค่ะ เชื่อป้านะคะ”
“นั่ง! ลง!”
ถ้อยคำช้าๆ ชัดๆ และนัยน์ตาแข็งกร้าวของเจ้าสัวธนาทำให้ณมลรู้สึกเสียใจหนักยิ่งกว่าเดิม มือเล็กทั้งสองกำแน่นเข้าหากันเนื้อตัวสั่นเทาเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ฝั่งตรงข้ามแขกคนสำคัญอย่างจำยอม นัยน์ตาสั่นไหวแฝงด้วยความน้อยใจสุดท้ายน้ำสีใสที่กลั้นเอาไว้ก็ค่อยๆ ซึมแล้วไหลลงอาบแก้มนวลทั้งสองข้าง
เมื่อเห็นลูกชายคนที่ตัวเองรักจนสุดหัวใจยกหลังมือขาวขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้าก็หันสายมองไปทางอื่นเพราะหัวใจคนเป็นพ่อกำลังบีบรัดแน่น เจ็บปวดเป็นที่สุดที่ทำให้ลูกรักต้องเสียน้ำตาเพราะการกระทำและคำพูดของตัวเอง ถ้าไม่ทำแบบนี้เจ้าลูกรักตัวดีก็ไม่ยอมหยุดดื้อซะที
“คุณลุงใจเย็นๆ ก่อนนะครับ”
คนที่คอยนั่งมองสถานการณ์อยู่เอ่ยแทรกขึ้นเสียงแผ่วเบาหวังว่าจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ตอนนี้ให้ดีขึ้น ยิ่งเห็นว่าคนเป็นลูกน้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสายคินน์ยิ่งสงสารจับใจ ดวงตาที่งดงามเช่นนั้นไม่เหมาะกับน้ำตาเลยสักนิด
“อย่ามายุ่ง!! ฮึก!”
“น้องมีน! อย่าทำนิสัยเหมือนไม่มีคนอบรมสั่งสอนมรรยาทแบบนี้นะ ป๊าไม่ชอบ!”
ถ้อยคำตำหนิลูกชายถูกเอ่ยตะโกนออกมาเสียงดังประสานกับเสียงสะอื้นไห้ของคนตัวเล็กที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เจ้าสัวธนาหันหน้ามองลูกชายที่กำลังก้มหน้าร้องห่มร้องไห้ตัวสั่นอยู่ด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะคลุกกรุ่นขึ้น อาจเป็นเพราะตามใจมากจนเกินไปถึงได้กลายเป็นเด็กอวดดีขนาดนี้
“ฮึก! ทำไมป๊าไม่ให้น้องมีนไปอยู่กับเขาซะเลยล่ะ ฮึก! ถ้าป๊าจะบังคับน้องมีนขนาดนี้!”
“ดี!! แม่จันทร์ไปเก็บของให้น้องมีนด้วย”
ที่พูดออกไปหวังแค่จะประชดประชันเพียงเท่านั้น ไม่คิดว่าผู้เป็นพ่อจะเก็บเอาไปเป็นจริงเป็นจังเสียได้ หัวใจณมลวูบไหวนัยน์ตาบ่งชัดว่าเสียใจกับคำพูดของผู้เป็นพ่อมากแค่ไหนที่คอยแต่จะผลักไสให้เขาไปอยู่กับคนอื่นตลอดเวลา เสียงสะอื้นไห้ดังไปทั่วคฤหาสน์จนคินน์อยากจะลุกขึ้นไปรวบร่างบางที่กำลังสั่นเทาเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแต่ก็ได้เพียงแค่นั่งมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างเงียบๆ เท่านั้น
หยุดร้องไห้ก่อนนะครับคนดี พี่คินน์จะไม่เร่งรัดอะไรน้องเลย เงยหน้ามาคุยกันก่อนนะครับ
“ป๊า!! น้องมีนไม่ไปนะครับ ป๊าอย่าไล่น้องมีนเลยนะ ฮือ... ฮึก!”
ร่างเล็กทรุดตัวลงกับพื้นแล้วคลานตะเกียกตะกายเข้าไปเกาะท่อนขาของคนเป็นพ่อแน่น ซบใบหน้าลงที่ตักร้องไห้เสียงดังพูดอ้อนวอนสารพัดแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะครั้งนี้เจ้าสัวธนาเอาจริง อยากจะดัดนิสัยเอาแต่ใจของเจ้าลูกชายตัวดีเต็มที
"ปล่อยป๊า! ไปอยู่กับพี่เขาก็อย่าดื้อให้มากนักล่ะ"
มือที่เริ่มมีริ้วรอยแงะท่อนแขนลำเล็กของลูกชายออกจากลำตัวและท่อนขาตัวเองก่อนจะลุกขึ้นแล้วรีบเดินออกไปจากตรงนี้ ณมลที่เห็นว่าพ่อพูดจริงทำจริงก็เริ่มกลัวจึงวิ่งตามไปกอดขาคนเป็นพ่อไว้แน่นอีกครั้งแล้วปล่อยโฮร้องไห้อ้อนวอนขอความเห็นใจทว่าก็ไม่เป็นผลเช่นเดิม ครั้งนี้ป๊าเอาจริง มันน่ากลัว... น่ากลัวเสียจนอดคิดไม่ได้ว่าเขาจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว
"อีกสามเดือนถ้าทั้งสองคนไม่รักกันจริงๆ ค่อยกลับมาคุยกันใหม่ วันนี้เอาของที่จำเป็นไปก่อน.. พรุ่งนี้ป๊าจะให้คนเก็บของที่เหลือตามไปให้”
ดวงตาคมหรี่ลงต่ำมองลูกชายที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นเกาะท่อนขาแน่นไม่ยอมปล่อยจึงใจอ่อนยอมยื่นข้อเสนอที่เพิ่งจะนึกขึ้นได้ให้ไป แล้วจำต้องใจแข็งเดินหนีลูกออกมาด้วยหัวใจที่เจ็บปวดราวกับมีเข็มนับพันเล่มกำลังทิ่มแทงลงที่กลางหัวใจ
เมื่อกลับเข้าห้องทำงานได้อยู่คนเดียวจึงปล่อยน้ำตาออกมาอย่างไม่อาจจะกลั้นไว้ได้ ยามที่เห็นลูกรักร้องไห้ปานจะขาดใจเช่นนั้นยิ่งทำให้คนเป็นพ่อเจ็บปวดหัวใจ
'ป๊าขอโทษนะลูก.. ยกโทษให้ป๊าด้วยนะครับ"
ยิ่งเห็นน้องร้องไห้ยิ่งอยากเข้าไปกอดปลอบโยนให้หยุดร้องไห้ลงเสียทีเพราะเขาเองก็เจ็บปวดใจเช่นกันที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดในวันนี้ ถึงอยากจะเข้าไปกอดสักแค่ไหนก็ทำได้เพียงแค่ยืนมองด้วยความสงสารเพราะกลัวว่าถ้าเข้าไปกอดน้องตอนนี้ น้องจะโกรธและเกลียดกันไปมากกว่านี้
“ฮึก! ป๊าไม่รักน้องมีนแล้วครับแม่จันทร์ ฮือ...”
“คุณหนูอย่าพูดแบบนี้สิคะ ท่านเจ้าสัวรักคุณหนูมากนะคะ”
ยิ่งได้ยินคำพูดตัดพ้อเช่นนั้นยิ่งทำให้คินน์รู้สึกอึดอัดใจ อยากเข้าไปกอดปลอบประโลมให้น้องหายเศร้าแต่ก็ทำได้แค่เพียงนั่งกัดฟันอดทนฟังเสียงสะอึกสะอื้นต่อไปด้วยหัวใจที่เริ่มไหวสั่น
สายตาทอดมองแม่จันทร์ที่คอยเฝ้าลูบแผ่นหลังปลอบโยนคุณหนูของบ้านอยู่นานก็ไม่มีท่าทีว่าจะสงบลง หลายครั้งที่แม่จันทร์ส่งสายตาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือให้ช่วยเข้าไปพูดแต่ทว่าคินน์นั้นกลับใจไม่กล้าพอที่จะเข้าไปในตอนนี้
"คุณหนูขา ป้าไปส่งที่รถนะคะ"
"ฮึก! แม่จันทร์น้องมีนกลัว กลัวว่าป๊าจะไม่ให้น้องมีนกลับมาที่บ้านอีก"
ร่างบางโผเข้ากอดที่พึ่งเดียวในตอนนี้ไว้แน่นพร่ำพูดออกมาแค่คำว่ากลัว กลัวว่าพ่อจะโกรธแล้วไม่ให้กลับมาที่นี่อีกอยู่อย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมา
“คุณคินน์ป้าฝากคุณหนูด้วยนะคะ ช่วยใจเย็นๆ กับคุณหนูด้วยนะคะ”
“ผมสัญญาว่าจะดูแลคุณหนูของแม่จันทร์เป็นอย่างดีครับ”
ทันทีที่ได้รับสัญญาณว่าให้เข้าไปร่างสูงใหญ่ก็หยัดกายลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วรีบเข้าไปทันที มือใหญ่เอื้อมไปรับคนตัวเล็กออกจากอ้อมกอดหัวหน้าแม่บ้านมาพิงซบอกไว้ ฝ่ามืออุ่นลูบแผ่นหลังเล็กเพื่อปลอบประโลมต่อจนเริ่มจะสงบลงและนั้นก็เป็นเวลาเดียวกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของคนในอ้อมกอดถูกยกลงมาพอดี คินน์จึงรวบร่างเล็กขึ้นอุ้มไว้ในอ้อมแขนในท่าเจ้าสาวแล้วเดินตรงไปที่รถทันที
"ฝากลาคุณลุงด้วยนะครับ"
"เจ้าค่ะ"
.......TBC......
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!