หอพักในของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในยามค่ำคืนยังมีเสียงเพลงเปิดดังจยแผ่นดินแทบสั่นไหวมาจากห้องพักชั้นบนสุด ทุกคนต่างก็เอือมระอาเต็มทีแต่ก็ไท่มีใครกล้าฟ้องอาจารย์กันสีกคน เพราะหากใครมีเรื่องกับเจ้าของห้องนี้ล่ะก็ เขากัดไม่ปล่อยเป็นแน่
ซึ่งเจ้าของห้องที่หมายถึง เขาคือ ‘บลู’ หนุ่มนักศึกษาปีสองคณะวิศวโยธาเลือดร้อน ปากสุนัขนิสัยเสีย ด่าไม่เลือกแม้กระทั่งผู้หญิงเด็กคนแก่ เพราะถือว่าพ่อแม่ของตนถือหุ้นหลักของมหาวิทยาลัยอยู่ จึงไม่มีใครกล้าหืออือกับเขาสักคนแม้แต่อาจารย์เองก็ตามและไม่มีผู้หญิงคนไหนมาจับจองหัวใจเขาสักที ทั้งยังมีเรื่องชกต่อยอยู่บ่อยครั้งแต่สุดท้ายเขาก็รอดตัวไปได้ทุกครั้ง ส่วนคนที่ซวยน่ะ..ก็เป็นคู่อริของเขาไป
ในหอพักสี่เหลี่ยมมีชายหนุ่มปีสองคณะเดียวกัน เป็นทั้งเพื่อนร่วมห้องและร่วมแก๊ง เป็นเพราะนิสัยเหมือนกันจึงอยู่ร่วมกันได้ เขาทั้งสี่แอบเอาแอลกอฮอล์มาดื่มกินในหอพักของมหาวิทยาลัยเป็นประจำ แต่ก็ไม่มีใครกล้าฟ้องอาจารย์สักที เพราะหากฟ้องไปนอกจากเจ้าตัวที่กัดไม่ปล่อย ยังต้องมีปัญหากับพ่อแม่เขาไม่จบไม่สิ้นอีกด้วย
“เฮ้ยยยยยไอ้บลู~ มา ๆ กูรินให้เพื่อนร๊ากกก~” เพื่อนชายคนหนึ่งในกลุ่มก้มตัวลงหยิบขวดเหล้ามารินให้หัวโจกอย่าบลู ที่กำลังเต้นตามจังหวะเพลงอย่างเมามันส์ ไม่นึกถึงเพื่อนร่วมหอที่อยู่ชั้นล่างเลยว่าจะหนวกหูขนาดไหน
“ขอบคุณคร้าบบเพื่อนน” เจ้าหนุ่มยื่นแก้วให่เพื่อนรินให้ ขณะอีกสองคนที่เหลือที่ยังคงอยู่ในชุดเสื้อช็อปสีน้ำตาลเข้มเริ่มประคองตัวเองไปไหวด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์จึงล้มตัวลงนอนกับพื้นทันที
“อ้าววเห้ยย ไอ้กากเอ้ยย!ยอมแพ้ซะแล้วเหรอพวกมึง”
“เอออออ~”
บลูพูดขณะในมือถือแก้วแอลกอฮอล์พลางใช้เท้าเขี่ยเพื่อนทั้งสองไปมา ทั้งที่ตัวเองก็เซไปมาแทบยืนไม่ไหว เสียงเพลงจังหวะมันส์ก็ยังคงดังสนั่นอยู่อย่างนั้น
“โอ๊ยย~ กูก็ยอมว่ะ นอนก่อนนะมึง เก็บ..ของ ด้วยย…~”
“อ่าวเห้ยไอ้ซัน!!ให้กูเก็บตลอดเลยนะพวกมึง!”
ซันพูดจบก็ล้มตัวลงนอนบนพื้นเช่นเดียวกัน ปล่อยให้คนคอแข็งอย่างบลูต้องอยู่เก็บกวาดห้องอีกตามเคย ไหนจะยังต้องจัดการเคลียร์พื้นที่เจ้าพวกนั้นที่นอนเกลื่อนกลาดอีก
วันหนึ่ง ณ ตึกคณะรัฐศาสตร์เต็มไปด้วยหนุ่มสาวใบหน้าตึงเครียด นักศึกษาชั้นปีที่สองในคลาสเรียนต่างก็ขะมักเขม้นฟังอาจารย์สอนเกี่ยวกับการปกครองอย่างตั้งใจ ด้านหน้าคลาสเรียน คือ ‘เดฟ’ หนุ่มมาดขรึมหน้านิ่งทุกสถานการณ์ รักษาฟอร์มแต่ก็เอาใจเก่ง รู้ใจผู้หญิงไปเสียทุกเรื่อง จึงทำให้แฟนสาวอย่าง ‘เจีย’ หลงหัวปักหัวปำ
เจียเธอเป็นนักศึกษาปี2เช่นกัน แต่เรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์ ทั้งสองเป็นแฟนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมจนบัดนี้แล้วก็ยังรักหวานชื่นเช่นเดิม หากแต่ว่าตั้งแต่เข้ามหา’ ลัยมาด้วยกัน หญิงสาวก็มีเพื่อนผู้ชายเยอะขึ้น ทั้งรุ่นพี่รุ่นเดียวกัน ถึงอย่างนั้นเดฟก็ยังคงเชื่อใจแฟนสาวอยู่ดี ว่าไม่สามารถมีมครทำให้เธอเปลี่ยนใจไปจากเขาได้
วันนี้เป็นอีกวันที่เจียชวนเขาไปที่หอพักของเธอหลังเลิกเรียน เธอไปหอพักเขาไม่ได้เพราะเป็นหอในชาบย แม้หญิงสาวจะบอกให้เขาย้ายมาอยู่ด้วยกันหลายต่อหลายครั้ง แต่หนุ่มผํ้หยิ่งในศักดิ์ศรีก็ไม่ยอมใจอ่อนเสียที เหตุเพราะพ่อแม่ของเจ้าหนุ่มเคยพูดไว้ หากเขาบ้ายไปอยู่หอนอกเมื่อไหร่ ท่านทั้งสองจะซื้อรถให้เพื่อเดินทางไปเรียน เดฟไม่อยากได้และไม่อยากรบกวน อาศัยอยู่ในหอในของมหา’ ลัยก็ดีอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องตื่นเช้าเพื่อรีบเข้าเรียนให้ทันเวลา อีกทั้งเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงตึกเรียนแล้ว
“เธอ คืนนี้ค้างที่นี่ซักคืนสิ” แฟนสาวเข้ามานั่งบนตักอันแข็งแกร่งของชายหนุ่มที่กำลังนั่งหยิบคุกกี้กินอย่างอร่อยอยู่บนโซฟา เธอโอบรอบต้นคอเขาก่อนจะเอียงใบหน้าเข้าไปพูดเสียงออดอ้อน
เดฟในชุดนักศึกษาปลดกระดุมเม็ดบนสองเม็ดรูปร่างอย่างนักกีฬา ได้ยินเช่นนั้นก็วางคุกกี้ที่กัดไปครึ่งชิ้นลงบนจานก่อนจะหันมาโอบเอวแฟนสาวตัวบอบบางที่นั่งอยู่บนตักทันที
“วันนี้เดฟต้องทำงานพรีเซนต์กับเพื่อนน่ะสิ ไว้วันอื่นนะ” เขาตอบกลับน้ำเสียงนุ่มลึก พบางส่งสสยตาหวานเยิ้มสบตาแฟนสาวที่นั่งอยู่บนตัก กับคนอื่นเขาจะนิ่งเงียบไม่ค่อยพูดจาอย่างไรก็ตาม แต่เมื่ออยู่กับแฟนสาวที่คบหากันมาเกือบห้าปีแล้วล่ะก็ เขาจะกลายเป็นลูกแมวเหมียวไปเลยล่ะ
เจียในชุดนักศึกษารัดรูปปล่อยชายเสื้อออกได้ยินเช่นนั้นก็ตั้งหน้างอนรีบผละตัวลงจากตักแฟนหนุ่มเป็นนั่งข้างเขาแทน “อีกละ เราจะไปหอเธอก็ไม่ได้อีก ย้ายออกมาอยูาด้วยกันไม่ได้เหรอ”
“อดทนอีกหน่อยนะ ปีหน้าเราก็ฝึกงานด้วยกันไง จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว” ชายหนุ่มขยับตัวเข้าไปโอบกอดคนขี้งอน ทำทีเป็นพูดเสียงหวานให้เธอหายงอน
“ตั้งปีหน้า…”
“นะ ๆ ไม่รักเดฟแล้วเหรอ…” เขาขยับเข้าไปพูดข้างหูอีกคนเสียงกึ่งกระซิบ ครั้นเมื่อเจียหันใบหน้ามาสบตามองต่ำไปยังริมฝีปากมุมโค้งนั้นก็ห้ามใจไม่ได้จริง ๆ ทั้งสองค่อย ๆ โน้มตัวเข้าหาริมฝีปากบนล่างนั้นพร้อมกันก่อนจะมอบจุมพิษอันแสนดูดดื่ม
ชายหนุ่มผลักร่างบางลงนอนนาบบนโซฟาอย่างนุ่มนวล ลูบไล้ผิวกายเธอด้วยความคะนึงหาก่อนจะค่อย ๆ ปลดกระดุมชุดรักศึกษารัดรูปนั้นทีละเม็ดจนเผยให้เห็นเนินอกขาวนวล เขาถอนจุมพิษจากริมฝีปากอวบอิ่มมาเป็นจูบไล้ซอกคอลงไปเรื่อย ๆ
ทั้งคู่มอบความรักให้แก่กันเช่นนี้เสมอทุกครั้งที่อยู่กันสองต่อสอง แต่ทว่าสำหรับเจียแล้ว เธอไม่ได้ต้องการแค่นั้น เธอการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับแฟนหนุ่มแต่เขาก็เอาแต่หยิ่งในศักดิ์ศรีกับคนที่บ้านเหลือเกิน ครั้นเวลาคิดถึงเขาขึ้นมา จะไปหาก็ไม่ได้อีก เธอต้องเป็นฝ่ายรอให้เขามาหาเพียงฝ่ายเดียว
เสร็จสิ้นจากการเติมความหวานให้แฟนสาว เดฟก็กลับหอพักในมหา’ ลัยทันที ชายหนุ่มมีท่าทางเหนื่ิอยล้าเล็กน้อย ทั้งจากการเรียนและการเดินทางจากคอนโดแฟนสาวมายังหอพักแต่เขากลับรู้สึกว่ามันคือวิ่งจำเป็นที่ร้องทำ
ระหว่างเดินขึ้นบันไดไปยังก้องพักของตนชั้นที่ห้า มือข้างหนึ่งจับราวบันไดส่วนอีกข้างจีบสายสะพายกระเป๋าสีดำ คิดในใจว่าหากถึงห้องขอนอนพักผ่อนสบาย ๆ สักที แต่ทว่าฝันของเขาก็สลายไปในทันใด เมื่อห้องข้าง ๆ ที่ติดกันยังเปิดเพลงดังกระหึ่มอยู่ด้านใน เดฟเดินผ่านมองประตูห้องดังกล่าวด้วยสายตาไม่สบอารมณ์
เป็นเช่นนี้เสมอเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ทุกคนในหอพักรู้ ลุงรปภ.ที่อยู่ยามก็รู้ ว่ากลุ่มสักศึกษาที่อยู่ในห้องนี้แอบเอาแอลกอฮอล์เข้ามาดื่มกันทุกเย็น บางวันตีสองตีสามเวียงเพลงก็ยังดังกระกึ่มอยู่ จนต้องทำให้เดฟหนุ่มรัฐศาสตร์รักเรียน ต้องหนีไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดเป็นประจำ
เดฟไม่มีเพื่อนสนิท เพื่อนร่วมห้องอีกสามคนที่เขาอยู่ร่วมด้วยก็อยู่คนละคณะและมีคนรักกันทั้งนั้น จึงน้อยครั้งหากจะได้อยู่ในก้องครบกันทั้งสี่คน
ทันใดนั้นเองขณะที่เดฟหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าห้องดังกล่าวอยู่ครู่หนึ่ง ประตูบานนั้นก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นหนุ่มเจ้าของห้องที่ยังอยู่ในเสื้อช็อปวิศวะ ความจรืงก่อนหน้านี้ช่วงสายของวัย เดฟก็เคยได้เห็นหน้าค่าตาอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงขั้นทักทายพูดคุย เพราะเขาเกลียดขี้หน้าหนุ่มวิศวะผู้นี้ตั้งแต่ปี1 เหตุเพราะไร้ความเกรงใจแถมยังทำกร่างว่าตนเป็นใหญ่อีกด้วย
“มองไรวะ!”
“เปล่า” เดฟตอบกลับ เสียงทุ้มของเขามีรอยสะกดกลั้นอารมณ์ ถึงอย่างนั้นสีหน้าก็ยังนิ่งเฉยทำให้หยุ่มเลือดร้อนอย่างบลูโมโหได้ไม่น้อย
“เดี๋ยว!!” บลูรั้งไว้ขณะที่เขาผู้นั้นทำท่าจะเดินหันไปอีกทาง
เดฟหันกลับมาทางชายหนุ่มข้างห้องเจ้าปัญหาอีกครั้ฃ แววตาแอบแฝงความรำคาญใจเล็กน้อย ส่ายศีรษะไปมาเบา ๆ ด้วยคงามเบื่อหน่ายก่อนที่อีกคนจะเริ่มเดินเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าพร้อมมีเรื่อง จนกระทั่งเดฟต้องหันกลับมาจ้องตาเขานิ่ง ทั้งคู่ส่วนสูงเท่ากันแต่ทว่าเรื่องรูปร่างนั้นบลูยังสู้เดฟไม่ได้
“นี่ไง!มึงมองกูอยู่!” เสียงเดือดดาลของหนุ่มวิศวะไม่มีผลต่อหนุ่มรัฐศาสตร์ เขายังคงมีใบหย้านิ่งเฉยๆ ม่เกรงกลัวตาอารมณ์ของอีกคน
“ก็มึงมองกูก่อนเอง” เดฟตอบกลับเสียงเบา ไม่เข้าใจว่าอยู่ใกล้ขนาดนี้อีกคนจะตะโกนไปทำไม ก่อนที่ซันเพื่อนของบลูจะเปิดประตูออกมาดู
“เฮ้ยยย!ไอ้บลู ยังไม่ไปซื้ออีกเหรอวะ” เขาได้ยินเสียงโหวกเหวงโวยวายอยู่หน้าห้องจึงอยากรู้ว่าใครกันที่มันกล้าขัดใจเพื่อนสนิทอย่าบลู
“ยัง!สงสัยเด็กข้างห้องอยากมีเรื่องว่ะ!” บลูตอบกลับเพื่อนแต่สายตายังคงจับจ้องไปยังคนตรงหน้าด้วยสีหน้าพร้อมมีเรื่องตบอดเวลา รอเพียงคนเปอดเท่านั้น แต่ท่าท่างเฉยชาของหนุ่มรัฐศาสตร์มันน่าหงุดหงิดใจเสียจริง
ซันได้ยินเช่นนั้นก็กลั้วขำในลำคอออกมาก่อนจะพูดขึ้น “เหอะ!มาทาวไหนก็กลับทางนั้นไป๊ มึงไม่รู้รึไงพ่อแม่ไอ้บลูเป็นใคร?” พูดพลางชี้นิ้วไปทางบันได
“ไม่รุู่ และไม่อยากรู่ด้วย รู้แค่ว่าห้องพวกมึงเสียงดังกันมากนะ หัดเกรงใขคนอื่นเค้าบ้าง”
“เสียงดังอะไรวะ ไม่เห็นใครมีปัญหาแบบมึงเลย” บลูตอบกลับ ทำหน้าทำตาไม่รู้ไม่ชี้ ในเมื่ออีกคนไม่ยอมเปืดฉากบทต่อสู้เสียทร เขาก็ใช้วิชากวนประสาทแทน “ใช่มะไอ้ซัน” หันไปทางเพื่อนพร้อมทั้งหัวเราะชอบใจ
“ฮ่า ๆ เออ ๆ”
“จบนะ หลีกทางหน่อยครับ ผมจะไปซื่อ…เหล้า!” หนุ่มวิศวะพูดขึ้นใส่หน้าอีกคนเสียงเยาะเย้ย เล่นหูเล่นตาจนน่ารำคาญก่อนจะเดินกระแทกไหล่เดฟและตรงไปยังบันไดทันที
ทันใดนั้นเองซันก๋กบับเข้าห้องเปืดเพลงเวียงดังกระหึ่มต่อไป เดฟเอฃได้ยืนถอนหายใจก่อนจะกลับเข้าห้องตัวเองในเวลาต่อมา ไม่เข้าใจเสียจริง ขณะที่เขากำลังโต้เถียงกับเจ้าของห้องเจ้าปัญหา นักศึกษาที่อยู่ห้องใกล้เตียงก็น่าจะได้ยิน หากออกมาช่วยกันช่วยพูดช่วยกันต่อต้านบ้าง เจ้าคนอวดเบ่งก็คงเลิกกร่างได้บ้าง
เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่เดฟได้เผชิญหน้ากับบลูหลังจากที่อดทนมานาน สงสัยต่อจากนี้คงต้องใช้เวลาอยู่ในห้องนานกว่าเดิมเสียแล้ว
ตึกคณะรัฐศาสตร์
โต๊ะหินอ่อนหน้าตึกเต็มไปด้วยนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ที่กำลังนั่งรอเข้าคลาวเรียนขั้นบน บางคนก็ยั่งอ่านหยัฃสือกับกลุ่มเพื่อน เช่นเดียวกันกับเดฟ เขานั่งอ่านหนังสืออยู่เพียงลำพังหน้าตึกคณะเพื่อรับลมเย็นที่พัดผ่านจากริมแม่น้ำกระทบผิวกายให้รู้สึกเย็นใจ ต้นไม้ก็สูงใหญ่พอที่จะบดบังแสฃแดดได้มิด ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไม่มีใครเถียงเลยว่าตึกคณะรัฐศาสตร์เป็นตึกที่อุดมไปด้วยธรรมชาจิและร่มรื่นที่สุดแล้ว
ขณะที่เดฟนั่งอ่านหนังสือของตัวเองอย่างตั้งใจ แฟนสาวของเขาก็ปรากฎตัว ก่อนหน้านี้เธอโทรหาเขาแต่เจ้าตัวไม่รับสายก็พอเดาได้ว่าเจาคงมาอยู่ตรงนี้ จึงเดินมาหาได้ทันท่วงทีถึงแม้ตึกคณะนิเทศจะห่างยสกตึกรัฐศาสตร์ประมานหนึ่งก็ตาม
“อ้าว เจีย มาได้ไง” เดฟเงยหน้าขึ้นมองแฟนสาวพน้อมถามกลับน้ำเวียงแปลกใจ
“ก็เธอไม่รับโทรศัพท์อ่ะ”
“อะ!อ้าว!” เจ้าหนุ่มล้วงโทรศัพท์มาเปิดดูหน้าจอ พบว่าสายที่ไม่ได้รับทั้งสามสายเป็นขอฃเจียทั้งหมด “ขอโทษทีนะ เดฟปิดเสียงไว้ตั้งแต่ตอนเรียน แล้วลืมเปิดอ่ะ”
เจียพยักหน้าหงึก ๆ จำเป็นต้องเข้าใจ แม้จะไม่ชินเสียทีกับนิสัยขี้ลืมของแฟนหนุ่ม แต่เธอรู้ดีว่าหากงอนหรือน้อยใจไปก็ไม่เกิดประโยชน์ เหนื่อยเสียเปล่า ๆ เดฟเป็นเช่นนี้เสมอตั้งแต่คบกันมาเกือบห้าปี หากเขาไม่ผิดจริงก็ยะไม่มีการง้อเด็ดขาด หญิงสาวลองไม่โทรไม่ติดต่อไปสามวันแฟนหนุ่ใก็ไม่นึกมีใจโทรหา เพราะอ้างว่าตนไม่ผิด
แต่สาเหตุที่เจียยังอดทนกับเขาได้ นอกจากจะหน้าตาดี บ้านรวย ก็เป็นเพราะเขาไม่มีเรื่องผู้หญิงเข้ามาให้ต้องคิดมากนี่แหละ
“อืม ๆ ไม่เป็นไร แล้วนีาอ่านอะไรอยู่” เปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นน้ำเสียงปกติก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปดูหนังสือเรียนของแฟนหนุ่ม แต่แล้วก็ต้องกลับมานั่งท่าเดิมด้วยสีหน้าคล้ายคนเมา “โหเธอ เนื้อหาโคตรเยอะ ไม่ปวดหัวบ้างเหรอ”
เดฟไม่ตอบอะไร เขาคลี่ยิ้มอ่อน ๆ ขยี้ผมของแฟนสาวด้วยความเอ็นดู
“ย้ายมาเรียนนิเทศเถอะ” หญิงสาวได้ทีก็ลองส่งสายตาอ้อนวอนเขาอีกครั้ง ถึงจะไม่ได้พักอยู่ด้วยกันแต่อย่างน้อยเรียนคณะเดียวกันก็ยังดี แม้รู้ว่าเขาจะปฎิเสธอย่างทุกครั้งก็ตาม แต่หวังว่าสักวันเขาจะใจอ่อนแล้วเทียบโอนหน่วยกิจมาเนียนนิเทศตอนนี้ก็ยังทัน อาจจะเรียนช้ากว่าคนอื่นสักหน่อย แต่หัวกะทิอย่างเขาไม่นานก็ตามเพื่อนทัน
“ไม่ได้หรอกเจีย เธอก็รู้พาอแม่เดฟเค้าหวังกับเดฟขนาดไหน” ตอบกลับแฟนสาวเสียงทุ้มต่ำแฝงแววทอดถอนใจ มองไปยังเธอด้วยสายตาลำบากใจ พ่อแท่ของเดฟเป็นสมาบิกผํ้แทนราษฎรกันทั้งคู่ พวกท่านจึงหวังว่าลูกชายคนเดียวจะเดินตามรอยหรือไม่ก็สูงกว่านั้น
เจียพยัดหน้าอย่างเข้าใจอีกครั้งก่อนทีาเดฟจะก้มลงอ่านหนังสือต่อ เพราะแบบนี้เขาถึงๆ ด้ดูเคร่งเครียดตลอดเวลา ความคาดหวังของพ่อแม่ทำให้เขาไม่ค่อยได้ชีวิตเอาเสียเบย
“เอ้อ!เจมส์บอกว่าเมื่อวานเธอมีปัญหากับข้างห้องนี่” เขียนึกขึ้นได้จึงถามขึ้น เจมส์ คือรูปเมทของเดฟซึ่งอยู่คณะนิเทศเหมือนกันกับเจีย เขาจึงได้รับหน้าที่เป๋นหูเป็นตาให่เธอไปโดยปริยาย
“ห่ะ!ข่าวเร็วจริง ๆ นี่สินะเด็กนิเทศ” เดฟชะงักไป หยุดสายตาที่จับจ้องตัวหนังสือเป็นเงยหน้าขี้นมองแฟนสายทันที ก่อนจะตอบกลับไปสีหน้าปนหยอกหน้า ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยตั้งใจเย้าเล่น
“เชอะ!เจมส์มันรู้งานต่างหาก” เจียตอบ “ว่าแต่มีเรื่องอะไรกัน”
“ก็ไอ้เด็กวิศวะนั่นมันกวนตีนอาะเธอ เปิดเพลงเสียงดังทีนึงละ ยังจะทำเหมือนตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดอีก แล้วยังเอาเหล้าไปกินในห้องอยู่บ่อยอีก อย่างที่เดฟเคยเล่าให้ฟังตอนปีหนึ่งอ่ะ” เสียงทุ้มถูกดัดให้เป็นเสียงน่ารำคาญใจ จากสีหน้าเนียบเฉยบัดนี้กลานเป็นคิ้วขมวดหน้าผสกมีรอยย่นไปด้วยความหงุดหงิด นึกถึงตัวปัญหานั่นทีไรเป็นต้องเลิอดขึ้นหน้าทุกที
“อืมม… นี่ครั้งแรกเลยนะเนี่ย” แฟนสาวหรี่ตามองเขสอย่างพิจารณา ในขณะที่อีกคนเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยควสมสงสัย
“ครั้งแรกอะไร?”
“ก็ครั้งแรกที่เจียเห็นเดฟโกรธอ่ะ” ไม่ว่าจะเคยลองยั่วโมโหเขาอย่างไรก็ไม่เคยตกหลุมพลางเลยสักครั้ง ถึงแม้เขาขะดูเย็นชาไร้อารมณ์อย่างไร แต่เรื่องบนเตียงเดฟกลับเร่าร้อนสุด ๆ
“มันน่าโมโหมั้ยล่ะ”
“ถ้าทนไม่ไหวอ่ะ …ก็ย้ายมาอยูากับเจียนะ”
หญิงสาวไม่ยอมแพ้ยังคงวกเข้าปนะเด็นเดิมอย่างแนบเนียนที่เป็นความต้องการเพียงหนึ่งเดียวในใจ เดฟไท่ตอบอะไรกลัยไป ได้แต่ยิ้มให้แฟนสาวอ่อน ๆ ก่แนจะก้มหย้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ เจียเองได้แต่คอยอยู่เตียงข้างเขาแบบนี้ไปเรื่อย ๆ บางครั้งก็มีแอบคิด ว่าหากต่อไปเขสเรียนจบทำงาน พาเธอเข้าบ้านทำความรู้ตักกับพ่อแม่ พวกท่านจะรับเธอได้หรือเปล่า เพราะเจียและเดฟช่างแตกต่างกันทั้งเรื่องการเรียนและสถานะ
ในเวบาต่อมาเมืาอเดฟอ่านหนังสือเสร็จก็เดินไปส่งแฟนสาวยังตึกคณะนิเทศต่อ เพราะเธอยังมีเรียนคาบเย็นอีกวิชาหนึ่ง เธอเดินมาหา…เขาเดินมาส่ง ความใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เดฟมอบให้แฟนสาว นั่นเป็นเสมือนเลือดที่คอยหล่อเลี้ยงหัวใจให้ยังคงเต้นอยู่
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!