NovelToon NovelToon

Ω เพียงดวงฤทัย Omegaverse

ตอนที่ ๑ บรรณาการ

สายลมพัดเอื่อย ดอกบัวในบึงไหวตามลมไปมาชวนให้คนมองจิตใจสงบ ณ ศาลากลางน้ำในสวนหลวงมีคนกำลังนั่งปาดน้ำตาที่ไหลออกอย่างลวก ๆ เจ้าน้อยศศิธรทอดมองเหล่าแมลงที่บินตอมดอกบัวด้วยดวงตาเศร้า หลังจากที่เจ้าพ่อถึงแก่พิราลัยไปแล้ว ชีวิตลูกเมียรองที่ไร้ผู้คุ้มกะลาหัวทำให้เจ้าน้อยต้องถูกคนในวังกลั่นแกล้งรังแก นอกจากจะเป็นลูกเมียรองแล้วเจ้าน้อยยังเป็นโอเมก้าเพียงคนเดียวที่ได้อยู่ในวัง อาจจะเป็นเพราะเจ้าพ่อเอ็นดูที่สุดในบรรดาลูก ๆ จึงทำให้เจ้าพี่และเจ้านางหลวงจงเกลียดจงชังเจ้าน้อยศศิธรเป็นที่สุด

“ที่นี่มันใช่ที่ของเอ็งหรือเจ้าจันทร์” น้ำเสียงที่ไม่ใคร่จะเป็นมิตรเอ่ยถามเหนือหัวของจันทร์

“ขอโทษครับเจ้านางหลวง ผมจะรีบไปครับ” จันทร์ลุกขึ้นตามการพยุงของบ่าวคนสนิทก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่แล้วหลบออกจากศาลา

“ฉันหมายถึงรีบไสหัวออกไปจากวังได้แล้ว เจ้าหลวงก็สิ้นแล้วคงไม่มีเหตุจำเป็นอะไรให้เอ็งอยู่ที่นี่อีก” หญิงสูงศักดิ์โบกพัดไม้หอมพลางพูดถากถาง เจ้านางหลวงจิรประภานั้นแสนจะชังน้ำหน้าที่เหมือนมารดาของจันทร์เข้ากระดูกดำ เหตุก็เพราะอิจฉาริษยาที่มารดาของจันทร์เป็นหญิงที่เจ้าหลวงรักที่สุด

“ผมก็เป็นลูกของเจ้าพ่อมีศักดิ์และมีสิทธิ์เหมือนกับเจ้าพี่องค์อื่นทุกประการ เหตุใดผมจะอยู่ในบ้านของตัวเองไม่ได้หรือครับ” ร่างบางหยุดเดินก่อนจะหันหน้าไปหาเจ้านางหลวง

“สามหาว” น้ำเสียงแหลมตวาดลั่นด้วยโทสะ พัดไม้หอมถูกรวบแล้วใช้ชี้หน้าเด็กหนุ่ม

“ผมแค่ต้องการเหตุผลครับเจ้านางหลวง เหตุใดผมจะอยู่ในบ้านของตัวเองไม่ได้”

“แต่บ้านที่เอ็งหมายถึงตอนนี้ได้เปลี่ยนเจ้าบ้านไปแล้ว เจ้าหลวงสหฤทธิ์คงไม่เก็บเด็กสามหาวอย่างเอ็งไว้นานหรอก”

“ผมเกิดและโตในวัง นอกจากที่นี่แล้วผมก็ไม่มีที่ไปที่อื่นอีก เจ้านางหลวงเมตตาให้ผมอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้เลยหรือครับ ผมสัญญาว่าจะอยู่แต่ในที่ของตัวเอง จะไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับตำหนักใหญ่” น้ำเสียงใสสั่นเครือ เพียงแค่คิดว่าต้องจากบ้านที่เคยอยู่กับเจ้าพ่อและแม่แล้วจันทร์ก็แทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

“ยี่สิบปีก็ถือว่าเอ็งโชคดีกว่าพี่น้องคนอื่น ๆ ที่มีเพศรองเป็นโอเมก้าแล้วเจ้าจันทร์ อีบัวคำฟังคำสั่งกูให้ดี จากนี้ไปอีกเจ็ดวันให้พวกมึงเร่งเก็บข้าวของของเจ้านายมึงเสียให้พร้อม กูจะหาที่อยู่ใหม่ข้างนอกวังให้เจ้านายมึงไปอยู่”

“เจ้าแม่ช่วยลูกด้วย” น้ำเสียงร้อนรนของเจ้าวิลาสินีดังขึ้นก่อนที่เจ้าจันทร์จะได้พูดอะไร พี่สาวต่างมารดาเพียงแค่ปรายตามองก่อนจะเดินมาเกาะแขนของเจ้านางหลวง

“มีอะไรกันเจ้าวิ”

“เจ้าพี่ค่ะ เจ้าพี่จะให้ลูกนำของบรรณาการไปให้เจ้าหลวงอาณาจักรพรหมบุรี”

“อะไรนะ”

“อย่างที่ลูกทูลเลยค่ะ ลูกไม่อยากไปเป็นสนมของเจ้าหลวงทรงธรรม แก่ก็แก่ลูกทำใจไม่ได้หรอกค่ะ เจ้าแม่ต้องช่วยลูกด้วยนะคะ”

“อย่ากังวลไปเลยเจ้าวิ” ริมฝีปากแต้มลิปสติกสีฉูดฉาดแย้มยิ้ม “ฉันหาที่อยู่ใหม่ให้เอ็งได้แล้วล่ะเจ้าจันทร์ แม่เอ็งก็เป็นสนมนี่ถ้าอย่างนั้นก็ถือพานเงินพานทองไปให้เจ้าหลวงอาณาจักรพรหมบุรีเสีย คิดเสียว่าได้ทดแทนบุญคุณบ้านเมืองที่ให้เอ็งได้อยู่อาศัย”

“เจ้านางหลวง” ร่างบางทรุดลงกับพื้นพลางยกมือขึ้นปิดหน้าเพื่อซ่อนน้ำตาไม่ให้สตรีสูงศักดิ์ทั้งสองเห็น

“นี่คือคำสั่ง ไปกันเจ้าวิลาสินี ไปทูลเจ้าพี่กับแม่เรื่องของบรรณาการ” สิ้นเสียงพูดก็ตามด้วยเสียงรองเท้าหลายคู่ที่ค่อย ๆ ไกลออกไป

บัวคำเช็ดน้ำตาของตัวเองออกลวก ๆ พลางคอยลูบหลังเจ้านายที่อยู่รับใช้มาตั้งแต่เด็ก หลังจากเจ้าจันทร์เกิดมาได้สิบปีมารดาก็มาด่วนจากไปทำให้บัวคำนั้นทั้งรักและเทิดทูนเจ้านายองค์นี้สุดหัวใจ

“น้าบัวคำ จันทร์จะต้องไปจากที่นี่จริงหรือครับ” คนตัวเล็กพยายามเปล่งเสียงถามบ่าวคนสนิทพลางร้องไห้สะอื้นตัวโยน

“โถเจ้าจันทร์ของบ่าว ไม่เอาไม่ร้องนะเจ้าคะ คิดเสียว่าทำหน้าที่ทดแทนคุณแผ่นดินเพื่อคงไว้ซึ่งบ้านเมืองของเจ้าพ่อนะเจ้าคะ”

“หลังจากนี้ไปจันทร์จะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว ฮึก บ้านที่เจ้าพ่อและแม่อยู่กับจันทร์ ไม่ได้กลับมาอีกแล้ว” ร่างบางสะอื้นจนตัวโยนในอ้อมกอดของผู้ที่เคารพเหมือนแม่ จันทร์ร้องไห้อยู่นานจนสลบ ทำให้บ่าวต้องรีบพากันหอบหามกลับตำหนักจนเกิดเหตุชุลมุนขนาดย่อม ๆ

:

๓ วันหลังจากเหตุการณ์วันนั้นก็เป็นวันที่จันทร์ต้องถือราชสาส์นเพื่อเดินทางไปมอบของบรรณาการ เพราะเจ้าหลวงพระองค์ใหม่ต้องการที่จะสร้างความแน่นแฟ้นของสองเมืองจึงมีรับสั่งให้ส่งสมาชิกของราชวงศ์แต่งเข้าไปในราชวงศ์ของอาณาจักรพรหมบุรี

บัวคำตรวจสอบเอกสารการเดินทางของเจ้าน้อยและตรวจความเรียบร้อยของสัมภาระต่าง ๆ สนามบินของเมืองหลวงเมืองอินทร์นั้นคลาคล่ำด้วยผู้คนทั้งคนในและต่างประเทศ คณะราชทูตที่ตรวจสอบความเรียบร้อยของสิ่งของบรรณาการเสร็จก็มาเชิญให้จันทร์ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของราชวงศ์ เหตุที่เมืองอินทร์ต้องเป็นเมืองประเทศราชของอาณาจักรพรหมบุรีนั้นเพราะเจ้าปู่ของจันทร์ได้ไปขอกูยืมเงินจากอาณาจักรพรหมบุรีแต่ด้วยจำนวนเงินที่มากบวกกับดอกเบี้ยทำให้ไม่สามารถใช้คืนได้หมดในทันที นั่นจึงทำให้อาณาจักรพรหมบุรียื่นข้อเสนอให้ส่งบรรณาการทุกปีเป็นทองคำน้ำหนักรวม ๑๐,๐๐๐ กิโลกรัม และเงินจำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์

“จันทร์ต้องไปจริง ๆ แล้วเหรอครับน้าบัวคำ” ร่างบางมีสีหน้าเศร้า ดวงตากลมโตเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตา

“เจ้าน้อย เจ้าน้อยรอเราก่อน”

“เลย์” จันทร์เรียกชื่อเพื่อนสนิทก่อนจะรีบเดินไปหา

“เราเกือบมาส่งไม่ทันแล้ว นี่เสื้อกันหนาวกับผ้าพันคอ ได้ข่าวว่าที่พรหมบุรีหนาวมากยังไงก็ดูแลสุขภาพด้วยนะเจ้าน้อย เอาไว้มีโอกาสเราจะบินไปหานะ” เลวินทร์ยื่นถุงใส่ของให้กับผู้ติดตามของจันทร์ก่อนจะสวมกอดเพื่อนสนิทส่งท้าย

“เลย์”

“ห้ามร้องไห้นะเดี๋ยวเราร้องตาม กว่าจะทำใจมาส่งได้เราร้องไห้ตาบวมไปแล้ว เจ้าน้อยต้องห้ามชวนเราร้องอีก แล้วก็ขอให้คนที่นู้นเขาใจดีกับเจ้าน้อยนะ”

“อื้อ เราจะไม่ร้อง ขอบคุณนะที่มาส่ง เราต้องไปแล้ว”

“ไว้เจอกันเจ้าน้อย เราจะไปหาแน่นอน”

จันทร์ยิมให้กับเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวทั้งน้ำตา ก่อนจะเดินตามการพยุงของบ่าวคนสนิท

“จันทร์ต้องถวายตัวจริง ๆ หรือครับ” หลังจากที่นั่งประจำที่เรียบร้อยแล้วจันทร์ก็ถามบ่าวคนสนิท มันก็ทำใจลำบากอยู่บ้างที่ต้องถวายตัวเป็นหนึ่งในสนมของเจ้าหลวงหากแต่ก็ต้องทำตามพระบัญชาของนายเหนือหัว

“อาจจะถวายแค่ในนามก็ได้เจ้าค่ะ” บัวคำเลือกที่จะโกหกเพื่อให้เจ้านายสบายใจ

“ยาระงับอาการฮีทเจ้าค่ะกินแล้วพักผ่อนเสียหน่อยนะเจ้าคะเจ้าน้อย หากถึงพรหมบุรีแล้วบ่าวจะเรียกนะเจ้าคะ” บัวคำยื่นผ้าปิดตาให้ก่อนจะช่วยปรับเอนเบาะให้พักผ่อนสบาย

จันทร์หยิบยาใส่ปากแล้วดื่มน้ำตามพลางสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดก่อนจะรับผ้าปิดตามาสวมแล้วเข้าสู่ห้วงนิทรา

การเดินทางใช้เวลาร่วมหกชั่วโมงก็มาถึงท่าอากาศยานประจำเมืองหลวงของอาณาจักรพรหมบุรี เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้วอาณาจักรแห่งนี้อากาศค่อนข้างเย็นกว่าบ้านเกิดของจันทร์ทั้งยังมีหิมะตกจนทัศนียภาพภายนอกห้องโดยสารของรถยนต์ขาวโพลน

:

ณ ห้องโถงใหญ่ของวังหลวงอาณาจักรพรหมบุรี ด้วยทราบถึงการมาของคณะทูตเมืองอินทร์จึงทำให้มีการเปิดใช้เพื่อต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง

“ได้ข่าวว่าทางเมืองอินทร์ส่งคนมาเป็นเครื่องบรรณาการด้วยนะคะ” เจ้านางหลวงวิไลลักษณ์พูดกับสามีที่นั่งอยู่ที่บัลลังก์ทองข้าง ๆ ก่อนจะทอดมองบรรดาสนมนับสิบที่นั่งเรียงรายกันอยู่ที่เก้าอี้ด้านข้างแล้วส่ายหัว

“เช่นนั้นเรายกให้เจ้ารังสิมันต์ดีไหม” เจ้าหลวงทรงธรรมเอ่ยถามความเห็นจากภรรยา เพราะแค่สนมที่เมืองประเทศราชแต่ละเมืองส่งมาก็รับไว้เยอะแล้ว ให้มีสนมเป็นเด็กหนุ่มคราวลูกเห็นทีจะไม่ดี

“สุดแท้แต่เจ้าหลวงเลยค่ะ น้องอย่างไรก็ได้ ให้คนไปสืบมาทราบว่าเป็นเจ้าน้อยคนสุดท้องของเจ้าหลวงรชตเกิดแต่สนมที่เป็นคนจากอาณาจักรของเรา เห็นว่าชื่อเจ้าศศิธรมีเพศรองเป็นโอเมก้าค่ะ”

“ดีเลยเจ้ารังสิมันต์ลูกเราก็ยังไม่มีชายาสักคน เช่นนั้นก็ให้เป็นไปตามนี้ก็แล้วกัน”

“ไม่ถามลูกก่อนหรือคะ เจ้าหลวงก็รู้ว่าพระยุพราชของเจ้าหลวงน่ะเกลียดการคลุมถุงชนเป็นที่สุด”

“เจ้านางหลวงก็ไปเปรย ๆ กับลูกไว้หน่อยก็ได้” เจ้าหลวงทรงธรรมยิ้มให้กับภรรยา

“เอาตัวรอดคนเดียวอีกแล้วนะคะเจ้าหลวง” เธอส่ายหน้าอย่างระอากับความเจ้าเล่ห์ของสามี ก่อนจะนั่งหลังตรงเมื่อได้ยินเสียงให้สัญญาณการมาของคณะราชทูต

ร่างบางในชุดสูทสีฟ้าอ่อนเดินถือพานใสราชสาส์นนำหน้าคณะทูต จันทร์ทอดมองไปยังเจ้าหลวงและเจ้านางหลวงก่อนจะย้ายสายตาไปมองยังพระสนมนับสิบที่ยืนอยู่ด้านข้างฝั่งขวามือและบรรดาเจ้าหญิงชายที่ยืนรอต้อนรับที่อยู่ฝั่งซ้ายมือ จังหวะการก้าวสะดุดไปเล็กน้อยเมื่อเผลอสบเข้ากับดวงตาดุคมของเจ้าชายคนหนึ่งที่สวมชุดทหารเต็มยศแล้วมองตนด้วยสีหน้าไม่ใคร่สบอารมณ์นัก

“กระผมศศิธร เป็นผู้นำคณะทูตมาส่งมอบของบรรณาการจากเมืองอินทร์ครับ” น้ำเสียงใสสั่นน้อย ๆ พลางหลุบตามองพื้น

“ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรพรหมบุรี การเดินทางราบรื่นดีหรือไม่เจ้าน้อย” เจ้าหลวงเอ่ยถามอย่างเอ็นดู

“ระ ...ราบรื่นดีครับ” ร่างบางสั่นน้อย ๆ ยามเมื่อได้พูดคุยกับเจ้าหลวง ในใจก็พยายามทำใจว่าสักวันตนก็ต้องได้ถวายตัว หากแต่ก็ยังคงเกร็งกับสายตาหลายสิบคู่ที่จ้องมองมายังตน

“ทำตัวตามสบายนะจ้ะ อีกหน่อยเราก็จะกลายเป็นคนในครอบครัวเดียวกันแล้ว ตำหนักของหนูฉันจะให้คนไปจัดเตรียมเอาไว้ อย่างไรก็ไปพักผ่อนที่เรือนรับรองก่อนแล้วเย็นนี้เรามารับประทานอาหารด้วยกันนะจ้ะ” เจ้านางหลวงกล่าวต้อนรับอย่างมีมิตรไมตรีพลางยิ้มให้ทำเอาร่างบางน้ำตาคลอเมื่อได้รับความใจดี

“ขะ ...ขอบคุณครับ”

จันทร์ตัวสั่นน้อย ๆ ยามเมื่อสบเข้ากับตาดุคู่นั้น หลังจากคุยกับเจ้าหลวงและเจ้านางหลวงอีกนิดหน่อยก็เป็นพิธีที่รัฐบาลของทั้งสองอาณาจักรต้องปรึกษาหารือและตรวจสอบความเรียบร้อยถูกต้อง จันทร์เลยต้องไปอยู่ที่ห้องรับรองเพื่อรอย้ายเข้าไปพักในที่ที่ทางฝ่ายในจัดไว้ให้

“อย่างน้อย ๆ เจ้านางหลวงก็ยังพอมีเมตตาต่อจันทร์บ้างนะครับน้าบัวคำ คิดว่าจะโดนรังเกียจไปแล้วเสียอีก” ร่างบางนั่งจิบชาร้อนบนโซฟาพูดกับบ่าวคนสนิท

“เจ้าน้อยของบ่าวน่ารักเช่นนี้ใครจะไม่รักเอ็นดูได้บ้างเจ้าคะ” บัวคำลูบหลังมือขาวอย่างทะนุถนอม เธอนั้นก็อดเป็นห่วงเจ้านายที่ต้องออกมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองมาเช่นนี้ กลัวก็แต่จะถูกรังแกเหมือนตอนอยู่ที่เมืองอินทร์ หากแต่ดูท่าทีของเจ้านางหลวงแล้วก็อาจจะพอเบาใจได้ว่าเจ้าน้อยของเธอจะสามารถอยู่ที่นี่ได้

:

หลังจากแขกบ้านแขกเมืองไปพักผ่อนแล้วเหล่าสมาชิกในราชสำนักก็แยกย้ายกันกลับไปตำหนักของตัวเอง แม้จะใช้เวลาเพียงไม่นานหากแต่ก็ถือปฏิบัติกันมาเป็นธรรมเนียมไปแล้วเนื่องจากต้องให้เกียรติแขกที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกของราชสำนักที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนมาอยู่ที่นี่

เจ้าชายรังสิมันต์พระยุพราชแห่งอาณาจักรพรหมบุรีนั้นมีสีหน้าที่ไม่ใคร่จะสบอารมณ์เท่าใดนักเนื่องจากต้องกลับจากราชการตรวจชายแดนที่หัวเมืองเหนืออย่างเร่งด่วนเพื่อมารอต้อนรับผู้ที่จะมาเป็นสนมคนใหม่ของบิดา ทั้งยังอายุน้อยกว่าตนถึงแปดปีแบบนี้จะทำใจเคารพกราบไหว้ได้ลงเห็นจะยาก

“เจ้าพี่อาทิตย์ว่าเจ้าน้อยจากเมืองอินทร์น่ารักไหมคะ” เจ้าหญิงดาราวดีน้องสาวร่วมบิดรมารดาสะกิดไหล่ถาม

“ก็แค่เด็กหนุ่มหน้าจืด ๆ คนหนึ่ง” แต่มีกลิ่นกายที่หอมมากแค่นั้น ประโยคสุดท้ายทำได้แค่คิดใจใน

“น้องว่าน่ารักดีนะคะ ให้มาเป็นสนมของเจ้าพ่อคงน่าเสียดาย”

“เจ้าอาทิตย์ตามแม่และเจ้าพ่อไปคุยที่ตำหนักใหญ่สักประเดี๋ยวนะจ้ะ ส่วนเจ้าดาราไปหาเจ้าย่าด้วยนะลูก”

“เจ้าย่าดุจะตาย ลูกไม่อยากไปคนเดียวเลยค่ะเจ้าแม่ รอไปพร้อมเจ้าพี่อาทิตย์ได้ไหมคะ” หญิงสาวเข้ากอดแขนอ้อนมารดา

“ไปเดี๋ยวนี้เลยเจ้าดารา”

“ก็ได้ค่ะเจ้าแม่”

“ไปกันเถอะลูกเจ้าอาทิตย์”

“ครับเจ้าแม่”

เจ้าชายรังสิมันต์บีบไหล่น้องสาวเบา ๆ ก่อนจะส่งยิ้มล้อเลียนแล้วเดินตามมารดาไปยังตำหนักใหญ่ที่เจ้าหลวงและเจ้านางหลวงพักอาศัยอยู่ เจ้านางหลวงวิไลลักษณ์เคาะประตูสองสามทีเป็นการขออนุญาตก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องสำหรับรับแขก เมื่อไปถึงก็พบเข้ากับเจ้าน้อยจากเมืองอินทร์นั่งคอยอยู่กับเจ้าหลวงอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าหล่อกลับมาบึ้งตึงอีกครั้งเมื่อได้เห็นคนตัวเล็กที่มีสีหน้าหวาด ๆ ราวกับตนเป็นสัตว์ร้าย ทั้งที่ตอนคุยกับเจ้าพ่อก็ยังยิ้มอยู่แท้ ๆ หรือว่าเด็กนี่จะชอบเจ้าพ่อแล้วจริง ๆ

“มานั่งกันก่อนมา” เจ้าหลวงเชิญบุตรชายคนโตและภรรยามานั่งที่โซฟา

“ที่แม่เรียกเจ้าอาทิตย์และเจ้าน้อยศศิธรมาก็เพราะมีเรื่องที่เจ้าพ่ออยากจะพูดกับทั้งสองคน เชิญเจ้าหลวงพูดเลยค่ะ”

“โยนมาให้กันดื้อ ๆ แบบนี้เลยหรือเจ้านางหลวง” เจ้าหลวงทรงธรรมอึ้งนิด ๆ ที่ภรรยาโยนบ่วงมาใส่คอของตนแทนเช่นนี้ นี่สินะที่บอกว่าเปิดก่อนได้เปรียบน่ะ

“พูดเลยค่ะเจ้าหลวง”

“ก็ได้ ๆ เราก็น่าจะทราบกันดีว่าที่เจ้าน้องศศิธรมาที่นี่เพราะเหตุใด แต่ครั้นจะให้ลุงรับหนูเป็นสนมมันก็ดูจะไม่เหมาะไม่ควร พ่อกับแม่ก็เลยคุยกันไว้ว่าเจ้าน้อยศศิธรที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนมาหากจะให้ส่งตัวกลับก็ดูจะเป็นการหมิ่นเกียรติเกินไป แต่จะรับไว้เป็นสนมของพ่อก็ไม่ดีอีก ดังนั้นพ่อก็เลยจะขอให้เจ้าน้อยเป็นบริจาริกาของลูกนะเจ้าอาทิตย์”

“ลูกไม่”

“น้องเดินทางจากบ้านเกิดเมืองนอนมาจะให้กลับไปแบบนี้คนเขาจะนินทาเอาได้ เห็นแก่น้องหน่อยนะลูก” เมื่อเห็นท่าทีของบุตรชายเจ้านางหลวงก็ต้องยกมือลูบแขนเพื่อให้ใจเย็นก่อนจะช่วยพูดกล่อม

“ถ้าเจ้าพ่อยกให้ลูกแล้วแสดงว่าลูกมีสิทธิ์ในตัวเด็กคนนี้ทุกอย่างใช่ไหมครับ”

“เอ่อ ...”

“เช่นนั้นลูกจะส่งตัวเด็กคนนี้กลับไป แต่เห็นแก่วันนี้ต้องเดินทางมาเหนื่อย ๆ ลูกจะยอมให้เขาพักผ่อนก่อนสักคืนก็แล้วกันครับ”

“เจ้าอาทิตย์ลูกทำแบบนี้ไม่เห็นแก่น้องก็เห็นแก่หน้าเจ้าพ่อกับแม่บ้างเถอะลูก”

“หะ ...ให้ผมอยู่ที่นี่ได้ไหมครับ ผมไม่มีที่ไปแล้วจริง ๆ ครับ ผมไปอยู่ข้างนอกวังได้นะครับหากเจ้าไม่อยากให้ผมอยู่ที่นี่ ผมสัญญาว่าจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับเจ้าและราชสำนักอีกเลย ขอให้ผมได้อยู่ที่พรหมบุรีได้ไหมครับ” ร่างบางสั่นน้อย ๆ เพราะต้องรวบรวมความกล้าไม่ต่างจากเสียใสที่กลายเป็นสั่นเครือเพราะต้องกลั้นก้อนสะอื้น มือขาวเย็นเฉียบหากแต่กลับมีเหงื่อผุดขึ้นจนเปียก

“ทำแบบนี้ต้องการอะไรกันแน่” ร่างสูงเอ่ยถามเสียงเข้ม

“ผม ...ผมไม่มีที่ไปแล้วจริง ๆ ครับ ขอผมมาอาศัยบารมีของเจ้าหลวงที่พรหมบุรีนี้ จะให้ผมไปอยู่ที่ไหนก็ได้ครับ” จันทร์ก้มหน้าหลับหูหลับตาพูดพลางกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงความอุ่นจากมือที่ทาบทับอยู่บนหลังมือของตัวเอง ทำนบน้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“ลูกทำให้น้องกลัวนะเจ้าอาทิตย์” เจ้านางหลวงวิไลลักษณ์ดุบุตรชายที่ทำให้จันทร์ร้องไห้ พลางลูบหัวลูบหลังปลอบ

“อยู่ที่ไหนก็ได้อย่างนั้นหรือ”

“ครับ ที่ไหนก็อยู่ได้ทั้งนั้นครับ”

“เช่นนั้นก็ให้ไปรับใช้เจ้าย่าที่ตำหนัก ลูกขอไปพักผ่อนก่อนนะครับเจ้าพ่อ เจ้าแม่” ร่างสูงผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะหันกายเดินออกไปจากห้องโดยไม่สนเสียงเรียกทัดทานใดใด

“เจ้าลูกคนนี้นี่ ไม่ต้องกลัวนะเจ้าน้อย อยู่กับลุงที่นี่ลุงจะดูแลหนูแทนเจ้าหลวงรชตเอง”

“ขอบพระคุณครับเจ้าหลวง เจ้านางหลวง ขอบพระคุณที่เมตตาผมครับ”

“เรียกลุงกับป้าเถิดลูก ไปลูก ไปล้างหน้าล้างตาป้าจะพาไปกราบเจ้าย่า” เจ้านางหลวงประคองร่างบางให้ลุกขึ้นก่อนจะจับจูงมือไปยังห้องรับรองที่บ่าวคนสนิทของจันทร์รออยู่ แล้วจึงพาไปฝากตัวไว้กับเจ้าย่า

:

“นี่ใครกันแม่วิไลลักษณ์” น้ำเสียงทรงพลังเอ่ยถามหลังจากที่เจ้านางหลวงพามากราบ แม่เจ้าไหมวดีวางมือจากการปักผ้าแล้วทอดมองใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลา

“เจ้าศศิธรค่ะเจ้าแม่ เจ้าน้อยจากเมืองอินทร์ที่ถูกเจ้าหลวงเมืองอินทร์ส่งมา”

“รับเป็นสนมของทรงธรรมแล้วรึ”

“เจ้าหลวงมอบให้เป็นบริจาริกาของเจ้าอาทิตย์ค่ะ หากแต่เจ้าอาทิตย์ก็ส่งมาให้มาคอยปรนนิบัติเจ้าแม่แทนค่ะ”

“น่าสงสารนะ แล้วจะให้เรียกว่ากระไรล่ะ อายุเท่าไหร่ ทำอะไรได้บ้าง”

“เรียกผมว่าจันทร์ได้ครับเจ้านางหลวง อายุยี่สิบครับ ผมพอจะปักผ้าได้บ้างครับ งานเย็บปักและอาหารก็พอทำได้ครับ ส่วนคนนี้คือน้าบัวคำครับ” จันทร์แนะนำตัวอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่ก็ไม่ลืมที่จะแนะนำคนสนิทให้ผู้ใหญ่ท่านได้รู้จัก

“ไม่มีที่ไปที่อื่นแล้วรึ อยู่กับฉันเธออยู่ได้รึ หลาน ๆ ฉันไม่มีใครเขาอยากมาเยี่ยมคนแก่ขี้บ่นหรอกนะ”

“ผมเป็นคนของเจ้ารังสิมันต์แล้วไม่ว่าจะสั่งให้ผมไปอยู่ไหนผมอยู่ได้ครับ”

“พูดจาให้มันฉะฉานหน่อย มัวแต่พูดอ้อมแอ้มอยู่นั่น ส่วนเธอมีงานอะไรก็ไปทำแม่วิไลลักษณ์ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันจะอบรมเด็กคนนี้ให้”

“ลาแล้วค่ะเจ้าแม่ ป้าไปก่อนนะลูก” สายตาห่วงใยของเจ้านางหลวงทำให้จันทร์พอคลายความกังวลได้บ้าง อีกอย่างแม้เจ้าย่าจะดุแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจจันทร์จึงรู้สึกว่าจันทร์สามารถอยู่รับใช้ได้ดีกว่าต้องไปอยู่กับเจ้ารังสิมันต์แน่นอน

“เป็นโอเมก้าหรือเธอน่ะ”

“ครับเจ้านางหลวง”

“เรียกเจ้าย่าก็พอ เจ้านางหลวงอะไรยืดยาวน่ารำคาญ”

“ครับเจ้าย่า”

“ที่พรหมบุรีแทบจะหาเพศรองอย่างเธอไม่เจอแล้วนะ ในวังหลวงแห่งนี้ก็ด้วย เป็นอะไรก็ดูแลตัวเองดีดีฉันไม่อยากกัดคอเธอให้เป็นภาระตอนแก่หรอกนะ ส่วนเธอก็ดูแลเจ้านายดีดีด้วยหยูกยาที่จำเป็นห้ามให้บกพร่อง” เจ้าย่าหยิบผ้าขึ้นมาปักต่อแต่ก็ไม่วายพูดกับจันทร์และบัวคำ

“บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ”

“ไปจัดห้องหับให้นายของหล่อนได้แล้วแม่บัวคำ ส่วนเธอขึ้นมานั่งข้างบนโซฟา สร้อยเอาไหมพรมกับแบบถักโครเชต์ให้ฉันหน่อย”

“เจ้าค่ะ”

รอเพียงไม่นานไหมพรมหลากสีสันหลากหลายขนาดก็มาอยู่ตรงหน้า จันทร์นั่งดูแบบก่อนจะหยิบโครเชต์ขึ้นมาเริ่มถัก หญิงชรามองลอดแว่นตาเพื่อสำรวจใบหน้าเกลี้ยงเกลาก่อนจะยกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นสีหน้าตั้งใจของจันทร์ ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะปรับตัวง่ายเพียงเวลาไม่กี่ชั่วโมงก็เริ่มที่จะกล้าถามมากขึ้น พอคืบหน้าแล้วจันทร์ก็จะยื่นให้เจ้าย่าดูความเรียบร้อยแล้วก็แก้ไขตามที่บอก แม้จะโดนดุไปหลายครั้งโดนสั่งรื้อไปหลายรอบจันทร์ก็มักจะยิ้มเขิน ๆ ส่งกลับมาให้เจ้าย่าเสมอ

“แบบนั้นมันใช้ได้ที่ไหนกัน ดึงให้มันแน่น ๆ ห่างแบบนั้นจะทำอวนดักปลาหรืออย่างไร รื้อทำใหม่” เสียงเอ็ดดังขึ้นเป็นระยะ เหล่าข้าหลวงที่รับใช้มานานต่างก็คุ้นชินไปเสียแล้วเนื่องจากทุกคนจะโดนดุไปหมด หากแต่ที่แปลกไปคือเจ้าน้อยต่างเมืองกลับยิ้มและหัวเราะแทนที่จะร้องไห้เหมือนหลานคนอื่น ๆ บัวคำเองเห็นแบบนี้แล้วก็เบาใจที่เจ้าน้อยของเธอยิ้มและหัวเราะมากกว่าตอนอยู่ที่วังหลวงเมืองอินทร์เสียอีก

“ขอโทษครับเจ้าย่า” จันทร์ยิ้มเขิน ก่อนจะดึงเส้นไหมพรมออกแล้วเริ่มทำใหม่

“วันนี้ได้ไม่ถึงสิบเซ็นไม่ต้องนอน”

“จันทร์ต้องได้นอนก่อนสามทุ่มแน่นอนครับเจ้าย่า” จันทร์พูดยิ้ม ๆ ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาถักผ้าพันคอสีฟ้าอ่อนใหม่อีกครั้ง

“ให้มันจริงเถอะจ่ะ” เจ้าย่าส่ายหน้าก่อนจะยกยิ้มเอ็นดูแล้วหันมาสนใจผ้าที่ปักในมือต่อ แอบลอบมองพัฒนาการของจันทร์เป็นระยะ ๆ เพราะไม่อยากให้ทำผิดพลาดอีก

ไม่ไกลกันนั้นมีคนแอบลอบมองอยู่ที่หน้าประตู อาทิตย์ยืนทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ที่หน้าประตูพลางชะเง้อคอมองอยู่สองนานก็ไม่มีทีท่าว่าจะเข้าไปกราบเจ้าย่าสักที

“ไม่เข้าไปหรือคะเจ้าพี่” ดาราเดินมาสะกิดพี่ชายที่ยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ที่หน้าประตู

“มาเงียบ ๆ เจ้าดารา” อาทิตย์ตบที่หน้าอกตัวเองเบา ๆ เพื่อให้หายตกใจก่อนจะเอ็ดน้องสาวไม่จริงจังนัก

“เจ้าแม่บอกว่าเจ้าน้อยศศิธรจะมาเป็นชายาของเจ้าพี่ จริงหรือคะ”

“พี่ยกให้เจ้าย่าแล้ว”

“อะไรกันคะ เจ้าน้อยไม่ใช่สิ่งของที่จะมายกให้ใครก็ได้นะคะ”

“ข้างนอกเอะอะเสียงดังอะไรกัน” ก่อนที่สองพี่น้องจะได้ทะเลาะกันก็มีเสียงทรงอำนาจดังจากด้านในลอดออกมา ทำให้อาทิตย์และดาราต้องเข้าไปกราบเจ้าย่าอย่างเลี่ยงไม่ได้

“หลานมากราบครับเจ้าย่า”

“หลานก็มากราบค่ะเจ้าย่า หลานเพิ่งอบเค้กเสร็จเลยเอามาให้เจ้าย่าลองชิมดู หลานลดน้ำตาลลงครึ่งหนึ่งเพื่อสุขภาพของเจ้าย่าเลยนะคะ”

“ขอบใจที่ยังคิดมาเยี่ยมกันแม่ดาราวดี แล้วหัวเมืองเหนือเรียบร้อยดีไหมพ่ออาทิตย์” ในบรรดาหลานทั้งหมดอาทิตย์คือหลานครโปรดของเจ้าย่า จึงไม่แปลกที่น้ำเสียงยามคุยกับอาทิตย์จะอ่อนกว่าคนอื่น ๆ อ่อนโยนเสียจนดาราแอบยู่ปาก

“เรียบร้อยดีครับเจ้าย่า หัวเมืองเหนือเจอพายุหิมะถล่มทำให้ชาวเมืองเดือดร้อน พรุ่งนี้หลานต้องคุมขบวนขนเสบียงไปแจกจ่ายครับ”

“จันทร์ไปยกชามาให้เจ้าพี่ทั้งสองที บอกสร้อยว่าสำหรับเจ้าพี่อาทิตย์และเจ้าพี่ดารา ส่วนเธอจะดื่มชาอะไรก็ดูที่ห้องชาเอาเองก็แล้วกัน”

“ครับเจ้าย่า รอสักครูนะครับ ไปกันครับน้าบัวคำ” จันทร์ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ก่อนจะสะกิดบัวคำให้ออกมาด้วย

:

“ของเจ้าอาทิตย์เป็นกาแฟดำเจ้าค่ะ ส่วนของเจ้าดาราเป็นชากุหลาบ เจ้าน้อยล่ะเจ้าคะรับชาอะไรดี” จันทร์ยืนตะลึงอยู่กลางห้องชา เป็นห้องชาที่มีชาเยอะที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ชาหลากหลายชนิดเรียกได้ว่าแทบจะทุกชนิดบนโลกใบนี้ถูกตั้งเรียงรายจนลายตาไปหมด

“ยกไปให้เจ้าทั้งสองก็พอแล้วครับน้าสร้อย ของจันทร์ไม่ต้องก็ได้ครับ” จันทร์พูดอย่างเกรงใจ

“เดี๋ยวโดนดุอีกนะเจ้าคะ” สร้อยพูดยิ้ม ๆ

“ถ้าอย่างนั้นจันทร์ขอชามะลิครับ”

“รอสักครู่นะเจ้าคะ บัวคำมาช่วยฉันที”

“ให้จันทร์ช่วยอีกคนนะครับจะได้ไม่กินเวลานาน”

“เช่นนั้นเจ้าน้อยชงกาแฟให้เจ้าอาทิตย์นะเจ้าคะ ใส่แค่กาแฟอย่างเดียวสามช้อนโต๊ะเจ้าค่ะ”

“ไม่ขมไปหรือครับน้าสร้อย อีกอย่างเครื่องชงกาแฟก็มีทำไมไม่ใช้เครื่องชงล่ะครับ” จันทร์มีสีหน้าขยาดยามเมื่อตักผงกาแฟบดใส่กระดาษกรองก่อนจะค่อย ๆ เทน้ำร้อนอย่างใจเย็น

“เจ้าอาทิตย์ชอบแบบนี้แหละเจ้าค่ะ ท่านบอกว่าชงแบบดริปมันได้รสชาติดีกว่าเครื่องอีกทั้งท่านไม่ชอบขนมหวานหรือเครื่องดื่มหวาน ๆ เวลามารับประทานอาหารที่ตำหนักนี้ก็มักจะรับประทานรสจัดเจ้าค่ะ”

“น่ากลัวกระเพาะจะพังเอานะครับ”

“เจ้าน้อยเจ้าคะ” บัวคำเอ่ยปรามเจ้านายเบา ๆ

“ขอโทษครับ” จันทร์ยิ้มเขินที่เผลอพูดอะไรออกไปโดยไม่ทันคิด

“ไม่เป็นไรหรอกน่ะบัวคำ”

เมื่อทุกอย่างเสร็จแล้วจันทร์ก็ยกถาดสำหรับใส่เครื่องดื่มกลับไปยังห้องนั่งเล่นของเจ้าย่า ไม่ลืมที่จะยกชากาใหม่มาเปลี่ยนให้เจ้าย่าด้วย แต่พอมาถึงก็พบว่าเหลือเพียงแค่เจ้าดาราที่ยังอยู่กับเจ้าย่าส่วนอีกคนนั้นหายไปแล้ว

“ชามาแล้วครับเจ้าย่า” จันทร์เปลี่ยนชากาใหม่ให้หญิงชราก่อนจะรับเอากาชากุหลาบของเจ้าดารามาวางที่โต๊ะกระจกตรงหน้า ก่อนจะมองไปยังแก้วกาแฟที่ตนตั้งใจค่อย ๆ เทน้ำร้อนให้อย่างเสียดาย

“ขอบใจจ้ะน้องจันทร์ แล้วกาแฟแก้วนั้นล่ะจ้ะไม่ยกออกหรือ” ดาราเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าจันทร์ไม่ยกแก้วกาแฟสีดำออกจากถาด

“คนดื่มท่านไม่อยู่แล้ว น่าจะต้องเก็บครับเจ้าดารา”

“เรียกเจ้าพี่ดาราสิคะ”

“ครับเจ้าพี่ดารา”

“เสียดายแทนเจ้าน้อยนะเจ้าคะแม่เจ้า เจ้าน้อยตั้งใจดริปกาแฟตามที่เจ้าอาทิตย์ท่านชอบเลยแม้จะเผลอใส่น้ำตาลไปครึ่งช้อนก็เถอะเจ้าค่ะ”

“พูดมากจริงสร้อย ยกไปเก็บได้แล้ว”

“เจ้าค่ะแม่เจ้า”

:

คล้อยหลังจากที่สร้อยยกถาดเข้ามาที่ห้องชาก็พบเข้ากับเจ้านายที่ตนเผลอนินทาไป

“เจ้าอาทิตย์ยังไม่กลับหรือเจ้าคะ”

“กำลังจะกลับ นั่นกาแฟของฉันใช่ไหม”

“เจ้าค่ะ”

“อืม ขอบใจ”

อาทิตย์หยิบแก้วกาแฟออกจากถาดก่อนจะถือเดินออกไปจากตำหนัก กาแฟควันขาวส่งกลิ่นหอมทำให้ต้องยกขึ้นมาชิม ก่อนที่คิ้วเข้มจะเลิกขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงความหวานนิด ๆ ที่ปลายลิ้น อันที่จริงกาแฟใส่น้ำตาลรสชาติก็ไม่แย่เท่าไหร่

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!