Land Of Magic
00 : Intro
📌อ่านสักหน่อยก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่เนื้อเรื่องกันนะคะ
เวทมนตร์ คือ ความรู้ที่เกี่ยวกับศาสตร์ลึกลับ หรือศิลปะในการใช้เวทมนตร์หรือคาถา หรือความสามารถในการทำสิ่งต่าง ๆ โดยใช้วิธีเหนือธรรมชาติ หรือวิธีที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผลที่มีอยู่ หรือวิธีที่ไม่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
แม่มดและพ่อมดในยุคปัจจุบันนั้นมิได้มีภาพลักษณ์ที่น่ากลัวเหมือนอย่างภาพลักษณ์ที่คุ้นเคยกันในอดีต
หากแต่จะเป็นกลุ่มบุคคลที่เป็นวัยหนุ่มสาวที่แต่งตัวตามยุคสมัย แต่ละคนจะมีวิถีชีวิตเป็นของตนเอง และจะประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อที่เคยมีมาแต่เดิมนั่นเอง
เอลฟ์ เป็นชนเผ่าที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติและเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ ภาพวาดของชนเหล่านี้มักเป็นมนุษย์ทั้งชายและหญิงที่แลดูอ่อนเยาว์และงดงาม อาศัยอยู่ในป่า ในถ้ำ ใต้พื้นดิน หรือตามบ่อน้ำและตามน้ำพุ มักเชื่อกันว่าพวกเขามีชีวิตยืนยาวมากหรืออาจเป็นอมตะ รวมทั้งมีพลังเวทมนตร์วิเศษ
ปล.1 ขอบคุณข้อมูลจาก Google คับผม🙏
ปล.2 วิชาการสอนภายในร.รไรท์จะอ้างอิงตามแบบในเรื่องแฮรี่พอตเตอร์เลยนะคะ
ไรท์จะขอยกวิชาที่สอนมาดังนี้
1.ประวัติศาสตร์เวทมนตร์
2.การบิน
3.การป้องกันตัวจากศาสตร์มืด
4.การร่ายคาถา
5.การปรุงยา
6.สมุนไพรศาสตร์
7.ดาราศาสตร์
8.การแปลงร่าง
9.พยากรณ์ศาสตร์
10.ดูแลสัตว์วิเศษ
เวทมนตร์จะใช้ธาตุทั้ง4เป็นหลักนะคะ บ้างก็แล้วแต่ชาติกำเนิด แบบที่สืบทอดมาจากรุ่นพ่อรุ่นแม่โดยตรง บ้างก็อยู่ที่ตัวบุคคลนั้นๆ อาจไม่ได้สืบทอดมาจากคนในครอบครัว แต่เพราะมีธาตุในตัวที่พิเศษกว่าใครๆ และยังมีการแปรผันของธาตุที่อาจจะเกิดขึ้นนอกเหนือจากธาตุทั้ง4อย่าง ดิน น้ำ ลม ไฟได้เช่นกันค่ะ แต่น้อยคนนักที่จะมีความสามารถนั้น
ปล.3 เรื่องนี้ไรท์จินตนาการมันขึ้นมาเองนะคะ ไม่ได้มีการลอกเลียนแบบผลงานของใคร แต่ในเรื่องของการใช้เวทมนตร์หรือวิถีชีวิตพ่อมด-แม่มด หรือพวกเอลฟ์นั้น ไรท์อาจจะมีการอ้างอิงข้อมูลมาจากในหนังหรือตามตำนานที่ทุกคนอาจจะรู้กันมาบ้างแล้ว ทั้งนี้ ตัวไรท์ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี และต้องขออนุญาตเจ้าของรูปภาพที่ไรท์นำมาประกอบเนื้อเรื่องด้วยนะคะ🙏
หากมีอะไรผิดพลาดตรงไหน สามารถบอกไรท์ได้เลยนะ
| ราชอาณาจักรโอเรียนน่า |
ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่สามารถบรรจุคณะครู-อาจารย์ให้เข้ามาอยู่รวมกันได้ถึง100คน
แต่ ณ เวลานี้กลับปรากฏบุคคลเพียงไม่กี่คนที่มีความเกี่ยวข้องและผู้รู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น
อาเซล
นักเรียนหญิงคนนั้นหายตัวไปสามวันแล้ว
อาเซล
แต่นายพึ่งจะมาบอกฉัน?
หลุยส์
ผมคิดว่าเธอแอบไปติดหนุ่มที่ไหนน่ะสิครับองค์ชาย
หลุยส์
ผมจะไม่เดาอะไรมั่วๆอีก
หลุยส์พูดพลางยกยิ้มอย่างทะเล้น เขากวาดสายตามองไปรอบๆห้องพร้อมด้วยท่าทางที่ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนกับการหายตัวไปของเด็กนักเรียนคนหนึ่ง
บลาเด็น
เมื่อไม่นานมานี้ผมรู้มาว่าศาสตราจารย์หลุยส์ปล่อยให้เด็กนักเรียนคนนั้นถูกรังแกนี่ครับ
หลุยส์
ไปรู้มาจากใครหรอครับ
หลุยส์
แล้วถ้าคุณเป็นคนเห็นเอง..
หลุยส์
ทำไมไม่เข้าไปห้ามล่ะครับ
บลาเด็น
เพราะมันไม่ใช่เรื่องของผม
หลุยส์
อย่ามาทำตัวเป็นคนดีไปหน่อยเลยครับ
หลุยส์
คุณเองก็ไม่ได้ต่างจากผมเลยสักนิด
บลาเด็นเบือนหน้าหนีทันทีที่หลุยส์เอ่ยออกมาเช่นนั้น เขาดันลิ้นกับกระพุ้งแก้มเป็นเชิงบอกกลายๆว่าไม่พอใจอีกฝ่ายแค่ไหน แต่ดูเหมือนหลุยส์จะไม่สนใจในท่าทางแบบนั้นเลยสักนิด
อาเซล
แล้วล่าสุดมีใครเห็นบ้างมั้ยว่าเด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน
เบลินด้า
เด็กนั่นมาหาฉันก่อนที่จะหายตัวไป
เบลินด้า
ท่าทีของเธอดูอึกอัก
เบลินด้า
เหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง
เบลินด้า
แต่สุดท้ายก็ไม่พูด
เบลินด้า
เธอเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องก่อนหน้า แล้วเปลี่ยนมาคุยเรื่องสมุนไพรที่ฉันพึ่งสอนไปวันนั้นแทน
หลุยส์
น่าสงสัยจังเลยนะครับ
เบลินด้า
คิดว่าฉันเป็นคนทำให้เด็กนั่นหายไปรึไง
หลุยส์
ผมไม่กล้าคิดแบบนั้นหรอกครับ
หลุยส์
ก็ท่านหญิงเป็นถึงพระชายาขององค์ชายอาเซลเลยนี่นา
อาเซล
ตำแหน่งและฐานะไม่ได้ทำให้ใครก็ตามพ้นผิดหรือพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัย
ประโยคยาวเหยียดนั้นส่งให้บรรยากาศโดยรอบดำดิ่งสู่ห้วงเหวลึกเสียยิ่งกว่าเดิม เธอที่ถูกกล่าวพาดพิงถึงนั่นคือท่านหญิงเบลินด้า บุตรสาวจากตระกูลดยุกชั้นสูง ที่จับผลัดจับผลูให้ได้มาแต่งกับองค์ชายลำดับที่2อย่างองค์ชายอาเซล
ทั้งคู่ก็แค่ตบแต่งกันไปตามขนบธรรมเนียมและประเพณี...
สิ่งที่ปฏิบัติต่อกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่รุ่นบรรพบุรษ ที่องค์ชายหรือองค์หญิงลำดับที่2 จะต้องแต่งงานและปรองดองกับบุตรหรือธิดาจากตระกูลดยุกชั้นสูงสักตระกูล
เมเบล
ฉันขอพูดได้มั้ยคะองค์ชาย
อาเซล
มีอะไรศาสตราจารย์เมเบล
เมเบล
ครั้งสุดท้ายก่อนที่เด็กคนนั้นจะหายตัวไป
เมเบล
ฉันคิดว่าเธอไม่ได้อยู่กับท่านหญิงเบลินด้าหรอกค่ะ
เมเบล
บังเอิญว่าฉันดันไปเห็นตอนที่เด็กสาวคนนั้นออกมาจากเรือนกระจกซึ่งเป็นสถานที่เพาะปลูกพืชสมุนไพร
เมเบล
มีเด็กอีกคนยืนรอเธออยู่ข้างนอกค่ะ
เมเบล
ทั้งสองคนยืนห่างออกมาจากเรือนกระจกเล็กน้อย
เมเบล
แต่ฉันพอจะเห็นและจำได้ว่าเด็กอีกคนที่ว่านั่นคือใครค่ะ
หลุยส์
ชักจะเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาซะแล้วสิ
บรรยากาศแห่งความตึงเครียดเริ่มเข้ามาปกคลุมไปทั่วทั้งห้องประชุมใหญ่
บุคคลที่เข้ามาใหม่เรียกสายตาและความสนใจจากเหล่าศาสตราจารย์ให้หันไปมองได้เป็นอย่างดี
ริฮานน่า
เรียกเรามามีอะไรรึเปล่าคะ
อาเซล
เธอรู้จักเด็กผู้หญิงที่ชื่อไวโอเล็ทรึเปล่า
ริฮานน่า
จะไม่รู้จักได้ไงคะ
ริฮานน่า
เราเรียนอยู่ห้องเดียวกัน
อาเซล
ครั้งสุดท้ายก่อนที่ไวโอเล็ทจะหายตัวไป
อาเซล
เธอได้อยู่กับเด็กคนนั้นมั้ย
ทั้งห้องตกเข้าสู่ความเงียบ เมื่อองค์หญิงริฮานน่าเอ่ยบอกด้วยท่าทีปกติ ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มออกมาราวกับการหายตัวไปของเพื่อนร่วมชั้นนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเธอเลยสักนิด
ริฮานน่า
หรือว่าไวโอเล็ทตายแล้ว?
เมเบล
ทำไมถึงคิดว่าเด็กนั่นจะตายล่ะคะ
ริฮานน่า
หน้าผาสูงตั้งขนาดนั้น
ริฮานน่า
ถ้าตกลงไปแล้วยังรอด...
ริฮานน่า
ถ้าเธอใช้เวทมนตร์ล่ะก็อาจจะยังพอมีทางรอดก็ได้นะ
หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น มือบางยกขึ้นมากุมขมับราวกับกำลังคิดหนัก
ริฮานน่า
ไวโอเล็ทไร้เวทมนตร์นี่นา
ริฮานน่า
ถ้าอย่างงั้นก็คงตายไปแล้วล่ะมั้ง
ริฮานน่า
แต่ถ้าร่ายคาถาได้สักบท...
อาเซล
ไปทำอะไรกันที่หน้าผา
อาเซล
ที่นั่นมันเขตหวงห้าม
อาเซล
ฉันออกกฎสั่งห้ามไม่ให้ไปที่แบบนั้นเด็ดขาด
อาเซล
แต่พวกเธอก็ยังจะไปงั้นหรอ
ริฮานน่า
หน้าผาตรงนั้นมันน่าสนใจดีนี่คะ อีกอย่าง...
ริฮานน่า
คนแบบนั้นอยู่ไปก็ไร้ประโยชน์
ริฮานน่า
จะเก็บไว้ให้รกโรงเรียนทำไมคะ
ริฮานน่า
ไร้เวทมนตร์ไม่พอ..
ริฮานน่า
ยังจะร่ายคาถาไม่ได้สักบทอีก
ริฮานน่า
แบบนั้นมันน่าสมเพชจะตายไปนี่คะ
คำพูดเหล่านั้นทำให้อาเซลนั่งเงียบ เขารู้ดีว่ามันไม่ถูกต้อง แต่จะให้ทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายก็เป็นถึงองค์หญิงของดินแดนเพื่อนบ้าน
เบลินด้า
ไม่พูดอะไรสักหน่อยหรอคะ
เบลินด้าเร่งเร้าอีกฝ่ายทันทีที่เห็นเขาเงียบไป
เธออยากจะออกหน้าแทนเด็กสาวคนนั้นที่ชื่อว่าไวโอเล็ทเสียเหลือเกิน แต่เพราะทำแบบนั้นไม่ได้ จึงได้คิดจะยืมมือผู้เป็นดั่งสามีของตน ซึ่งเป็นถึงองค์ชายแห่งราชอาณาจักร เขาคือผู้ที่จะตัดสินว่าเรื่องนี้ควรทำอย่างไรต่อไป
หลุยส์
สั่งให้ออกค้นหาแล้วครับ
อาเซล
หายไปสามวันแต่พึ่งจะออกคำสั่งให้ค้นหาตอนเช้าของวันนี้?
หลุยส์
นักเรียนหายไปแค่คนเดียว...
หลุยส์
มันไม่น่าจะเดือดร้อนขนาดนั้นนี่ครับ
อาเซล
ถ้าไม่เจอแสดงว่ายังมีชีวิต
อาเซล
แต่ถ้าตายก็ต้องเห็นศพ
ริฮานน่าลอบยิ้มกริ่ม เธอแอบหัวเราะอยู่เงียบๆคนเดียว ถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าเธอเป็นคนผิด แต่ก็คงไม่มีใครกล้าทำอะไรอยู่ดี ด้วยฐานะและการปรองดองระหว่างสองดินแดน ทำให้องค์ชายและเหล่าศาสตราจารย์บางคนไม่กล้าที่จะออกความเห็นในเรื่องนี้มากนัก
ไวโอเล็ท_
ทำไมถึงพาฉันมาที่นี่หรอคะ
หญิงสาวเอ่ยถามพลางก้าวเท้าถอยห่างออกจากหน้าผาสูงชัน
เธอหันมองเพื่อนร่วมชั้นที่มีศักดิ์สูงกว่าด้วยความประหม่าปนหวาดระแวง ด้วยเพราะเคยถูกอีกฝ่ายรังแกมาหลายต่อหลายครั้ง สถานการณ์เหล่านั้นสั่งสมเรื่อยมาจนทำให้เธอเริ่มที่จะชินชา
แต่ก็ยังคงความหวาดกลัวในท่าทีและการกระทำของอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก
ริฮานน่า
เราบอกไปหลายรอบแล้วนะ
ริฮานน่า
ว่าเราไม่ชอบเห็นใครร้องไห้
ริฮานน่า
เธอเห็นเราเป็นคนใจร้ายขนาดนั้นเลยหรอ
ไวโอเล็ท_
ไม่ใช่นะคะองค์หญิง
ไวโอเล็ท_
องค์หญิงดีที่สุดแล้วค่ะ
ริฮานน่า
ไม่สบตาเราตอนที่พูด
ริฮานน่า
ท่าทีหลุกหลิกนั่นก็ด้วย
ริฮานน่า
เราไม่ได้จะฆ่าเธอสักหน่อย
ริฮานน่า
แค่จะมาช่วยสอนร่ายคาถาขั้นพื้นฐานให้ก็แค่นั้นเอง
ริฮานน่า
ถ้าเธอร่ายคาถานั้นได้
ริฮานน่า
เธอก็จะสอบเลื่อนชั้นผ่านนะ
ริฮานน่า
เธอทำให้เราดูแย่นะ
ริฮานน่า
อยู่ห่างขนาดนั้นเราจะสอนเธอได้ยังไง
รอยยิ้มไร้พิษสงขององค์หญิงไม่ได้ทำให้ไวโอเล็ทหายกลัวเลยสักนิด
แต่เธอจำต้องทำใจกล้า ก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้า เพื่อให้เวลาตัวเองได้เตรียมใจแม้เพียงสักเล็กน้อย
เสียงหวานที่เตรียมจะเอ่ยปากพูดนั้นขาดห้วงไปเสียดื้อๆ ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะไร้ซึ่งแนวโน้มถ่วง และตกลงสู่ห้วงเหวลึกอย่างไม่ทันตั้งตัว
ริฮานน่า
เราขอให้เธอสนุกกับข้างล่างนั่นนะ
ริฮานน่า
แล้วอย่ากลับขึ้นมาล่ะ
ริฮานน่าพูดพลางยิ้มร่า มือบางยกขึ้นมาโบกไปมาเป็นการกล่าวลา ก่อนที่เธอจะเดินหายไปจากตรงนั้น ปล่อยให้หญิงสาวอีกคนร่วงลงสู่ความอ้างว้างอันไกลแสนไกล
ไวโอเล็ท_
ตายแล้วรึเปล่านะ
ร่างบอบบางที่ลอยเคว้งอยู่กลางแม่น้ำสีขุ่น เริ่มเอ่ยพูดกับตัวเองอย่างเลื่อนลอย ร่างกายรู้สึกปวดหนึบจนไม่สามารถขยับได้แม้เพียงปลายนิ้ว
นัยน์ตาสีอ่อนทอแสงริบหรี่ ประกายการอยากมีชีวิตเริ่มที่จะหมดไปเมื่อชีวิตพบเจอแต่เรื่องเลวร้าย
เธอเริ่มไอออกมาเพราะสำลักน้ำ ร่างเล็กๆนั่นเริ่มจมลงสู่ห้วงน้ำลึก แต่หญิงสาวกับไม่คิดที่จะตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
ไวโอเล็ท_
ถ้าได้เกิดใหม่อีกสักครั้ง
ไวโอเล็ท_
ไม่อ่อนแอเหมือนกับฉันในตอนนี้
1 อาทิตย์หลังจากไวโอเล็ทหายตัวไป
ณ ริมแม่น้ำสีขุ่น ปรากฏเป็นร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนอนไร้สติอยู่บนโขดหินที่ผิวสัมผัสของมันนั้นลื่นและเป็นเมือก และถูกปกคลุมไปด้วยตะไคร้น้ำสีเขียว
เปลือกตาบางเริ่มขยับ อีกทั้งนัยน์ตาสีอ่อนที่ไร้แววความอ่อนแอนั้นหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะกระพริบตาขึ้นลงถี่ๆเพื่อปรับความสมดุลของสายตาที่ไม่คุ้นชิน
ปากบางเริ่มขยับเพื่อเอ่ยพูด แม้จะยากเย็นนัก แต่เธอก็ยังคงเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก
ไวโอเล็ท_
...จะขึ้นสวรรค์ได้ยังไงล่ะ
ไวโอเล็ท_
ฉันพึ่งฆ่าคนมานะ
01 : Violet
สถานการณ์ในอีกโลกหนึ่ง ก่อนที่ไวโอเล็ทจะกลายเป็นใครอีกคน
ไวโอเล็ท
นายถูกส่งมาให้ฆ่าฉัน?
ทั้งสองร่างยืนประจันหน้ากันอยู่บนดาดฟ้าของตึกสูง30ชั้น ไวโอเล็ทจับจ้องอีกฝ่ายที่เคยเป็นหนึ่งในคนสนิทของเธอด้วยนัยน์ตาวาวโรจน์
มือบางทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น ความรู้สึกดีๆที่เคยคิดจะมอบมันให้กับชายตรงหน้า ตอนนี้มันสลายหายไปราวกับฝุ่นผง
ไวโอเล็ท
ยื้อเวลามาได้นานดีนะ
ไวโอเล็ท
ได้ข้อมูลอะไรไปจากฉันบ้างล่ะ
ร็อกโก้
ผมไม่ได้อยากให้ทุกอย่างมันกลายเป็นแบบนี้
ไวโอเล็ท
นายฆ่าลูกน้องของฉันไปหลายคนแล้ว
ไวโอเล็ท
แต่ฉันไม่ขอโทษหรอกนะ
ไวโอเล็ท
ฝั่งนายก็เสียลูกน้องไปหลายคนเลยนี่
ไวโอเล็ท
แอบพาลูกน้องลอบเข้ามาหาข้อมูลกันตั้งหลายคน
ไวโอเล็ท
กว่าฉันจะรู้สึกตัว
ไวโอเล็ท
พวกนายก็ได้ข้อมูลหลายอย่างไปบอกไอ้เวรนั่นหมดแล้ว
ไวโอเล็ท
แต่เสียใจด้วยก็แล้วกัน
ไวโอเล็ท
ที่ถึงแม้ว่าจะได้ข้อมูลกลับไป
ไวโอเล็ท
แต่ร่างกายกลับไม่ได้ออกไปพร้อมข้อมูล
ไวโอเล็ท
เพราะฉันจัดการเผาร่างของทุกคนให้เรียบร้อยแล้ว
เสียงหวานเอ่ยบอกพลางกลั้วหัวเราะ เธอยกยิ้มเจ้าเล่ห์พลางเดินเข้าไปหาร็อกโก้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับขอบตึกสูงชัน
ไวโอเล็ท
เพราะจะฆ่าตัวตาย..
ไวโอเล็ท
หรือว่าล่อฉันมาเพราะจะฆ่าฉัน?
ไวโอเล็ท
แต่ฉันเดาว่าคงเป็นอย่างหลัง
ไวโอเล็ท
ก็มันเป็นภารกิจของนายนี่นา
ไวโอเล็ท
ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ
ไวโอเล็ท
เสียมารยาทจังเลยนะ
ไวโอเล็ท
ปล่อยให้ฉันพูดคนเดียวอยู่ได้
ร็อกโก้
เรื่องที่ผมรู้สึกดีกับคุณ
ร็อกโก้
แต่ผมต้องทำตามหน้าที่
ไวโอเล็ท
มันสำคัญกว่าความรู้สึกของนายอีกงั้นหรอ
ไวโอเล็ท
นายไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉันหรอก
ไวโอเล็ท
ความสัมพันธ์เพียงเสี้ยว
ไวโอเล็ท
่ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันคงทำให้นายหวั่นไหวสินะ
ไวโอเล็ท
แต่เสียใจด้วยที่ฉันคงต้องบอกว่า...
ไวโอเล็ท
ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับนายเลยสักนิด
เธอกำลังโกหกเขาอยู่ ทั้งๆที่ในใจกำลังเรียกร้องและปฏิเสธคำพูดนั้นอย่างหนักแท้ๆ แต่เธอก็ยังฝืนพูดมันออกไป
ไวโอเล็ท
หรือนายจะเอาปืนที่อยู่ในมือนั่นมายิงแสกหน้าฉัน?
ร็อกโก้ยืนนิ่ง ในมือข้างขวาถือกระบอกปืนเอาไว้แน่น ก่อนจะเริ่มคลายมันออก และปล่อยให้ร่วงลงสู่พื้นโดยไม่คิดจะหยิบมันขึ้นมาอีก
ไวโอเล็ท
แต่ภารกิจของนายจะไม่สำเร็จนะ
ร็อกโก้
คุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมจริงๆหรอ
ไวโอเล็ท
ฉันพูดความจริงไปแล้ว
ร็อกโก้
ทำไมต้องผลักไสกันด้วย
ร็อกโก้
หรือเพราะว่าผมเป็นคนของศัตรู
ไวโอเล็ท
ถ้าฉันบอกว่าใช่..
ไวโอเล็ท
เปลี่ยนแปลงอะไรมันได้หรอ
ไวโอเล็ท
จะมาอยู่ฝั่งฉันแทนรึไง
ไวโอเล็ท
ไม่คิดว่ามันสายเกินไปหรอ
ไวโอเล็ทตอบโต้อีกฝ่ายกลับไปเสียยาวเหยียด ทั้งๆที่ปกติไม่ใช่คนพูดมาก แต่เพราะคราวนี้เรื่องราวมันกำลังเลยเถิดไปไกลเกินกว่าที่เธอคิดมาก เลยทำให้ความรู้สึกนึกคิดของเธอนั้นเริ่มสับสน
ไวโอเล็ท
หยุดปั่นหัวฉันด้วยความรู้สึกที่นายมี
ไวโอเล็ท
ฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
ไวโอเล็ท
นายต้องรีบไปไม่ใช่หรอ
ไวโอเล็ท
อีกไม่กี่นาทีแล้ว
ไวโอเล็ท
เดี๋ยวก็ตายไปด้วยหรอก
ไวโอเล็ท
รู้ตั้งนานแล้วล่ะ
ร็อกโก้
รู้แต่ก็ยังจะมาที่นี่
ร็อกโก้
ทั้งๆที่มันเป็นกับดัก
ไวโอเล็ท
เป็นหนึ่งในสมบัติของตระกูลฉัน
ไวโอเล็ท
นายเลือกติดตั้งระเบิดได้ถูกที่เลยรู้รึเปล่า
ไวโอเล็ท
ตึกนี้เป็นสถานที่ที่สำคัญมาก
ไวโอเล็ท
มันมีอยู่มานานแล้วล่ะ
ไวโอเล็ท
มันเป็นจุดเริ่มต้นของตระกูลฉัน
ไวโอเล็ท
ตัวฉันก็คงต้องหายไปด้วย
ไวโอเล็ท
จริงๆแล้วฉันน่ะ..
ไวโอเล็ท
ตั้งใจจะตายอยู่แล้ว
ไวโอเล็ท
ความรู้สึกนายนี่ย้อนแย้งจริง
ไวโอเล็ท
รอบบริเวณนี้ก็หายไปเลยนะ
ไวโอเล็ท
เพราะตัวตึกก็กินพื้นที่ไปซะเยอะเลย
ไวโอเล็ท
นายก็จะตายไปด้วยนะ
ไวโอเล็ทถามเสียงอ่อนในตอนท้าย เพราะเมื่อรู้สึกตัวอีกเธอ กลับกลายเป็นเธอที่เดินมาหยุดอยู่ที่ขอบตึกเสียแล้ว
ความรู้สึกน่าหวาดเสียวแบบนี้ เธอพึ่งเคยประสบกับมันเป็นครั้งแรก ถ้าหากตกลงไปเบื้องล่าง จะเป็นยังไงนะ?
ไวโอเล็ท
อยู่ที่นี่มาก็ตั้งนาน
ไวโอเล็ท
แต่ฉันพึ่งจะเคยขึ้นมาเป็นครั้งแรกเลย
ไวโอเล็ท
...และคงจะเป็นครั้งสุด
ร็อกโก้
ถ้าคุณไม่อยากให้ตึกนี้หายไป
ร็อกโก้
ผมจะไปแก้ระเบิดให้
ไวโอเล็ท
นายมันไม่ได้เก่งขนาดนั้นร็อกโก้
ไวโอเล็ท
เป็นสระน้ำพอดีเลย
ไวโอเล็ท
อย่างน้อยถ้าร่างของฉันตกลงไป...
ไวโอเล็ท
มันก็คงจะไม่เละหรอกใช่มั้ย
ร็อกโก้
หยุดพูดไร้สาระแล้วเดินมาหาผมได้แล้ว!!
ไวโอเล็ท
ครั้งแรกเลยนะที่เห็นนายหัวเสียขนาดนี้
ไวโอเล็ท
ถ้าไม่มีฉันนายจะอยู่ไม่ได้งั้นหรอ
ไวโอเล็ท
นายจะทรยศพวกนั้น?
ร็อกโก้
แล้วผมจะยอมทำตามที่คุณบอกทุกอย่าง
มือหนายื่นมาตรงหน้า รอให้หญิงสาวอันเป็นที่รักยื่นมือบางของเธอออกมาหาเขา
แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ให้ความร่วมมือ ไวโอเล็ทก้าวเท้าถอยหลังจนรับรู้ได้ถึงแรงลมที่พัดโหมเข้ามาจากรอบทิศทาง
ร่างทั้งร่างเอนกายไปด้านหลัง เธอปล่อยวางจากทุกสิ่ง และทิ้งตัวลงสู่ด้านล่างในทันที
น้ำเสียงแกร่งสั่นไหวยามเมื่อเห็นร่างของคนรักล่วงลงไปต่อหน้าต่อตา
เขารีบวิ่งไปหาเพื่อหวังจะไขว่คว้าเอาร่างของเธอกลับมาให้ได้ แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว..
ไวโอเล็ท_
ถึงรู้สึกไม่มีแรงขนาดนี้
ไวโอเล็ทลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก เธอฝืนกัดฟันจนสามารถพยุงร่างตัวเองขึ้นมาด้วยความดิ้นรน
สายตาเริ่มปรับโฟกัสกับแสงอาทิตย์ได้แล้ว เธอรีบมองสำรวจไปรอบๆบริเวณที่ตนอยู่ในตอนนี้ ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น
หญิงสาวยกมือบางขึ้นมากุมขมับแน่น เธอหายใจหอบถี่ พลางพยายามเรียกสติตัวเองอย่างเต็มที่ พร้อมกับภาพบางอย่างที่ไหลเข้ามาในหัวไม่ขาดสาย
ร่างบอบบางทรุดตัวลงข้างริมน้ำ ก่อนที่เธอจะได้สังเกตุเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างเข้า
เงาสะท้อนภายในน้ำนั่น ไม่ใช่เธอ..
มือบางเลื่อนลงมาจับกรอบหน้าของตนเองไปมา จับๆแตะๆอยู่สักพักก็เริ่มที่จะเข้าใจในบางเรื่อง
ในหัวเริ่มคิดหนัก เพราะสิ่งที่เธอคาดเดามันไม่มีเหตุผล และมันเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
ไวโอเล็ท_
นี่ฉันตายแล้วมาเกิดใหม่รึเปล่า
ไวโอเล็ท_
ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
ไวโอเล็ท_
คิดอะไรไร้สาระจริงๆ
ไวโอเล็ท_
ตายแล้วเกิดใหม่เนี่ยนะ
ไวโอเล็ท_
ไม่ใช่ว่าฉันต้องตกนรกก่อนหรอ
ไวโอเล็ท_
ทำไมได้ขึ้นสวรรค์แล้วล่ะ
เสียงนุ่มทุ้มปริศนาเรียกให้ไวโอเล็ทหันมองตามเสียงด้วยความหวาดระแวง
เสียงที่เอ่ยถามออกไปนั้นหนักแน่น แม้ร่างกายจะไม่เอื้ออำนวย แต่เธอก็ยังทำใจกล้า ตวัดสายตามองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง
ไวโอเล็ท_
แน่จริงก็โผล่หัวออกมาสิ!
วอลเลอร์
(เจ้าอย่าพึ่งใจร้อนไปเลย)
วอลเลอร์
(ข้าไม่ใช่คนเลวอะไรหรอก)
วอลเลอร์
(แต่ก็ไม่ใช่คนดีด้วย)
วอลเลอร์
(เจ้าไม่ใช่คนของโลกนี้ด้วยซ้ำ)
วอลเลอร์
(แต่ทำไมถึงได้...)
วอลเลอร์
(ที่น่าแปลกใจอีกเรื่องก็คือ..)
วอลเลอร์
(เจ้าได้ยินเสียงข้า?)
วอลเลอร์
(ที่นี่เราไม่เรียกแบบนั้น)
วอลเลอร์
(ข้าเป็นเพียงเศษเสี้ยววิญญาณเท่านั้น)
วอลเลอร์
(ไม่แปลกที่เจ้าจะมองไม่เห็นข้า)
วอลเลอร์
(เลิกหันไปมาสักที)
วอลเลอร์
(เห็นแล้วข้าปวดคอแทน)
ไวโอเล็ท_
อย่ามาเล่นตลกกับฉันนะ
ไวโอเล็ท_
บอกมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ไวโอเล็ท_
แล้วตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน
วอลเลอร์
(ที่เธออยู่ตอนนี้ไม่ใช่สวรรค์)
วอลเลอร์
(แต่เป็นนรกบนดินต่างหากล่ะ)
วอลเลอร์
(ดินแดนแห่งเวทมนตร์)
ไวโอเล็ท_
ฉันฟังผิดรึเปล่า
วอลเลอร์
(ข้าว่าข้าก็ไม่ได้พูดผิดนะ)
ไวโอเล็ท_
ฉันตายแล้วจริงๆใช่มั้ย
ไวโอเล็ท_
แล้วไอ้ดินแดนแห่งเวทมนตร์อะไรนี่อีก
ไวโอเล็ท_
มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย
วอลเลอร์
(เจ้าต้องใจเย็นๆ)
วอลเลอร์
(ถ้าตื่นมาอีกครั้ง)
วอลเลอร์
(เจ้าจะเข้าใจทุกอย่างเอง)
ไวโอเล็ท_
หมายความว่ายังไง
วอลเลอร์
(ข้ารู้สึกถูกใจเจ้านะ)
วอลเลอร์
(ข้าไม่ได้คุยกับใครมาหลายร้อยปีแล้ว)
ไวโอเล็ท_
ฉันต้องอึ้งกับอะไรก่อน
วอลเลอร์
(มีให้เจ้าต้องอึ้งมากกว่านี้อีก)
02 : New life
-- ณ กระท่อมร้างกลางป่า --
ไวโอเล็ท_
ฝันอะไรไม่เข้าท่าเลย
ไวโอเล็ทโอดครวน เปลือกตาบางเตรียมจะหลับลงอีกรอบด้วยความง่วงงุน แต่แล้วเธอก็ฉุกคิดขึ้นมาได้..
ไวโอเล็ท_
แล้วฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย
วอลเลอร์
(น่าจะเป็นกระท่อมร้าง)
วอลเลอร์
(ข้าเป็นคนพาเจ้ามาที่นี่เอง)
ไวโอเล็ท_
ไม่ใช่ฝันหรอกหรอ
วอลเลอร์
(เหมือนจริงขนาดนี้)
วอลเลอร์
(เจ้าคิดว่ามันเป็นแค่ความฝันได้ยังไง)
ไวโอเล็ท_
นึกว่าลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วจะได้อยู่ในนรกซะอีก
วอลเลอร์
(ความคิดเจ้านี่มันออกจะแปลกไปหน่อยนะ)
ไวโอเล็ท_
ฉันมีเรื่องสงสัย
ไวโอเล็ท_
หมายถึงร่างนี้น่ะ
ไวโอเล็ท_
ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่
วอลเลอร์
(มันคือความทรงจำ)
วอลเลอร์
(ของเจ้าของร่างคนก่อน)
ไวโอเล็ท_
ทำไมถึงได้ใจร้ายกันนัก
ไวโอเล็ท_
คงไม่ทั้งหมดหรอก
ไวโอเล็ท_
แต่ฉันพอจะรู้ว่าใครเป็นใครบ้าง
ไวโอเล็ท_
จากเศษเสี้ยวความทรงจำนั้น
วอลเลอร์
(แล้วเจ้าจะทำยังไงต่อไป)
ไวโอเล็ท_
มีวิธีที่จะทำให้ฉันออกจากร่างนี้มั้ยล่ะ
วอลเลอร์
(ได้มีชีวิตราวกับเกิดใหม่ทั้งที..)
วอลเลอร์
(เจ้าไม่คิดที่จะใช้มันให้คุ้มค่าหน่อยหรอ)
ไวโอเล็ท_
ในร่างที่ไม่ใช่ของฉันเนี่ยนะ
ไวโอเล็ท_
จะไปทำแบบนั้นได้ยังไง
ไวโอเล็ท_
แล้วเจ้าของร่างนี้ไปไหน
วอลเลอร์
(เด็กคนนั้นตายไปแล้ว)
วอลเลอร์
(วิญญาณตนนั้นหมดวาระ)
วอลเลอร์
(ไม่มีสิทธิ์ในการใช้ร่างกายนี้อีกต่อไป)
วอลเลอร์
(ร่างกายนี้เป็นของเจ้าแล้ว)
วอลเลอร์
(ข้าว่าเจ้าควรจะใช้มันให้ดีนะ)
ไวโอเล็ท_
ร่างกายนี้มันดูเล็ก
ไวโอเล็ท_
ขยับนิดขยับหน่อยก็หมดแรงแล้ว
วอลเลอร์
(ก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไป)
วอลเลอร์
(เจ้าไม่จำเป็นต้องรีบร้อน)
ไวโอเล็ท_
ฉันลืมถามไปสนิทเลย
ไวโอเล็ท_
ฉันว่านายไม่อยากตอบมากกว่า
วอลเลอร์
(เอาเวลามาสงสัยข้า ไปฝึกร่ายคาถาไม่ดีกว่าหรอ)
วอลเลอร์
(ฝึกพลังเวทย์ของเจ้า)
ไวโอเล็ท_
ตกลงมันใช้ได้จริงๆใช่มั้ย
วอลเลอร์
(นี่มันดินแดนแห่งเวทมนตร์นะสาวน้อย)
วอลเลอร์
(ข้าต้องสอนใช่มั้ย)
ไวโอเล็ท_
มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วสิ
ไวโอเล็ท_
ฉันมาจากโลกอื่นนะ
ไวโอเล็ท_
นายน่าจะรู้อยู่แล้วนี่
วอลเลอร์
(เจ้าควรจะภูมิใจนะที่ข้ารับเจ้าเป็นลูกศิษย์)
วอลเลอร์
(นานมากแล้วที่ข้าไม่รับใครเป็นศิษย์)
วอลเลอร์
(นานมากแล้วจริงๆ...)
ไวโอเล็ท_
ฉันไม่อยากเสียเวลา
วอลเลอร์
(เคารพกันหน่อยก็ดีนะ)
ไวโอเล็ท_
ฉันไม่รู้จักแม้แต่ชื่อนายด้วยซ้ำ
ไวโอเล็ท_
ทำไมต้องเคารพด้วย
วอลเลอร์
(ข้าชื่อวอลเลอร์)
วอลเลอร์
(ไหนลองเรียกข้าว่าท่านอาจารย์สิ)
ไวโอเล็ท_
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะใช้เวทย์ได้
วอลเลอร์
(เจ้ามีพรสวรรค์นะ)
วอลเลอร์
(ใช้เวทย์ได้คล่องดี)
วอลเลอร์
(แถมยังจำคาถาได้ตั้งหลายบทอีกด้วย)
ไวโอเล็ท_
อาจจะเป็นเพราะร่างนี้รึเปล่า
วอลเลอร์
(มันเป็นเพราะเจ้าเองต่างหากล่ะ)
วอลเลอร์
(จิตวิญญาณของเจ้าเข้มแข็งและแข็งแกร่งมาก)
วอลเลอร์
(ผิดกับเจ้าของร่างคนก่อนลิบลับเลย)
ไวโอเล็ท_
ในความทรงจำนั้นฉันถึงไม่เห็นเธอใช้เวทมนตร์เลย
ไวโอเล็ท_
เพราะเธอไม่รู้วิธีที่จะควบคุมมัน
ไวโอเล็ท_
และจิตวิญญาณนั้นก็อ่อนแอเกินไป
วอลเลอร์
(ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะ)
วอลเลอร์
(เจ้าอาจจะยังไม่รู้..)
วอลเลอร์
(ร่างกายนี้ยังมีอะไรให้เจ้าเซอร์ไพรส์อีกเยอะ)
วอลเลอร์
(พูดแบบนั้นแสดงว่าเจ้ารู้?)
ไวโอเล็ท_
เรื่องอะไรฉันจะต้องบอกนายด้วย
หญิงสาวกล่าวพลางกลั้วหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ท่าทางสดใสนั้นเรียกรอยยิ้มจากมุมปากหนาได้เป็นอย่างดี
วอลเลอร์
(ต่อจากนี้อีก3วันเจ้าต้องกลับไปที่นั่นอีกครั้ง)
วอลเลอร์
(คิดจะใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ)
วอลเลอร์
(หรือว่าอยากจะกลับไปจัดการคนพวกนั้นกันล่ะ)
ไวโอเล็ท_
ความคิดนายนี่น่าสนใจชะมัด
วอลเลอร์
(ที่มันน่าสนใจ..)
วอลเลอร์
(เป็นเพราะข้าคิดแบบเดียวกับเจ้าใช้รึเปล่า)
วอลเลอร์
(ไม่เรียกข้าว่าอาจารย์หรอ)
ไวโอเล็ท_
ไว้อยากเรียกค่อยเรียก
ไวโอเล็ท_
ถ้าเห็นฉันกลับไป
ไวโอเล็ท_
พวกมันจะทำหน้ากันยังไง
วอลเลอร์
(สีหน้าเจ้าดูสนุกนะ)
ไวโอเล็ท_
ก็กำลังจะได้เจอเรื่องสนุก
ไวโอเล็ท_
ไม่ให้ตื่นเต้นยังไงไหว
รอยยิ้มของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มรู้สึกขนลุกแปลกๆ เขาจ้องมองเธอไม่ละสายตา ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆกับร่างบางที่ไม่รับรู้ถึงตัวตนของเขาที่เป็นเพียงเศษเสี้ยววิญญาณเท่านั้น
ไวโอเล็ท_
ทำไมเสียงนายอยู่ใกล้จัง
วอลเลอร์
(ข้ายืนอยู่ข้างหลังเจ้า)
ทั้งคู่ร้องเสียงหลงออกมาพร้อมๆกัน ทางด้านของไวโอเล็ทที่เมื่อได้ฟังประโยคนั้นจบ เธอก็รีบร้อนหันหลังกลับไปเพื่อมองอีกฝ่ายให้ชัดเต็มสองตา แต่ก็ลืมไปว่าเธอไม่สามารถที่จะมองเห็นอีกฝ่ายได้
ส่วนวอลเลอร์ก็ตกใจกับการกระทำของร่างบางเช่นกัน เพราะหันหน้ากลับมากะทันหันแบบนั้น มันทำให้เขาที่ยืนซ้อนหลังเธออยู่ตกใจจนต้องผงะถอยหลังในทันที
ใบหน้าหล่อเหลาขึ้นสีแดงระเรื่อ และลามไปจนถึงใบหู ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายไม่อาจที่จะมองเห็นเขาได้ แต่ก็อดที่จะทำตัวไม่ถูกกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ไม่ได้เลย
เมื่อกี้นี้ ใบหน้าของเขาและเธอ อยู่ใกล้กันมากๆเลย...
ไวโอเล็ท_
ฉันเห็นว่ามีเรียนขี่ไม้กวาดด้วยนี่
วอลเลอร์
(แต่ข้าไม่มีไม้กวาดให้เจ้าหรอกนะ)
ไวโอเล็ท_
นายนี่มันไม่ได้เรื่องเลย
วอลเลอร์
(แต่ข้าทำแบบนี้ได้)
สิ้นประโยคนั้น แสงสีแดงประกายดำก็โผล่ขึ้นมาปกคลุมเรือนร่างบอบบางเอาไว้จนทั่ว ราวกับว่าเธอกำลังจะถูกมันกลืนกินอย่างไรอย่างนั้น
ไวโอเล็ท_
นี่มันอะไรกันเนี่ย
วอลเลอร์
(มันไม่เป็นอันตรายหรอก)
ไวโอเล็ท_
ปกติไม่มีใครชมเลยรึไง
ไวโอเล็ท_
ฉันชอบสีดำกับแดงนะ
วอลเลอร์
(ก็มีแค่เจ้านี่แหละที่ชอบมัน)
น้ำเสียงของชายหนุ่มฟังดูเศร้าหมองจนไวโอเล็ทรู้สึกได้ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่เอ่ยถามในสิ่งที่สงสัยออกไป และหันมาโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแทน
คราวนี้ ภาพวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าถูกปกคลุมไปด้วยไอเวทย์สีแดงและดำปะปนกันไป ตามมาด้วยไอหมอกสีดำสนิทที่ช่วยอำพรางทั้งร่างของเธอ แต่ก่อนที่จะทันได้เห็นอะไรไปมากกว่านี้ สติของเธอกลับดับวูบไปอย่างน่าเสียดาย...
วอลเลอร์
(หลับเสียเถิดหนา...)
วอลเลอร์
(เจ้าอย่าพึ่งมาขี้เซาตอนนี้)
นัยน์ตาสีสวยเป็นประกายเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับห้องที่ไม่คุ้นเคย แต่กลับจำได้ลางๆว่าที่นี่คือห้องพักของเธอ
ไวโอเล็ท_
ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่
ไวโอเล็ท_
ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง
วอลเลอร์
(ข้ามีวิธีของข้าหรอกน่า)
วอลเลอร์
(มันสะดวกดีใช่มั้ยล่ะ)
วอลเลอร์
(เจ้าไม่ต้องเดินให้เมื่อยด้วยซ้ำ)
วอลเลอร์
(ไปเตรียมตัวได้แล้ว)
วอลเลอร์
(คายบ่ายของวันนี้)
วอลเลอร์
(งั้นเอาอย่างงี้)
วอลเลอร์
(เจ้าลองตอบคำถามข้ามาก่อน)
วอลเลอร์
(เจ้าเป็นคนรักสัตว์มั้ย?)
ไวโอเล็ท_
ก็ไม่ได้เกลียดหรอกนะ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!