เรื่องราวอันชวนให้น่าสงสาร กลับกลายเป็นชวนให้น่าปวดหัว ก็ตั้งแต่เล็กจนโตเป็นเด็กกำพร้าอยู่ดีๆ ไม่คาดคิดเลยว่าวันหนึ่ง กลับต้องมาพบว่าตัวเองเป็นทายาทมาเฟียผู้สูงศักดิ์
เรื่องราวอันไม่น่าภิรมย์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น พร้อมกับเหล่าผู้ถือตนเรียกตัวเองว่าเป็นมาเฟีย
ไหนจะพี่ชายคนละสายเลือดจอมเหวี่ยงสายดุ แล้วไหนจะไอ้มาเฟียหุ้นส่วนปากเสียขี้เก๊ก
ถ้าคิดว่าพอแล้วละก็...ยัง...ยังไม่พอยังมีเหล่าพวกแก๊งมาเฟียโหดหิน ที่ดันถือตนให้อยู่เหนือกว่าใครทั้งมวล
เพราะแบบนี้ไงมันเลยถึงเวลาแล้ว ที่จะทำให้พวกเสือป่าเถื่อนให้กลายมาเป็นแค่ลูกแมว
คาอิน
“เดินอย่างกับตลาดสด โดนยิงไส้แตกขึ้นมาจะหาว่าเอาฮาไม่ได้นะ”
กัส
“ฉันจะแสดงให้เห็นว่ามาเฟียที่โหด มันก็มีแต่แค่ในหนัง เสือที่ว่าแน่มันก็แค่แมวนั้นแหละ^^”
เซียน
“พัง...วงจรมาเฟียฉันพัง!!!!!!”
ฟาโรห์
“ฉันสามารถจับนายดองแทนผัก แล้วส่งออกขายส่งต่างประเทศได้เลยนะ”
นายพล
“จะทำอะไรเกรงใจรอยสักของฉันหน่อยเฮ้ย!!!”
ข้าวตัง
“อ่อนปวกเปียก แล้วอยากจะเปียกบ้างไหม?”
🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬
สิริปัญญากุล หนึ่งในตระกูลอิทธิพลตระกูลหนึ่ง อยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายผู้สืบทอด แน่นอนว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ไม่ควรมีลูกเล็กเด็กแดง เพราะเกรงว่าจะยังไม่ปลอดภัยในวงการที่ต้องแข่งขันชิ่งดีชิ่งเด่นกันในช่วงนี้ การตั้งท้องของนายหญิงจึงกลายเป็นความลับที่ต้องเก็บซ่อน ทว่าปากหูประตูมีช่องเรื่องดันดังไปถึงหูพวกคู่ศัตรู การเป็นวงการเลือดกันอีกครั้ง การปกป้องหนึ่งชีวิตเป็นไปอย่างทรมาน แม้แต่ยามนอนก็หลับไม่เต็มตาค่อยระแวดระวังอยู่ตลอด กลัวว่าจะมีคนมาลอบทำร้ายภรรยาและลูก ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง
เสียงร้องงอแงเด็กน้อยผู้เพิ่งลืมตา อ้อมกอดแสนอบอุ่นนับจากนี้เราจะไม่ได้เจอกันแล้วนะ หวังว่าสักวันหนึ่งทุกอย่างจะพาลูกกลับมา พอถึงวันนั้นขอให้ทุกอย่างสงบลง ลูกจะต้องอยู่อย่างปลอดภัยพ่อกับแม่รักลูก ..... กัส
กระดาษเขียนชื่อเล่นพร้อมชื่อจริงให้อย่างชัดเจน เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสาถูกส่งต่ออ้อมอกให้อีกคน เมื่อเวลาผ่านไปในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เด็กน้อยในวันนั้นเริ่มโตเสียงพูดเจื้อยแจ้ว ทำให้เป็นที่รักของคุณครูพี่เลี้ยงทุกคน และแล้ววันนี้ก็มาถึงสองสามีภรรยามายังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า คุณครูเดินเข้ามาขอกับเด็กตัวน้อยว่าจะได้ย้ายบ้าน
“ไปอยู่กับตาและนายนะหลาน^^”
แสงสว่างในชีวิตถูกจุดเป็นครั้งแรก ชีวิตที่เป็นครอบครัวชั่งมีความสุข แม้ไม่ร่ำรวยแต่การเรียนของเด็กน้อยพร้อมอาหารการกินก็ไม่เคยขาด สองสามีภรรยากอดเก็บจดหมาย พร้อมชื่อในวันแรกมาตลอด เด็กคนนี้พวกเธอจะต้องเลี้ยงดูอย่างดี นับวันหน้าที่กลายเป็นความรักพวกเธอรักเด็กน้อยอย่างหมดใจ
ท่ามกลางเสียงปืนในที่มืดกลางดึก ในใจนึกถึงหน้าลูกน้อยจับใจ กี่รายต่อกี่รายที่ต้องจบชีวิตด้วยลูกปืน เขาจะสู้เพื่อชีวิตของลูกในวันข้างหน้า
“ป๊า\~”
เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กชายตัวน้อย ชายผู้โหดเหี้ยมเดินเข้าไปอุ้มกอดเด็กน้อย ในใจนึกถึงเพียงลูกชายที่จากไป ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยละความสนใจและความรักจากเด็กอีกคน
“วันนี้เซียนเรียนอะไรบ้างครับ?”
“เรียนวิถีกระสุนครับ^^” รอยยิ้มลูบหัวลูกชายอย่างเอ็นดู
“ดีมากลูกจะต้องเก่ง แล้วสักวันลูกต้องปกป้องน้องชายลูกให้ได้นะ^^”
“หื้ม??” เด็กน้อยไม่เข้าใจมองตามคนเป็นพ่อเดินออกไป ก่อนจะเข้าไปถามแม่บ้าน
“ทำไมป๊าชอบพูดถึงน้องชาย ผมมีน้องด้วยเหรอ??” แววตาใสซื่อของเด็กน้อยทำแม่บ้านใจคอไม่ดี
“มีสิคะเพียงแต่ น้องชายคุณเซียนไม่ได้อยู่ที่นี้^^”
“งั้น...วันไหนผมจะได้เจอน้องละ?”
“เอ่อ....พี่ก็ไม่รู้ค่ะ คงจะเป็นตอนที่คุณเซียนสามารถปกป้องน้องชายได้มั้งค่ะ^^”
เพราะเรื่องนี้ไม่มีใครห้าม กลับกันทั้งนายท่านและคุณนายต่างก็เปิดเผย ไม่คิดจะมีความลับกับลูกชายผิดกับคนข้างนอก ที่สั่งห้ามคนในบ้านหลุดปากบอกคนนอกเด็ดขาด
เสียงวิ่งเล่นในโรงเรียนประถมต้น เด็กกลุ่มใหญ่กำลังรุมรังแกเด็กผู้ชาย ผู้มีหน้าตาน่ารักอย่างกับเด็กผู้หญิง เสื้อนักเรียนสภาพหลุดลุ่ยผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ผิดกับตอนที่เพิ่งมาถึงโรงเรียนเอามากๆ
“นี่ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย?”
“ก็นายเป็นผู้หญิงปลอมตัวมาใช่ไหม?” เจ้าเด็กนักเลงหัวหน้าแก๊งชี้หน้าทำตัวอันธพาล
“จะบ้าเหรอฉันก็มี...เหมือนกับนายนั่นแหละ”
“ไม่เชื่อ! เอามาดูสิ”
“จะบ้าหรือไงมาขอกันดูง่ายๆ หน้าไม่อาย”
“ไม่สนฉันจะดูไม่งั้นฉันไม่เล่นกับนาย”
“ไม่เล่นก็ไม่เห็นสนเลย”
“แต่บ้านฉันรวยนะจะบอกให้” เด็กนักเลงน้อยเริ่มขู่แบบเด็กๆ แต่ใครสน
“ไม่สน”
“แต่ฉันสน พวกเราจับมันไว้”
แล้วจากนั้นเด็กผู้ชายหลายคนก็รุมเข้ามาจับแขนจับขาเด็กน้อยหน้าสวย
“อ๊ากกก ปล่อยนะฉันบอกว่าไม่ใช่ผู้หญิงไง”
พวกเด็กนักเลงไม่สนจับกระชากกางเกง หวังจะทำการถอดออกดูต่อหน้านักเรียนหญิง ทว่าเด็กน้อยหน้าสวยผู้ฮึดสู้ ล็อกแขนกันใช่ไหมได้งั้นก็กระโดดถีบแม่งเลย
โครม!!! ร่างเด็กแสบนักเลงดีนักโดนถีบถึงกับหงายหลังจูบกับพื้น ทำเอาเด็กคนอื่นหัวเราะชอบใจ
“โอ๊ยยยย ฉันจะฟ้องครู”
F*uk u เด็กน้อยผู้โดนรังแกผลักสะบัดตัวออก ยกโชว์นิ้วกลางให้แม่งเลย จากนั้นเสียงร้องไห้จากเด็กนักเลงกลายเป็นเด็กขี้แยเฉยเลย
หลายปีต่อมา
ภาพงานศพของผู้ล่วงลับ เป็นที่โศกเศร้าของหมู่เครือญาติเพื่อนและมิตรสหาย หนึ่งในมิตรสหายย่อมมีมิตรที่แปลได้คือศัตรู แม้จะสำรวมสีหน้าเศร้าแต่ภายในจิตใจกำลังยิ้มร่ามีความสุขก็มี ชายหนุ่มร่างสูงยืนสงบไว้อาลัยผู้เป็นพ่อ
‘ป๊าไม่ต้องห่วงนะ ผมจะต้องตามหาเขาให้เจอ แล้วจะมอบทุกๆ อย่างให้กับเขาเอง ขอบคุณที่รับผมมาเลี้ยงและดูแลผมอย่างดี เกิดชาติหน้าฉันใดขอให้ผมเป็นลูกพ่อจริงๆ’
ชายผู้เป็นลูกชายเพียงคนเดียวมาโดยตลอดระยะเวลา25ปี แต่ความจริงนั้นคือเขาไม่ได้เป็นเชื่อสายเลือดในตระกูลนี้เลย เขาเพียงเป็นผู้มารับกรรมแทนลูกชายแท้ๆ ของพ่อแม่ แต่ใครจะรู้มันไม่ใช่กรรมชั่ว มันคือกรรมดีการสัมผัสได้ถึงความรัก แม้โลกของพ่อที่ให้มาจะดูโหดร้าย แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าลูกชายแท้ๆ จะมีความสุข ได้รับเหมือนสิ่งที่เขารับบ้างไหม เขาหมายถึงความรัก
“คุณเซียนครับ เจอเบาะแสนายน้อยแล้วครับ”
“เขาอยู่ที่ไหน?”
ในระหว่างช่วงเวลาโศกเศร้า เสียงลูกน้องเรียกสติเซียนกลับมา โดยไม่รู้เลยว่ามีใครกำลังจับตาดูเขาอยู่ ชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาราวกับนายแบบ นั่งร่วมไว้อาลัยอย่างสุขุม
ภาพตัดมายังร้านขายน้ำหอมแบรนด์ชั้นนำในห้างดัง ชายร่างบางทำหน้าที่สุดความสามารถ ในการพรีเซนต์ขายของ ด้วยสกิลเฉพาะตัวที่ทำให้อีกไม่นานเขาจะเลื่อนมาเป็นผู้จัดการ เนื่องจากยอดขายทะลุทะลวงไม่มีเซลล์คนไหนเคยแตะยอดถึงเลยสักราย
“คุณพี่ๆ ขอโทษนะครับที่ผมเสียมารยาทบังเอิญได้ยินพี่คุยกัน คุณพี่กังวลเรื่องกลัวผู้ชายปฏิเสธเหรอครับ??” สองสาวทำหน้างงๆ แต่ก็ยอมตอบเพราะเห็นออร่าหน้าตาดีของคนถาม ..ก็แน่นอนสิ
“ค่ะ”
“ถ้าผมช่วยให้คุณพี่ได้คบกับเขาคนนั้นละครับ คุณพี่จะลองไหมผมช่วยได้นะ^^”
“ยังไงค่ะช่วยได้จริงไหม???” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์บอกได้คำเดียวว่า
“แน่นอน\~ คุณพี่สนใจฟังไหม??” สองสาวพยักหน้ารัวๆ
“อันดับแรกคุณพี่หน้าหวานอยู่แล้ว แต่เสน่ห์ดึงดูดยังไม่มี ลองเพิ่มความยั่วยวนเข้าไปอีกหน่อยไหมล่ะครับ”
“ยังไงคะ?”
“อะแอ้ม\~ผมเนี่ยไม่อยากจะบอกเคล็ดลับเลยแต่เอาเถอะ ผมก็มีพี่เป็นผู้หญิงเข้าใจ”
‘เดี๋ยวนะ...พี่กัสมีพี่สาวตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะวิกกี้?’ สองสาวพนักงานรุ่นน้องถึงกับงง
‘อย่าโง่การตลาดพี่เขา’
‘อ๋อออออ’
“ฟังต่อไหมครับ?” สองสาวก็ยังพยักหน้ารัวๆ อย่างสนอกสนใจ
“คุณพี่ต้องเปลี่ยนตัวเองจากสาวหวาน มาเป็นสาวแซ่บดูสิ เปลี่ยนที่นัดเดทไปร้านเหล้าแล้วค่อย พูดความใจในแน่นอนว่าต้องขยับเข้าไปใกล้ให้แนบชิด” ระหว่างบรรยายสองสาวท่าทางจะเคลิ้มตามตั้งใจฟังอย่างมาก
“จากนั้นก็...”
“ก็??”
“ก็”
“ก็อะไรคะ???”
“ก็ขึ้นอยู่ว่ากลิ่นกายอันแสนยั่วยวนของคุณพี่ จะสามารถจับผู้ชายคนนั้นให้อยู่ในเงื้อมมือคุณพี่ได้ไหม”
“แล้วฉันต้องใช้กลิ่นน้ำหอมแบบไหนละคะ ที่บ้านก็มีหลาย-”
“โน่ๆ ลืมน้ำหอมกลิ่นฉุนนั้นไปให้หมด ถ้ายังไม่ลองสิ่งนี้ คุณพี่จะไม่เชื่อที่ผมพูดเลย มันคืออาวุธลับในการ...ผู้ชาย^_<”
“พูดจริงปะเนี่ย??”
“แน่นอนคุณพี่พิชิตใจเขาได้แน่นอน”
“จริงเหรอฉันชอบเขามากเลยนะ\~”
“แน่นอนคุณพี่ พูดแล้วก็ไม่อยากจะพูด แต่ขอพูดนิดหน่อยมันคันปาก คืองี้เคยมีลูกค้าคนหนึ่งทะเลาะกับแฟนหน้าร้านเราเลย ผมเลยขอให้เธอฉีดกลิ่นนี้เข้าไป แน่นอนตอนแรกเธอก็ดูจะไม่ชอบโวยวายใส่ผม แบบคนบ้าอะไรคนเขาทะเลาะกันมาให้ฉีดน้ำหอมบ้าเปล่าาาา แต่คุณพี่รู้อะไรไหม??”
“อะไรคะ???” หญิงสาวเริ่มตาโตความสนใจคูณล้านแปด
“พอฉีดเข้าไปได้ไม่ถึง5วิ แฟนหนุ่มที่โกรธเธอเป็นฟืนเป็นไฟ จู่ๆ ก็ง้อเธอแล้วพาไปกินของอร่อยๆ”
“ทำไมแฟนเธอถึงได้หายโกรธเร็วขนาดนั้นละ? แค่กลิ่นน้ำหอมนี้เหรอ??”
“พูดไปคุณพี่อาจจะไม่เชื่อ เพราะกลิ่นธรรมดาของน้ำหอมกลิ่นพิเศษขวดนี้ ช่วยกระตุ้นให้สารเอ็นโดรฟินในร่างกายผู้สูดดม หลั่งมอร์ฟีนที่เรียกว่าสารสุขออกมา ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและพึงพอใจที่สำคัญคล้อยตามได้ง่ายมาก เพียงคุณพี่ฉีดมันแล้วพร้อมสกิลคารมเข้าไป โป๊ะเชะ!”
“อู๊ยตกใจ” ความสนใจของหญิงสาวกลุ่มหนึ่ง สร้างความสนใจให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา อดที่จะขอแวะเข้าไปดูไปฟังด้วยไม่ได้
“ชายคนนั้นตกลงคบคุณพี่แน่นอน” ชายร่างบางยืนยันคำเดิมเพิ่มเติมรุ่นน้องรีบเข้าเสริมเหมือนรู้งาน
“แน่นอนค่ะ น้ำหอมตัวนี้เป็นกลิ่นจากธรรมชาติอย่างสปาไลน์ จะดึงดูดอารมณ์ก้นบึ้งของผู้สูดดมยิ่งกว่าเป็นสารเสพติดชนิดติดหนึบ รับรองทั้งคุณพี่และคนสูดดมพึงพอใจอย่างแน่นอนค่ะ!\~^^”
“ฉันเอา4ขวด!”
“ฉันด้วยๆ”
“ผมก็ขอด้วย”
“เดี๋ยวก่อนครับทุกท่าน วันนี้ถ้าคุณพี่สมัครสมาชิกซื้อโปรเซต คุณพี่จะได้ดื่มด่ำกับอาณาจักรน้ำหอมยุคใหม่ ที่จะพาคุณพี่เพิ่มความ18+คู่ไหนมีปัญหาเรื่องนี้ จุ๊ๆๆ ผมแนะนำเลย”
“ผมรับครับๆๆๆ พี่ๆ ผมรับ3โปรเลยได้ไหม?”
“อู๊ยฮาๆ ใจเย็นๆ นะครับได้ทุกคน^_<”
20นาทีต่อมา \~ เกลี้ยงเชลฟ์ ชายร่างบางปัดมือยิ้มพอใจกับผลงานปรึกษาปัญหาบ้านๆ
“โอ้โห่ฉันเชื่อพี่เลย”
“อะไรกันฉันแค่รับปรึกษาปัญหาหัวใจเอง ที่เหลือก็แค่ผลพลอยได้^^”
“ได้เยอะเลย ขายร้านได้ก็คงจะขายไปแล้วทั้งมั้ง??”
“ก็ไม่รู้สินะ เลิกงานแล้วฉันขอตัวกลับก่อนนะยายรออยู่”
“ชั่งเป็นคนกตัญญูซะจริงๆ พรุ่งนี้ก็จะได้เลื่อนขั้นแล้วนิไปพักผ่อนเถอะคุณว่าที่ผู้จัดการ”
เสียงแซวของเพื่อนๆ และรุ่นน้องร่วมยินดี ผมชื่อกัสเป็นเซลล์มาพักใหญ่หลังจบมหาวิทยาลัย กว่าจะจบก็เล่นเลือดตาแทบกระเด็น เพราะต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ถ้าถามว่าชีวิตผมลำบากไหมต้องตอบว่ามาก เพราะผมเป็นกำพร้า ผมถูกรีบมาเลี้ยงโดยคุณยายกับคุณตา โชคร้ายคุณตาจากผมไปตั้งแต่ผมเรียนมัธยมปลาย แทนที่จะเศร้ากับชีวิตที่มีคุณยายเก็บของเก่าขาย แถมโดนเพื่อนล้อแต่ผมก็ไม่สนใจ กลับกันผมกับคุณยายเรามีความสุขมาก ถึงจะไม่ใช่เชื้อไขสายเลือด แต่ยายก็รักและเลี้ยงผมมาอย่างดีตั้งแต่เด็ก
“ไปละเจอกัน”
“ค่าาาาผู้จัดการคิคิ”
เขาโบกมือให้เพื่อนๆ อย่างกับจะไม่ได้เจอกันอีกทำไมกันนะ แต่ชั่งเถอะยังไงพรุ่งนี้เขาก็จะได้เลื่อนขั้นเงินเดือนก็จะเพิ่ม แล้วพอเวลานั้นจะขอร้องให้คุณยายเลิกออกไปหาของเก่า ยายจะยอมไหมนะทว่าพอออกมาหน้าร้าน ชายชุดดำไม่รู้มาจากไหนเดินดุ่มๆ เข้ามา
“เฮ้ย?? อะไรอะผมไม่เคยไปกู้เงินใครนะ-” ชายหลายคนถึงกับงง
“แต่ไม่ใช่คนเก็บเงินกู้ครับ เราแค่จะมารับนายน้อยกลับบ้านครับ”
โอ๊ะ!!! ห๊ะ!!!!!? เดี๋ยวๆ สมองตีรวนขอประมวลผลแป๊บ
“มะ เมื่อกี้พวกคุณว่าอะไรนะ?”
“ขอโทษที่เสียมารยาท คุณท่านหมายถึงคุณพ่อของคุณเสียชีวิตแล้วครับ”
“ท่านคงรอให้นายน้อยไปเจอเป็นครั้งสุดท้ายครับ”
“ห๊ะ!!!!!? นี่พูดเล่นเนี่ย???” พวกยัยนั้นต้องจ้างคนมาแกล้งเขาแน่ๆ หน็อยแบบนี้ต้องเข้าไปจัดสักหน่อย ทว่าแค่เขาก้าวหันหลัง
หมับ! กึก???? ขยับไม่ได้คอเสื้อถูกดึง!!!
“ขอโทษที่เสียมารยาทอีกรอบครับ แต่นายน้อยต้องไปกับเราแล้วครับ”
“หยุดเลย! ฉันไม่หลงกลพวกนายหรอกนะ ยัยพวกบ้านั้นจ้างพวกนายมาเท่าไหร่ นี่รู้ไหมพรุ่งนี้ฉันจะเป็นผู้จัดการแล้วนะอยากโดนเหรอ โดนจ้างมาเท่าไหร่?” ชายชุดดำมองหน้ากันมึนงง
“ครับ? ไม่มีใครจ้างมานะครับ”
“แต่ถ้านายถึงคุณเซียนละก็เขาเป็นคนจ้างพวกผมมาครับ”
“อ่อใช่ๆ นายน้อยคงหมายถึงคุณเซียนใช่ไหมครับ?” หื้อ?? เซียนไหนอีกว่ะเนี้ย ที่ร้านเรามีคนชื่อเซียนด้วยเหรอว่ะ??!
“ที่แท้ก็โดนจ้างมา โอเคฉันจับได้แล้วไม่สนว่าใครจะจ้างพวกนายมาเอาเป็นว่า ฉันรู้แล้วช่วยหลีกทางหน่อยฉันจะรีบกลับบ้าน” เขาไม่สนจะกลับบ้านอย่างเดียว แต่หารู้ไม่ตลอดทางเลย ถามว่าอะไรนะเหรอก็เสียงเดินตามนะสิ!
ควัก!!
“จะตามมาทำไมอีกละ!!??”
“ขึ้นรถเถอะครับนายน้อย”
“โอ๊ะนี้จ้างมาลักพาตัวด้วยเหรอ??”
“ปะ เปล่านะครับ”
“ก็บอกว่าจับได้แล้วไงรีบๆ กลับไปได้แล้ว ท่าทางจะจ้างมาแพงนะเนี้ยเล่นไม่เลิก” กัสบ่นเบาๆ แล้วหันหลังเดินไปขึ้นรถไฟเพื่อกลับบ้าน
‘นายน้อยกำลังจะไปขึ้นรถไฟรับช่วงต่อด้วย’
‘ครับพี่’
หลังดุไปก็นึกว่าชีวิตจะสงบแล้วที่ไหนได้ พอเงยหน้าจากมือถือ
พรึบ!!!!! โอ้อีเหี้ยยยยยยยย เต็มรถเลยมาจากไหนอีกเนี้ยยยยยย ก็ว่าทำไมที่นั่งทันโล่งๆ
‘หืยยยยยยย เรื่องบ้าอะไรวะ’
ทันทีที่ออกจากสถานีรถไฟ เขาเร่งฝีเท้าโดยไม่พูดจาใดๆ แล้วหวังให้คนพวกนี้หยุดตาม ผลกลับกลายเป็นว่ายังโดนตาม พอหันไปมอง
ฮันแน๊ะทำเป็นเล่นละคร ชุดดำกันขนาดนี้มองไม่ออกเลยมั้ง เขาสับขาเดินให้ไวขึ้นพอมาถึงทางเข้าบ้านทำไงดีถ้าเกิดเป็นพวกไม่ดีละ???
‘ไม่หรอกเพราะถ้าเป็นคนไม่ดี ป่านนี้แกโดนฆ่าทิ้งกลางทางแล้ว’
‘ใช่ที่ไหนละ! ดูหน้าตาพวกมันสิแกจะไปไว้ใจมันไม่ได้นะ’
‘อย่าไปฟังยัยนั้นนะ นายถามพวกเขาไปเลยชัดๆ ที่เหลืออยู่ที่นายจะตัดสินใจ’
‘เอ๊ะยัยนี่อย่าไปเชื่อพวกนี้น่ากลัวมัน-’
“โอ๊ยยยยย!!!” เสียงร้องลั่นทำชายชุดดำสะดุ้ง
“นี่พวกนายอะ สรุปโดนจ้างมาแกล้งฉันปะเนี่ย???” ทันใดนั้นรถคันสวยก็ขับเข้ามา ชายชุดดำเดินลงจากรถ เหลือเพียงหนึ่งคนยังคงนั่งอยู่ในรถ ความมืดทำให้มองไม่เห็น เขาทำได้เพียงโฟกัสกลุ่มชายตรงหน้า
“ผมไม่รู้ว่าคุณเข้าใจพวกเราแบบไหน แต่สิ่งที่ผมบอกไปในข้างต้นคือเรื่องจริง คุณคือนายน้อยของพวกเราครับ”
หะ ห่ะ ห๊าาาาาา!!!!! นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี้ยย!??
“ตลก” ยังๆ ยังอีกยังไม่เชื่ออีกทำชายบอดี้การ์ดคนแรกถึงกับกุมขมับ
“คุณพักอยู่ที่นี้เหรอครับ?” ชายบอดี้การ์ดคนเดิมเดินตามเข้ามาถาม กัสไม่มีท่าทีนึกกลัวหรืออะไรแต่อย่าง
“ใช่”
“กัสนั้นหลานเหรอลูก กลับมาแล้วเหรอ?” เสียงคุณยายกำลังเข็นรถเข็นเข้าบ้าน กัสเขาละความสนใจจากกลุ่มชุดดำไปหาคุณยายของตน
“มายายผมเข็นเองยายเข้าบ้านเถอะ”
“ได้ยังไงละ โอ๊ะนั้นใครอะ??” ยายเห็นเข้ากับชายชุดดำ อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้แสงไฟทำให้เห็นหน้าคร่าตาชัดขึ้น
“เป็นเพื่อนกับกัสเลยลูก???” กัสผู้สงสัยว่าหน้าตาตัวเองมีอายุใกล้เคียงกับชายตรงหน้าจริงเหรอ???
‘หื้มมมม ไม่มั้งยาย’ ชายบอดี้การ์ดคนแรกท่าจะเป็นหัวหน้าชำเลืองมองที่กัสสลับกับคนเป็นยาย
“นี่หลานคุณยายสินะครับ??”
“ใช่ฉันเลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก หรือว่าเขาไปสร้างปัญหา-”
“โอ้ไม่ครับๆ ยายผมขอเข้าไปคุยในบ้านได้ไหมครับ?” กัสมองคุณยายเธอดูชั่งใจจนชายคนนั้นหยิบรูปใบหนึ่งออกมาให้ยาย เธอมองดูแล้วตอบกลับเดินนำทันที
“เข้ามาสิ”
‘หื้ม??’
กัสถึงกับคิ้วขมวดชวนสงสัย สภาพบ้านก็ไม่ได้ถึงกับเก่าแต่อาจเพราะสร้างมานาน ชายชุดดำสำรวจในบ้านพอประมาณ อีกด้านชายนั่งรอในรถกำลังทอดสายตามองไปยังบ้านหลังนั้นที่ร่างบางหายเข้าไป รอบตัวรถเต็มไปด้วยชายชุดดำอย่างกับในหนัง มันไม่แปลกที่ร่างบางจะปรับตัวไม่ทัน
‘ยังมีอีกมากมายที่นายจะต้องตกใจมากกว่านี้อีก’ ชายร่างสูงพูดขึ้นเบาๆ
“เขาเพิ่งเสียชีวิตไปได้ไม่กี่วัน ขอโทษที่เพิ่งมาเอาป่านนี้เพราะมันคือคำสั่งของนายท่าน”
“อืมฉันเข้าใจ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่เขาดูแลเราดีมาก”
“เอ๊ะ?”
เดี๋ยวๆ คุณยายกำลังพูดอะไร??? สีหน้าชวนสงสัยของกัสทำให้คนเป็นยาย ต้องหันสนใจหลานชายเธอกุมมือหลานที่เธอเลี้ยงมาตลอดชีวิต
“สิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริง ยายขอโทษที่ไม่ได้บอกอะไรหลาน แต่มันคือสิ่งที่จะปกป้องหลานได้ ขอโทษที่พามาลำบากนะ” เธอลูบหัวหลายชายอย่างเอ็นดู ชายชุดดำเห็นแล้วก็ซึ้งใจไปด้วย
“พูดอะไรนะยาย ผมเป็นเด็กกำพร้านะจู่ๆ -”
“ยายเข้าใจว่าหลานยังทำใจรับไม่ได้ แต่มันคือความจริงหลานมีครอบครัว”
เขาถึงกับพูดอะไรไม่ออกชีวิตที่มีเพียงแค่ตายาย ตอนนี้กลับมีคนกลุ่มใหญ่ท่าทางอย่างกับคนไม่ดี มาบอกว่าเขาคือเจ้านายและพ่อแท้ๆ ต้องการให้ไปลาเป็นครั้งสุดท้ายนี่มันเรื่องจริงนะไม่ใช่ในละคร นี้คือชีวิตของเขาจริงๆ นะเหรอ??
“ไปเถอะพ่อเขารอหลานอยู่นะ แล้วก็อย่าได้ถือโทษโกรธเคืองท่านเลยนะ ท่านทำก็เพราะตัวหลานไม่ว่าหลานจะไปอยู่ที่ไหน จงจำไงเอาไว้การเป็นตัวของหลานเองมันดีที่สุดแล้ว” เธอโผล่กอดหลานอันเป็นที่รัก
“ไปกันเถอะครับ”
“ตะ ตอนนี้เลยเหรอ?”
พิสมัยเธอผู้เป็นยายยกยิ้มให้หลาน เขาจึงจำใจเดินตามชายชุดดำออกไป แต่อดที่จะเป็นห่วงยายไม่ได้และกลัวว่าจะไม่ได้เจอกันอีก เขายืนหยุดนิ่งที่หน้าบ้าน จนชายชุดดำเดินย้อนกลับม
“เป็นอะไรครับ?”
“นายชื่ออะไร?”
“ขอโทษครับที่ยังไม่แนะนำตัว ผมอิมครับเป็นบอดี้การ์ดคุณเซียน”
“ฉันเรียกพี่อิมได้ไหม?” อิมยกยิ้มเอ็นดู กัสหันกลับไปมองในบ้าน
“ยายเป็นคนเดียวที่ฉันเหลืออยู่-” อิมไม่รอให้กัสพูดจงเขาก็รู้ในทันที
“ไม่ต้องห่วงครับ เราจะรับเธอเข้าไปอยู่ด้วยที่นั่นมีบ้านสวนในบริเวณบ้านใหญ่ นายน้อยจะได้อยู่กับท่านแน่นอน” เขายิ้มอย่างกับถูกรางวัลที่หนึ่ง
“ทีนี้ไปได้อย่างไม่ต้องกังวลแล้วใช่ไหมครับ?” อิมยิ้มผายมือให้คนเป็นนายคนใหม่ ทว่าพอเข้ามาในรถพอหันข้างเท่านั้นแหละ
เชี้ยยย!!! อ๊ากกกกก!!!
“อุ๊บ\~” มือหนาอุดปากเข้ามาเต็มไปก็คนมันตกใจอะนึกว่าผีบ้าบอมานั่งทำบ้าอะไรมืดๆ
“ฉันคนไม่ใช่ผีจะร้องทำไม” ชายร่างสูงผิวขาวหน้าตี๋ไอ้หมอนี้ใคร??? อย่าบอกนะว่าคู่หมั้นเหมือนในละคร???
“นี่คือคุณเซียนเป็นพี่ชายต่างสายเลือดกับคุณกัสครับ”
เฮือกกกกกกก กัสตาโตเบิกค้างมือหนาผลักร่างกัสหัวเกือบชนเข้ากับขอบประตู
“อะไรกันแค่นี้ไม่เห็นต้องผลัก” เขาบ่นเบาๆ แต่ไอ้พี่ชายต่างสายเลือดดันได้ยินเข้า
“ฉันไม่ชอบให้ใครมาถูกเนื้อต้องตัว”
ชิ..โธ่\~ คิดว่าอยากจับนักละก็ใครทันจะไปรู้ว่านั่งเป็นพระอินทร์พระปูนอยู่ก่อนละ สองพี่น้องเจอกันครั้งแรกก็ไม่กินเส้นกันซะแล้ว อิมถึงกับกุมขมับรอเลย
และแล้วกัสก็ได้พบกับคนเป็นพ่อแท้ๆ จนได้ แต่น่าเสียดายเขาไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แม้จะไม่รู้แน่ชัดว่าทำไมพ่อถึงทิ้งเขา ถึงยังไงเขาก็คือพ่อผู้ให้กำเนิด เขาสัมผัสกรอบรูปของพ่ออย่างอาลัย จบการอาลัยเขากำลังจะเดินกลับมานั่ง ทว่าระหว่างนั้นเหมือนเห็นเงาชายคนหนึ่งเดินผ่านหน้าเขาไปอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาเกือบชนเข้าไปใครคนหนึ่ง พอเงยหน้ามองภาพฉายชัด ชายร่างสูงผิวขาวนัยน์ตาคม มองลงมาที่เขาความสูงโดดเด่นทำต้องเงยมอง ออร่าราวแสงอาทิตย์จ้า ผิวขาวใสเนียนอย่างกับใช้ครีมรองพื้นระดับระดับไฮเอนด์ ป๊าดพ่อคุณคนอะไรมาหล่อโพดโพทว่า
หวืด!!!
“อ่ะ..????” เพียงเสี่ยววินาทีร่างของเขาถูกเหวี่ยงมากกว่าจะเรียกว่าผลัก
‘เกะกะ’
หน็อยทำหันขวับเลยที่มีตั้งเยอะตั้งแยะไม่เดินว่ะ หยุมหัวสักทีดีไหม!!!
หมับ!
“คุณกัสครับเราต้องกลับแล้ว” เดี๋ยวๆ ขอหยุมหัวไอ้บ้านั้นก่อนไม่ได้หรือไง!?
“ขอเวลาแป๊บ” คราวนี้แหละแก!
หมับ! หื้ม??
“ไม่ได้ครับ” อิมผู้ฉุดกระชากลากไม่ยอมปล่อยนายน้อยของเขา
‘หืยยยไอ้หน้าหล่อ...ฝากไว้ก่อนเถอะนะ’
สภาพง่วงจะตายแล้ว ยังให้มายืนจงกลมเอาอะไรตอนดึกดื่น แล้วชายชุดดำพวกนี้คืออะไร หน้าตาก็ดีแต่ทำท่าทางยังกับโจร
“คุณกัสต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ต้องรีบพากลับมาเพราะถ้าเกิดเรื่องที่คุณเป็นลูกแท้ๆ หลุดออกไปตอนนี้คงยังไม่เหมาะ อย่างน้อยก็ต้องรออีกสักวันสองวัน ทางเราจะทำหนังสือแจ้งเครือข่าย-”
ห้าวววววววววว เสียงหาวอ้าปากซะกว้าง โอ้นะพ่อคุณทูนหัวอิมถึงกับลืมเรื่องที่พูดอยู่
กื้ย|||
“ผมคิดว่าคุณกัสคงจะง่วงนอนแล้ว นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย เอาเป็นว่าผมจะเล่าสั่นไมห้ได้ใจความนะครับ”
“งืมมม”
“ที่คุณเห็นอยู่นี้ ใช่ครับพวกเราคือมาเฟียรวมถึงพ่อคุณกัสก็คือผู้นำมาเฟีย ส่วนคนที่จะขึ้นมาแทนคุณท่านนั้นก็-”
“ห๊าววววววววว”
“เอ่อ...คุณกัสไม่ตกใจหรือกลัวอะไรพวกเราใช่ไหมครับ?”
“ง่วงนอน”
กึก...
“ครับ...เอาไงครับคุณเซียน”
“ฉันไปได้แล้วใช่ไหมตาจะปิดแล้ว”
หมับ! มือหนึ่งก็คว้าร่างของเขาเข้าไป
“อึก หื้มมม??”
ไม่ไหวง่วงจัดมองไม่ชัดเขาเงยหน้าขยับเข้าไปมองใกล้ๆ ลมหายใจอุ่นๆ ภาพตรงหน้ามัวเริ่มชัดและ .... อีกนิดเดียว (อีกนิดเดียวจะจูบ!!!) แต่กัสก็ไม่ได้มีท่าทีจะตกใจกลับกันเป็นเซียนซะเอาที่แอบตกใจ
“ดูเหมือนจะไม่กลัวเอาซะเลยนะ” น้ำเสียงเข้มสุขุมเยือกเย็น จัดภาพลงมาที่กัสกะพริบตาปริบๆ ก็ไม่รู้สิเขาในตอนนี้นั้นสมองมันขาวโพลนและเบลอไปหมด ไม่ใช่อะไรเพราะมันง่วงงงงงงง!!!!!
ห้องนอนในบ้านหลังใหญ่ ดูยังไงก็ยังไม่ชินแต่ตอนดันสลบหลับสนิทปานตาย แสงสว่างจากแทรกผ่านม่านกระทบกับดวงตาคู่สวย ร่างบอบบางยันตัวลุกขึ้นจากเตียงบิดตัวไปมา
โอ๊ะ!
“เชี้ยสายแล้ว!!!” ว่าแล้วกระโดดออกจากผ้าห่มด้วยกายเปลือยเปล่าทว่า
ปัง
หื้ม?? กึก!! เสียงถีบประตูทำเขาหันขวับ
“เกิดอะไรขึ้นครับ-เฮือกกกกก! ขอโทษๆๆๆ”
เชี้ยยยยยยยO_O!!! สองมือปิดส่วนกลับรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ แต่ห้องน้ำมันไปทางไหนละเนี่ยห้องก็กว้างเกิ๊นนนนนน
“อ๊ากกกกก!!!” อับอาย!!
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เอ่อคือคุณกัส...คือ-”
“ชักช้าหลีกไป”
“เอ่อๆ คุณเซียนคือคุณกัส-”
ชายพ่อบ้านหันไปดึงรั้งเจ้านายไว้ ทว่ากับคว้าได้เพียงลมสักพักเสียงไม่คาดฝันก็ดังขึ้น เมื่อเซียนร้อนใจกลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายวิ่งเข้าไปดูในห้องน้ำที่ไม่ได้ล็อก...ทว่า
“นี่เกิดอะไร”
กึก||| ร่างกายเปลือยเปล่ากำลังชำระร่างกายผ่านน้ำ เพียงสายตาสบสายตาทุกสิ่งรอบกายก็
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก
เฮือกกกกกก!!! ยังความซวยของเขาคนนี้ยังไม่หมด เจ้ากรรมลูกทำชั่วอะไรไว้นักหนา ฟองแชมพูบนหัวดันทำแสบตาเท้าที่ว่ายึดไว้ดีแล้ว ดันต้องมาลื่นกับฟองสบู่ร่างกายเสียการทรงตัวอย่างรวดเร็ว มือไม้พยายามจะคว้าหาที่ยึดทว่า โอ้ไม่น่ะอย่างกับภาพสโลในหนัง รู้ตัวนะแต่ทำอะไรไม่ได้แล้วและในที่สุด หวืดดดดด
“ช่วย-”
ตึก! หมดกันโลกชั่งมืดมน เสียงดังตุ้บทำหนุ่มหน้าตี๋ก็เหลียวหลังหันมอง พอเห็นภาพราวกับกายกรรมเท่านั้นแหละร่างกายเปลือยคงไม่สำคัญ
“เชี้ยยยยยยยย!!!!”
เซียนอุทานร้องลั่นบ้านรีบหาผ้าไปคุมอุ้มร่างน้องชายบนมา นี่มันเวรมันกรรมอะไรของเซียนคนนี้เนี่ย เพิ่งผ่านงานขาวดำมามาดๆ ดันเจอเรื่องปวดประสาทเอาจนได้
1ชั่วโมงหลังจากนั้นภาพของยายกำลังทำแผลให้ มันเป็นช่วงเวลาในวัยเด็ก ที่มักจะโดนเด็กผู้ชายแกล้งจนมีแผลกลับบ้านประจำ แต่ก็นั่นแหละยายก็ไม่เคยบ่นหรือดุเพราะเอาเข้าจริงๆ ไอ้เด็กที่มาหาเรื่องเขานั้นถึงกับต้องหยอดเข้าต้มที่โรงพยาบาล แน่นอนยายกับตาถูกต่อว่าและเรียกพบบ่อยมาก เหนือสิ่งอื่นใดก็ไม่เคยดุแต่กลับบอกว่า
‘ทำดีแล้ว อย่าให้ใครรังแกต่อให้คนอื่นจะมองไม่ดี เราแค่ปกป้องตัวเอง แต่ก็นะ...เบาได้ก็เบานะลูก^^’ เหอะก็นั่นแหละ
“ฮ่าๆ อ๊ะ อู๊ยยยยเจ็บ” สภาพร่างคนป่วยพันด้วยผ้าก๊อซ อยู่ๆ ก็ลุกดีดเด้งขึ้นมาอย่างกับหนังผี ทำเอาชายร่างสูงกับคุณหมอคนสวยถึงกับสะดุ้ง
หมับ หมอสาวความถามดูอาการด้วยความเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างคะ??? ยังมีอาการมึนหรือปวดอะไรยังไงไหมคะ??” ระหว่างนั้นร่างสูงแอบมองตามเฝ้าดูอาการทว่านัยน์ตาเหม่อลอยนั้น
“หื้ม?”
กัสถามตัวเองอย่างไง เดี๋ยวนะเสียงอันไพเราะของหญิงสาวนี้ สภาพโดยรอบเต็มไปด้วยสีขาว ภาพล่าสุดคือ....หัวฟาดพื้นอย่าบอกนะว่าผู้หญิงคนนี้เป็น
“ฮือๆๆ ผมยังไม่อยากตายคุณยมทูต” สองมือจับแขนหญิงสาวชุดขาวด้วยน้ำตา
“หะ?” ร่างสูงหน้าตี๋ได้ยินชัดเจนถึงกับอึ้ง
“อะ? เอ๊ะ วะ ว่าไงนะคะคนไข้???” หมอสาวตั้งสติพยายามลูบมือคนไข้ กัสรู้สึกหมดหวังทว่าพอฟังชัดๆ
“หื้ม?? คนไข้??” ว่าแล้วก็จับหัวที่เพิ่งผ่านศึกหนักมา
แปล๊บ!!
“โอ๊ย!!”
“ยะ ยังปวดอยู่เหรอคะ??” ปวดเบิดอะไรกันละพอก้มมองดูเสื้อผ้าที่สวม ภาพล่าสุดฉายชัดในความทรงจำ
“ฮือออออออ-”
“นี่!! หยุดนะจะร้องทำบ้าอะไรมิทราบ!?”
กึก!!! ทุกอย่างเงียบสงบลงทันตา
โหดร้าย\~
กัสครวญคราง พอหันไปปลายเตียงเขาพบร่างสูงหน้าตี๋นั้น มันก็ยิ่งทำให้อยากร้องไห้ ไม่นะร่างกายของฉัน
“ทำไมต้องด้วยอ่ะ\~ ฮืออออ-”
“ยังอีก!! บอกให้หยุด!...ให้ตายสิ”
น้ำเสียงดุตวัดลั่นทำเอาหมอสาวก็สะดุ้งเฮือกกลัวตาม ก็ได้ว่ะฮึบๆ กัสแกต้องฮึบแต่เหนือกว่าอาการปวดก็คือ....ความอับอายก่อนหน้า
“ฮืออออ คุณหมออออ” เสียงร้องดังลั่นร่างสูงจนต้องยอมแพ้
‘เฮ้อออออนี่มันวันอะไรวะเนี่ย’ เซียนบ่นถอดใจทั้งที่เป็นวันเริ่มต้นใหม่ของวันแท้ๆ ซวยแต่เช้าเลยจะบ้าตาย
“เอ่ายาหัดถือเอง” ถุงยาถูกยัดเข้ามาอย่างไม่เต็มใจ
“ถือให้แค่นี้ทำเป็นบ่น” น้ำเสียงบางเขาบ่นพึมพำกับเจ้าเองแค่อีกคนได้ยิน
“ครั้งหน้าหันล็อกประตูซะบ้าง”
สิ้นสุดประโยคนั้นทำอุณหภูมิร่างกายตีรวน ใบหน้าสวยสัมผัสถึงไอร้อนแผ่ซ่านหน้าเริ่มชารู้สึกอายจนแทบไม่ทีที่ให้มุด แต่หารู้ไม่อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกไม่ต่างกัน
‘บ้าเอ๊ยไม่น่าพูดเลย’ เซียนทำกลบเกลื่อนหันกลับมาดุคนเดินช้า
“เอ้ายืนบื้ออยู่ได้รีบๆ เดินสิ” ดุจังเว้ยตาบ้านี่โอ้ะพี่ชายสินะเขาต้องเรียกหมอนี่ว่าพี่ชาย
‘พี่ชายที่ไหนเห็นร่างกายน้องละ?’ เอาอีกแล้วยัยสองขั้วมาอีกแล้ว
‘เธอก็คิดมากเกินไป กัสนายอย่าไปคิดแบบนั้นนะ พี่น้องเห็นของกันไม่แปลก’
‘นี่หล่อนโง่จริงหรือแกล้งโง่ค่ะ เขาไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆ ค่ะอย่าโชว์โง่’ ยัยขั้วบวกนี่ก็พร้อมบวกตลอดทำจิตใจว้าวุ่นแล้วสิ
‘แต่อย่างน้อยก็ไม่คิดอกุศลเหมือนเธอหรอกนะ กัสนายอย่าไปสนใจ’ ขั้วลบพูดก็มีเหตุผลแต่ว่า
“หืย” จะคิดมากทำไมกันนะ ทันใดนั้นอัตราการเต้นก็เริ่มแปลกเมื่อนึกถึง ตึกตักๆ เชี้ยแล้วไหมล่ะมาตื่นเต้นอะไรตอนนี้ว่ะ
‘เห็นไหมพี่น้องเขาไม่ใจเต้น’ ขั้วบวกขั้วลบกำลังเปิดศึกกันอีกครั้ง แต่ในขณะเดียวกันเซียนก็กำลังหันมาเรียกน้องชายอีกรอบ
“นี่-”
“หยุดเลยยัยบ้า!!!”
เฮือกกกก???
‘หมอนี่กล้าตะคอกใส่ฉันเหรอ??’ เซียนถึงกับชะงักมือจับประตูรถตาค้าง พอกัสหันมาเจอพี่ขายเท่านั้นแหละ
“อุ๊ย\~คือสมองมันกระทบกระเทือนนะ มันเลยยังมีอาการแปลกๆ แฮะๆ”
‘ให้ตายเถอะหมอนี่พิลึกคน’ สองพี่น้องสบตากันไปมา ในที่สุดกัสก็นึกสิ่งที่ต้องไปทำขึ้นมาได้
“แย่แล้ว”
ห้างขนาดใหญ่ร้านน้ำหอมแบรนด์ชั้นนำ แก๊งน้ำหอม4คนยื่นเรียงหน้ากระดาน อันประกอบไปด้วยหญิง3ชายหน้าหวานอีก1 ได้แก่ มีมี่สาวมั่นแต่ประสบการณ์0 ถัดไปวิกกี้สาวใสซื่อแต่รู้ทันไปหมด ต่อไปคือมาตังสาวห้าวหล่อยิ่งกว่าผู้ชายบางคนซะอีก ส่วนคนสุดท้ายคือจูนน้องเล็กพูดน้อยแต่อย่าให้พูดเชียว ในเวลาเร่งรีบแบบนี้ ทุกคนยืนเรียงหน้านิ่งเงียบไม่มีใครตอบได้ว่า ทำไมว่าที่ผู้จัดการถึงยังไม่มา
“ปกติเขาไม่ใช่คนมาสาย หรือพวกเธอใช้เขาทำงานจนดึกบอกมานะ!!!?” หญิงหัวหน้าสาขาเธอคือหญิงแกร่งผู้ดูแลทั้งห้างนี้
“เปล่านะคะหัวหน้าT_T” มีมี่ก้มหน้ายืนกราน
“จริงค่ะเมื่อคืนเขากลับก่อนเพื่อนด้วยซ้ำ หรือว่าเขาจะไม่สบายค่ะ?” วิกกี้ผู้คิดบวก
“เหลวไหลคนอย่างกัส ไม่มีทางไม่สบายง่ายๆ หรอก”
‘ก็คนป่ะว่ะ\~’
“อะแอ้ม! กระซิบกระซาบอะไรยะ?” มีที่ถึงกับสะดุ้ง
“เอ่อๆ เปล่าค่ะ”
“อีกไม่ถึง3นาทีบอสก็จะมาตรวจงานแล้ว เอกสารก็ส่งรายชื่อเข้าระบบอะไรเรียบร้อยหมดแล้ว ตายๆ โทรหาเขาหรือยัง?”
“โทรแล้วค่ะแต่มีผู้ชายที่ไหนรับสายก็ไม่รู้ เสียงน่ากลัวมากค่ะ”
“เอ๊ะ/เอ๊ะ” ทันใดนั้นทุกคนในร้านก็คิดได้ในเรื่องเดียวกัน
“หรือว่าพี่กัสจะโดนจับตัวเรียกค่าไถค่ะหัวหน้าฮือๆๆๆๆ”
“ใช่ๆ ต้องใช่แน่ๆ ปกติพี่เขาไม่สายแบบนี้ฮือๆ ป่านนี้จะโดนอะไรบ้าง”
“แย่แล้วๆ แบบนี้ไม่ได้ ฉันจะโทรติดต่อตำรวจรอแป๊บนะๆ” หัวหน้าผู้จัดการหญิงวัย50ยังสวยรีบวิ่งไปติดต่อคนรู้จักให้ตามหาลูกน้อง
อีกด้านรถคันสวยขับมาจอดหน้าห้าง กัสรวบรวมสมาธิก้าวเปิดประตูออกจากรถทว่า
“นี่มาที่นี่ทำไม? หัวแตกขนาดนี้มีอารมณ์ช็อปปิ้งเหรอ?”
“ใช่ที่ไหนละ ฉันก็มาทำงานไง”
“หะ?” เซียนโผล่หน้าออกจากเบาะหลังมองดูตึก
“นายแต่ใจเหรอว่าทำงานที่นี่?” เซียนถามย้ำ แต่กัสเริ่มหงุดหงิดจะถามอะไรนีกหนาคนยิ่งรีบ
“อืมไปละ”
“เดี๋ยว”
“อะไรอีกละ?”
“กลับเองนะ”
“เป็นเกียรติมาก ดีเลยครับขอบพระคุณ” เซียนมองตามพร้อมกลับย้อนมาคิดว่ามันคือคำชมขอบคุณหรืออะไร???
“ขอบคุณเหรอ???”
“น่าจะเป็นคำด่ามากกว่านะครับ” เสียงตอบแทนจากบอดี้การ์ดขับรถ
“คำไหนที่แปลว่าด่า?”
“ก็คงจะหมายความว่าดีไม่ต้องเสือกอะไรแบบนี้”
“อ่อเลว”
“คุณกัสเหรอครับ?”
“แกเนี่ย!!!”
ผลัวะ!
“อีกสักทีไหมหลอกฉันเดี๋ยวเถอะแก”
“ขอโทษครับT_T ผมแค่ตอบแทนคุณกัสเอง” ใช่เรื่องไหมให้ตาย แต่จะว่าไปนี้มันตึกไอ้คาอินนิมาเฟียหนุ่มมองกลับไปยังห้างดัง ... คงไม่หรอกมั้ง
ด้านร้านน้ำหอมพนักงานวิ่งกันวุ่น เกรงว่าเพื่อนจะตายก่อนจะไปช่วยทัน
“ฮัลโล่หมายความว่าไงคะ ที่ไม่มีใครโทรมาแจ้งหรือขอความช่วยเหลือ นั้นลูกน้องดิฉันนะคะฮือๆ ปานนี้จะเป็นยังไง” หัวหน้าใหญ่คุยโทรศัพท์ไปร้องไห้ไปโดยมีลูกน้องเกาะกลุ่มร้องไห้ตาม
“ใช่ๆ ค่ะฮือๆ”
เสียงร้องไห้ดังจนลูกค้าไม่กล้าเข้ามา แล้วใดทันในมุมทางเดินขึ้นไปชายร่างบางกำลังเดินเข้ามายังร้าน ส่วนอีกมุมชายร่างสูงในชุดสูทหรูหรากำลังเดินตรงมาเช่นกัน
“ฉันฮือฮึกๆ”
“นั้นพากันร้องไห้ทำไมอ่ะใครตายเหรอ?” ทุกคนสะดุ้งหันมองไปยังทางเข้าร้าน สภาพของกัสลูกน้องสุดที่รักและสุดยอดเพื่อนร่วมงาน
“กัส!!!!!”
“ก็ฉันอ่ะ-เดี๋ยวๆ อะไรเนี่ย???”
“ฮือๆๆๆๆ ฉันนึกว่าพี่จะตายไปซะแล้ว”
“หะ???”
“ฮือๆๆๆ ฉันว่าแล้วพวกโจรบ้านั้น กล้าดียังไงมาทำลูกน้องสุดที่รักของฉันหัวแตกฮืออออออ”
“โอ๋ๆ มาเอยขวัญมากอดๆ ฮือออออ” แรงกอดรัดจากทุกทิศทางทำกัสเริ่มหายใจไม่ออกและเริ่มจะโมโห
“โอ๊ยยยยยยย! อะไรกันเนี่ย???”
“ตกใจหมด...ก็นายไม่ได้ถูกโจรลักพาตัวไปเหรอ??”
“จะบ้าเหรอครับหัวหน้า”
“แล้วที่หัวพี่ไปโดนอะไรมาละ??” จูนชี้ไปที่ผ้าก๊อซบนหัว
“เอ่อนี้คือ...อุบัติเหตุนิดหน่อย”
“ค่อยยังชั่ว ดีแล้วที่นายมาเพราะถ้าบอสมาแล้วทุกอย่างยังไม่เรียบร้อยฉันต้องตายแน่ๆ”
“ใช่ครับ” เสียงแทรกดูเป็นเสียงที่ไม่คุ้นเคย
“อืมนายก็เห็นด้วยใช่ไหมล่ะ.....เอ๊ะ?? เสียงใครพูด?? แกเหรอ???” หัวหน้าปากแดงหันไปหาลูกน้องชายอีกคน แต่อีกนั้นกับส่ายหน้าแล้วทันใดนั้น ลูกน้องต่างพากันหันมองเลยไปยังด้านหลังของผู้จัดการคนใหม่อย่างกัส
“ผมพูดเองครับ^^” ทุกสายตาต้องหันไปจับจ้องเพราะเขาคือ
เฮือกกกกกกกกก
“บอสสสสสส*” หัวหน้าใหญ่ถึงกับเรียกชื่อเสียงสั่นเข่าก็เริ่มจะอ่อน
หื้ม? กัสผู้หนึ่งในนั้นหันขวับมองตามทั้งที่มีผ้าก๊อซพันแผลรอบบนหัวอยู่ ชายร่างสูงรูปหล่อขาวตี๋นัยน์ตาน้ำตาลคมกริบ
อั๊ยย่ะ!!!!???? ไอ้หล่อไม่มีมารยาทคนนั้น แต่เดี๋ยวนะเมื่อกี้หมายความว่าไงนะ บอสเหรอ??? เฮือกเขาหันกลับอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ทำไมรู้เพียงเขาต้องหลบหมอนี้ก่อนในตอนนี้ จังหวะที่จะวิ่งหนีออกจากร้านนั้น
หมับ! แรงกระชากคอเสื้อพาชีวิตต้องวนลูป
กึ่ย!
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!