NovelToon NovelToon

ใยจักเข้าใจความรักจากท้องทะเล

ตอนเดียวจบ

   กาลครั้งหนึ่ง...นานมาเเล้ว ยังมีเรื่องเล่าปากต่อปากที่ขานกล่าวเรื่องราวของเจ้าหญิงเงือกน้อยเเละเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ ต่างถูกเล่าขานว่าเป็นตำนานความรักระหว่างทั้งสองที่เเม้ฟ้าดินสลายก็ไม่มีสิ่งใดมาเเยกพวกเขาออกจากกันได้...ฟังดูเเล้วโลกสวยดีนะ 

   ผู้คนคงคิดว่ามันเป็นความรักระหว่างคนกับครึ่งคนครึ่งปลาซึ่งไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ เเต่พวกเขากลับเเสดงให้เห็นว่า ความรักมันเกิดขึ้นได้เมื่อคนสองคนรักกัน เเละจักไม่มีสิ่งใดมาทำลายความรักนั้นได้ 

   ช่างโรเเมนติกเสียจริง ต่างจากฉัน ที่ไม่รู้สึกว่ามันน่าชื่นชมอันใดเลยสักนิด คนกับปลา จะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร ฉันยังคงสงสัย... หากมันเป็นความรักจริงละก็ ทำไมเจ้าชายถึงไม่เป็นฝ่ายมาหาเจ้าหญิงนางเงือกเองเล่า ใยจักต้องให้เจ้าหญิงสูญเสียหางของเธอเพื่อขึ้นบกไปหาท่าน หรือทำไมเจ้าชายไม่เเปลงเป็นเงือกเเทนเเละเเสวงหาหญิงที่ตนรัก มันทำให้ฉันหงุดหงิดใจเเละโกรธเคืองเรื่องเล่ามาตลอด หากเเต่เพราะเป็นตัวฉันเองที่ไม่เข้าใจความรักเลยหรือกระไรนะ...

 'เอลรีเล่' คือนามของเจ้าหญิงเงือกน้อย เป็นธิดาสุดท้องของเทพที่ปกครองท้องทะเลเเละมหาสมุทรทั้งปวง 'โพไซดอน' เธอมีพี่สาวอยู่ 6 คน เเละเธอเป็นคนที่ 7 เอลรีเล่มีนิสัยที่ต่างจากพี่สาวทั้ง 6 ของตน เธอมักมีวิสัยทัศน์กว้างไกลเเละมองโลกในเเง่ดีเสมอ เธอชอบเเอบหนีพ่อของเธอไปที่ชายฝั่งใกล้เมืองของมนุษย์เพื่อเฝ้ามองผู้คนทำมาหากินกันอย่างสนุกสนาน เเละเฝ้าถามตนเองเสมอว่า สักวันมันจะเป็นเยี่ยงไรถ้าเราได้ขึ้นไปใช้ชีวิตเฉกเช่นนั้น

   เเล้วก็ต้องสงสัยอีกว่าทำไมพ่อของเธอถึงไม่อนุญาติให้เอลรีเล่ขึ้นไปที่ชายฝั่งบนบก ก็คงต้องย้อนกลับไปสมัยที่เอลรีเล่ยังเด๊กกกก เด็กกที่สุดละนะ เเต่ก็พอรู้เรื่องอยู่น่ะเเหละ 

   'อาร์ทิน่า' ยอดรักของโพไซดอน ราชาเเห่งมหาสมุทรเเละท้องทะเล นั่นก็คือ ท่านเเม่ของเอลรีเล่เเละพี่สาวทั้ง 6 คนของเธอ อาร์ทิน่านั้นมีรูปลักษณ์งามเกินกว่าใครจะเทียบเทียมได้ ทั้งผมสีเเดงประกายของเธอ นัยน์ตาสีเขียวมิ้นท์ เเม้เเต่จิตใจของนางก็พลอยงดงามไปด้วยเช่นกัน ท่านพ่อของเอลรีเล่เคยบรรยายเกี่ยวกับนางไว้ว่า 

 'เเม่ของลูก ๆ น่ะ งดงามมาก อาร์ทิน่านั้นอ่อนโยนเหมือนบุฝผา ตรงไปตรงมาเหมือนสายธารา จิตใจกว้างขวางดั่งมหาสมุทร เเละสง่างามดั่งหงฆ์ขาว เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของพ่อ เเค่ได้เห็นท่านเเม่ของลูก พ่อก็รู้สึกอิ่มเอมใจไปทั้งกายเเละใจ'

   ก็ตามนั้น เขาจึงสอนลูกว่า

 'จงอ่อนโยนเหมือนบุฝผา ตรงไปตรงมาเหมือนสายธารา จิตใจกว้างขวางดั่งมหาสมุทร เเละสง่างามดั่งหงฆ์ขาว' 

   ฟังดูเเล้วทำฉันเคลิ้มเลย เเต่หยุดก่อน! นั่นไม่ได้เเปลว่าฉันจะคล้อยตามไปกับเรื่องราวหรอกนะ ยังไงฉันก็รู้ว่าคนที่ละม้ายคล้ายคลึงกับอาร์ทิน่ามากที่สุดก็คือเอลรีเล่

   อาร์ทิน่านั้นรักการร้องเพลง เธอชอบร้องเพลงให้เเก่ลูก ๆ ทั้ง 7 ของเธอฟัง เช่นเดียวกับเอลรีเล่ที่รักการร้องเพลงเหมือนเเม่ของเธอ อาร์ทิน่านั้นมีเสียงที่ไพเราะ อ่อนหวานเเละอบอุ่น ยามเธอร้องเพลงเอลรีเล่จะชอบไปนอนหนุนตักเธอ เเละเมื่อเอลรีเล่โตขึ้นมา เธอก็มีเสียงร้องที่ไพเราะเหมือนอาร์ทิน่า

   น่าเศร้าที่อาร์ทิน่าได้ตายจากไปเมื่อเอลรีเล่ยังเด็ก นั่นทำให้โพไซดอน เทพเเห่งท้องทะเลเเละมหาสมุทร เคร่งครัดกับการหักห้ามธิดาของตนไม่ให้ไปเห็นโลกภายนอก สาเหตุน่ะหรอ ก็เพราะอาร์ทิน่านั้นโดนพวกมนุษย์ฆ่าตาย เเม้ฉันจะไม่รู้รายละเอียด เเต่ก็ทราบว่าอาร์ทิน่าตั้งใจจะเก็บของสำคัญบางอย่างที่หล่นหายไประหว่างหลบหนี เธอจึงกลับไปเอาเเละจากนั้นก็...ตุยเย่ ก็ว่าไปงั้นเเหละ นั่นคือสาเหตุที่โพไซดอนห้ามธิดาทั้ง 7 ของเขาไว้ เเต่มีเเค่คนเดียวที่อยากไปเห็นโลกภายนอกนั่นก็คือ เอลรีเล่ ฮะฮ่า! ฉันล่ะขำสะจริง เเต่ถึงกระนั้นพ่อของพวกเธอก็ยังรักใคร่ธิดาทั้ง 7 อย่างสุดหัวใจเเละปกป้องพวกเธอเรื่อยมา 

   ทีนี้เรามาเข้าประเด็นหลักกันดีกว่า เนื้อเรื่องสำคัญที่ฉันเกลียดที่สุด จะว่างั้นก็เเรงไป เอาเป็นว่าฉันไม่เข้าใจละกัน นั่นก็คือ! เนื้อเรื่องที่เล่าว่าเอลรีเล่ได้พบรักกับเจ้าชายรูปงามเเละช่วยชีวิตเขาไว้ ฉันละคลื่นไส้จริง ใครเขาจะรักคนคนหนึ่งที่พบได้เเค่วันเดียวกัน? หรือเพราะมันคือรักเเท้ เเต่ได้ไง!? เอลรีเล่ยังไม่รู้จักชายที่ตนตกหลุมรักเลย เขาอาจจะเป็นพวกจอมลวงโลก โกงเงินโกงทอง หรือชอบทารุนเด็กเเละผู้หญิง เเต่ตามหลักเเล้ว...ก็คงเพราะรูปงามน่ะสิ ใครเขาไม่หลงคนหล่อกั๊นนน ฉันล่ะหมดคำจะพูด เอาล่ะ เกริ่นมามากพอละ เข้าสู่เนื้อเรื่องกันเลยดีกว่า!!

   เจ้าหญิงเงือกน้อยได้ตกหลุมรักชายที่เป็นมนุษย์อย่างสุดหัวใจ เธอได้พบกับเขาเเละช่วยชีวิตเขาไว้จากการที่เรือของเขาเกิดเสียหายเเละจมลงสู่ใต้ท้องทะเลในที่สุด 

   เมื่อขึ้นถึงเเดนชายฝั่ง เเละทอดสายตามองไปยังใบหน้าของชายผู้นั้น เจ้าหญิงเงือกน้อยก็ตกหลุมรักเขาในทันที ผมสีดำคลับของเขา นัยน์ตาสีฟ้าครามดั่งมหาสมุทร ใบหน้าที่งามดังเทพบุตรเเละอุ่นไอจากฝ่ามือที่กุมมือของเธอไว้เเน่น

   "เขาช่างงดงามดั่งเทพบุตร...ข้าจักทำเช่นไรเพื่อจักได้อยู่เคียงกายท่าน รอยยิ้มของท่านนั้นคงจะงดงามเเละหอมหวานยิ่งนัก"

   "หากข้านั้นมีขาเหมือนกับท่าน ข้าอยากจะกุมมือท่านไว้เเละละเลงฝีเท้าไปกับชายหาดที่เเสนอบอุ่น ข้าจักโอบกอดท่านด้วยมือสองข้างนี้.. หากมีสักวัน...วันใดที่เราสามารถครองรักกัน...เพื่ออยู่ในโลกของท่าน..."

   " 'เอไลจาห์!!!' "

ไม่ทันที่เจ้าหญิงเงือกน้อยจะกล่าวจบ เสียงปริศนาก็ดังขึ้นมาจากอีกทาง ทำให้เจ้าหญิงเงือกน้อยรีบกระโดดลงน้ำเพื่อซ่อนตัวที่โขดหิน

   เมื่อหันไปมองก็พบชายชรากำลังวิ่งจุ้นมาหาชายที่เธอช่วยไว้

   "เอไลจาห์หรอ...เป็นชื่อที่เพราะยิ่งนัก"

เจ้าหญิงเงือกน้อยพินิจในใจ

   "โถ่พระองค์!! มาอยู่ตรงนี้เองหรือพ่ะย่ะค่ะ พระองค์เกือบทำกระหม่อมหัวใจวายตายเเล้วนะพ่ะย่ะค่ะ!!"

ชายชราคนนั้นรีบพยุงตัวเขาขึ้น

   "อ่า... มะ...มีผู้หญิงคนหนึ่ง! เธอ...ช่วยเราไว้ อึก! เรา..เราจำได้เเค่เสียงเธอ เมื่อกี้เธอกำลังพูดอยู่กับเรา!! เสียงของเธอ...ไพเราะเหลือเกิน"

จบประโยคเขาก็มีท่าทีจะสลบ ทำให้ชายชราต้องรีบมาพยุงอีกครั้ง

   "กระหม่อมว่าพระองค์คงดื่มน้ำทะเลมากไปนะพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายเอไลจาห์ เราไปกันเถอะพ่ะย่ะค่ะ!"

จากนั้นชายชราก็พาเขาคนนั้นที่ถูกเรียกว่า องค์ชาย เดินไปอีกทาง

   "...องค์ชายเอไลจาห์.."

เสียงของสายลมกำลังพัดผ่านร่างของเจ้าหญิงเงือกน้อย ผมสีเเดงประกายของเธอพลิ้วไหลไปตามเเรงลม เธอค่อย ๆ ดึงร่างของเธอขึ้นมาบนโขดหิน จ้องมองไปยังชายชราเเละชายที่ตนตกหลุมรักกำลังเดินจากไปด้วยสายตาอ่อนหวาน พร้อมกับเอ่ยว่า

   "..ไม่รู้ว่าเมื่อไร...ไม่รู้ว่าเยี่ยงไร...เเต่ฉันรู้ว่าสิ่งหนึ่งกำลังเริ่มต้นขึ้น เฝ้ามองเธอจากท้องทะเล...สักวันคงได้...อยู่เคียงกาย 'เธอ' ..."

   เสียงร้องของวาจาที่เเสนอ่อนโยนของเจ้าหญิงเงือกได้พลั่งพรูออกมาในที่สุด พร้อมกับรอยยิ้มเเห่งความหวัง ก่อนจะว่ายกลับลงสู่ท้องทะเลสีคราม

   เจ้าหญิงเงือกน้อยตระหนักว่าตนเองนั้นตุกหลุมรักเจ้าชายเอไลจาห์อย่างมากเเละอยากใช้ชีวิตร่วมกับเขาบนโลกมนุษย์ เเต่เธอก็ตระหนักได้อีกว่าพ่อของเธอนั้นจะไม่อนุญาตให้เธอมีขาเเละขึ้นไปบนบกอย่างเเน่นอน เธอจึงตัดสินใจไปหาเเม่มดใต้ท้องทะเล เพื่อขอความช่วยเหลือ 

   "โอ้ว...สาวน้อย บุตรสาวของโพไซดอนหรือไร มาที่นี่ต้องการอะไรหรือเพคะองค์หญิง"

   "ท่านเเม่มดคะ ท่านสามารถทำให้ข้ามีขาได้หรือไม่คะ ข้านั้นอยากจะมีขาเหมือนมนุษย์เพื่อไปหารักเเท้ของข้า"

   "เเน่นอนสิสาวน้อย ข้าสามารถทำให้ทุกความปรารถนาของเจ้าเป็นจริงได้ เเต่...เจ้ามีอะไรให้ข้าล่ะ-?"

   เเม่มดถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานพาให้ลุ่มหลง ทำให้เอลรีเล่หยุดชะงักเเละไตร่ตรองว่าตนเองนั้นมีอะไรที่พอเป็นค่าตอบเเทนให้นางบ้าง

   "เหอ ๆ ๆ เจ้าหญิง พระองค์...ร้องเพลงได้ใช่ไหมเพคะ-?"

เเม่มดเอ่ยอีกครั้งด้วยสีหน้าชั่วร้าย

   "ขะ...ข้า--"

   "หม่อมฉันรู้ว่าพระองค์มีเสียงที่ไพเราะจับใจ เเละหม่อมฉันคิดว่านั่นอาจจะเป็นค่าตอบเเทนสำหรับขาของมนุษย์ที่พระองค์อยากได้-?"

   "เเล้ว...เสียงของข้า...จะหายไปงั้นหรอ-?!"

   "เเน่นอนเพคะ เเต่ถ้าพระองค์ได้รับจุมพิตของชายที่พระองค์ตกหลุมรักได้ภายใน 3 วัน ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน พระองค์จะได้เสียงกลับคืนมา เเต่ถ้าพระองค์ทำไม่ได้...พระองค์จะไม่ได้เสียงกลับมาเเละจะต้องสลายไปเป็นฟองสบู่เพคะ"

เเม่มดเอ่ยตอบเช่นนั้น ทำให้เจ้าหญิงเงือกน้อยครุ่นคิดอย่างหนัก เเต่เพื่อคนที่เธอรักเเละอยากอยู่ร่วมด้วย เธอก็ยินดีที่จะให้เสียงของเธอเพื่อเเลกกับขา ขอเเค่เพียงได้รับจุมพิตจากใจเขา...ภายใน 3 วันก่อนพระอาทิตย์ตก

   "ได้ ข้ายอมรับข้อเสนอของท่านเเม่มด"

   "ทีนี้...เเค่เซ็นกระดาษวิเศษตรงนี้ เเล้วสัญญาทั้งหมดก็จะดำเนิน"

ครืด ครืด

กระดาษสีทองปรากฎขึ้นตรงหน้าเจ้าหญิงเงือกน้อย เธอตัดสินใจเซ็นชื่อของเธอลงไป เเละเมื่อกระดาษหายไป เเม่มดก็เอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า

   "อะฮ่าฮะ!! ทีนี้!! ร้องสิ.."

เเม่มดหัวเราะลั่นออกมาอบ่างบ้าคลั่งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเเผ่วเบากับเอลรีเล่

   "อา..อาอา..~ อา~อาอา..-? อาอาอา~ อาอาอา~"

เจ้าหญิงเงือกน้อยจึงเริ่มร้องเพลง

   "ร้องสิ!!!!!!"

เเม่มดพูดด้วยน้ำเสียงก้องกังวานเเละมองเอลรีเล่ด้วยสายตาชั่วร้าย

   "อาอาอา~! อาอา..อา อาอาอา~ อาอาอา!--"

ทันใดนั้นกลุ่มควันสีเขียวสยองก็เปลี่ยนรูปร่างเป็นมือ ลอยเข้าไปในปากของเอลรีเล่เเละดึงเสียงของเธอออกมา ก่อนจะลอยกลับไปหาเเม่มดเเละถูกเก็บเข้าใส่เปลือกหอย

   "ฮ่าฮะฮ่าฮ่าฮะ!!!!"

เเม่มดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะมีสายฟ้ามาช็อตหางของเอลรีเล่เเละค่อย ๆ กลายเป็นขามนุษย์ ก่อนจะส่งตัวของเธอขึ้นไปบนชายฝั่งของมนุษย์ด้วยความไวเเสงในสภาพที่เธอโป๊เปลือยทั้งร่างกาย

   ก็...นั่นเเหละ ฉันล่ะหัวจะปวดกับเธอจริง ๆ นะเอลรีเล่ เธอไม่เคยคิดเลยหรอว่าถ้าเธอทำไม่สำเร็จมันจะเป็นยังไง เเล้วเขาจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นเธอที่ช่วยชีวิตเขาน่ะ ในเมื่อเจ้าชายรักเสียงเพลงของเธอมาก อุปสรรคเยอะสะจริง ฉันนี่อยากจะปิดหนังสือเลยนะ อ๊ะ! เเต่เดี๋ยวก่อน ในเมื่อฉันถกประเด็นนี้ขึ้นมาเเล้ว...คงจะปล่อยผ่านไปไม่ได้ง่าย ๆ งั้นจะเล่าต่อเลยเเล้วกัน

   เมื่อเอลรีเล่ได้ถูกซัดขึ้นฝั่งเเล้ว เธอก็ตะเกียกตะกายขึ้นไปนั่งที่หาดทรายเเละมองลงไปดูที่หางของตน ซึ่งตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นขาเเล้ว

   "... ..."

เเต่น่าเสียดายที่เสียงของเธอถูกเเม่มดเอาไปเเล้ว จึงไม่สามารถพูดดีใจได้ เธอค่อย ๆ ลุกขึ้นเเละฝึกเดินทีละนิดทีละน้อย จนเจอกับถุงผ้าขนาดใหญ่สีขาวที่กองอยู่ตรงโขดหินใกล้ ๆ เธอจึงตัดสินใจเอาถุงผ้านั้นมาห่อตัวเองเพื่อปกปิดร่างกายของเธอ

   ในขณะนั้นเองเจ้าชายเอไลจาห์ก็มาวนเวียนอยู่เเถว ๆ นี้ได้สมเวลา เขายังลืมหญิงสาวที่เคยช่วยชีวิตเขาไม่ได้เขาจึงกลับมายังจุดที่เขาเจอเธอเป็นครั้งเเรก เพื่อหวังว่าจะได้จบเธออีกครั้ง 

   ตึก ตึก ตึก

เสียงฝีเท้าย่างของเจ้าชายเเละเจ้าหญิงเงือกน้อยมาบรรจบกันในที่สุดของเเสงตะวันยามเช้า ทั้งสองได้พบกัน เหมือนต้องมนต์สกดเท่าไรก็ไม่อาจละสายตาไปได้ สายตาของเธอสู่สายนัยน์ตาของเขา 

   "เธอ-?!..."

เจ้าชายเอ่ยปากพูดขึ้นเหมือนเห็นภาพที่คุ้นตา... เหมือนว่าเรา..เคยเจอกันมาก่อน เจ้าชายค่อย ๆ เดินไปหาเจ้าหญิงเงือกน้อยช้า ๆ เจ้าหญิงเงือกน้อยนั้นตกตะลึงกับรูปลักษณ์ของเจ้าชาย 

 'เขางดงามกว่าตอนเเรกที่ข้าเจอเขาสะอีก..'

เจ้าหญิงได้เเต่ครุ่นคิดในใจเเละยืนนิ่ง จ้องมองไปยังเจ้าชายด้วยสายตาไร้เดียงสา

   "เจ้า...มีนามว่าอะไรหรือ"

เจ้าชายเอ่ยถามเจ้าหญิงเงือกน้อยด้วยน้ำเสียงอยากรู้อยากเห็น ภาพที่คุ้นตานั้นเลือนรางเหลือเกิน เหมือนข้าเคยเจอนางมาก่อน เเต่ทำไมข้าถึงจำนางไม่ได้...

   "...-?! ..."

เจ้าหญิงเงือกขยับปากเเละมีท่าทีจะพูด เเละก็หยุดชะงักไป เพราะตนนั้นไม่มีเสียงอีกเเล้ว ทำให้เธอมีสีหน้าเศร้าสร้อยเเละเเสดงสีหน้าออกชัดเจนเกินไป

   "เป็นเยี่ยงไรไป...ใยเจ้าถึงไม่พูดกับข้า หรือ...ว่าเจ้าอายรือ-?"

เจ้าชายเอ่ยถามพลางยื่นมือไปจับตัวของเจ้าหญิงเงือกน้อย

เจ้าหญิงเงือกน้อยไม่ตอบอะไร เธอได้เเต่ส่ายหน้า นั่นทำให้เจ้าชายงุนงงกับการกระทำของเธอ เมื่อเจ้าหญิงเห็นว่าเจ้าชายไม่เข้าใจว่าเธอจะสื่ออะไร เธอจึงจับมือของเจ้าเเละเอาไปเเตะที่คอของเธอ

   "อ่า...เจ้า...พูดไม่ได้รือ..-?"

ในที่สุดเจ้าชายก็เข้าใจความหมายที่เจ้าหญิงเงือกน้อยจะสื่อเเล้ว เจ้าหญิงเงือกน้อยจึงพยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้ม

หงึก หงึก

   "อย่างนี้นี่เอง! ข้ามีนามว่า เอไลจาห์ นะ เจ้าเป็นใครกันนะ ทำไมถึงได้คุ้นตาข้ายิ่ง..."

เจ้าชายเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางทอดสายตาไปยังใบหน้าไร้เดียงสาของเจ้าหญิงเงือกน้อย สายที่อบอุ่นจ้องมองเธอ มือของเจ้าชายค่อย ๆ ประคองใบหน้าของเจ้าหญิงเงือกน้อย

 ตึก.. ตัก ..ตึก ตัก

 'เสียงหัวใจของข้า...จะดังถึงท่านไหมนะ เจ้าชายเอไลจาห์..'

   "องค์ชายเอไลจาห์!!!"

เสียงของชายชราดังขึ้นขัดจังหวะของทั้งสอง วินาทีที่น่าหลงไหลได้หยุดลง เสียงนั้นดึงดูดทั้งสองไปหันไปทางด้านหลังของเจ้าชาย ก็พบกับชายชรากำลังวิ่งจุ้นมาหาทั้งสองเเละก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเจ้าหญิงเงือกน้อยในสภาพที่ดูไม่ดีนัก

   "อะ..อะ..อะ..องค์ชาย!!! มาทำอะไรที่นี่พ่ะย่ะค่ะ-?! เเล้วสาวน้อยผู้นั้นเป็นใครกันหรือพ่ะย่ะค่ะ-?!!!"

ชายชราพูดถามเจ้าชายด้วยน้ำเสียงร้อนรนเเละตกใจ

   "โอ้..ท่านผู้ช่วย ข้าเจอสาวน้อยคนนี้ที่ชายฝั่งตรงนั้น ท่านจะว่าอย่างไรหรือไม่ถ้าข้าจะพานางไปด้วย"

คำพูดนั้นทำให้เอลรีเล่ดีใจอย่างมากจนกระโดดโลดเต้นไปมาด้วยรอยยิ้มเเจ่มใส ทำให้เจ้าชายหัวเราะออกมา

   "อะไรนะพ่ะย่ะค่ะ-?!!!"

ชายชราได้เเต่ยืนตกใจ

ฟึ่บ ตุ๊บ

เจ้าชายยกร่างของเอลรีเล่ขึ้นเเละย่างฝีเท้าเดินทางออกจากชายหาด เข้าสู่พระราชวังโดยมีชายชราเดินตามมาด้วย

 'เจ้าชายเอไลจาห์...เอไลจาห์..ท่านช่างอบอุ่น เเละงดงามเหลือเกิน'

เจ้าหญิงเงือกน้อยครุ่นคิดในใจด้วยใบหน้าอิ่มเอมพลางซบอกของเจ้าชาย

   อ๊าา~ ฉันชักจะเบื่อล่ะสิ อยากปิดหนังสืออ่านจัง มีเเต่คนหวานกัน เเต่ถ้าฉันทำเเบบนั้น คุณผู้อ่านต้องโกรธฉันเเน่ ๆ เลยนะน่าา! อยากรู้เรื่องราวต่อไปมั้ย! ถ้าน้ำเน่าเกินไป ขอให้คิดว่าคุณก็ความคิดคล้าย ๆ ฉันเลยนะคะคุณผู้อ่านนน! งั้นเราไปกันต่อดีกว่าาเนาะ

   เมื่อเจ้าหญิงเงือกน้อยได้เข้ามาในพระราชวังพร้อมกับเจ้าชาย บรรดาคนรับใช้ต่างก้มหัวให้กับเจ้าชาบเอไลจาห์เเละมีสายตามากมายจ้องมองมาที่เธอ 

 'ทำไมองค์ชายถึงอุ้มผู้หญิงคนนั้นมาด้วยล่ะ นางเป็นใครกัน-?!'

 'นางดูไร้เดียงสามากเลยนะ!'

 'องค์ชายตกหลุมรักผู้หญิงเเบบนี้หรอ-?!'

เสียงซุบซิบนินทาทำให้เจ้าหญิงเงือกน้อยทำหน้าสงสัยเเละมองไปที่เจ้าชาย

   "มีอะไรงั้นหรอ..-? หรือว่าเจ้าไม่ชอบที่นี่-?"

เจ้าชายเอ่ยถามเจ้าหญิงเงือกน้อย

   "..-?!"

เจ้าหญิงเงือกน้อยตกใจจึงรีบส่ายหัว เเละมองไปรอบ ๆ ราชวัง

   "อ้อ พวกเจ้าทุกคน! บัดนี้ นางผู้นี้จะมาอยูาร่วมกับเราด้วย ดังนั้น จงดูเเลนางให้ดี"

เจ้าชายประกาศคำสั่งเเก่เหล่าคนใช้ ทำให้คนใช้ทุกคนรีบวิ่งมาพาเจ้าหญิงเงือกน้อยไปเเต่งองค์ทรงเครื่องต่าง ๆ นานาอย่างชุนละมุนกัน ทำให้เจ้าหญิงเงือกน้อยมีสีหน้าตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็น

 'มนุษย์ทำเเบบนี้กันทุกคนงั้นหรอ..-?! เพียงเเค่เจ้าชายออกคำสั่ง ทุกคนก็ทำตาม...'

เจ้าหญิงเงือกน้อยคิดในใจพลางชายตามองเหล่าคนใช้เเต่งตัวให้ตนด้วยชุดเดรสสีชมพูโอรสสวยหวานเหมือนปะการังในท้องทะเล ชายกระโปรงบานออกมาอย่างพอดีตัว เป็นชุดที่เข้ากับเอลรีเล่อย่างมาก

   "สาวน้อยที่องค์ชายพามานี่งดงามเเละน่ารักสะจริง! เเม่หนูมีนามว่าอะไรหรือจ๊ะ-?"

หนึ่งในบรรดาสาวใช้ผู้อาวุโสกล่าวถามเอลรีเล่ด้วยรอยยิ้ม เเละเอลรีเล่ตอบไม่ได้ เธอจึงใช้มือของตนเเตะไปที่คอของตนเองเเละพยายามทำท่าทีทุลักทุลนให้คนอื่นเข้าใจว่าเธอนั้นพูดไม่ได้

   "โอ้!! ตายจริง! พระเจ้าทรงโปรด!! เเม่หนูพูดไม่ได้งั้นหรอจ๊ะ ช่างน่าเวทนาสะจริง.."

บรรดาสาวใช้ต่างมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อได้ยินสาวใช้คนหนึ่งพูดเเบบนั้น เอลรีเล่ไม่ได้มีท่าทีอะไรเเต่ก็เเค่พยักหน้าไปตามมารยาท

   "เเล้ว...พวกเราจะเรียกนางว่าอะไรล่ะ ในเมื่อนางเข้ามาในวังโดยมีองค์ชายพาเข้ามา-?"

หนึ่งในสาวใช้พูดคุยกันระหว่างพาเอลรีเล่ไปหาเจ้าชายที่ห้องอาหาร เมื่อเปิดประตูเข้ามาเจ้าหญิงเงือกน้อยในชุดสีชมพูโอรสสีหวาน ได้ถูกสายจับจ้องได้ที่เธอ เเม้กระทั่งเจ้าชายก็ตาม ยังตะลึงในความงดงามของเธอ เขาลุกขึ้นเเละพาเธอไปนั่งที่เก้าอี้

   "เจ้างดงามเหลือเกิน ชุดนี้เหมาะกับเจ้านะ"

เจ้าชายเอ่ยปากชมเอลรีเล่ ทำให้เอลรีเล่หยุดยิ้มไม่ได้จึงพยักหน้าตอบอย่างเขินอาย ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ ๆ เจ้าชาย

   "เจ้าเขียนหนังสือเป็นหรือไม่"

เจ้าชายพูดถามเจ้าหญิงเงือกน้อยขณะทานอาหาร

   "..."

เจ้าหญิงเงือกน้อยทำหน้าสงสัยกับคำถามของเจ้าชาย ก่อนจะหยิบส้อมขึ้นมาพลางเอาส้อมมาหวีผมของตน

   "อ่ะ...อ่า..."

เจ้าชายมองด้วยความตกใจก่อนจะหันไปหาชายชราที่อยู่ข้าง ๆ ตน

   "นาง...ดูเเปลกไปกว่าหญิงอื่นที่ข้าเคยพบเคยเจอมากเลยนะ"

เจ้าชายกระซิบต่อชายชรา

   "กระหม่อมก็ว่าอย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะ"

ชายชราตอบด้วยสีหน้าไม่ดีนัก

   "เเล้ว...ข้าจะรู้ชื่อเจ้าได้อย่างไร"

เจ้าชายหันไปถามเอลรีเล่ต่อ เเต่เอลรีเล่ก็ลุกไปมองทะเลที่ริมหน้าต่างเสียเเล้ว เขามองเธอด้วยสายตาที่มีเลศนัยพร้อมกับเอ่ยต่อว่า

   "เธออยากไปทะเลงั้นหรอ-?"

เจ้าหญิงเงือกน้อยหยุดนิ่งพลางก้มหน้าลง

 'ข้าจากบ้านมาเกือบวันหนึ่งเเล้ว...ท่านพ่อจะเป็นเยี่ยงไรบ้างนะ'

หงึก หงึก

เจ้าหญิงเงือกน้อยหันไปพยักหน้ากับเจ้าชายพร้อมยิ้มอ่อน ๆ 

   "ท่านผู้ช่วย พรุ่งนี้ยามเช้าตรู่เตรียมเรือให้เราหน่อย เราจะพานางไปที่ทะเลสาบใกล้ ๆ "

เจ้าชายพูดกับชายชรา

   "พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย"

ตึก ตึก ตึก หมับ!

เอลรีเล่ดีใจอย่างมากจึงรีบวิ่งไปกอดเจ้าชาย ทำให้ทุกคนในนั้นอ้าปากค้างไปพร้อม ๆ กัน เจ้าชายก็เช่นกัน เเต่เขารู้สึกว่าเขาควรจะรับอ้อมกอดนี้ไว้ เขาจึงกอดตอบเอลรีเล่ ก่อนจะเเยกย้ายกัน

  ยามเช้าตรู่..ที่อัสดงยังไม่ขึ้นขอบฟ้า

ณ ท่าเรือใกล้ทะเลสาบ

   "ขึ้นมาบนเรือสิ ข้าจะพาเจ้าเที่ยว"

เจ้าชายเอ่ยปากชวนเอลรีเล่พลางยื่นมือไปหาเธอ เอลรีเล่เห็นดังนั้นจึงจับมือเจ้าชายไว้เเละขึ้นมานั่งบนเรือ

   "ข้าจะกลับมาก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเต็มดวง"

เจ้าชายเอ่ยกับชายชราก่อนจะใช้ไม้พาย พายเรือออกสู่ทะเลสาบ

   เอลรีเล่มองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้น ชุดที่เธอใส่ในวันนี้เป็นชุดธรรมดาเรียบง่าย เเต่ก็บดบังความงามของเธอไว้ไม่ได้เลย

   "อืม...เเล้วจะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอย่างไรถ้าข้าไม่รู้ชื่อเจ้า"

เจ้าชายเอ่ยถามเอลรีเล่

   "...."

เจ้าหญิงเงือกน้อยมีท่าทีตกใจ จึงพยายามขยับปาก เเต่เจ้าชายก็ไม่เข้าใจอยู่ดี

   "อ่า...งั้น ข้าจะทายชื่อของเจ้าละกัน ข้าชอบอะไรที่มันท้าทาย"

เจ้าชายพูดพลางมองเจ้าหญิงเงือกน้อยด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น

   "..มิลเดร็ด-?"

ไม่ใช่...เจ้าหญิงเงือกน้อยส่ายหัว

   "อ่า..ฟลอร่า-?"

ไม่ใช่อีกเเล้ว...เจ้าหญิงเงือกน้อยส่ายหัว

   "...เฮสเทีย-? ซูซาน-?"

เจ้าชายพยายามอย่างมาก เเละด้วยท่าทีครุ่นคิดของเขาทำให้เจ้าหญิงเงือกน้อยขำออกมาเเบบไม่มีเสียง

   "เอ๋! นี่เจ้าจะขำข้าหรอ ถ้างั้น...เจ้าชื่ออะไรล่ะ-?"

เมื่อได้ยินดังนั้น เอลรีเล่จึงจับฝ่ามือเจ้าชายเเละเเบมือของเขา ก่อนจะใช้นิ้วของตนละเลงเขียนคำ

ขีด ขีด ขีด

   "...เอล..รี..เล่..-?"

เจ้าชายออกเสียงตามที่เจ้าหญิงเขียนบนมือเขา

 ทำให้เจ้าหญิงเงือกน้อยพยักหน้าถี่ด้วยรอยยิ้ม

   "เอลรีเล่...เอลรีเล่! ฮ่าฮ่า เป็นชื่อที่ไพเราะนัก"

เจ้าชายเอ่ยบอกเอลรีเล่ด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

 'นามของท่านก็เพราะเช่นกันค่ะ...เอไลจาห์'

เจ้าหญิงเงือกน้อยครุ่นคิดในใจ เธออยากจะพูดออกไปเหลือเกินเเต่ก็ทำไม่ได้ เธอได้เเต่ยิ้มตอบเจ้าชายไป

   "เอลรีเล่...ข้ามีคำถามเเก่เจ้า ..เจ้า..ใช่คนที่มาช่วยชีวิตเราไว้หรือไม่ เจ้าดูละม้ายคล้ายนางคนนั้น เเต่...ข้าไม่เเน่ใจ เพราะเจ้านั้นพูดไม่ได้"

เจ้าชายเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย เจ้าหญิงได้ยินดังนั้นก็รีบพยักหน้า 

   "จริงหรือ เจ้าคือนางคนนั้นที่ร้องเพลงให้เราฟังใช่หรือไม่"

เจ้าชายถามอีกครั้ง เอลรีเล่ไม่รีรอจึงพยักหน้าตอบไปด้วยรอยยิ้ม

 นั่นก็เพียงพอให้เจ้าชายเเน่ใจเเล้ว เขาจึงประกาศออกมาว่า

   "ถ้างั้น...เจ้าจะเเต่งงานกับข้าหรือไม่ เอลรีเล่"

เจ้าชายเอ่ยถามพร้อมกับกุมมือของเอลรีเล่ไว้ ไออุ่นจากมือของเจ้าชายทำให้เจ้าหญิงเงือกน้อยรู้สึกถึงความรักของเขา เเก้มของเจ้าหญิงเงือกน้อยเริ่มมีสีเเดงระเรื่อไปทั่ว

หงึก

เจ้าหญิงเงือกน้อยพยักหน้าตอบรับเจ้าชายทันทีด้วยรอยยิ้ม สุดท้ายเเล้ว ความรักของทั้งสองก็สานต่อด้วยรอยจุมพิตของเจ้าชายเเละเจ้าหญิงเงือกน้อยโดยสมบูรณ์ ยามอัสกรขึ้นสู่นภาในยามรัก ข้านั้นจักอยู่เคียงกายท่าน

ฟ่าว~

คำสัญญาได้คลายออกเเล้ว เสียงของเอลรีเล่ได้กลับคืนมาอย่างเหลือเชื่อ

   "เจ้าชาย..."

เอลรีเล่เอ่ยปากขึ้น ทำให้เจ้าชายสะดุ้งตกใจเเละดีใจไปด้วยเช่นกัน

   "จะ...เจ้า! เจ้ามีเสียงเเล้ว!!"

   "ใช่เพคะ พระองค์! หม่อมฉัน...หลงรักพระองค์มาตั้งเเต่เเรกพบ"

   "ข้าก็เช่นกันเอลรีเล่...เจ้าคือรักเเท้เเละรักเดียวของข้า"

   "เพคะ...เอไลจาห์"

บทสนทาที่เเสนหอมหวานเเละงดงามได้จบลง เเละเรื่องราวความรักของทั้งสองก็ได้รำลึกไว้ในหนังสือ ก่อนที่หน้าหนังสือจะปิดลงในที่สุด

   วู๊วววววว จบสักทีน้าาาา! ทีนี้พอใจรึยัง!!! ก็ทุกคนคงคิดว่าทำไมฉันถึงไม่ชอบ ฉันอาจจะว่ามันน้ำเน่าไปมั้ง...ไม่ใช่หรอก ฉันเเค่...ไม่เข้าใจในความรัก ถ้าฉันมีโอกาส ฉันอยากคุยกับเอลรีเล่สักครั้งจัง อยากถามว่าทำไมเธอถึงทำขนาดนี้! เอาล่ะ ฉันคงต้องไปนอนต่อเเล้วล่ะ!! ครอฟฟี้~~~

   "..อื้อ~ นี่ฉัน..อยู่ไหนเนี่ย เอ๋! นี่ฉันกำลังจมดิ่งสู่ท้องทะเลเรอะ-?!"

บุ๋ม บุ๋ม

   "ใครน่ะ...ผมสีเเดงประกาย.."

   "เอลรีเล่-?!!!"

   "ข้าเอง...เจ้าบอกว่าอยากเจอข้าไม่ใช่หรอ"

   "..อือ เธอคิดว่าฉันบ้ารึเปล่า-?"

   "หื้ม~?"

   "ฉันไม่เข้าในความรักของเธอเลยสักนิดเอลรีเล่ ทำไมเธอต้องทำขนาดนี้ ถ้าเกิดเธอทำไม่สำเร็จ...เเละสุดท้ายเธอก็กลายเป็นฟองสบู่ล่ะ-?"

   "นั่นสินะ...ฉันก็เคยคิดเเบบนั้นเเละกลัวมันเหมือนกัน.."

   "..."

   "เเต่...เจ้ารู้อะไรมั้ย ความรักน่ะ...มันงดงามมากเลย เเค่ข้าเห็นเขาข้าก็รู้สึกอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับเขาเหลือเกิน... ถ้าสุดท้ายเเล้ว..ข้าจะต้องกลายเป็นฟองสบู่ ข้าก็ไม่เสียใจหรอกนะ"

   "เห๊อะ...งดงามงั้นหรอ"

   "อื้อ...รอยยิ้มของเขา ใบหน้าที่เเสนงดงาม เเละจุมพิตที่เเสนหอมหวานของเอไลจาห์ ข้ารักเขาเกินกว่าที่จะคิดอะไรเเบบนั้น"

   "มันไม่เปล่าประโยชน์หรอ"

   "เปล่าประโยชน์งั้นหรอ...ไม่เลย ข้าขอเเค่ได้รักเขา นั่นก็พอสำหรับข้าเเล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมเจ้าถึงไม่เข้าใจในความรัก-?"

   "ไม่อ่ะ..ฉันไม่รู้ ฉันไม่ได้โลกสวยเหมือนเธอ ฉันไม่เข้าใจ..."

   "สักวันหนึ่ง...เธอจะเข้าใจ ว่าการที่เราได้รักใครคนหนึ่งมันมีความสุขเเค่ไหน ไม่ว่าจะกายหรือใจ หากวันใดที่เจ้านั้นมีความรัก ความไขทั้งมวลของเจ้าจะหายไป..."

   "งั้นหรอ...ขอบใจนะเอลรีเล่"

   "อื้อ..!"

   เเละในตอนสุดท้าย...หวังว่าฉันนี้ จะได้เจอความรักเเบบนั้นบ้างนะ

จบบริบูรณ์

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!