'ไพลิน' คือชื่อของชายหนุ่มวัย21ปี เขาทั้งเพอร์เฟค ทั้งเก่ง ทั้งฉลาด ไหวพริบดี หล่อพอใช้ได้ แต่ดันโชคร้ายไปหน่อย😅
วันหนึ่ง ไพลินกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงนุ่มๆแสนรักของตนอยู่ดีๆ ก็รู้สึกง่วงขึ้นมา แม้เขาจะบ้างานไปหน่อยแต่ก็เพื่อตัวเขาเอง
เรียกได้ว่า 'หักโหม' เลยล่ะ เขาไม่ค่อยใส่ใจกับอะไรเท่าไหร่ ไม่ค่อยมีเพื่อน สิ่งที่ชอบทำหรือทำเป็นประจำคือ ไม่วาดรูปเล่นก็อ่านนิยายออนไลน์
เรื่องที่เขากำลังติดอยู่ตอนนี้คือเรื่อง 'พิรุณรักเชยบุปพาเจ้า' เรื่องราวของเด็กหนุ่มวัย14 ศิษย์ของสำนัก'หยวนซานกวน' นาม 'ไป๋เหอชิง' เป็นศิษย์ที่อาจารย์เกลียดมากๆ เรียกได้ว่าเกลียดเข้าไส้เลยล่ะ วันหนึ่งได้เจอกับประมุขพรรคมาร ตัวร้ายของนิยายที่เเสนเลวทราม
ประมุขพรรคมาร 'หลิงตงซ่าน' ตัวร้ายของนิยาย ตั้งใจจะจับไป๋เหอชิงเป็นตัวประกัน เพื่อต่อรองกับพรรคฝ่ายธรรมะที่ชอบแอบอ้างคุณธรรมโง่ๆที่ไม่มีอันจะไป
ประมุขพรรคมาร'หลิงตงซ่าน' หมดความศรัทธาในคุณธรรมตั้งแต่พบว่าตนมีสายเลือดเป็นมาร เมื่อพยายามอธิบายแล้วแต่กลับไม่มีผู้ใดฟังเขา หาว่าเขาเป็นสายบ้างล่ะ ตั้งใจลวงความลับสำนักบ้างล่ะ ในตอนนั้นแม้แต่อาจารย์ที่เขาไว้ใจยังมิเชื่อเขาเลย สุดท้ายต้องถูกไล่ออกจากสำนัก
สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเสียจริง หลิงตงซ่านคิดในใจ
หลิงตงซ่านที่จับไป๋เหอชิงเป็นตัวประกันเพื่อต่อรอง แต่กลับต้องแปลกใจ เมื่อคนในสำนักกลับมิสนใจไป๋เหอชิงเลยสักนิด มิใช่ว่าพวกสำนักฝ่ายธรรมะมักจะห่วงพวกของตนหรือ?
เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว หลิงตงซ่านจึงตั้งใจนำตัวของไป๋เหอชิง กลับไปที่สำนักพรรคมารของตนด้วย เมื่อกลับมาถึงจึงชักถามว่า เหตุใดถึงไม่มีใครแยแสเขาเลย
ไป๋เหอชิงกล่าวว่า เขาไม่เป็นที่รักของสำนักเท่าไหร่ จึงไม่มีใครสนใจเขา
หลิงตงซ่านในช่วงนั้น เหมือนเห็นตนเองในครั้งยังเป็นศิษย์ของฝ่ายธรรม จึงยื่นข้อเสนอให้ ไป๋เหอชิง อยู่ที่พรรคมารก่อน 'แต่เมื่อเขาหมดประโยชน์แล้ว หลิงตงซ่านจะทิ้งเขา' แม้ความจริงแล้ว เขาจะต้องเป็นเครื่องสังเวย ให้กับหุบเขาแห่งสายเลือดมารก็ตามทีเถอะ..
ไป๋เหอชิงที่ไม่มีทางเลือก จึงตอบตกลงไปอย่างไม่คิด แม้เขาจะไม่ถูกกับเผ่ามารมากนัก เพราะบิดาและมารดาของเขาถูกเผ่ามารฆ่าตาย จึงถือเป็นแผลบาดใจของไป๋เหอชิง
เมื่อเดินทางมาถึงพรรคมาร ไป๋เหอชิงได้เจอกับสตรีนางหนึ่ง หรือคือนางเอกของนิยาย นาม 'เวินเสี่ยวอิง' ศิษย์ในสำนักเดียวกับไป๋เหอชิง ที่ถูกยื่นข้อเสนอเหมือนกับไป๋เหอชิง ไป๋เหอชิงตกหลุมรักนางตั้งแต่แรกเห็น และเวินเสี่ยวอิงก็ตกหลุมรักเขาเช่นกัน
หลายปีต่อมา...
พวกเขาทั้งสองสนิทกันมาก ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ทั้งสองเริ่มมีใจให้กันมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่วันหนึ่ง ประมุขพรรคมารก็เรียกตัวของไป๋เหอชิงไปพบ เมื่อไป๋เหอชิงไปพบ หลิงตงซ่านก็ชวนเขาไปหุบเขาแห่งสายเลือดมารด้วยกัน
แม้ไป๋เหอชิงจะแปลกใจแค่ไหนก็ตามแต่ก็ตกลง เพราะตลอดเวลาที่อยู่พรรคมารมานาน เขาไม่เคยอยู่ในสายตาของหลิงตงซ่านเลย เหมือนเขาไม่มีตัวตน แต่วันนี้กลับเอ่ยปากชวนเขาไปเที่ยวดูหุบเขาด้วย ช่างเหนือความคาดหมาย
เมื่อไปถึง หลิงตงซ่านยังคงชวนเขาคุยตลอดทาง จนเดินมาถึงปากทางที่เป็นหุบเขา ก่อนที่จะเกิดสิ่งที่ไป๋เหอชิงคาดไม่ถึง หลิงตงซ่านเอ่ยปากถาม 'เจ้ายังจำข้อเสนอที่ข้าและเจ้าตกลงได้หรือไม่?' ไป๋เหอชิงตอบด้วยความฉุกงง 'จำได้ขอรับท่านประมุขมาร'
หลิงตงซ่านกล่าว ข้าบอกจะทิ้งเจ้าใช่หรือไม่ ไป๋เหอชิงเอ่ย ขอรับ อย่างงง
'ข้าโกหก'
หลิงตงซ่านเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไป๋เหอชิงเกลียดที่สุด คือเย็นชา
ไป๋เหอชิงเบิกตากว้าง ไม่รีรอให้ไป๋เหอชิง ชักถาม หลิงตงซ่านยื่นกระบี่ที่สังหารคนมาหลายต่อหลายนักของตนขึ้นมาอยู่ที่อกของพระเอก และแทงเข้าอย่างจัง
แววตาสั่นคลอนอย่างหวั่นไหว เพราะตลอดที่เฝ้ามองไป๋เหอชิงห่างๆกลับรู้สึกว่า เจ้าเด็กนี้ช่างเหมือนตัวเขายิ่งนัก แต่ก็ต้องเก็บความคิดนั้นไว้
ตอนนี้เจ้าหนูนี้ไม่มีประโยชน์ต่อเขา ที่เขายื่นข้อเสนอให้ ก็เพราะเผลอใจอ่อนต่างหาก
ร่างของไป๋เหอชิงตกลงไปในหุบเขาแห่งสายเลือดมาร จนลับตาของหลิงตงซ่าน เขาเพียงถอนหายใจ
ผ่านไป8ปี...
ไป๋เหอชิงได้ค้นพบว่าตนมีสายเลือดของเซียนที่เก่าแก่ และได้ร่ำเรียนกับจิตวิญญาณของเซียนที่ยังหลงเหลือ จนทำให้ไป๋เหอชิงสามารถปลุกสายเลือดเซียนที่หลับไหลในตัวเขาได้
อีกฝั่งหนึ่ง
ตลอดเวลาที่ไป๋เหอชิงไม่อยู่ เวินเสี่ยวอิงรู้สึกว่าเงียบเหงามาก นางเอาแต่คิดถึงไป๋เหอชิงตลอดเวลา ครั้งล่าสุดที่เห็นเขา เหมือนจะถูกประมุขมารเรียกพบ
นางจึงพยายามหาวิธีไปหาหลิงตงซ่าน แต่ก็ถูกไล่ออกมาตลอด นางจึงหมดหวัง
แต่ด้วยความที่นางงดงาม หลิงตงซ่านจึงเสนอให้นางมาเป็นอนุของตน อยู่หลายครั้ง และพยายามให้นางลืมไป๋เหอชิง
แต่เมื่อไป๋เหอชิงกลับมมา เขาก็มาชิงตัวของนางเอกแล้วพาขี่กระบี่หนีออกจากพรรคมาร กลับไปที่สำนักหยวนซานกวนทันที พร้อมพาคนของสำนักบุกมาพรรคมารเพื่อต่อสู้ หลิงตงซ่านเห็นท่าไม่ดีจึงต่อสู้ด้วยตนเอง แต่ก็พลาดท่า พระเอกได้แทงหลิงตงซ่านด้วยกระบี่วิรุณโลหิต กระบี่วิรุณโลหิตคือกระบี่ที่สามารถทำให้ประมุขมารตายได้
ครั้งหนึ่งเมื่อ 1,000ปี หลิงตงซ่านเคยต่อสู้กับผู้ถือครองกระบี่เล่มนี้มาแล้ว แม้เขาจะบาดเจ็บสาหัส แต่คนคนนั้นก็สิ้นลมไปจากบาดแผลที่ต่อสู้กับหลิงตงซ่าน
หากผู้ถือครองกระบี่วิรุณโลหิตแข็งแกร่งมากแค่ไหน กระบี่ก็ยิ่งสงอานุภาพมากขึ้น
นี้เป็นสาเหตุที่หลิงตงซ่านไม่อยากประหม่าเมื่อจะต่อสู้กับไป๋เหอชิง แต่ก็ถูกแทงจนได้และสิ้นใจไป
ฝ่ายธรรมะเป็นฝ่ายชนะ คนในสำนักจึงหันมาสนใจไป๋เหอชิงที่ได้กำจัดประมุขมารที่แข็งแกร่ง ผู้คนต่างยกย่องไป๋เหอชิง ที่สามารถกำจัดประมุขมารที่แสนเลวทรามได้
ไป๋เหอชิงและเวินเสี่ยวอิงได้เป็นคนรักกัน และออกท่องยุทธภพไปด้วยกัน ช่วยเหลือผู้คนนับไม่ทวน ด้วยความจริงใจ
พวกเขาทั้งสองได้กลายเป็นวีรบุรุษและวีรสตรีที่ผู้คนต่างนับถือ และยกย่อง
ปัจจุบัน ตัดมาที่ไพลิน
ไพลินล้มตัวนอนที่เตียงแสนรักของตน ก่อนที่ตาจะปิดลงไป..แต่เขาหารู้ไม่..ว่านี้คือวันสุดท้ายของเขาที่โลกใบนี้..
...
เช้าวันต่อมา(?)
ไพลินลืมตาตื่นขึ้น ในที่ที่ไม่คุ้นเคย แต่กลับรู้สึกว่าคุ้นเคยตายิ่ง เขาลุกขึ้นด้วยความฉุกงง ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ต้องสะดุดตากับรูปร่างลักษณะร่างกายที่เปลี่ยนไปของเขา
เรือนผมที่กลายเป็นสีขาว ผมยาวถึงสะโพก ผิวที่ซีดเล็กน้อยต่างจากเดิม ริมฝีปากอมชมพูแดงอิ่มนิดๆชวนให้รู้สึกอยากลองจูบ ดวงตาที่กลายเป็นสีแดงก่ำมรกด ร่างกายที่ดูบอบบางขึ้นเล็กน้อย แต่กลับเเข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ
และส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นเป็น 183 จาก 162cm. ดวงตาเรียวหงส์กวาดมองรอบห้อง ก่อนจะพบว่าในห้องนี้มีแต่ข้างของจีนโบราณที่ดูหรูหรา เมื่อพิจารณาจากห้องแล้ว เขาคิดว่าคงจะมีฐานะไม่น้อย แต่เขาว่านี้ไม่ใช่เขา
เมื่อคิดได้ยังนั้น ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา ความทรงจำของเจ้าของร่างคนเก่าแล่นเข้ามาในหัวของไพลิน ถึงกับต้องกุมขมับเลยทีเดียว
"อึก.."
แม้จะแปลกใจที่เสียงก็เปลี่ยนไปด้วย แต่ตอนนี้เขาต้องโฟกัสกับความทรงจำของใครสักคน ที่เล่นเข้าหัวของเขาตอนนี้ก่อน
เมื่อความทรงจำของเจ้าของร่าง กลับมาไพลินถึงต้องตกใจ เพราะตอนนี้เขาดันเข้าร่างท่านประมุขพรรคมารอย่าง'หลิงตงซ่าน' เข้าแล้วสิ..
ฉิบหายของจริง!! ไพลินคิดในใจ
แต่ก็มีเสียงของอะไรบ้างอย่างที่เหมือนหุ่นยนต์ในยุคของเขาดังขึ้น
ตริ้ง!
เชื่อมต่อกับระบบสำเร็จ
"..." ตอนนี้เขาได้แต่งงกับเสียงนั้น
ตอนนี้มันสถานการณ์อะไรกัน? เขาฝัน? หรือเป็นว่าเรื่องจริงกันแน่..
แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริงคับ
เสียงของระบบดังขึ้น พร้อมมีหน้าต่างขึ้นมา ไพลินที่ปรับตัวได้ทัน จึงไม่ได้ตกใจเท่าไหร่
"ระบบ..นายอ่านใจฉัน?"
ระบบแค่ตอบคำถามของเจ้าหน้าที่เท่านั้น
"ฉันสามารถคุยกับนายแบบคิดในใจได้รึเปล่า?"
ที่ไพลินเลือกที่จะถามออกไปแบบนั้น ก็เพราะมันคงดูไม่ดีเท่าไหร่ที่ประมุขมารคุยอยู่คนเดียว เดี๋ยวก็มีข่าวลือว่าเขาบ้า เขายังไม่อยากมีข่าวเสียแบบนั้นนะ
ได้
เสียงของระบบตอบ
"ฉันมาที่นี้ได้ไง.."
ระบบได้ดึงคุณมาเพราะคุณคือคนเดียวที่อ่านนิยายของทางเรา และเข้าใจตัวละครลึกซึ้งที่สุด
เสียงของระบบกล่าวต่อ
เพราะงั้นทางเราจึงต้องการให้คนอ่านที่ดีแบบคุณเปลี่ยนแปรงนิยายเรื่องนี้ตามที่คุณต้องการ โดยไม่กระทบต่อเนื้อเรื่องหลัก
ไพลินถึงกับอ้าปากค้าง นี่นิยายดีๆแบบนั้นจะให้เขามาเปลี่ยนแปรงเนื้อหานิยายเนี่ยนะ
ถึงจะรู้ว่าเขาเป็นคนเดียวที่อ่านนิยาย เรื่องนี้ก็เถอะแต่ทำไมต้องเป็นตัวร้ายด้วยฟร่ะ!?
ในจังหวะนั้นเองก็มีเสียงเอ่ยถามขึ้นของ'เหยาเฟย'
"ท่านประมุขเจ้าค่ะ? ท่านประมุข"
เสียงหวานเอ่ยเรียกประมุขของตนอยู่หน้าตำหนัก ปกตินี้เป็นเวลาที่ท่านประมุขแสนรักของนางจะออกจากตำหนักหลงจื่อเสวียน(ตำหนักของประมุขมาร)
"เหยาเฟย?"
"เจ้าค่ะ!"
ไม่รู้ว่าเขาทำอะไร เหยาเหยาถึงกับร้อนรนถึงขนาดนั้น เหยาเฟยเหลือบมองท่านประมุขของตน ปกติท่านประมุขจะเรียกนางว่า เฟยเอ๋อร์ ไม่ใช่หรือ หรือว่านางทำอะไรผิด?
ไพลิน..ไม่สิ..หลิงตงซ่านมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพิจารณา เหงื่อตกปาดนั้นเธอยังมีหน้ามาคุกเข่าอีกเนอะ
'เหยาเฟย' คือนามของมือขวาประมุขมาร นางซื่อสัตย์และจงรักภักดีที่สุด นางค่อนข้างหลงไหลในประมุขมารไม่น้อย เห็นอย่างนี้แต่ก็ขึ้นชื่อว่ามือขวาท่านประมุขพรรคมารเชียว ชื่อมือขวาของนางไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เพราะฝีมืออันร้ายกาจของนาง และความว่องไวอันเป็นเอกลักษณ์ ฉายา'อสรพิษอันไร้ที่สิ้นสุด' ขึ้นชื่อได้ว่าดีเยี่ยม ในตอนสุดท้าย นางเลือกจะตายพร้อมกับหลิงตงซ่าน นับได้ว่ากล้าหาญเลยทีเดียว
เหยาเฟยมองท่านประมุขของนางที่ยังคงอยู่ในชุดบรรทม ท่านประมุขตื่นสาย? ผิวขาวๆของท่านประมุขทำให้นางแอบกลือนน้ำลายอย่างหวั่นไหว ไม่ได้! นี้ท่านประมุขเลยนะตัวข้า! พลางคิดในใจ
"?"
นางมองผิวขาวๆของท่านประมุข ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอย่างสงสัย แต่ก็แอบเกรงว่าหัวบนบ่านางจะหลุดอยู่เหมือนกัน
"เหตุใดท่านยังไม่แต่งตัว มิใช่ว่าท่านออกปากจะไปป่าหนาดฉีเซวียนกับพวกข้ารึ..?"
แม้เสียงที่เอ่ยถามจะเกร็งๆอยู้บ้าง แต่ก็เพิ่มความตกใจให้กับหลิงตงซ่านไม่น้อย
ป่าหนาดฉีเซวียน คือที่ที่ตัวร้ายเจอกับพระเอกนิหว่า..หลิงตงซ่านแอบตกใจในใจ
จากนั้นเสียงระบบก็ดึงขึ้น
ทางเราได้มอบสิทธิ์ของร่างประมุขมารให้เจ้าหน้าที่ คุณจะใช้ร่างโดยไม่ต้องกลัวเรื่องoocได้ ตามใจเลย แค่ไม่กระทบกับเนื้อก็พอ
เมื่อเวียงสิ้นสุดลง หน้าต่างของระบบก็หายไป หลิงตงซ่านเลือกที่จะไม่ใส่ใจก่อนจะเอ่ย
"ไปรอข้าที่หน้าพรรค"
เอ่ยจบก็ดีดนิ้วส่งเหยาเฟย ไปหน้าพรรคมาร วรยุทธของประมุขมารช่างดีจริงๆเลย สะดวกชะมัด ที่เขาทำแบบนี้ได้ ก็เพราะเขาได้ความทรงจำของประมุขมาร และวิธีใช้มาด้วย
หลิงตงซ่านคิดว่าถึงเวลาที่เขาต้องอาบน้ำแล้ว พลางเดินไปที่สระน้ำขนาดใหญ่
และถอดอาภรณ์ของตนออก เดินลงไปในสระบัวตั๋นสีแดงสวย เดิมทีเขาก็ชอบทิวทัศน์ของพรรคอยู่หรอก เพราะมันดูดีมากๆ เขาชอบอะไรที่เรียบง่ายคล้ายๆประมุขมาร
ฝั่งเหยาเฟยที่ถูกท่านประมุขของตนดีดนิ้วส่งมาหน้าพรรคมาร ก็งงไปสักพัก
มือซ้ายของประมุขพรรคมารเดินมาหาเหยาเฟยแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย
"เจ้าคงถูกท่านประมุขถีบไล่ส่งมาสินะ ไปกวนท่านอีกแล้วรึ"
"เปล่าเสียหน่อย!!"
เสียงหวานเอ่ยอย่างโมโห บุรุษตรงหน้าของนางคือ พี่ชายแท้ๆของนาง และเป็นมือซ้ายของท่านประมุขมาร นาม'เหยาจื่อเซียน'
แต่นางก็ไม่นับว่าเหยาจื่อเซียนเป็นท่านพี่ของนางหรอก เหยาจื่อเซียนก็คิดเช่นเดียวกับนาง ส่วนใหญ่พวกเขาทั้งสองจะมองว่าต่างคนต่างเป็นศัตรูกัน เพราะเหยาเฟยชอบทำตัวสนิทกับท่านประมุขมารเหยาจื่อเซียนเลยอิจฉา และเหยาจื่อเซียนมักจะได้พูดคุยกับท่านประมุขมารเหยาเฟยเลยอิจฉา
เรียกได้ว่าต่างคนต่างอิจฉากันและกัน เป็นพี่น้องที่กัดกันยิ่งกว่าอะไร
ในจังหวะที่ทั้งสองจะมีปากเสียง บุรุษที่ทั้งสองเฝ้าคอยก็เดินมาด้วยความสง่างามพร้อมห้ามปาม
"หยุดทะเลาะกันได้แล้ว เฟยเอ๋อร์ เซียนเอ๋อร์"
เสียงของหลิงตงซ่านทำให้ทั้งสองหันมามองพร้อมใจกัน เปลี่ยนจากแววตาปาดจะสังหารกัน เป็นแววตาที่กลายเป็นลูกหมาที่แสนเชื่องทันที
"ท่านประมุขเจ้าขา~~"
"ท่านประมุขขอรับ~~"
ทั้งสองเอ่ย พลางวิ่งเหมือนจะไปกอดหลิงตงซ่าน หลิงตงซ่านที่มองทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะเอ็นดู น่ารักจริงๆเลย
"เราจะไปป่าหนาดฉีเซวียนกันเลยหรือไม่?"
เสียงของหลิงตงซ่านเอ่ยถาม ทั้งสองคนพร้อมใจอีกครั้งพยักหน้ากันรัวๆ เหมือนหมาน้อยที่เเสนน่ารัก
พร้อมเอ่ย
"ไปเลยเจ้าค่ะ/ขอรับ"
"อืม.."
ใจจริงหลิงตงซ่านก็แอบตื่นเต้น ที่จะได้เจอพระเอกเหมือนกัน แทบจะยืนไม่อยู่เลยทีเดียว แต่เขาก็ต้องรักษาภาพลักษณ์ของเขาดีๆ หากทำตัวปัญญาอ่อนเดี๋ยวไม่มีใครนับถือกันพอดี
ณ ป่าหนาดฉีเซวียน
.
เสียงฝีเท้าของใครบ้างคนกำลังฝึกกระบี่อยู่ เขาคือไป๋เหอชิง พระเอกของนิยาย ด้วยความที่ไม่เป็นที่รักของอาจารย์ จึงต้องฝึกหัดเรียนกระบี่ด้วยตนเอง เพราะอาจารย์อ้างว่าอยากให้เขาเรียนรู้ด้วยตนเอง ทั้งๆที่คนอื่นกลับได้ร่ำเรียนวิชาแท้ๆ แต่แท้จริงแล้วอาจารย์ผู้นั้นก็แค่ลำเอียง เรื่องนี้ไป๋เหอชิงย่อมรู้ดี
เขาไม่ใช่คนที่ไร้เดียงสาถึงเพียงนั้น ที่จินตนาการว่าอาจารย์ดีกับเขา บลาๆ
ในจังหวะนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าตรงมาทางนี้ ด้วยความที่อยากรู้ จึงไม่ได้เดินหนีไปไหน
คนที่เดินตรงมา จะเป็นใครไม่ได้นอกจากหลิงตงซ่าน ไป๋เหอชิงที่เห็นหลิงตงซ่านก็อดหลุดปากชมไม่ได้
"ง..งดงามมาก.."
ไป๋เหอชิงมองหลิงตงซ่านอย่างตาค้าง เรือนผมสีขาวที่ยาวถึงสะโพก เอวที่บอบบางแต่ไม่ถึงบอบบางเหมือนสตรี ริมฝีปากชมพูอมแดงเล็กน้อย ผิวขาวซีดนิดๆ ใบหน้าเรียวกลม แต่งตัวเหมือนผู้มีฐานะ(ชุดที่ใส่คือชุดในรูปปกนิยายเด้อ) โชว์อกขาวๆ ไป๋เหอชิงถึงกลับกลืนน้ำลายดัง อึก เลยทีเดียว
ดวงตาเรียวสีแดงก่ำมรกด จมูกโด่งได้รูป ไป๋เหอชิงที่จ้องหน้าหลิงตงซ่านอย่างพิจารณาอยู่นั้น แต่กลับกันหลิงตงซ่านกลับรู้สึกเสียวสันหลังวูบเลยทีเดียว
สายตาที่มองเขาอย่างพิจารณาของเอ็ง มันไร้มารยาทชะมัด! แม้จะบ่นในใจแต่ใบหน้าก็ยังคงไม่แสดงอะไร จนไป๋เหอชิงพิจารณาเสร็จ
ไป๋เหอชิงที่เหมือนึกอะไรได้ก็ เผลอออกปากซะเหมือนพูดจริงๆเลย
"เจ้า--..ท่านเป็นมาร!?"
ไป๋เหอชิงเบิกตากว้าง ที่ตนเองเผลอหลุดปากไป หวังว่าหัวของเขาคงไม่หลุดออกจากบ่าใช่มั้ย!? เป็นมารไม่เท่าไหร่ แต่ดันใส่อาภรณ์เหมือนชั้นราชวงศ์อยู่ด้วยนี่สิ คงมียศสูงน่าดู
คิดไปก็เหงื่อตกไป ไป๋เหอชิงมองหน้าหลิงตงซ่านอยู่อย่างระแวง หลิงตงซ่านก็มองกลับ แต่ดันไปสบตากันเข้าจนได้ หลิงตงซ่านถึงขนาดต้องอุทานในใจ เมื่อกี้มันสบตากับกูหรอว่ะ?
"ท่านต้องการอะไร?" ไป๋เหอชิงเอ่ยขึ้นความความระแวง แม้มารตนนี้จะงดงามถึงขนาดที่เขาอยากขอมาเป็นเมี--แค่กๆ แค่กๆ อะแฮ่มๆ ไม่ใช่ๆ
"ข้าเป็นมาร"หลิงตงซ่านตอบตามตรง เพราะในนิยายกล่าวไว้ว่าไป๋เหอชิงเกลียดคนที่โกหก เขาก็ไม่ได้โกหกนะ
เจ้าหน้าที่ต้องทำตามเนื้อเรื่อง ท่านต้องจับพระเอกเป็นตัวประกันนะ
เสียงของระบบดังขึ้น.
รู้แล้วๆ งั้นเขาจะไม่อ้อมค้อมแล้วกัน แค่ที่เหลือต้องดูว่าพระเอกจะยอมไม่แค่นั้นเอง
"ข้าต้องการให้เจ้ายอมมาเป็นตัวประกัน"
ไป๋เหอชิงคิดในใจ ตัวประกัน? แต่คิดไปคิดมาก็ดีเหมือนกัน จะได้อยู่กับคนงามทั้งที---อะแฮ่มๆ
"ข้ายอม" ที่ยอมก็เพราะอยากไปแค่นั้นแหละ ไม่ได้เกี่ยวว่าเขาอยากไปกับมารคนงามตนนี้หรอกนะ!
ยอมง่ายจัง..หลิงตงซ่านคิดในใจ หรือว่าพระเอกใจง่ายหว่า? ช่างเถอะๆยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเขาอยู่แล้วนี่
ว่าแล้วหลิงตงซ่านก็วาร์ปไปด้านหลังของไป๋เหอชิง พร้อมสับต้นคอของเขาทันที เพื่อให้เขาสลบ จะได้ง่ายขึ้น ที่เหลือก็แค่ปล่อยข่าวว่าไป๋เหอชิงถูกจับเป็นตัวประกันแค่นั้นเอง
"เฟยเอ๋อร์ เซียนเอ๋อร์"
"เจ้าค่ะ/ขอรับ"
เหยาเฟยและเหยาจื่อเซียนที่แอบดูหลิงตงซ่านหลังโขกหิน ก็โผล่มา หลิงตงซ่านรู้อยู่แล้วเพราะสัญชาติญาณของร่างบอกเขา
"ไปปล่อยข่าวว่าข้าจับศิษย์ของสำนักหยวนซานกวนเป็นตัวประกัน"
"รับทราบเจ้าค่ะ/ขอรับ"
ทั้งสองแม้จะสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็รับคำสั่งมา และไม่ได้ถามอะไรออกไป เพราะไม่อยากทำให้ท่านประมุขผู้มีพระคุณของพวกเขาโกรธ ความจริงแล้วเหยาเฟยและเหยาจื่อเซียนเป็นมนุษย์..ในตอนนั้นพวกเขาเป็นแค่ขอทาน ที่ไม่มีอันกิน ไม่มีใครสนใจ ตอนนั้นเหยาจื่อเซียนมีอายุเพียง10หนาว และเหยาเฟยมีอายุแค่9หนาว ประมุขมารได้เจอพวกเขาและสงสารจึงเสนอให้ทั้งสองมาเผ่ามาร โดยที่หลิงตงซ่านจะปลอมแปรงให้ว่าทั้งสองเป็นเผ่ามาร ทั้งสองที่เห็นหลิงตงซ่านเหมือนแสงสว่าง จึงตอบตกลง และหลิงตงซ่านได้สอนวิชาให้ทั้งสอง นี้เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทั้งสองจึงรักท่านประมุขมารมากๆ ยอมแม้จะฆ่าคนนับร้อยเพื่อให้หลิงตงซ่านมีความสุข
เมื่อทั้งสองคนไปแล้ว หลิงตงซ่านก็ลากร่างของไป๋เหอชิงเข้าไปในถ้ำ พวกทางสำนักจะไม่มาชิงตัวของไป๋เหอชิง แม้ประมุขมารจะรอถึงอรุณรุ่งขึ้นก็ไม่มา เขาจึงตัดสินใจจะนอนรอฆ่าเวลา
เขาไม่ผิด ก็พวกนั้นก็ไม่มีอยู่แล้วนิ แถมมันก็น่าเบื่อด้วย เดี๋ยวเอาไว้เขาตื่นเช้าๆ จะทำซุปเห็ดร้อนๆ ให้พระเอกล่ะกัน
หลิงตงซ่านล้มตัวนอนบนพื้นของถ้ำ ดวงตาค่อยๆหลับลงไป...ตอนนี้สมองขาวโพลนไปหมด คิดอะไรไม่ได้เลย..
ขอแค่งีบสักหน่อยแล้วกัน..
.
.
.
.
.
.
.
ทางด้านของไป๋เหอชิงที่ได้สติตื่นขึ้นมา ก็พบว่ามารคนงามกำลังนอนอยู่ หากสังเกตุดีๆจะพบว่ามารตนนี้กำลังยิ้มอยู่นิดๆ บกบอกว่านอนหลับฝันดีเลยทีเดียว
"น..น่ารัก.." เผลอหลุดปากไป ไป๋เหอชิงที่ได้สติว่าตนเอ่ยอะไรไป ก็หน้าแดงก่ำ หูเปลี่ยนเป็นสีแดง บกบอกว่าไป๋เหอชิงกำลังเขินอยู่ นี่เขากำลังชมบุรุษหรอ!?
ไป๋เหอชิงมองหลิงตงซ่านที่กำลังนอนอยู่ แล้วก็ตัวสั่น เขาก็เลยถือวิสาสะเอาร่างของมารคนงามมากอด ให้ความอุ่น ในขณะที่ตนไม่รู้เลยว่าฝันของหลิงตงซ่านนั้นเกี่ยวกับตนเองโดยตรง
.
.
.
.
ในฝันหลิงตงซ่าน
หลิงตงซ่านหันมองที่รอบๆ พร้อมกับตาที่พร่ามัวขั้นสุด ในฝันนั้นอยู่ดีๆ ก็มีสตรีคนหนึ่งมาสารภาพรักกับตน และต่อๆมา กับสตรีอีกหลายคนที่มาสารภาพรัก รวมถึงมีทั้งบุรุษด้วย
และภาพก็ตัดไป หลิงตงซ่านมองภาพเหล่านั้นด้วยความฉุกงง เขาดูอะไรอยู่? ภาพตัดมาที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องนอน มีร่างของเด็กสาวผู้หนึ่ง หน้าตาสะสวย ดวงตากลมโต ปากเล็กอมอิ่ม น่าจับตามอง หุ่นเอวดี อยู่ในอาภรณ์สีแดงก่ำ ลายดอกบัวตั๋นสีแดงสด โดยที่ใส่แค่ตัวใน กำลังคร่อมชายบางคนอยู่
แต่เมื่อหลิงตงซ่านสายตาหายพร่ามัว เขาก็ต้องอ้าปากค้าง เสียคาแรคเตอร์ประมุขมารทันที คนที่นางคร่อมอยู่คือ เขา ไม่ใช่หรอ!?
นางมองใบหน้าของหลิงตงซ่าน ในขณะที่เขากำลังจ้องนางกลับเช่นกัน นางเอ่ยถามด้วยคำถามที่หลิงตงซ่านไม่คิดว่าจะถามมาก่อน "ท่าน..ชอบไป๋เหอชิงหรือ?" ทางด้านหลิงตงซ่านก็แอบตกใจอยู่เหมือนกัน
โดยเฉพาะหลิงตงซ่านที่เปรียบเสมือนวิญญาณ ที่จ้องมองฝันเหล่านั้น เขานี่อึ้งเลย.. ซึ้งมันไม่ต่างจากตัวเขาในฝันเท่าไหร่ เขาเพียงแค่ถามกลับ "แล้วเจ้า..คิดเช่นไรล่ะ?"
เมื่อได้ฟังคำตอบที่เหมือนถามกลับ นางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ออกจะหัวเราะออกมาเบาๆซะด้วยซ้ำ พลางเอ่ย"ข้าหรอ..อืม.." นางทำท่าเหมือนกำลังคิด กรอกตามองบนอยู่อย่างนั้น "อ๋อ~" นางก็อุทานออกมาแบบเหมือนคนคิดออก
หลิงตงซ่านมองท่าทางแบบนั้น อย่างไม่เข้าใจ ทำเพื่ออะไรหรอคับ? คุณทำเพื่ออะไรหรอคับคุณคนสวย? ในตอนนี้ถ้ามีโอกาส เขาสาบานเลยว่า ถ้าเขาสามารถทำการเปลี่ยนมันได้ และไม่ต้องรักษาภาพลักษณ์ เขาคงผลักไม่ก็ถีบผู้หญิงคนนั้นออกไปไกลๆ ตัวเองแน่เลย..คิดแล้วก็ขนลุก หึ๋ย~
"ท่านคงจะไม่ชอบไป๋เหอชิงหรอกไช่ไหม?" คำตอบที่นางเอ่ยนั้น เหมือนคำถามเป็นเชิงบังคับซะมากกว่าด้วยซ้ำ และก็เป็นเชิงบังคับให้ตอบว่า ไม่ หึ ก็ฉลาดดีนี้ หลิงตงซ่านพลางคิดในใจ
แต่กลับกัน เขามีอำนาจมากกว่านาง นางจะบังคับได้ยังไง? มันต้องมีกลอุบาย ที่สามารถต้อนให้เขาจนมุมแล้ว ตอบสิ ดูเหมือนนางจะยังไม่ถือว่าเก่งเรื่องนี้ ถึงจะบอกว่าเขาเป็นคนดีก็เถอะ แต่คนเราก็มีความลับที่ไม่อยากบอกใครใช่ไหมล่ะ..? เขาเองก็ไม่ได้มีมือที่ขาวสะอาดซะหน่อย
เขาก็อาจเป็นหนึ่งในนั้น..ก็ได้..
พูดไปก็รู้สึกขำตัวเอง เขาเผลอคิดถึงอดีตที่แสนเลวร้ายเข้าซะแล้วล่ะ.. ก่อนที่จะมีอะไรมากกว่านี้ภาพก็ตัดอีกแล้ว
คราวนี้เป็น ที่ที่เขาคุ้นตา และรู้จักอย่างดี เป็นห้องพักที่สำนักหยวนซานกวน แล้วทำไมต้องเป็นที่ที่อันตรายด้วยวะ!?
ก่อนที่จะบ่นไปมากกว่านี้ก็ดันมีเสียงของบุรุษคนหนึ่งพูดดังตัดบทเขาซะก่อน "ซ่านเอ๋อร์..ในขณะที่ข้าคิดถึงเพียงเจ้า เจ้ากลับคิดถึงผู้อื่นรึ.." น้ำเสียงโมโหเอ่ยขึ้น ชวนขนลุก ใครมันเรียกชื่อเขาอย่างสนิทสนมเชียว!? ดวงตาเรียวขยับเลื่อนสายตาไปมองต้นเสียง ก่อนจะอึ้ง จนขาแทบทรุดกายเลยทีเดียว
นั้นมัน..พ..พ่อพระเอกไม่ใช่หรอ!? ความฉิบหายวายวอดกำลังมาหาเขาแน่ๆเลย หน้าของหลิงตงซ่านซีดเผือด เขามองตัวเขาในความฝันที่กำลังถูกพ่อพระเอกจับข้อมือ ก่อนจะเลียมือเขา
"...." และความเงียบคือคำตอบ ซึ้งดูเหมือนพระเอกจะไม่ค่อยพอใจกับคำตอบสักเท่าไหร่ เขากวาดสายตามองเขาในฝันกับพ่อพระเอกที่กลายเป็นเซียน เพราะปลดสายเลือดที่แท้จริงของตัวเองแล้ว
จะว่าไปพระเอกก็หล่อใช่ได้นะเนี่ย แถมสูงอีก สูงขนาดที่ว่าเขาสูงถึงแค่ตรงอกพระเอกเอง ดวงหน้าเรียว ดวงตาสีเหลืองอ่อนเล็กน้อย ชวนให้น่ามอง จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากที่บึ้งตึง แต่กลับน่าหลงไหล หุ่นที่ดีแบบสุดๆ แม้จะใส่อาภรณ์แล้วก็เถอะ แต่ดูยังไงมันก็ต้องมีกล้ามแน่ๆ อาภรณ์สีขาวมีลายเป็นสีเหลืองประดับประดา ทั้งใบหน้าทั้งการแต่งกาย ไม่แพ้สาวงามหรือบุรุษที่งดงามเลย หึ๋ย..คิดแล้วอิจฉา คงจะมีสตรีหลายคนมาขอให้เป็นคนรักเลยกระมัง.. แต่ทำไมพอคิดแบบนี้แล้ว เขาถึงรู้สึก..เสียใจ เหมือนรู้สึกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าไม่เหมือนคนที่รู้จักกันเล่า..?
ซึ้งดูเหมือนว่า ตัวเขาในฝันก็เป็นแบบเดียวกัน สรุปแล้วนี้คือความรู้สึกอะไรกันแน่? แต่ไป๋เหอชิงก็เอ่ยเสียงเข้มขึ้นมาก่อน"ท่านเอาแต่ยิ้มให้ผู้อื่น ทั้งๆที่เมื่อก่อนท่านยิ้มแค่กับข้าแท้ๆ!!" เหมือนอีกฝ่ายตะคอก เขาในฝันก็เหมือนจะสะดุด และก็ตกใจ เหมือนกับเขาในตอนนี้มาก ไป๋เหอชิงที่เห็นอย่างนั้นก็เปลี่ยนจากจับมือเป็นบีบข้อมือแทน ไม่รู้ว่าในฝันนี้มันถ่ายโอนความเจ็บที่โดนหรือยังไง แต่ตอนนี้หลิงตงซ่านเจ็บไปทั้งแขนเลยทีเดียวเชียว ขนาดที่ว่าขาแทบทรุดหนักกว่าตอนได้เจอพระเอกอีก
อึก..เจ็บชะมัด..ถ้าให้เลือกระหว่างตายกับโดนพระเอกทรมาน เขาสามารถตอบได้ทันทีเลยว่า ตาย เพราะถ้าอยู่กับพระเอกมีหวังทนรับความเจ็บปวด สาหัสขนาดปางตายไม่ไหวหรอก.. สีหน้าของเขาในฝันก็เหมือนจะรู้สึกแบบเดียวกัน "เจ้าเคยสัญญาไว้ ว่าจะพาข้าไปเที่ยวเทศกาลโคมลอยด้วยกัน แต่เจ้าผิดสัญญากับข้า!!" ไป๋เหอชิงกล่าวเอ่ยมาอย่างโมโห ก่อนจะเอ่ยต่อ "หลิงตงซ่าน เจ้าโกหก!!" ดูเหมือนอีกฝ่ายจะจริงจังมากด้วย
ก่อนจะเกิดอะไรไปมากกว่านั้น หลิงตงซ่านก็สะดุ้งตื่นซะก่อน และก็พบว่าตัวเขากำลังอยู่ในอ้อมกอดของพระเอกอยู่ นี่เหตุการณ์อะไร? ไม่เห็นเข้าใจสักนิดเดียว ซึ่งหลิงตงซ่านก็คิดขึ้นมาได้เรื่องนึง เป็นเรื่องที่เขามั่นใจว่า ยังไงก็ไม่หายแน่ๆ คือ เขาตอนนอนจะชอบตัวสั่น ส่วนหนึ่งเพราะเปิดแอร์ มันหนาวเลยสั่น แต่ที่นี่ ตอนนี้ และณ ตอนนี้ มันไม่มีแอร์ เขาไม่ควรรู้สึกหนาว
"เฮ้อ.."หลิงตงซ่านถอนหายใจ ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว พลางดันพระเอกที่กอดตัวเองออกไป นี้ก็ยามเหม่า(05.00 - 06.59) คงต้องไปหาอะไรมาให้พระเอกกินแล้ว ถึงประมุขมารอย่างหลิงตงซ่านไม่ต้องกินไม่ต้องดื่ม เพราะอยู่มาพันกว่าปีแล้วก็เถอะ แต่สำหรับไป๋เหอชิงมันต้องกินต้องดื่ม เขาไม่ใช่แม้แต่ผู้บำเพ็ญเพียรขั้นสูงซะด้วยซ้ำ ขั้นกลางก็ไม่ใช่ ระดับต่ำก็ไม่ใช่อีก ศิษย์ภายในก็ไม่ใช่ ศิษย์ภายนอกก็ไม่เชิง ครูบาอาจารย์พากันเกลียดขี้หน้าเป็นว่าเล่นอีกตั้งหาก เรียนก็เรียนช้ากว่าเพื่อน เรื่องนี้หลิงตงซ่านหนักใจอย่างบอกไม่ถูก สรุปนี้พระเอกที่อนาคตกลายเป็นเซียนที่โคตรพ่อโคตรแม่เก่ง เรียกได้ว่าขาบัคทองคำเลยก็ว่าได้ หรือ ตัวประกอบที่ผู้คนไม่แลเหลียวหันมอง กันครับ!?
พอออกจากอ้อมกอดสุดแสนโคตรจะร้อนจากพระเอกได้ หลิงตงซ่านก็ต้องมานั่งคิดว่าจะทำอะไรไห้พระเอกกินดี หรือจะเอาซุปเห็ดที่เขาว่าไว้ก่อนนอนดี เห็ดในป่านี้ก็ขึ้นพอประมาณที่จะนำมาทำซุปกินได้ด้วย อืม...ในชีวิตก่อนเขาก็เคยทำอาหารอยู่บ้างนะ เคยเปิดร้านอาหารด้วย ลูกค้าก็เยอะพอสมควร ถือเป็นอาชีพชั่วคราวเพราะตอนนั้นเขาตั้งใจจะเก็บเงินส่งตัวเองเรียนให้จบสูงๆ โดยไม่ใช้เงินคนในครอบครัว แต่พอเรียนจบเอาจริงๆเขาก็ไม่ได้ทำงานหรอก อีกเรื่องเป็นเพราะเขาขี้เกียจ แค่นั้นเอง ก็แค่ใช้เงินเก็บที่พอมีมาใช้ ซื้อนิยาย มังงะ มาอ่านเล่น ไม่ก็ดูอนิเมะ ชีวิตเรียบง่ายสุดๆ ซึ้งเกินจะบรรยาย พอเงินหมดก็แค่วาดรูปผู้หญิง ผู้ชาย หน้าสวยๆหวานๆ น่ารักๆ ไปประมูลขายในเว็บ ให้พวกที่หมกมุ่นเรื่องผู้หญิง ผู้ชาย ไม่ก็ ขายไปประมูลที่โรงประมูลแท้ๆเลย ซึ้งบริการส่งถึงบ้านเลยถ้าสั่งในเว็บล่ะนะ
บอกเลยว่าที่บ้านเขา รูปที่ยังไม่ขายก็มีหลายรูป จริงๆ ก็แค่วาดเพื่อไว้เฉยๆ ไม่ก็ตอนนั้นอารมณ์ไม่ดีก็เลยเลือกที่จะละเลงการวาดลงไป เขาชอบวาดรูปนะ ผู้หญิงก็ได้ ผู้ชายก็ดี ทีแรกก็ตั้งใจว่า จะเป็นนักรับจ้างวาดรูปตามที่คนสั่งต้องการ แต่เอาจริงๆมันก็คนสั่งเลยอะมากเกินไป เพราะหลังจากที่โพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย ก็มีคนสั่งเยอะจนต้องประกาศหยุดรับเลยทีเดียว
เขามองว่าชีวิตแบบนั้นมันวุ่นวายเกินไปหน่อยอ่ะนะ โอเคนี้ก็คุยกันไปเยอะเเหละ กลับมาปัจจุบัน สรุปแล้วเขาก็เลือกซุปเห็ด ส่วนหนึ่งเพราะขี้เกียจเลย แต่อีกส่วนก็เพราะว่าเป็นวัสถุดิบที่หาได้ง่ายมากๆ เขาก็เลยลุกขึ้นแล้วก็เดินดุ่มๆไปเอาเห็ด และก็หาผักมาด้วย ซึ้งมันก็กินเวลาไปนิดหน่อย(?) พอกลับมาก็พบว่า เหยาเฟยและก็เหยาจื่อเซียนกำลังนั่งอย่างมีระเบียบอยู่ในถ้ำ พลางมองไป๋เหอชิงสายตาอาฆาต เมื่อเห็นหลิงตงซ่านทั้งสองก็พร้อมใจกันมองมาอย่างใสซื่อ บริสุทธิ์ใจ ถึงกระนั้นหลิงตงซ่านยังจำต้องท่องในใจ เหยาเฟยและเหยาจื่อเซียนไม่ใช่เด็กวัย5ขวบ ที่ไร้เดียงสา วนซ้ำไปมา
ซึ่งบรรยากาศในนั้นก็เงียบจนกระทั่งเหยาเฟยกล่าวขึ้นมา "ท่านประมุขจะทำอะไรหรือเจ้าค่ะ?" พร้อมมองอย่างซื่อๆ ในดวงตามีประกายวิบวับ "ทำอาหารน่ะ"หลิงตงซ่านตอบกลับไป ซึ้งหลังจากได้ยิน ทั้งเหยาเฟยและเหยาจื่อเซียนก็มีหูและหาง โผล่ขึ้นมา ท่านประมุขจะทำอาหารหรือ!? หลังจากนั้นหลิงตงซ่านก็ลงมือทำซุปเห็ดสุดน่ากิน
เวลาผ่านไปไม่นานนัก ก็เสร็จ ซึ้งเมื่อทั้งสองได้กลิ่นก็รู้แล้วว่ามันต้องอร่อยแน่ๆเลย น้ำลายไหลออกจากปาก จนหลิงตงซ่านต้องบอกทั้งสองถึงจะรู้ตัว เเล้วก็เช็ดน้ำลายออกจากปากด้วยความอาย จนหลิงตงซ่านเอ็นดูทั้งสอง ใครบอกว่าทั้งสองน่ากลัวกัน? น่ารักจะตายไป แถมยังเผลอตัวเอามือไปลูบหัวทั้งสองคนด้วย แต่ก็ดูเหมือนว่าทั้งเหยาเฟยและเหยาจื่อเซียนก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังเคลิ้มตามอีก
รู้สึกเหมือนว่าเขากลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กซะแล้วสิ "จะทานล่ะนะเจ้าค่ะ/ขอรับ" ทั้งสองพูดก่อนจะตักขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย แววตาเป็นประกาย พึ่งจะเคยกินอาหารที่อร่อยขนาดนี้ จนทั้งสองอยากจะสู่ขอท่านประมุขเป็นฮูหยิน----แค่กๆ ผิดๆ
ซึ้งในขณะนั้นไป๋เหอชิงก็ตื่นขึ้นพอดี พอเห็นว่ามีมารถึงสามตัวกำลังนั่งอยู่ ถึงกับอยากจะสลบไปอีกรอบ แต่ก็ยังดีที่หลิงตงซ่านสังเกตุเห็น เลยบอกไปว่าทั้งเหยาเฟยและก็เหยาจื่อเซียนไม่ใช่มาร มีแค่ตัวเขาที่เป็นมารเพียงคนเดียวเท่านั้น ไป๋เหอชิงเลยถอนหายใจโล่งอก นึกว่าบ่าจะหลุดซะแล้ว บอกตามตรงหลิงตงซ่านคิดว่าไป๋เหอชิงควรจะรู้ตั้งแต่ที่เห็นว่าเหยาเฟยและเหยาจื่อเซียนสามารถกินอาหารของคนธรรมดาได้แล้ว ซึ้งนั้นแปลว่าทั้งสองเป็นมนุษย์ มันแอบทำให้หลิงตงซ่านผิดหวังเล็กน้อย เผ่ามารไม่สามารถกินอาหารคนปกติได้ จึงกินได้แต่เนื้อดิบๆ ไม่ก็ผลไม้(หลิงตงซ่าน:กินผักไม่ได้ แต่เสือกกินผลไม้ได้นะมึง) กลับกัน ถ้ามนุษย์กินอาหารดิบมากเกินไปก็ไม่ดีต่อร่างกาย เลยกินแต่อาหารสุกๆ นั้นก็เลยทำให้ทุกคนคิดว่ามาร/ปีศาจน่ากลัว เพราะพวกเขากินแต่เนื้อดิบๆ ทั้งที่มนุษย์เองก็สามารถกินได้เช่นกัน แต่มันไม่ดีต่อร่างกายมากนัก เลยไม่มีใครกิน
บรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้อะไร? ทั้งสามกำลังกินอาหารที่เขาทำอย่างเอร็ดอร่อย ซึ้งถ้าให้เดามันคงจบด้วยความเงียบ บอกตามตรงเขาก็ไม่ใช่คนชวนคุยเก่งเท่าไหร่ซะด้วย จะมีก็แต่เหยาเฟยและเหยาจื่อเซียนที่กิน อย่างสบายๆ ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย เอาแต่กินและก็กิน ในจังหวะนั้นหลิงตงซ่านก็คิดอะไรได้ เขายังไม่ได้แนะนำตัวเลยนี่ แต่เพื่อเป็นมารยาท เขาต้องถามชื่อพระเอกก่อน ดูว่ามันจะโกหกเขาหรือป่าว ถ้าตอบชื่อจริง เขาก็จะจริงใจบอกชื่อเขาไป
"เจ้าแซ่อะไร นามอะไร"หลิงตงซ่านถามออกมา พลางมองไป๋เหอชิงที่กำลังทำท่าแบบ'มารคนงามถามชื่อเขาแหละ' อะไรอย่างนี้ แล้วก็ตอบออกมาแบบสุภาพ "ข้านามไป๋เหอชิง แซ่ไป๋" ไป๋เหอชิงกล่าวออกมาแบบจริงใจ พร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตร..แต่ไม่ใช่สำหรับหลิงตงซ่าน น่ากลัวฉิบหาย..
"แล้วท่านล่ะ..?"เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างใคร่รู้ มารคนงามจะมีนามว่าเยี่ยงไรนะ? "ข้าหลิงตงซ่าน แซ่หลิง" หลิงตงซ่านตอบแบบเรียบๆ พระเอกที่ได้ยินก็แบบเหมือนทำท่าจะจำไว้ แต่ความจริงที่แตกต่าง หลิงตงซ่านกลับคิดว่าเจ้าตัวกำลังจำแค้นที่เขาก่อไว้กับตัวเองอยู่ ಥ_ಥ กูหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ? มิน่าเลย ไม่น่าถามมันเลย
พอสติกลับมาก็เอ่ยแนะนำมือขวาและมือซ้ายของตัวเอง "นี้เหยาเฟย แซ่เหยา เป็นมือขวาของข้า " พูดพร้อมชี้นิ้วเรียวยาวไปที่สตรีหน้าตาดี ผู้หนึ่งที่ใจไม่ตรงกับหน้าตา หากว่าคนที่หน้าตาสวยแต่ใช้หน้าตาไม่เป็นแล้ว เหยาเฟยนี้ยิ่งแคล้วใหญ่เลย หน้าตาดี แต่จิตใจเหี้ยมโหดยิ่งกว่าอะไร ถึงพระเจ้าจะประทานหน้าตาที่ดี มีเสน่ห์มาให้ แต่กลับลืมเอาจิตใจที่ดีของแม่พระใส่ให้ซะงั้น ดันกลายเป็นสตรีเหี้ยมโหด ฆ่าคนตาไม่กระพริบในคราบสตรีหน้าตางามซะงั้น เขารับไม่ได้.......
เหยาเฟยที่เห็นหลิงตงซ่านชี้ตน ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปยิ้มเยาะเย้ยพี่ชายของตนเองอย่างหน้าไม่อาย "นี้เหยาจื่อเซียน แซ่เหยา มือซ้ายของข้า และเป็นพี่ของเหยาเฟย" กล่าวเรียบๆก่อนที่จะชี้ไปอีกคน เหยาจื่อเซียนปั้นหน้ายิ้มสุภาพให้ไป๋เหอชิง ก่อนที่จะหันมาฉีกยิ้มหวาน(?)ให้กับเหยาเฟย แต่ตัวของเหยาเฟยก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะกลัว
เขาว่าพี่น้องก็รักกันดีล่ะมั่ง.....เนอะ ไป๋เหอชิงก็หาได้สนใจสองพี่น้องที่กำลังเถียงกัน เขาหันมาจ้องมองหลิงตงซ่าน มารคนงามที่พึ่งรู้จัก มุมปากยิ้มเล็กน้อย หลิงตงซ่านก็หันมาสบตากับไป๋เหอชิงพอดี สายตาคาดเดายากของไป๋เหอชิงเผลทำเขาหลบมองมุมต่ำ อย่างกลัวตาย แต่ไป๋เหอชิงกลับคิดว่าหลิงตงซ่านเขินซะงั้น ต่างฝ่ายต่างคิดไปคนล่ะแบบ
ก่อนที่จะมีอะไรมากกว่านั้น คนที่หวงท่านประมุขก็เอ่ยขัดขึ้นทันใด "เจ้ามอง..นายท่านของข้าปาดจะกลืนลงคอ มีเหตุผลหรือไม่?" เหยาเฟยเอ่ยขึ้น พลางมองสายตากดดัน มนุษย์ผู้นี้ก็เหมือนคนอื่นๆ เมื่อได้เจอคนงามก็จะหลง แต่เมื่อเจอคนที่งดงามกว่า ก็จะวิ่งไปหา และไม่กลับมาแลมองคนเดิมอีกต่อไป วนไปมา
นางเห็นผู้คนแบบนี้มานักต่อนัก แม้จะทำพิธีแต่งงาน แลกดื่มจอกสุรา ให้คำสาบานที่หนักแน่น แต่สุดท้ายก็มีอนุภรรยาอยู่ในจวน ไม่ก็หลงพวกอนุภรรยา จนสั่งคนสังหารฮูหยินของตน แล้วก็แต่งอนุภรรยามาเป็นฮูหยินแทน หากรักเดียวใจเดียว คงไม่เกิดเหตุแบบนี้เกิดหรอก ทั้งเหยาเฟยและเหยาจื่อเซียนต่างตะหนักอย่างนี้
"มีสิขอรับ เหตุผลก็ง่ายๆนายท่านของพวกท่านงดงามเยี่ยงไรล่ะ" คำหวานๆที่ถูกพ่นออกมาจากปากไป๋เหอชิง เผลอทำหลิงตงซ่านขมวดคิ้วครู่หนึ่ง นั้นควรเป็นคำชมนางเอกนิยายไม่ใช่หรอกหรือ? เหยาเฟยและเหยาจื่อเซียนที่ได้ยินก็แทบอยากลุกมาแลกสัก2-3หมัด กับพระเอกเลยทีเดียว แต่..ท่านประมุขอยู่นี้..
ในจังหวะที่หลิงตงซ่านกำลังเหม่อ ก็มีเสียงระบบดังขึ้น
ตริ้ง!
ค่าความชอบของไป๋เหอชิง +100
ความชอบของไป๋เหอชิงที่มีต่อเจ้าหน้าที่ 100
ห้ะ..เมื่อกี้ว่าไงนะ? ความชอบ+50 พร้อมกับหน้าต่างที่ขึ้นมายืนยันว่าความชอบของไป๋เหอชิงที่มีต่อเขา มี50 เกิดขึ้นได้ยังไง เขายังไม่ได้ทำอะไรให้อีกฝ่ายประทับใจเลยนะ
เจ้าหน้าที่ต้องพาพระเอกกลับไปที่พรรคมารด้วยนะ
เข้าใจแล้ว...ล่ะ หลิงคงซ่านรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก ว่าต้องรู้สึกยังไง เขาก็เลยต้องจำใจเอ่ย "หากไม่มีที่ไป จะมาอยู่ที่พรรคของข้าก็ได้นะ" เอ่ยเสียงหวานๆ ไป๋เหชิงที่ได้ยินก็ตาลุกวาวขึ้นมา ต่างจากเหยาเฟยและเหยาจื่อเซียน ที่กำลังอึ้งและอิจฉาไปตามๆกัน ท่านประมุขกำลังชวน บุรุษไปที่พรรคมารด้วยตนเอง!? คิดแล้วทั้งสองก็สั่นเป็นจ้าวเข้า ท..ทำไมทีพวกข้าถึงแค่ฝึก แล้วก็ดูใจ แล้วค่อยชวนเข้าพรรค แต่ทำไมเจ้ามนุษย์หน้าเหม็นนั้นถึงได้เข้าพรรคมาร โดยที่ไม่ถึงครึ่งค่อนวันกัน!! ทั้งสองพลางคิดแล้วก็มีน้ำตาทิพย์ไหลออกมา 🤧
ไป๋เหอชิงที่รู้สึกอยากไปเต็มทน ก็เปลี่ยนสีหน้าเศร้า พลางเช็ดน้ำตาทิพย์ที่ไหลอาบแก้มของตนเอง "หากนั้นเป็นทางเดียว ข้าก็ตกลงขอรับ" เอ่ยเสียงอ่อนชวนให้เศร้าใจ แต่สำหรับหลิงตงซ่านคือ ไม่ ตอแหล ตอแหลใช่ป่ะ? พึ่งรู้นะเนี่ยว่าพระเอกตอแหลเป็นด้วย เนียนอยู่น่า
ทั้งเหยาเฟยและเหยาจื่อเซียน ก็สบออกมาพร้อมกัน "เหอะ!?" อย่างไร้เยื่อใย นี่..กล้าดียังไงมาเสแสร้งต่อหน้าท่านประมุขกัน!? หลิงคงซ่านที่รับรู้ได้ถึงรัศสีอำมหิตของทั้งสอง ก็แอบขนลุกซู่ซ่าส์ "แล้วเจ้าไม่มีใครที่ห่วงเจ้าหรือ?"หลิงตงซ่านเอ่ยขึ้นเชิงเป็นห่วง แต่จริงๆกำลังหาข้ออ้างให้พระเอกอยู่ต่อ ไป๋เหอชิงที่ได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกใจอ่อนวูบ พร้อมตอบออกไปแบบหน้าตาย "ไม่มีขอรับ ถ้ามีพวกเขาก็โง่เกินกว่าจะช่วยข้า" พร้อมรอยยิ้มหวาน ส่งให้มารคนงาม
ระบบรู้นะ ว่าเจ้าหน้าที่จะถ่วงเวลานะ ภารกิจนะภารกิจ ห้ามเปลี่ยนเนื้อเรื่องหลัก
ชิ! ระบบรู้ทันจนได้ เขาอุตส่าห์วางแผนในหัวไว้ซะดิบดี เป็นระบบที่เฮงซวยที่สุด!! หลิงตงซ่านพลางสบในใจ "เจ้าก็แค่เสแสร้ง..เหอะ!" เหยาเฟยกล่าว พลางมองหน้าไป๋เหอชิง ไป๋เหอชิงก็ต้องมองกลับมาเช่นกัน นางกล้าดียังไงมาแชข้า!? คิดแล้วไป๋เหอชิงก็หงุดหงิด "ใบหน้างามๆนั้นก็คงเป็นแค่หน้ากากสินะขอรับ" ไป๋เหอชิงเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนที่จะเหยียดยิ้มหวานให้เหยาเฟย เหยาเฟยมองยิ้มนั้นอย่างโกรธแค้น กล้าดีนักนะ!! คิดแล้วก็ตัวสั่น ใบหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธ แต่ก็มีหลิงตงซ่านกุมมือไว้ เหมือนเป็นห่วง เหยาเฟยพลันรู้สึกหวั่นไหว ใจสั่นสะท้านไปทั้งหัวใจ แต่ความจริง หลิงตงซ่านกำลังกุมมือไม่ให้เหยาเฟยมีเรื่องกับพระเอก นั้นพระเอกโว้ยยย!! อย่าไปหาเรื่องมันนนน เดี๋ยวมึงก็ตายหรอกกก!!
เหยาจื่อเซียนมองเหตุการณ์ อย่างนิ่งเฉย ความจริงเขาก็แอบสะใจที่น้องสาวของตนโดนตอกหน้า แต่กลับรู้สึกว่า หากปล่อยให้หลิงตงซ่านและไป๋เหอชิงมีวาสนาต่อกัน ด้ายแดงต่อกันคงจะเกิดเรื่องใหญ่ ยิ่งดูหน้าของท่านประมุขของตนก็บกบอกได้ว่า ท่านประมุขกำลังเกรงกลัวบางสิ่งบางอย่าง แต่ที่แน่ๆคือสิ่งนั้นเกี่ยวกับเจ้าเด็กนี้ อย่างแน่แท้
เขาไม่ควรทำให้ทั้งสองมีวาสนาต่อกัน นั้นคือสิ่งที่เหยาจื่อเซียนตะหนักได้ จึงเอ่ยเชิงเข้าข้างเหยาเฟยเล็กน้อย "เจ้าพูดเช่นนั้น ก็ว่านางไม่ได้ซะทีเดียว" เอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะเอ่ยต่อ "ผู้คนล้วนแต่แตกต่างกัน น้องสาวข้าก็แค่รู้สึกไม่ดีที่เจ้ามอง..นายท่านและว่าจาร้ายใส่นางเท่านั้น" ไป๋เหอชิงที่ได้ยินที่เหยาจื่อเซียนเอ่ยก็ขมวดคิ้วทันที "ท่านกำลังบอกว่า นางก็แค่เคืองที่ข้าว่าร้ายงั้นรึ พูดจาเช่นนี้หมายความว่าท่านเข้าข้างนางใช่หรือไม่?" ไป๋เหอชิงเอ่ย หลิงตงซ่านก็รู้สึกว่า หากให้เหยาจื่อเซียนต่อปากต่อคำกับพ่อพระเอกนั้น อีกฝ่ายน่าจะแพ้ เขาจึงตัดสินใจ เอ่ยขึ้น เพราะดูเหมือนว่าพระเอกจะฟังเขามากที่สุด "เฟยเอ๋อร์ก็แค่รู้สึกโกรธชั่ววูบทันนั้น อย่าได้โทษนางเลย" น้ำเสียงเอ่ยขึ้นอ่อนลง2ใน10ส่วน เหยาเฟยมุดหน้าลงที่หน้าอกผู้เป็นประมุข ท่านประมุขของนางดีที่สุด
"งั้นรึ..."ไป๋เหอชิงกล่าว พลางมองมือเหยาเฟยที่ลูบไล้เอวของหลิงตงซ่านอย่างไม่เชื่อใจ เหยาจื่อเซียนเองก็รู้สึกอยากจะไปต่อยน้องสาวตนเองอย่างบอกไม่ถูก กล้าใช้มือของเจ้าลูบไล้ท่านประมุขรึ!? พลางมองสายตาอาฆาตใส่ เหยาเฟยที่เห็นก็ได้โอกาสใส่ร้ายพี่ชายของตนเอง "อือ...นายท่านท่านพี่เขามองข้าเหมือนจะฆ่าเลย..ฮือ..น่ากลัว" เหยาเหยากล่าวพร้อมทำท่าเหมือนเห็นผีร้าย ซึ้งหลิงคงซ่านก็รู้ดีว่าเหยาเฟยนั้นเสแสร้ง เฮ้อ..แต่ละคน การเป็นประมุขมารช่างยากยิ่ง เห็นอย่างนี้เป็นตัวร้ายก็ลำบากแฮะ ข้อดีมีเงินเยอะมากกกกก(ก.ล้านตัว)
"เจ้านี่น่า...เฮ้อ" หลิงตงซ่านทำหน้าเอือมละอา พลางถอนหายใจยาว1ที อายุไขสั้นลงไม่เป็นไร ขอให้สองตัวนี้เลิกปัญญาอ่อนแหละดีสุด หลิงตงซ่านคิดอย่างงั้นในใจ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร
นายท่าน ลืมหรือป่าวว่าท่านต้องพาพระเอกไปพรรคมารนะขอรับ(눈‸눈)
โอ๊ะ...ใช่ลืมไป หลิงตงซ่านเหลือบมองเหยาจื่อเซียนที่กำลังมีรัศสีอำมหิตกระจายอยู่รอบตัว ก็พลันเหงื่อตกท่วมหัวทันที อย่างจนปัญญา "เซียนเอ๋อร์ มานี้" หลิงตงซ่านกล่าวพลางกวักมือเรียก เจ้าของชื่อที่ได้ยินก็เดินมาอย่างดีใจ แถมเหมือนมีหางกับหูทิพย์โผล่มาอีก กูละท้อ หลิงตงซ่านคิดในใจ พลางลูบหัวเหหยาจื่อเซียน และก็กอดเหยาเฟย ไป๋เหอชิงก็มองด้วยสายตาอยากโดนบ้าง แต่ก็ต้องรักษามารยาทด้วย เขาอยากจะสะบัดภาพลักษณ์ของสำนักออกแล้วไปเป็นคนใช้ของหลิงตงซ่านซะจริง
"เซียนเอ๋อร์เจ้าช่วยเปิดมิติกลับพรรคมารได้หรือไม่?" หลิงตงซ่านถามออกไป หน้าตาย ส่วนเหยาจื่อเซียนก็พยักหน้าหงึกๆ และไป๋เหอชิงที่ได้ยินว่าพรรค ก็เหมือนจะเดาออกแล้วว่ามารคนงามหรือหลิงตงซ่านเป็นประมุขมาร แต่ในใจก็แอบตื่นเต้นและแปลกใจเล็กน้อย บุรุษคนงามเป็นประมุขหรือนี่..
เหยาจื่อเซียนถอนตัวออกจากอ้อมแขนของผู้เป็นนายอย่างเสียดายเล็กน้อย มือเลื่อนไปจับฝักกระบี่และปลดฝักกระบี่ออก นำกระบี่ออกมาแกว่งอยู่หน้าตนเองอย่างเชี่ยวชาญ แอบหวังให้หลิงตงซ่านผู้เป็นประมุขชมตนเอง แต่หลิงตงซ่านหาได้สนไม่ เขาเพียงยิ้มนิดๆเหมือนพอใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากชมออกไป เหยาจื่อเซียนรู้สึกมีกำลังมากขึ้นเมื่อเห็นหลิงตงซ่านยิ้ม มือเเกว่งกระบี่ของตนอากาศเผยให้เห็นเป็นรอยสีดำสนิทขึ้นมา ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะเอ่ย"เชิญขอรับ ท่านประมุข" ด้วยรอยยิ้ม ไป๋เหอชิงที่ได้ยินก็มั่นใจว่ามารคนงามเป็นประมุขมาร
หลิงตงซ่านเดินเข้าอย่างไม่รีบร้อนในอ้อมแขนมีตัวภาระอย่างเหยาเฟยอยู่ เขาไม่อยากปล่อยอีกฝ่ายทิ้งลงพื้น ถึงอยากจะทำก็ทำไม่ได้เพราะอีกฝ่ายเกาะเขาแน่นยิ่งกว่าอะไรอีก แม้ไป๋เหอชิงจะแอบไม่พอใจแต่ก็ต้องทนกัดฟันพลางเดินตามหลิงตงซ่านอย่างตามติด เหยาจื่อเซียนเดินตามทุกคนเข้าไปในมิติ และมิติรอยแยกสีดำสนิทก็หายไป เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ณ ****พรรคมาร****
หลิงตงซ่านเดินออกมาก็พบกับเมืองอันหรูหราและใหญ่โต มีมารมากหน้าหลายตาเดินไปทั่ว มีมารที่เป็นมนุษย์ทั้งตัว มารที่เป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งมาร และมารที่เป็นตัวประหลาด หลิงตงซ่านย่อมมิใส่ใจ มารที่พากันเดินไปมา เมื่อเห็นหลิงตงซ่านก็พลันพากันหลีกเป็นทางตรงไปจวนใหญ่แห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ป่ามารของประมุขมาร ซึ่งมันคือที่จวนของประมุขมาร มารที่พากันหลีกหลบทางให้กับหลิงตงซ่าน ก็ยิ้มออกมาอย่างหาได้ยาก พวกมันทั้งหมดเอ่ยขึ้นพร้อมใจกัน "เป็นเกียรติแก่พวกข้า ที่ได้ต้อนรับท่านประมุขมารผู้องอาจและน่าเกรงขามขอรับ/เจ้าค่ะ!" เสียงดังลั่นไปทั่วทั้งตลาดของเหล่ามาร ปากฉีกยิ้มที่คิดว่าดีที่สุดให้ประมุขมาร
เหยาเฟยเห็นก็พลันขยะแขยงทันทีที่เห็น การที่นางอยู่พรรคมารมานานก็ทำให้นางไม่เกรงกลัวพวกมารหน้าโง่พวกนี้ กลับทำให้นางชินตาซะด้วยซ้ำ แม้จะอยากเอ่ยกล่าวว่าน่าเกียจแค่ไหน แต่ความภักดีต่อประมุขของพวกมารก็ทำให้นางเอ่ยว่าไม่ลง พลางยิ้มเป็นมารยาท ไป๋เหอชิงก็คล้ายรู้สึกขนลุกไม่ได้ ถ้าไม่ได้หลิงตงซ่านกวักมือเรียกให้เข้าไปเดินใกล้ๆ เขาคงโดนสายตาที่แผ่รังสีอำมหิตนั้นจ้องตลอดทางแน่ๆ เหยาจื่อเซียนเดินประกบขวาประมุขอย่างนอบน้อม ริมฝีปากยิ้มพอเป็นพิธี น่ามอง เขารู้ว่าหลิงตงซ่านนั่นชอบของงามๆเลยตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อประมุขสุดที่รักของตนเอง
พอเดินไปเดินมาก็มาถึงจวนของประมุขมาร หลิงตงซ่านก้าวเท้าเดินเข้าไปในจวน ในอ้อมแขนยังมีเหยาเฟยติดส้อยห้อยตามอยู่ ปากพลางเอ่ย "ฝากนำทางชิงเอ๋อร์ไปห้องรับรอง ด้วยนะเซียนเอ๋อร์" เอ่ยไปก็สานเท้าไปที่สระบัว สระที่อาบน้ำชำระร่างกายของตนอย่างไว พอมาถึงก็ปลดอาภรณ์ของตนออก เผยให้เห็นผิวขาวนวลสวย เหยาเฟยที่ยังไม่ถูกปล่อยก็กลืนน้ำลายอย่างลำบาก หลิงตงซ่านปล่อยเหยาเฟยลงพลางสานเท้าเดินลงไปที่สระบัวตั๋น หลังพิงอย่างเหนื่อยล้า เหยาเฟยเห็นก็เดินไปเปลี่ยนอาภรณ์ให้เข้ากับสถานการณ์ เวลาผ่านไปไม่นาน หลิงตงซ่านหลับตาปี๋ปล่อยให้ร่างกายผ่อนคลาย เหยาเฟยเดินเข้ามาด้วยอาภรณ์ใหม่ ที่บางขึ้นและเป็นสีขาวสว่าง สานเท้าเดินมาอย่างเชื่องช้า ย่อนกายลงมานั่งที่ริมสระที่หลิงตงซ่านพิงอยู่ ตวาดเรียวมือบางยกขึ้นมานวดไหล่ของหลิงตงซ่าน "แรงเท่านี้ ถูกใจท่านประมุขหรือไม่เจ้าค่ะ?" เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน พลางยิ้มหวานไปด้วย "อื้อ..อ๊าส์.." เสียงคำตอบของหลิงตงซ่านทำเอารอยยิ้มของเหยาเฟยหุบทันที และก็หน้าแดงยกใหญ่ พร้อมเลือดกำเดาไหลทิพย์ ท่านประมุขของนางนี้ช่างเย้ายั่วใจ หากนางข่มขืนท่านประมุขคงไม่มีใครรู้ใช่มั้ย? คิดไปเหยาเฟยก็ยิ้มมุมปาก "หึ.." ยิ้มไปยิ้มมาเหยาเฟยก็โนวตัวลงไปกระซิบข้างหูหลิงตงซ่านเสียงเบา
"ท่านช่างเปรียบดั่งไฟเสียจริง ที่ทำให้ข้าอยากจะโดนเผา"
"เจ้าว่าอย่างไรนะ..?" หลิงตงซ่านเอ่ยเสียงอ่อนโยนตามปกติ "เปล่าเจ้าค่ะ ข้าแค่บอกว่าท่านตัวหอมมากเลย!" เหยาเฟยยิ้มแย้มกล่าวเสียงหวานกลับ "หอมเสียจนข้าอยากจะเก็บไว้ข้างกาย หากไม่ได้กลิ่นท่านข้าคงเป็นบ้าในเร็ววันนี้เป็น****แน่****" เหยาเฟยเอ่ยเสียงเบา พลางมีแววตาหลงไหลยิ่งกว่าปกติ ก่อนจะกลับเป็นแบบเดิม "งั้นรึ..ข้าว่าไม่นะ" หลิงตงซ่านเอ่ย เหยาเฟยเพียงหัวเราะเล็กน้อย
ก่อนที่จะช่วยหลิงตงซ่านใส่อาภรณ์ ค่อยปรนนิบัติอย่างดี หลิงตงซ่านเลือกเป็นอาภรณ์สีขาว ธรรมดาๆ เรียบง่าย เพื่อให้ตนเองดูสูงส่งในสายตาผู้คนมากขึ้น ส่วนผมหลิงตงซ่านก็เลือกที่จะปล่อยเลยตามเลย แม้จะแอบเกะกะอยู่บางก็ตาม ในขณะที่เหยาเฟยกำลังเช็ดผมให้หลิงตงซ่านอยู่ หลิงตงซ่านก็เอ่ย "ยามนี้ยามใดแล้วรึ?" เหยาเฟยที่ได้ยินก็คิดอยู่ครู่นึง พลางมือเช็ดผมหลิงตงซ่านต่อ"ยามซื่อ(07.00 - 08.59) เจ้าค่ะ" เหยาเฟยกล่าวพลางมองผู้เป็นประมุขอย่างรักใคร่ "นานขนาดนั้นเลยรึ?" หลิงตงซ่านเอ่ยขึ้น "เจ้าค่ะ!" เหยาเฟยเอ่ยตอบเสียงหวาน
"งั้นเราก็ไปหาชิงเอ๋อร์กันเถอะ ปาดนี้คงจะขาชาแล้วกระมัง" หลิงตงซ่านเอ่ยขึ้น พลางยิ้มกรุบกริบ เหยาเฟยแม้จะรู้สึกไม่พอใจที่คนที่ตนรักเรียกคนที่เจอไม่ถึงครึ่งค่อนวันอย่างสนิทสนมแต่ก็มิได้กล่าวอะไร ทั้งสองเดินไปที่ห้องรับรองด้วย โดยมีเหยาเฟยควงแขนหลิงตงซ่านเดินไปด้วย ทั้งสองคนเดินไปกันอย่างเงียบ ตลอดทางเหยาเฟยจะเป็นเปิดบทสนทนาก่อนเสมอ
ณ ห้องรับรอง
หลิงตงซ่านเดินเข้ามาพร้อมเหยาเฟยที่ควงแขนเข้ามาด้วย เหยาเฟยยิ้มพอเป็นพิธี ส่วนไป๋เหอชิงนั้นแทบจะอยากลุกไปต่อยเหยาเฟย กล้าดียังไงมาเกาะว่าที่คนรักข้า!? ทั้งสองมองหน้ากัน แผ่รังสีข่มกันไปมา ส่วนหลิงตงซ่านผู้ไม่รู้อะไรเลย ก็พลางคิดในใจว่า สองตัวนี้ถูกชะตากันป่าวว่ะ เหยาจื่อเซียนที่ไปเอาชามาก็เดินเข้ามาวางขาไว้บนโต๊ะ พลางเอ่ยร้ายใส่ไป๋เหอชิง "ใจคอเจ้าจะไม่เชิญท่านประมุขและน้องสาวข้านั่งหน่อยรึ?" ไป๋เหอชิงที่ได้ยินก็กำหมัด พลางเอ่ย"เชิญนั่งขอรับท่านประมุข" ไป๋เหอชิงยิ้มหวานให้หลิงตงซ่าน "ขอบใจ" หลิงตงซ่านเอ่ยก่อนจะเดินไปนั่ง "แล้วไยข้าล่ะ?" เหยาเฟยเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด "ก็ข้าคิดว่าท่านก็นั่งเองได้นิ เลยไม่ชวน" ไป๋เหอชิงยิ้มเยาะ เหยาเฟยกำหมัด ส่วนเหยาจื่อเซียนก็ฉวยโอกาสมานั่งกุมมือหลิงตงซ่าน พลางเอ่ยเสียงหวาน"ค่ำคืนนี้ ท่านอยากจะไปเรือนข้าหรือไม่?" พลางยิ้มเป็นมิตร แปลกๆ หรือกูคิดไปเอง หลิงตงซ่านคิดในใจ ทั้งไป๋เหอชิงและเหยาเฟยที่ได้ยินก็เอ่ยตัดหน้า "ไม่!!" เสียงแข็ง จะให้ท่านประมุขไปกับไอ้พี่ชายโรคจิตวิปริตไม่ได้เด็ดขาด!! / จะให้ซ่านเอ๋อร์ไปกับบุรุษโง่ผู้นี้ไม่ได้!! ทั้งสองคิดพร้อมกัน
ทั้งสามมองกันอย่างอาฆาตต่างคนต่างไม่ยอมใคร "อย่าเถียงกันไปเลยพวกเจ้า" หลิงตงซ่านผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็เอ่ยขึ้น "ขอรับ/เจ้าค่ะ!" ทั้งสามกล่าวพลางมองหน้ากัน บุรุษผู้นึงที่โรคจิตวิปริต บุรุษอีกคนที่คลั่งรักจนโง่งม และอีกหนึ่งสตรีที่ใจเป็นบุรุษงาม ทั้งสามพร้อมกันแสดงกิริยาเรียบร้อยสง่างาม ท่วมท่าสง่างาม และสมบูรณ์แบบ
หลิงตงซ่านเอ่ยพลางส่ายหัวไปมาเบาๆ "มานั่งก่อนสิเฟยเอ๋อร์" เหยาเฟยก็ก้าวเท้าใต้อาภรณ์สีขาวสง่ามานั่งข้างผู้เป็นประมุข พลางยกจอกชามาให้ผู้เป็นประมุขอย่างนอบน้อม หลิงตงซ่านก็ยกมือรับจอกชาไว้พลางจิบชา "นี้ชา เย่วจื่อเถา(แสงจันทร์)ใช่หรือไม่?" หลิงตงซ่านเอ่ยพลางวางชาลงไว้ที่โต๊ะ ริมฝีปากเผยยิ้มอย่างพอใจ ชาของโปรดประมุขมารนี้อร่อยดีแฮะ พลางคิดในใจ "ใช่ขอรับ ข้ารู้ว่าท่านโปรดชานี้เลยเตรียมให้ท่านโดยเฉพาะ" เหยาจื่อเซียนเอ่ยพลางยิ้มอย่างดีใจ "อื้ม เจ้าช่างรู้ใจข้าเสียจริง" หลิงตงซ่านเอ่ยพลางยิ้มไปด้วย "แล้วทำไมชาของข้าถึงเป็นชารับแขกธรรมดาๆกันเล่า?" เหยาเฟยเอ่ยขึ้นมา "นั้นเป็นเพราะเจ้าไม่คู่ควรที่จะดื่มยังไงเล่า" เหยาจื่อเซียนเอ่ยหน้าตาย
"ถ้าเยี่ยงนั้นข้าต้องทำยังไงให้คู่ควรกันเล่า?"ไป๋เหอชิงที่นั่งเงียบมานานก็ลั่นวาจาสบออกมา พลางเอ่ยต่ออย่างหน้าไม่อาย "หรือจะต้องข่มขืนประมุขของพวกเจ้าถึงจะคู่ควร" คำพูดของไป๋เหอชิงทำให้หลิงตงซ่านขมวดคิ้วเป็นรอบที่สอง หลิงตงซ่านเผลอสบตาไป๋เหอชิงอย่างไม่เข้าใจ ทางนั้นก็กระพริบให้เขามา1ที เขายิ่งไม่เข้าใจกว่าเดิมอีก
ระบบ:เจ้าหน้าต้องยื่นข้อเสนอให้พระเอกแล้วนะขอรับ ⊂((・▽・))⊃
"ข้ามีข้อเสนอ.." หลิงตงซ่านเอ่ยขึ้นมา พลางมองหน้าไป๋เหอชิงอย่างจริงจัง "ข้อเสนออะไรหรือขอรับ?"ไป๋เหอชิงเอ่ยถาม "ข้าสามารถให้เจ้าอยู่ที่นี้ได้1ปีเต็ม แต่เมื่อเจ้าหมดประโยชน์ข้าจะทิ้งเจ้า.." คำพูดที่หนักแน่นของหลิงตงซ่านทำให้ไป๋เหอชิงลังเลใจเล็กน้อย เขาไม่อยากถูกทิ้ง ..แต่ไม่เป็นไรเวลา1ปีก็มากพอแล้วสำหรับข้า ไป๋เหอชิงพลางคิดในใจ "ตกลงขอรับ" ไป๋เหอชิงเอ่ยขึ้นมา "งั้นก็ดี..เอาไว้แค่นี้แหละ"กล่าวจบหลิงตงซ่านก็ลุกขึ้นและเดินออกไป เหยาเฟยก็ลุกขึ้นไปตามเช่นกัน ส่วนเหยาจื่อเซียนก็เก็บจอกชาแล้วนำไปเก็บ เหลือเพียงแต่ไป๋เหอชิงที่หมายจะให้เหยาจื่อเซียนนำทางไปที่พักของตน
ณ อีกด้านหนึ่ง
..
ทางด้านของสตรีผู้หนึ่งกำลังอยู่ในฝูงชนของเหล่ามารอยู่ ในตอนที่ประมุขเดินไปที่จวน มารทุกคนหลีกทางให้ผู้เป็นประมุข สตรีนางนั้นได้เหม่อมองบุรุษเรือนผมสีขาว หน้าตาคล้ายบัณฑิต สวมใส่อาภรณ์สง่า เดินอย่างช้าและสง่างาม นางหยุดมองบุรุษผู้นั้นมิได้เลย.. ภายในใจเต้นแรงกว่าที่เคย ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก!
นางที่กำลังหน้าแดงอยู่นั้นกวาดสายตามองบุรุษผู้นั้นอย่างสนอกสนใจ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อในอ้อมแขนของอีกฝ่ายมีสตรีนางหนึ่งอยู่ พร้อมกับบุรุษที่เดินใกล้และแผ่รังสีข่มมารผู้อื่นอยู่ อ้อมแขนนั้นมันควรเป็นของข้า!! สตรีนางนั้นคิดในใจอย่างเกรี้ยวโกรธ สายตาตวาดมองไปเห็นบุรุษอีกคน สวมอาภรณ์คล้ายศิษย์ในสำนักที่นางอยู่
นางก็เหมือนเข้าใจมากขึ้น นางเคยถูกผู้เป็นประมุขมารผู้นั้นยื่นข้อเสนอมาเหมือนกัน แม้จะเจอกันไม่กี่ครั้งแต่นางก็ยังจำเขาได้ เรือนผมสีขาวสวยนั้น ดวงตาสีแดงมรกด นางมิมีทางลืม ผู้ที่นางคิดว่าคือคนรักหรอก
เมื่อคนที่ตนแอบชอบเดินจากไปแล้ว พวกมารก็พากันเดินกลับมาคึกคักเหมือนเดิม และก็มีมารสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหานาง พร้อมเอ่ยนามของนางขึ้นมา "เวินเสี่ยวอิง~~!!" มารสาวตนนั้นเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน "ข้าเห็นประมุขมารด้วยล่ะ! ประมุขมารน่ะหน้าตาดีมากเลย มีเสน่ห์สุดๆ!!" มารสาวตนนั้นพูดด้วยความตื่นเต้น และก็กล่าวต่อ "และก็ข้าเห็นมนุษย์ผู้หนึ่ง เป็นบุรุษที่หน้าดีอยู่ แต่ไม่เท่าประมุขด้วย" มารสาวตนนั้นเอ่ยขึ้น บุรุษที่นางบอกหน้าตาไม่ดี คือ ไป๋เหอชิง
"แถมเขาใส่อาภรณ์เหมือนเจ้าตอนเข้ามาพรรคมารใหม่ๆเลย" มารสาวตนนั้นพูดขึ้น "เขาคงเป็นศิษย์ในสำนักกระมัง" เวินเสี่ยวอิงเอ่ยขึ้นมา มิรู้ตอนนี้ทางสำนักยังแลสนนางอยู่ไหม "อ๋อ! สำนักที่เจ้าเล่าว่าเจ้าเคยอยู่นะหรอ!?" มารสาวพูดอย่างตื่นเต้น "อื้ม" เวินเสี่ยวอิงกล่าว
"หากอยากรู้ลายละเอียด ข้าเล่าให้เจ้าฟังได้นะลู่หาน" เวินเสี่ยวอิงกล่าวขึ้นมา มารสาวนามลู่หานก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เปิดปากพูด"เล่าสิ เล่าสิ! ข้าอยากฟัง" เสียงหวานของมารสาวเอ่ยขึ้นอย่างใคร่รู้ นางอยากรู้เรื่องราวของสหายมนุษย์สตรีผู้นี้ เวินเสี่ยวอิงหัวเราะเล็กน้อยกับท่าทางของสหายของนาง พลางเอ่ย"ทางสำนักร่ำสอนให้ข้าฝึกเซียน บำเพ็ญตน และเกลียดชังเหล่ามาร" มารสาวตนนั้นที่ได้ยินก็มิได้แปลกใจอะไรนัก
"ผู้บำเพ็ญตนแบ่งขั้นออกเป็น10ขั้น เรียงจากต่ำไปสูงสุด
1.หยวนอิง
2.ขั้นเปิดลมปราณ
3.ขั้นชีพจรลมปราณ
4.ขั้นโคจรพลังปราณ
5.ขั้นฟูหนาด
6.ขั้นปฐพี
7.ขั้นมหาปฐพี
8.ขั้นมหาปราชญ์
9.ขั้นมหาไร้ขอบเขต
10.ขั้นเซียน "
เวินเสี่ยวอิงกล่าวจบเรื่องระดับของผู้บำเพ็ญเสร็จก็กล่าวต่อ "เรื่องราวของข้ามีอยู่ว่า......."
ตัดมาอีกฝั่งหนึ่ง
หลิงตงซ่านเดินเข้ามาในตำหนักของตนเอง พลางมีเหยาเฟยเดินตามมาด้วย "เหตุใด..จึงยื่นข้อเสนอให้ไป๋เหอชิงกันเล่าเจ้าค่ะ" เหยาเฟยเปิดปากถามออกมา เสียงหวานปนไปด้วยความผิดหวัง "เหมือนกับสตรีนางนั้น.."พลางเอ่ยต่ออย่างแผ่วเบา กลัวว่าผู้เป็นประมุขจะเคือง "ก็มิมีอะไร..ก็แค่เผลอใจอ่อนเท่านั้น" หลิงตงซ่านตอบออกไป พลางสานเท้าเดินไปตำหนักของตน "ง..งั้นก็ดีแล้วล่ะเจ้าค่ะ" เหยาเฟยกล่าวออกมาให้อีกฝ่ายได้ยิน "ข้าคิดว่า..จะต้องเก็บกวาดเขาเสียแล้ว" เหยาเฟยเอ่ยอย่างแผ่วเบา เหมือนมิได้เอ่ยอันใด แต่ถึงกระนั้นหลิงตงซ่านก็ได้ยิน เขาไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้น? หลิงตงซ่านคิดในใจ
"ไปแจ้งเซียนเอ๋อร์ ยามไฮ่(21.00 - 22.59)ในคืนนี้ข้าจะไปเรือนของเขา" หลิงตงซ่านกล่าว เหยาเฟยที่ได้ยินก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่ก็มิได้ปฏิเสธแต่อย่างใด พลางเอ่ยตอบ "เจ้าค่ะ" ก่อนที่จะใช้วิชาตัวเบา วิ่งไปเรือนของพี่ชายตนเองแล้วก็สานเท้ากระโดดถีบพี่ชายของตนอย่างรวดเร็ว ทางด้านของหลิงตงซ่านก็เดินเข้ามาที่ตำหนัก ก่อนจะโน้มตัวลงมานั่งที่เตียง และคิดทบทวนเนื้อเรื่องไปมาในหัว "หน้าปวดหัวชะมัด!" หลิงตงซ่านบ่นขึ้นมา สิ่งที่เขาคิดได้คือ ปวดหัว คิดอะไรไปก็ปวดหัว
มือก็พลางล็อคประตูไล่ล็อคกลอนประตูตั้งแต่ล่างถึงบนสุด หวังว่าถ้าเขาหลับจะไม่เจอฝันเหมือนเมื่อเช้านะ หลิงคงซ่านพลางคิดในใจ ถ้าเกิดเจอฝันเมื่อเช้าเขาคงนอนไม่ได้แน่ คิดแล้วแล้วก็ขนลุกซู่ซ่าส์ไปหมด พลางโน้มตัวลงไปกับเตียงนอนมือหาผ้าห่มมาห่มตัว ตาก็ปิดสนิท เข้าสู่ห้วงนิทรา
.
.
.
.
.
มีร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่งแอบเข้ามาในตำหนักของหลิงตงซ่านทางหน้าต่าง พลางก้าวเท้าแผ่วเบาคล้ายกลัวว่าคนงามที่หลับไหลอยู่จะตื่น ค่อยๆย่องเดินตัวไปที่เตียงของคนงามอย่างเงียบเชียบ ดียิ่งนักที่ข้าฝึกวิชาย่างก้าวภูตพรายเงา ชายหนุ่มผู้นั้นพลางคิดในใจ ตัวก็ขยับไปนั่งบนเตียง กุมมือคนงามเอาไว้ริมฝีปากลอบกลืนน้ำลายดังอึก "ท่านประมุข..ท่านช่างงามเสียนี่" ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยขึ้นมาเสียงอ่อน มือปล่อยจากที่กุมไว้ก่อนที่มือก็พลางไปลูบร่างกายอีกฝ่ายทั่ว
หลิงตงซ่านไม่ใช่คนตัวใหญ่หรือคนตัวหนาหากตัดอาภรณ์หรือเสื้อผ้าหรูหราปนเรียบง่ายที่สวมใส่ก็นับไปว่าเขาจะกลายเป็นคนตัวบางขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่บางถึงขั้นเหมือนสตรีแต่แค่เหมือนเกือบ100% มือนั้นยังคงลูบไล้ร่างกายของหลิงตงซ่านอย่างสนุกมือ รอมฝีปากเหยียดยิ้มอย่างพอใจเล็กน้อยแต่ก็หุบลง เขาต้องการมากกว่านี้ นี้คือสิ่งที่ชายหนุ่มปริศนาผู้นั้นคิด
เมื่อคิดได้ดั่งนั้นมือก็เร็วเหมือนความคิด มือนั้นลูบไล้จนถึงช่วงเอวก่อนที่จะปลดสายรัดที่อาภรณ์ของหลิงตงซ่านอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มือทั้งสองจะมาลูบตรงช่วงหน้าอกของหลิงตงซ่าน ก่อนที่มือนั้นจะปลดอาภรณ์ของหลิงตงซ่านออกเผยให้เห็นยอดอกสีสวยของหลิงตงซ่าน มือของชายหนุ่มผู้นั้นก็จิกเล็บบนยอดอกทันที ทั้งดูดทั้งเลีย
ทางหลิงตงซ่านก็ยังคงหลับไม่รู้เรื่อง เพราะหลิงตงซ่านจุดกำยานคลายเครียดทำให้หลับลึกเช่นนี้ หน้าต่างก็เปิดอยู่ ชายหนุ่มปริศนาก็ยกยิ้มมุมปาก "อื้อ.." หลิงตงซ่านบิดเร้าไปมาเล็กน้อย เผลอเสียงครางออกมา ชายหนุ่มปริศนาชะงักเล็กน้อยกับท่าทางของหลิงตงซ่าน บอกตามตรงว่าตอนนี้เขาอยาก. . .กับหลิงตงซ่านตอนตื่นมากๆ ฟังเสียงครางสุดไพเราะนั้นสิ~~
แต่ก็ต้องเป็นอันชะงักไปคล้ายคิดอะไรออก เวลาในยามนี้ก็ใกล้ค่ำขึ้นทุกทีแล้ว ชายปริศนาจึงลังเลเล็กน้อยไปมา ว่าตนควรทำให้เสร็จกิจก่อนหรือควรออกไปดี ชายหนุ่มปริศนานั่งคิดแบบนั้นอยู่นานสองนานก็พลันลุกจากเตียงมาจัดแจงอาภรณ์ให้กับคนงามก่อนก้าวเท้าไปหน้าประตู มือพลางไล่เปิดประตูกลอนที่ล็อค แล้วก็สานเท้าเดินออกไปอย่างไว
ยามไฮ่(21.00 - 22.59)
เหยาจื่อเซียนนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ เท้าคางมองเหยาเฟยหน้านิ่ง"เจ้าหลอกข้าหรือ เหยาเฟย" "แน่นอนว่าไม่" เหยาเฟยหันหน้าทันขวับไปตอบเสียงแข็ง คล้ายไม่พอใจ แต่ไหนแต่ไรมานางและเหยาจื่อเซียนไม่เคยถูกกันอยู่แล้ว แม้จะเป็นสายเลือดเดียวกันแต่ก็ไม่แยแสกันและกัน แค่ถูกกระแนะกระแหนแซวว่าเป็นพี่น้องหรือมีสายเลือดเดียวกัน ก็หลั่งคำวาจาหยาบออกมา 'ใครญาติพี่น้องไอ้ตัวน่ารังเกียจนั้น!'
ทั้งสองคนจ้องตากันปานจะฆ่ากันตายไปข้าง รังสีอำมหิตถูกปล่อยออกมาจนถึงขนาดหลิงตงซ่านที่ยืนอยู่นอกเรือนยังเผลอตัวสั่นตามสัญชาตญาณของตัวเอง เขาคิดผิดมหันต์. .ไอ้สองตัวนี้ไม่มีทางญาติดีกัน แม้จะอยู่ต่อหน้าเขาก็ตาม ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังสองตัวนี้ก็ยังกัดกันตายอยู่ดี!!
คิดได้ดั่งนั้นก็ชะงักเล็กน้อย ภายในเรือนทั้งเหยาเฟยและเหยาจื่อเซียนยังคงจ้องกันเอาเป็นเอาตายอยู่ แต่ก่อนที่เหยาจื่อเซียนจะเปิดปากด่าเหยาเฟยให้ยับๆ จนเถียงไม่ออก ประตูเรือนก็เปิดออกโดยหลิงตงซ่าน เจ้าตัวเดินดุ้มๆ เข้ามานั่งที่ปลายเตียง ไม่พูดไม่จา
เหยาเฟยที่เห็นอย่างนั้นก็กะว่าจะเปิดบทสนทนา แต่ก็ต้องเป็นอันชะงัก
"ข้าอยากพบ'นาง'เสียหน่อย เจ้าไปตามนางเหยาเฟย"
"..เจ้าค่ะ"
เหยาเฟยใช้วิชาตัวเบาเบาเดินออกไปตาม'นาง'ที่หลิงตงซ่านพูดถึง นางที่ว่าไม่ใช่ใครอื่นอีกนอกคนที่หลิงตงซ่าน(คนก่อน)ให้ความสนใจนักหนา แซ่เวิน นามเสี่ยวอิง . .
เวินเสี่ยวอิง . .
ลับหลังเหยาเฟยก็ลอบกัดฟันดัง'กรอด~' และหงุดหงิดเล็กน้อย(?) เหยาเฟยเคยมีเรื่องกับนางเอกนิยายครั้งหนึ่ง การไปตามอีกฝ่ายก็คล้ายกับการเผชิญหน้ากับศัตรูคู่แค้น ยิ่งกับมารสาวที่ควงติดกันยิ่งน่ารำคาญ เอาแต่พ้ำเพ้อถึงความงามของหลิงตงซ่านจนเก็บไปฝัน ไม่ก็ลอบแอบมอง ในตอนที่เดินมาจวนเล็กๆที่ปลีกวิเวกของหลิงตงซ่านนางแอบเห็นมารตนนั้นถอนสายบัวซะสง่างาม เอาเด่นเต็มที แต่มีหรือที่หลิงตงซ่านในตอนนั้นจะแลเห็น แม้แต่เงายังไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะเห็นหรือป่าว หึ!
พอเหยาเฟยออกไปตาม'นาง'หลิงตงซ่านก็คล้ายโล่งใจอย่างกับพึ่งยกภูเขาออกจากหัวใจดวงน้อยๆของตน ที่จริงก็ไม่ได้อยากเจอหรอก แต่จะอ้างให้ไปตามไป๋เหอชิงก็กระไรอยู่ เหยาเฟยยิ่งชอบมองค้อนใส่พระเอกบ่อยยิ่งกว่าอะไร เผลอๆพอให้ไปตามนางพลั้งมือไปทำพระเอกเลือดตกยางออกจะทำยังไง! คนที่ซวยอ่ะคือ เขา!
หลิงตงซ่านเหม่อคิดไปก็สะดุ้งโดยไม่รู้ตัว น่ากลัว! เหยาจื่อเซียนมองท่าทีแบบนั้นก็อดขำในลำคอไม่ได้ ช่วงนี้ท่านประมุขของเขาช่างน่าเอ็นดูเสียจริง สงสัยอายุคงเป็นแค่ตัวเลขประดับแน่แท้
ประดับบิดา. .เจ้าสิ!
หลิงตงซ่านมองเหยาจื่อเซียนที่กำลังขำในลำคออย่างเอ็นดูก็ส่วนกลับทางความคิดไปอย่างรู้ว่าอีกคนคิดอะไรอยู่ ไอ้สายตากับท่าทางแบบนั้นทำไมเขาจะไม่รู้!? คิดว่าเขาโง่หรือไง ห้ะ!
เหยาจื่อเซียนที่พึ่งรู้ว่าถูกคนงามมองหน้ายู่ ก็พลันชอบใจอย่างแบบไม่ถูก "โกรธข้าหรือขอรับ?" เสียงทุ้มของอีกฝ่ายเอ่ยพ้นคำหวานๆออกจากปาก หลิงตงซ่านก็ขำในลำคอประชดประชัน
"หึ!"
"ใครจะกล้าโกรธ'ภัยพิบัติแห่งพรรคมาร'ได้กัน? ข้ามิกล้า"
เจ้าของฉายาที่ถูกขานถึงหัวเราะร่าอย่างไม่ทุกข์ใจสักนิดเดียว ดวงตาหรี่มองอย่างหยอกเย้า "แต่ข้าอยากให้ท่านกล้านะ ท่าน'ผู้เป็นดั่งดวงใจทั้งหลายของพรรคมาร' "
เหยาจื่อเซียนอมยิ้มหวานให้ แต่หลิงตงซ่านก็ไม่ได้ยิ้มตาม เหยาจื่อเซียนพลางเอ่ยหน้าตาย ก่อนที่เหยาจื่อเซียนจะเอ่ยต่ออีก
"มารฟ้าบรรพกาลโลหิต แซ่หลิง นามตงซ่าน นามรอง หลิงซือรุ่ย ดวงใจของพรรคมารที่มิมีผู้ใดสามารถเทียบเคียงได้ บุตรชายเพียงคนเดียวของจักรพรรดิมารผู้องอาจและน่าเกรงขาม"
"หลิงตงซ่าน"
เจ้าของนามก็ไม่ได้อะไรมาก แต่การที่เจ้าตัวดันไปรู้เรื่องของหลิงตงซ่านออริจินอลมากเกินไป เอ็งรอดมาได้ไงว่ะ!? แล้วทำไมไอ้ออริจินอลถึงปล่อยวางให้ลูกน้องสืบข้อมูลตัวเองฟร่ะ!? ไหนจะนามรองที่ในนิยายไม่กล่าวถึงหรือไม่สำคัญ?..
หลิงตงซ่าน "..."
เหยาจื่อเซียน "..?" ข้าพูดอะไรผิดรึป่าว..?
ในบรรยากาศที่ยากจะอธิบาย ประตูเรือนก็ถูก(ถีบ)เปิดเข้ามา "นางมาแล้วเจ้าค่ะ!" เหยาเฟยพลางเดินเข้ามา ใบหน้าแสดงความเหนื่อย(ไม่)เล็กน้อย "เฮ้อ..เซียนเอ๋อร์ไปเอาชามารับแขก" หลิงตงซ่านถอนหายใจพลางเอ่ย "แต่..นี่เรือนข้า" เหยาจื่อเซียนทำหน้าน้ำตาคลอ
อะไรกลัวสกปรกหรอ? คิดว่าข้าสกปรกขนาดนั้นเชียว? หลิงตงซ่านทำหน้าเอือมระอา "พาแขกไปห้องรับรอง" หลิงตงซ่านเอ่ยพลางส่ายหน้าไล่ความคิดไร้สาระออกจากหัว แต่พอจะออกไปก็อดไม่ได้ที่จะมองค้อนเหยาจื่อเซียน อีกฝ่ายที่โดนมองอย่างงั้นก็พลันหน้าเปลี่ยนสี ไม่ว่าจะมองยังไงท่านประมุขของข้าก็น่ารักที่สุด!! เหยาจื่อเซียนพลางคิดในใจ
หลิงตงซ่านเดินไปกับเหยาเฟย ส่วนเหยาจื่อเซียนนั้นตามมาทีหลัง ส่วนคุณนางเอกก็เดินบิดไปมาหน้าแดงอยู่นั้นแหละ ไม่รู้ทำไมนางถึงชอบเดินเอียงมาทางเขาตลอด เดินไปเดินมาก็มีสะดุดบ้างจนเขาต้องเอียงตัวไปรับ จับแตะเนื้อต้องตัวกันไม่รู้กี่ครั้งแล้ว กว่าจะเดินมาถึงคุณนางเอกก็ซบอกเขาซะแล้ว บอกตามตรงนางค่อนข้างเตี้ยกว่าเขานิดนึง ส่วนอีตาพระเอกก็ไม่ต้องบอก เรื่องไหนๆแม่งก็ให้พระเอกสูงเท่าเปรต ไอ้สัสแม่งอิจฉา จะได้รุกนางเอกของเรื่องได้ง่ายเลยให้อีพระเอกสูง
อิจฉาโว้ยยยย!!
พอมาถึงห้องรับรองแล้วเหยาเฟยก็แยกทางออกไปเอาชา ส่วนเหยาจื่อเซียนก็จัดแจงห้องให้พร้อม หลิงตงซ่านกับเวินเสี่ยวอิงก็เลยต้องซบอกกันนานสองนาน เวินเสี่ยวอิงหรี่ตามองต่ำ ใครจะนึกล่ะว่านางเองก็เป็นหนึ่งในคนที่หลงเสน่ห์หลิงตงซ่าน ประมุขมารคนงามแถมยังแทบคลั่งอีกด้วย เห็นทีนางคงได้เรื่องเอาไปเล่าอวดให้ลู่หาน สหายสนิทของนางฟังแล้ว
ใครจะนึกล่ะว่าเวินเสี่ยวอิงจะจากที่หรี่ตามองต่ำอยู่ดีๆ ก็กวาดสายตาขึ้นมามองหน้าเขาเฉย หน้าขึ้นสีแดงน้อยๆ ปากอ้าลงเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูด ภาพลักษณ์อ่อนโยน และขี้อายของคุณนางเอกเผลอทำเขายิ้มเฉย พอยิ้มแล้วกลัวภาพลักษณ์พังเลยจำเป็นต้องหันหน้าหนี เวินเสี่ยวอิงเห็นอย่างงั้นเลยเข้าใจว่าหลิงตงซ่านเขินนาง ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลย
เวินเสี่ยวอิงเอ่ย"ห..หากมิรังเกียจท่านจักสามารถให้ข้าไปมาหาสู่ท่านที่จวนแบบนี้ตลอดได้หรือไม่..?"
"..ย่อมได้" หลิงตงซ่านว่า
ทำไมจะไม่ได้ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธคุณนางเอก ถ้าไม่นับว่านางเป็นนางเอก ดรุณีน้อยอย่างนางเองก็น่าเอ็นดูให้เสียข้าวสุกมิน้อยเลย รอดูตอนเจริญเติบโตก็น่าจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจไม่น้อย เสียข้าวสุก ที่อยู่อาศัย ค่าเลี้ยงดูนิดหน่อย (นิดหน่อยสำหรับคนมีเงินอย่างนายเอก;-;) แลกกับสาวงามล้มเมืองที่จะค่อยๆแพงฤทธิ์ความงามเผยออกมาทีละนิดๆ นับได้ว่าน่าสนใจแต่นางเป็นนางเอกนี้สิอีกเรื่องนึง
หลิงตงซ่านทำหน้าปลงเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสนใจห้องรับรองแขกที่รอมานานสองนานว่าเมื่อไหร่จะเสร็จสักที เหยาจื่อเซียนเดินออกมาใบหน้ายิ้มแย้มกล่าว"เชิญข้างในขอรับ ท่านประมุข คุณหนูเวิน" โดยที่เน้นคำว่าคุณหนูเวินเสียงเข้มเป็นพิเศษ จนหลิงตงซ่านแปลกใจ ตาหันขวับไปมอง เหยาจื่อเซียนเพียงยิ้มตอบกลับมา
แปลกดีแท้..แต่ยังไงก็ช่าง ¯\_(ツ)_/¯
หลิงตงซ่านที่เดินเข้าไปในห้องคนอยู่ในอ้อมอกก็เดินตามตาม หน้าแดงนิดๆ พอเข้ามาก็แยกกันนั่งที่ใครที่มัน ซึ่งเหยาจื่อเซียนอาสาขอไปช่วยเหยาเฟยยกชา ซึ่งเอาตามตรงคงไปแย่งหน้าที่ซะมากกว่า ข้ออ้างเช่นนี้เขา..ไม่สิ หลิงตงซ่านเจ้าของร่างคุ้นดี มันเลยทำให้เขาพลอยคุ้นชินตาม พออยู่กับเวินเสี่ยวอิงสองต่อสองหลิงตงซ่านก็รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ได้ เลยเลี่ยงมาจ้องภาพวาดที่ติดผนังแทน
อาภรณ์สีขาวสง่าลายหงส์สีเทาลวดลายงดงามยิ่งขัดให้ใบหน้าขาวดูเป็นธรรมชาติและงดงามขึ้นมาจนเด่นเป็นสง่าจากที่เด่นอยู่แล้วยิ่งเด่นเข้าไปอีก แม้อาภรณ์จะไม่ถึงขั้นจัดว่าเรียบร้อยมากแต่เพราะนี้คือหลิงตงซ่านคนงาม ไม่ว่าจะอาภรณ์ไหนเรียบร้อยหรือไม่ก็งามตาไปหมดทุกแบบ ไม่มีผู้ใดไม่พอใจเผลอๆอาจเป็นอาหารตาชั้นดีเยี่ยมเลยด้วยซ้ำ เรือนผมสีขาวยาวถึงสะโพกก็ยิ่งเข้ากับเจ้าตัวมาก ยิ่งดวงตากวาดมองสิ่งอื่นนิ่งเฉยราวกับว่าเบื่อหน่ายยิ่งชัดเสน่ห์ของเจ้าตัวให้เพิ่มขึ้น ท่านั่งเขว่ขายิ่งทำให้ดูสูงส่ง มือที่กำลังประคองหน้าไม่ให้ล้มยิ่งทำให้เจ้าตัวดุจเทพเซียน แม้จะเป็นมารแท้ๆก็ตาม เหตุใดใครจะมิทราบประมุขมารผู้นี้งามกว่าสาวงามในเมืองหลวงที่ว่ากันว่างามจนฮ่องเต้ต้องไปสู่ขอด้วยตัวเอง โดยตำแหน่งฮองเฮานางจึงจะพอใจ ข่าวเสียๆหายๆผู้คนในยุทธภพย่อมรู้ว่าทุกข่าวล้วนมาจากที่เจ้าของข่าวชื่อเสียงามเกินหน้าเกินตาไปจนคนอื่นอิจฉาเลยปล่อยข่าวเสียๆใส่ แต่ก็มิทำให้เสน่ห์ของเจ้าของชื่อเสียลดลงเสียนี่กระไร กลับกันมันทำให้เจ้าของชื่อเสียดูลึกลับ โหดร้าย จนคนพากันเรียกแมวป่าจอมยั่ว แม้จะดุร้ายแค่ไหนแต่ก็มีเสน่ห์เย้ายวนไม่น้อย และกร้าวใจมากขึ้นเสียอย่างนั้น
ซึ่งหลิงตงซ่านตามออริจินอลก็ไม่ได้อะไรมาก เพราะนั้นไม่ใช่ข่าวเดียวของตนเอง ข่าวแบบนั้นมีเป็นร้อยๆข่าว ไม่ว่าจะบอกว่าเขาร่วมเตียงใช้เสน่ห์ของตนเองเพื่อยั่วยวนให้ประมุขฝ่ายธรรมะจบศึกก็ไม่ปาน ตนปีนขึ้นเตียงเจ้าสำนักเต๋าคนนึงบ้างล่ะ ใช้เสน่ห์ยั่วให้แม่ทัพในแคว้นตนเองฆ่าฮูหยินบ้างล่ะ กรรมใดใครก่อเขาไม่รู้แต่แพะรับบาปคือเขาตลอด ถ้าหาตัวคนร้ายไม่เจอก็ความผิดเขา ภรรยาฆ่าสามีเพราะสามีนอกใจก็มิปานโยนความผิด กล่าวคำเท็จว่าเขาหลอกให้สามีตนเองฆ่าตัวตายพิสูจน์รักบ้างแหละ บอกที่ฮ่องเต้แคว้นฉู่เก็บด้านฝึกตนมากกว่าร้อยปี ไม่ยอมทำงานบริหารแคว้น เพราะตนยั่วว่าหากผ่านด้านถึงขั้นมหาปราช์ญได้จักยอมร่วมเตียงด้วยบ้างแหละ เพราะข่าวไร้มูลไร้สาระพวกนี้เขาเลยกลายเป็นคนไม่ดี และคนที่ถูกกล่าวว่างดงามจนทุกสิ่งไม่อาจต้าน ทั้งๆที่ท่านพ่อของเขายังดูรูปงามกว่าเลย หรือแม้แต่สาวงามในหอนางโลมเขายังว่าสวยเลย
กล่าวเช่นนี้ว่าร้ายตนเองรึ? คนเราก็งดงามต่างกันมิใช่รึ..? เขาว่าเขาคิดถูกนะคนพวกนั้นน่ะก็แค่รับรู้ข่าวเกินจริงไปเท่านั้น จนรู้สึกว่าตนไร้ค่า เลยลดค่าตัวเองลงว่าไม่อาจจำเทียบเคียงกับตัวเขาได้ ราวกับว่าหากคนพวกนั้นสามารถเทียบได้ เขาจะฆ่าตายเสีย..
ข่าวที่บอกว่าเขาร่วมหลับนอนกับคนอื่น เขาต้องขอบอกกล่าวน่ะตรงนี้เลยว่าจับมือกับสตรียังรังเกียจ เข้าใกล้ผู้คนก็แทบจักไม่เคย นอนกับใครไหนเลยหลิงตงซ่านออริจินอลจะกล้า เพราะจักรพรรดิมารสั่งไว้แต่เด็กว่าห้ามเด็ดขาด ด้วยความเป็นเด็กนิ่งๆเลยรับคำทำจนเคย ถ้าไม่ใช่คนสนิทจริงๆจะไม่แม้แต่จะคุยด้วย แต่ถ้าจำเป็นก็จักฝืนคุยด้วย แต่อาจจะดูแปลกนิดๆ(?)
จักรพรรดิมารตามใจแต่เด็กยันโต แต่เขาไม่ได้ร้องขออะไรสักอย่าง ของที่มีคือบิดาประทานมาให้ทั้งนั้น ทั้งตำแหน่งประมุขมารอันมั่นคงที่(ฝืน)เต็มใจรับมา องค์รักษ์คุ้มกันตัว10,000นาย แม่บ้านประจำตัว6-7คน พ่อบ้าน 4-10คน อาจารย์ผู้สอนวิชามาร 5-9คน เครื่องประดับเพชรพลอย 500,000อันทำจากหินจิตวิญญาณบริสุทธิ์ทั้งหมด เงินทอง อำนาจ ความเอ็นดูเกินหน้าเกินตาแบบโคตรๆ ความรักอันยิ่งใหญ่จนรับไม่ไหว จูบอันเร่าร้อนของจักรพรรดิมารแบบที่เจ้าตัวเต็มใจ.. สถานะกึ่งลูกกึ่งเมียบิดาตนเอง รอยกัดตอนมีอะไรกันบนเตียงของจักรพรรดิมาร สถานะเป็นดั่งดวงใจของเหล่ามาร เป็นผู้มีอำนาจล้นมือ สาเหตุเพราะบิดาที่รักทรงหายตัวคามุยหายไป อำนาจเลยเพิ่มขึ้นไม่มากแต่ก็ไม่น้อย ราชองการที่จะแต่งตั้งให้เป็นผู้สั่งทุกอย่างรองลงมาจากบิดา สั่งสอนที่ควรได้รู้ ความลับที่ต้องรู้ ท่าตอนมีเซ็กส์ลีลาต้องไม่แพ้ใคร เป็นคู่นอนที่บิดารักที่สุดในโลก น้ำกามจากแทงเอ็นของบิดาจนล้นเหลือ ความสุขบนเตียงร่วมบิดา
ผ่านไปมากกว่าร้อยปีจนปานนี้ทุกคนแทบจะลืมเลือนว่าเคยมีจักรพรรดิมารผู้สูงศักดิ์อยู่ ส่วนจนตอนนี้มนุษย์นับว่าหลิงตงซ่านมีอำนาจเยอะที่สุดแล้ว ทั้งๆที่ควรเป็นหลิงฟูจ้าว จักรพรรดิมารแท้ๆ หากไม่มีเขาคอยสั่งสอนหลิงตงซ่านก็คงไม่มีมาถึงทุกวันนี้
กลับมาปัจจุบัน. .
หลิงตงซ่านนั่งเท้าคางมองรูปภาพติดผนังเลี่ยงการสบตากับเวินเสี่ยวอิงจนปวดตา แต่ก็ไม่มีทีท่าเลยว่าแม่นางเวินเสี่ยวอิงคนงาม จะละสายตาจากเขา นานแล้วนะ.. เขาสาบานได้เลยว่านางจะเลิกจ้องเขาก็ต่อเมื่อมีบางอย่างมาขัดไม่ก็กวนใจจนหงุดหงิด จนละสายตาไปเอง แต่ก็ได้แต่ภาวนาในใจ
เหยาเฟยเดินยกถาดชาเข้ามาในห้อง พร้อมอีกมือนึงลากคอเสื้อเหยาจื่อเซียนมาด้วย พนันได้เลยว่าพวกเอ็งต้องชกต่อยกันแย่งหน้าที่ใช่มั้ย? หลักฐานคือ รอยยับที่เสื้อ แล้วก็รอยช้ำเขียวจางๆ
"เหตุใดท่านมองข้าเช่นนั้นเจ้าค่ะ? ท่านประมุข" เหยาเฟยเอ่ย
หลิงตงซ่าน "ม..ไม่มีอะไร"จริงๆ มั้งนะ
เวินเสี่ยวอิง "..." ใช้หางตาเหลือบมองนิดๆ
เหยาเฟยเดินเข้ามาทางหลิงตงซ่านแล้วปล่อยมือจากคอเสื้อหยาบๆของพี่ชายไม่รักดีของตนเอง เปลี่ยนมาจับแก้วชาวางไว้ข้างหลิงตงซ่านแล้วรินชาให้อย่างสง่า แล้วเดินมาทำเช่นเดียวกันกับเวินเสี่ยวอิง แต่กลับแข็งกระด้างมากกว่า และมิได้รินชาให้เองพลางอ้าปากเรียวเอ่ย
"คุณหนูกิริยาดีเช่นเจ้า คงรินชาเองได้ใช่หรือไม่ หื้ม?" เหยาเฟยเอ่ย
เวินเสี่ยวอิง "......" มองเหยาเฟยอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ปนอาฆาตนิดๆ (?)
เวินเสี่ยวอิงยกกาน้ำชาขึ้นมารินชาเอง แววตาไม่พอใจอย่างไม่ปกปิด หากมิใช่เพราะซ่านเอ๋อร์มีเจ้าเป็นมือซ้าย ข้าคงต่อยเจ้าทะลุกำแพงไปแล้ว ใช่ว่านางสู้เหยาเฟยไม่ได้แต่มิอยากสู้ต่างหาก หากเผลอทำเรือนรับรองของคนงามพัง นางคงจักมิโดนเกลียดขี้หน้าหรอกหรือ?
"เหยาเฟยเจ้าอย่าทำกิริยาเช่นนี้กับผู้ใดอีก มันดูมิงามเอาเสียเลย...และไร้มารยาท.." อย่างมาก
ประโยคหลังหลิงตงซ่านเติมลงไปในความคิด เหยาเฟยที่โดนตำหนิคล้ายกลายเป็นหมาหงอยมองเขาอย่างสั่นๆ หวั่นๆ "เหตุใดท่านกล่าวเช่นนั้นเจ้าค่ะ มีกิริยาอันใดที่ข้ามิควรทำ?" เหยาเฟยเอ่ยคล้ายไม่จำว่าตนผิด พร้อมมองหน้าหลิงตงซ่าน
"ปล่อยให้แขกรินชาเอง นับว่าเป็นการเสียมารยาท คงต้องขอโทษคุณหนูเวินด้วย"หลิงตงซ่านเอ่ย
"คงมิขนาดนั้นเจ้าค่ะ และก็ข้าเป็นผู้น้อยการถูกเรียกว่าคุณหนูย่อมดูฟังเกินไปหน่อยนะเจ้าค่ะ อีกอย่างท่านก็อาวุโสกว่าข้า ข้ามิกล้าให้เรียกเช่นนั้น"
"ท่านให้เกียรติข้ามากเกินไปเสียแล้ว'แม่นางเวิน' อีกอย่างข้าเป็นเจ้าบ้านทำกิริยาหน้าละอายเช่นนี้ นับเป็นอันใดได้อีก"
หลิงตงซ่านเอ่ยออกไป เขาก็ละอายใจจริงๆนั้นแหละ ถ้าเหยาเฟยไม่สองมาตรฐานก็คงออกมาดีกว่านี้ คงเพราะไม่ถูกกันด้วยละมั้ง เขาเข็ดแล้ว..นี่ฉันหวังอะไรกับความสัมพันธ์ของสองคนนี้ที่เป็นไปไม่ได้กัน? เฮ้อ..
เขาถอนหายใจมาหนึ่งที เหยาเฟยที่เห็นก็เดินเข้ามานั่งที่พื้นข้างๆเขา เหมือนหมาเลยแฮะ..อุ๊ปส์--- ฉ...ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ! จริงๆ
ไป๋เหอชิงที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้ก็สะดุดตากับเรือนรับรองที่ยังคงมีไฟจุดอยู่จึงมิวาย เดินเปิดประตูเข้ามา พอเห็นว่ามีใครอยู่ก็เป็นอันต้องเงียบกริบ "กลางค่ำกลางคืนแล้วเหตุใดท่านจึงยังมินอนเล่า ท่านประมุข" กล่าวพลางมองหลิงตงซ่าน หลิงตงซ่านเพียงปลายตามองพลางเอ่ยสวนไป
"แล้วเหตุใดเจ้าจึงยังมิเข้านอนเล่า หรือว่าหาทางหนีทีไร่อยู่กัน เด็กน้อย"
"...."ไป๋เหอชิงตอบไม่ได้ หลิงตงซ่านย่อมรู้อยู่แล้ว วันแรกๆของการอยู่พรรคมารพระเอกย่อมไม่อยู่เฉย ย่อมต้องเดินหาทางสำรวจไปทั่วอยู่แล้ว หาทางหนีทีไร่เผื่อไว้ก็มิเห็นแปลก ใครบ้างล่ะที่จะอยู่ฐานศัตรูแล้วอยู่เฉย เร่งหาทางหนีไว้ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว "เด็กน้อยข้าขอบอก ทางออกของจวนนั้นอยู่ไกลจากตัวเรือนข้าไม่เท่าไหร่"
"แต่หากเป็นทางออกจากพรรคย่อมห่างไกลจากที่นี้อยู่หลายลี้ และต้องได้รับอนุญาตจากข้าเสียก่อน จึงจะออกได้ ทางออกนั้นช่างไกลเสีย ด้านนอกพรรคก็เป็นป่าต้องสาปที่มิมีผู้คนกล้าเข้า การจะเข้าออกพรรคใช่ว่าง่ายๆ เข้ายากยามออกก็ต้องยากเช่นกัน พวกมารย่อมอยากอยู่ภายในพรรค หากออกไปก็เท่ากับตาย"
"พวกนักเพรตฝึกเซียนอะไรนั่น ย่อมตามล่าพวกมารที่ออกไปอยู่แล้ว ดังนั้นพรรคมารจึงเป็นสถานที่ที่พวกมารอยู่กัน และมิแวะเวียนไปไหน พวกที่ออกไปย่อมเป็นพวกเจียมตัวดีหรืออาจขอตัวไปฝึกวิชาที่ภพมนุษย์"
หลิงตงซ่านเอ่ยไปซะเสียยาวก็เจ็บคอจำต้องยกชามาจิบ โดยที่หารู้ไม่ว่าคำที่เอ่ยไปกลับให้ใจความที่เข้าใจได้ไม่ยาก 'เรือนข้าอยู่ใกล้ทางออกจวนนะ แต่ทางออกพรรคอยู่ไกลหลายลี้ และต้องได้รับอนุญาตจากข้าก่อน ข้างนอกเป็นป่าต้องสาปออกไปก็เท่ากับไปรนหาที่ตายเสียเปล่าๆ' หลิงตงซ่านผู้ไม่รู้อะไรก็พลางส่ายหัวเล็กน้อยๆ หรี่ตามองไป๋เหอชิง ประมาณเป็นเชิงเตือน อีกฝ่ายรู้ว่าเขาจะหาทางออกหรือ..ถึงเตือนขนาดนั้น
"ข้าเข้าใจแล้วขอรับท่านประมุข"
เข้าใจ? เข้าใจอะไร? ฉันไม่ได้ชี้แนะหรือให้บทเรียนแกซะหน่อยอีพระเอก หลิงตงซ่านนั้นได้แต่เก็บความคิดนั้นไว้ในใจ เปลี่ยนมาหลับตาพักสายตาแทน เหยาเฟยก็คลอเคลียหน้าตักเขา จำเลยวางแก้วชาพลางนำมือมาป้องปากกันเสียงหัวเราะร่าของตัวเอง หรี่ตามองเจ้าตัวอย่างไม่ถือ "เจ้าควรได้รับการอบรมนะ เฟยเอ๋อร์ คิกๆ" เหยาเฟยมองนายตัวเองตาแป๋วกะพริบตาปริบๆ ทำหน้ามุ่ย คิ้วตก บ่กบอกว่าเจ้าตัวโกรธ แน่ล่ะเหยาเฟยไม่ชอบเรียนมารยาท หลิงตงซ่านออริจินัลไม่ได้บังคับเลยปล่อยเลยตามเลย แต่นางก็พอมีความรู้เรื่องมารยาทอยู่บ้าง
ภายในห้องเรียกได้ว่าเงียบมีเพียงเสียงหัวเราะร่าของหลิงตงซ่านเท่าไหร่ เสียงที่ใครๆได้ยินก็ต้องหลงไหล ไป๋เหอชิงที่ปิดประตูห้องตอนไหนไม่รู้ก็พลันตัวแข็งจากเสียงหัวเราะร่าจากคนงาม เหยาเฟยคล้ายได้ใจเต็มๆก็พลันเคลื่อนตัวลุกไปคลอเคลียตรงช่วงท้องและจักจี้แทน ซึ่งเรียกได้ว่าจากที่ขำอยู่ดีๆ ก็ต้องเสียวแทน "อ..อื้อ!! อ๊าส์! พ..พอแล้วๆ!!" หลิงตงซ่านเอ่ยเสียงหลงเลยทีเดียว
ซึ่งเหยาจื่อเซียนที่ฟื้นตอนไหนไม่รู้ ลุกเดินไปหาน้องสาวตัวดีของตนแล้วจับคอเวียงไปไกล พลางเช็คมองโอเคของหลิงตงซ่าน ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวกำลังหน้าแดง ขอบตามีน้ำตาคลอ หูแดงเป็นมะเขือเทศเลยก็ว่าได้ "ฮึก.." พลางส่งเสียงสะอึกสะอื้น กะพริบตาแล้วมาสบตากับเหยาจื่อเซียน "...ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่" เหยาจื่อเซียนเอ่ย "ฮึก..เจ้า..เห็นว่าข้าสบายอยู่รึไง..?!" หลิงตงซ่านเอ่ยคล้ายตะคอกนิดๆ
"เหยาเฟย เจ้าไปนั่งคุกเข่าอยู่ที่ประสาทมาร หากไม่สำนึกมิต้องกลับมาหาข้า!" หลิงตงซ่านเอ่ย
เหยาเฟยทำหน้าคล้ายไม่พอใจแต่ก็ขานรับแบบหงอยๆแล้วหายตัวไปเลย เหยาจื่อเซียนเช็คตามตัวของหลิงตงซ่านแบบเป็นห่วง "จะคุยกับแม่นางเวินต่อ หรือจักให้ข้าพาท่านกลับเรือนเลยดีขอรับ ท่านประมุข" เหยาจื่อเซียนเอ่ยแบบเป็นห่วงๆ หลิงตงซ่านทำท่าคิดอยู่สักพักด้วยใบหน้าคล้ายร้องไห้ แล้วจึงเอ่ย"...นี้ก็ค่ำแล้วเชิญแม่นางกลับก่อนเถิด ข้าว่าแม่นางคงจักอยากกลับมากแล้วเป็นแน่ เซียนเอ๋อร์ไปส่งแขก ชิงเอ๋อร์เจ้าไปส่งข้า"
ในขณะที่เหยาจื่อเซียนกำลังพาแม่นางเวินเสี่ยวอิงไปส่งเก้าออกไปหน้าเรือน หลิงตงซ่านที่เดินอยู่หน้าเรือนแต่คนละทางโดยมีไป๋เหอชิงประคองก็ชะงักฝีเท้า แล้วกล่าว"อ้อ..แล้วก็ข้าเปลี่ยนใจแล้ว แม่นางอยู่ต่ออีกหน่อยเถอะเห็นว่าไม่มีที่ไปอยู่ด้วย"
"เจ้าค่ะ?"
เวินเสี่ยวอิงคล้ายอึ้งสมองไม่ประมวล1วิ หลิงตงซ่านก็เดินหนีไปแล้ว ส่วนไป๋เหอชิงก็เดินไปด้วย เหยาจื่อเซียนเห็นนางไม่ยอมเดินไปสักทีก็เอ่ยขึ้น"ท่านประมุขบอกให้เจ้าอยู่ได้อีกเท่าที่ต้องการ เห็นว่าไม่มีที่ไปและพึ่งเข้ามาสักพักแล้วแต่ก็ไม่มีแผนที่จะไปไหนเลย" คล้ายตกใจจนนิ่งไป มุมปากค่อยๆเผยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขึ้น แล้วหันไปเดินนำพลางคิดถึงใบหน้างามของหลิงตงซ่าน เอ่ย"ช่างใจกว้างเสียจริง คงมิใช่ว่าถ้ามีใครขอไปอยู่ด้วยคงตอบตกลงใช่หรือไม่?"
เหยาจื่อเซียนทำหน้าเย็นชา ปากก็ขยับยิ้มแล้วเอ่ยสวนกลับ"แน่นอนท่านประมุขของข้าใจดีจะตาย แต่หากเกิดขึ้นจริงข้าคงไล่กระทืบคนผู้นั้นเป็นแน่" เวินเสี่ยวอิงเงียบจ้องมองค้อนเหยาจื่อเซียน ก่อนจะเหมือนคิดอันใดได้จึงเอ่ย"บุรุษผู้นั้นเป็นใคร? ศิษย์ใหม่ของสำนักข้าหรือ? อ่อนแอนัก จนข้าเกือบคิดว่าเป็นคนธรรมดา พลังปราณอ่อนยิ่งนัก มิเห็นแข็งแกร่งเลยสักนิด" เหยาจื่อเซียนมองสตรีตรงหน้าก่อนจะเอ่ย
"เจ้าก็รู้ท่านประมุขน่ะใจกว้าง อีกอย่างก็เป็นท่านประมุขนี้แหละที่ชวนเจ้านั้นเข้าพรรค เห็นว่าชื่อไป๋เหอชิง เป็นเศษสวะของสำนัก"
"หึ! ช่างโมโหนักนะ" เวินเสี่ยวอิงเอ่ย
"ข้าเห็นด้วยยิ่งนัก เวินเสี่ยวอิง"
...
....
.....
×××××××××××××××××××××××××××××
ไป๋เหอชิงเดินตามคนงามมาแบบตามติด พลางเอ่ย"ท่านไม่เป็นไรนะขอรับ ท่านประมุข.." หลิงตงซ่านนิ่งหยุดฝีเท้าหมุนตัวหันตัว สานเท้าเดินไปหาไป๋เหอชิง พลางนำมือข้างนึงมาจับหน้าเจ้าตัว จนอีกฝ่ายเบิกตากว้าง มืออีกข้างพลางชี้หน้าตัวเองเอ่ยเสียงกึ่งตะคอกนิดๆแฝงน้ำเสียงโมโห"หน้าข้าเหมือนคนที่สบายดีรึ!?" ไป๋เหอชิงทำอะไรไม่ถูก หลิงตงซ่านเลยปล่อยมือหมุนตัวกลับไปเดินต่อ
ไป๋เหอชิงเป็นอันต้องเดินตาม ปากพลางพึมพำบางอย่าง ซึ่งหลิงตงซ่านหาได้สนใจ ตอนนี้เขาโกรธมาก..เหยาเฟยกล้าล่วงเกินเขามากเกินไป เขาไม่ชอบมันอย่างแรง!! พอเดินไปก็พบกับเรือนทิวทัศน์สวยแต่หลิงตงซ่านหาได้สนเดินดิ่งเข้าไปเลย แต่ไป๋เหอชิงก็ดึงเขามาก่อน จนเขาเป็นอันต้องตกไปซบอกอีกฝ่าย "อะไร!!"
"ค..คือว่าข้าจำต้องส่งท่านถึงเตียงหรือไม่?"
แค่นี้หรอ...เอ็งดึงกูมาเพื่อถาม แ ค่ นี้ หรอ ว่ะ!?! แม่งเสียเวลาชีวิต ดวงตาเรียวหงส์มองบุรุษข้างหลังตนก่อนที่จะดึงมืออีกฝ่ายมาเดินไปเปิดประตูเรือนตนเองแล้วปิด แล้วก็พลักอีกฝ่ายไปตรงเตียง พลางคร่อมอีกฝ่ายแล้วก็เอ่ย"หากถามมากความเช่นนี้ก็มิต้องกลับเรือน!? นอนกับที่นี้เสีย!!" อีกฝ่ายที่ได้ยินก็ชะงักตกใจมาก
หลิงตงซ่านไม่ยื้อลุกเดินหนีไปสระโบตั๋นของตนเองพลางถอดอาภรณ์ออก ก่อนจะลงไปแช่ในน้ำ ทำความสะอาดร่างกายก่อนที่จะลุกไปหน้าฉากกั้น ที่มีอาภรณ์ชุดนอนอยู่ แล้วก็หยิบมาใส่ เดินออกมาซึ่งก็เห็นไป๋เหอชิงกำลังนั่งเอ๋อแดกอยู่ ก็เลยเอ่ย"ไปอาบน้ำ..อาภรณ์พาดอยู่ที่ฉากกั้น" "ข..ขอรับ!!" ไป๋เหอชิงก็ขานรับก่อนจะเดินไป
1-2เค่อผ่านไป
(1 เค่อ \= 15นาที)
หลิงตงซ่านจนตาจะปิด อีพระเอกกกกมึงอาบน้ำนานแท้ นั่งหน้ามุ้ยอยู่อย่างงั้นแหละ พอพูดถึงก็มาปั๊บ ไป๋เหอชิงเดินออกมาด้วยอาภรณ์ชุดนอนและไซส์มันก็พอดี เพราะอะไร? เพราะหลิงตงซ่านมีแต่อาภรณ์หลวมๆใหญ่ๆนะสิ เพราะมันใส่สบายเขาจะไม่ถือแล้ว ปากพลางเอ่ย"ช้าเสียจริงนะเจ้านะ" ไป๋เหอชิงมองหน้าเขาก่อนที่จะเอ่ย"ข้าแค่แปลกใจนะขอรับ ที่ท่านประมุขใส่อาภรณ์ที่ตัวใหญ่ขนาดนี้..ทั้งที่ท่านตัวเล็ก.." หลิงตงซ่านกระอักเลือดในใจ ไอ้นี่!? หาเรื่อง!! เดี๋ยวพ่อต่อยปากแตกเลยนี้!
หลิงตงซ่านคิดไปก็แผ่รังสีไป ไป๋เหอชิงที่รับรู้ได้ก็ยกมือทั้งสองมาแบคล้ายห้าม พลางยิ้มแห้ง "ข..ข้ามิได้หมายความเช่นนั้นขอรับ แหะๆ " หลิงตงซ่านมองค้อนก่อนที่จะเอ่ย"มานี้ เด็กน้อย" พูดไปก็พลางตบเตียงไป "ข..ขอรับ~" ไป๋เหอชิงเดินไปนั่ง "นอน" หลิงตงซ่านเอ่ยแล้วก็จับหัวไป๋เหอชิงให้โค้งตัวนอนลงเตียง
ไป๋เหอชิง "...." หน้าแดงเพราะบางอย่าง
หลิงตงซ่าน "???" เอิ่ม.. Whet?
'ข้าควรบอกเขาหรือไม่..? ว่าไหล่ของเขาเปิดออก ท่านประมุข!!!'
หลิงตงซ่านขยับเข้าไปใกล้ไป๋เหอชิงแล้วก็หลับตา ส่วนอีกคนตอนนี่เกร็งจัดๆ 'ท่านอย่าใช้ความงามนั้น โจมตีข้าสิ~~~' ไป๋เหอชิงได้แต่คิดในใจ น้ำตาแทบไหลริน ละสายตาจากไหล่ขาวๆของท่านประมุขไม่ได้เลย...น่าขบให้เป็บรอยเสียนี่กระไรเลย..
.
.
.
.
.
.
.
....
(จบตอนที่2)
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!