สายฟ้าร้องคำรามดังก้องฟ้าทั่วสารทิศ ดั่งต้องการลงทัณฑ์ผู้กระทำผิด เสียงร้องไห้โหยหวนของบรรดาเด็กกำพร้าไร้ที่พึ่งพิง กลับดังเด่นยิ่งกว่าเสียงฟ้าที่มืดครึ้มตรงหน้า ทว่าเด็กสาววัยเยาว์เพียง15ปี กลับนิ่งเงียบดั่งก้อนกรวดที่รู้ชะตากรรมของมันอยู่แล้ว ต่อให้ร้องคร่ำครวญเจียญตายก็ยังคงถูกเหยียบย่ำจนเส้นเสียงเหือดหายอยู่ดี
"หรูหรานเอ๋ย" เสียงเย็นเฉียบของครูผู้ฝึกองค์รักษ์เงาดังเด่นขึ้นมา
"เจ้านั้นเป็นเด็กฉลาด มีความอดทน และความสามารถโดดเด่นกว่าเพื่อนๆ วันนี้สิ่งที่เจ้าทำมาทั้งหมดได้สำแดงฤทธิ์แล้ว"
"........" เด็กสาวนามหรูหรานมิได้แม้แต่เปิดเปลือกตาขึ้นมอง หรือแสดงความดีอกดีใจใดๆที่ตนจะได้หลุดพ้นจากการฝึกสุดโหดร้ายนี้เลย
"นับแต่นี้เจ้าต้องตอบแทนในสิ่งที่เจ้าได้ร่ำเรียนจากพวกเราเเล้ว" ชายวัยกลางคนมิได้สนใจเด็กกำพร้าตรงหน้าที่บัดนี้มีบาดแผลฉกรรจ์อยู่หลายจุด ซึ่งอาจนำนางไปสู่ปรโลกได้เลย
"ฮึ...... ตอบแทน?" น้ำเสียงแหบแห้งอันบางเบาของเด็กสาวดังขึ้นด้วยความเยาะเย้ย
"จงสำนึกในพระกรุณาของฝ่าบาทที่ทรงเห็นถึงความสามมารถของเจ้า จึงทรงมอบภารกิจที่สำคัญเช่นนี้แก่เจ้าเถอะ"
มิอาจรับรู้ว่าเป็นภารกิจเช่นไร ต้องทำอย่างไร หากทำพลาดคงต้องจบชีวิตเท่านั้น มิอาจปฏิเสธ มิอาจร้องไห้คร่ำครวญ มิอาจร้องขอความเมตตา ทำได้เพียงจำใจตอบรับด้วยความเงียบอย่างเชื่อฟัง
บ้านเรือนเรียงรายเป็นแถวดั่งจัดเรียง ถนนขาวโพลนเส้นยาวสุดลูกหูลูกตา เสียงเอะอะ เร่ขายของของพ่อค้าแม่ค้าดังกึกก้องเต็มถนน ราชวังตั้งเด่นสง่าอยู่สุดปลายทางถนนเส้นขาว เด็กสาวที่มิได้เห็นทิวทัศเช่นนี้มานานแสนนาน แม้ใจเต้นรัวจนหายใจไม่ทัน ก็ยังคงนั่งนิ่งดั่งที่เป็นมา
"พวกเราถึงแล้ว" เสียงเดิมที่คงหลอนอยู่ในหูของหรูหรานดังขึ้น
"........." เด็กสาวลงจากรถม้าอย่างเชื่อฟัง
"อย่าได้แสดงกิริยาต่ำช้าในสถานที่นี้เป็นอันขาด บุตรสาวอดีตท่านแม่ทัพคงรู้มารยาของพระราชวังเป็นอย่างดีอยู่แล้วสินะ" น้ำเสียงรังเกียจพรางเยาเย้ยเอ๋ยพึมพำอย่างจงใจ
ห้องโถงใหญ่สูงสง่า ถูกประดับตกแต่งด้วยทองคำเหลืองอร่าม มังกรทองประกบเสาซ้ายหขา บัลลังก์มังกรเหลืองอร่ามดูหรูหราโอ่อ่าสมเป็นพระราชวัง
"มาแล้วรึหลงเอ๋อ" เสียงแหบของชายชราดังก้องขึ้น
"พะ..พะย่ะค่ะ" เสียงหวานของเด็กหนุ่มวัย13ปีตอบรับอย่างเกรงกลัว
เด็กชายผิวขาว ดูบอบบาง สายตามองต่ำ ใบหน้าเปื้อนยิ้มเจื่อนๆ เสื้อผ้าอาภรณ์หรูหรา มิต้องปราญตามองก็รู้ว่าเป็นเชื้อพระวงศ์แน่แท้
"หลงเอ๋อเอ๋ย ปู่แก่ๆผู้นี้หวังเพียงแค่ให้เจ้ามีความสุขสมที่เจ้าปรารถนา..." ชายแก่กล่าวอ้อมอย่างยืดยาว
"วันนี้จึงจะแนะนำเด็กหญิงที่จะมาเป็นเพื่อคุยของเจ้านับแต่นี้ต่อไป" เมื่อกล่าวเปิดก็ไม่รีรอรีบนำตัวเด็กที่ว่ามาปรากฏต่อหน้าหลานชาย
"ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท ถวายบังคมเพคะองค์รัชทายาท" เด็กสาวจิ้มลิ้ม ใบหน้าขาวผุดผ่อง ผิวเนียนละออ ผมดำสลวยมวยรูปผีเสื้อไว้ทั้งสองข้างมัดไว้ด้วยริปปิ้นสีแดงอ่อนๆ ดวงตากลมโตสมเป็นเด็ก นัยตาดำสนิทไร้แววความสดใส แต่ใบหน้ากลับยิ้มแย้มชวนเขิน
"นี่คือหรูหราน นับแต่นี้ไปนางจะเป็นเพื่อนเล่นและเพื่อนคุยของเจ้าตราบเท่าที่เจ้าต้องการ" มิปล่อยให้เกิดช่องว่างของความเงียบ ฮ่องเต้ก็เอ่ยขึ้นทันที
"ขะ..ขอบพระทัยพะย่ะค่ะฝ่าบาท" เด็กชายบอบบาง แลน่าปกป้องขานรับอย่างนอบน้อม
'ที่แท้ภารกิจที่ได้รับเป็นครั้งแรกก็คือการปกป้ององค์รัชทายาทผู้นี้นี่เอง' ในความรู้สึกนึกคิดของหรูหรานดังขึ้น
"เจ้าชื่อหรูหรานสินะ" องค์รัชทายาทวัยเยาว์เอ่ยถาม
"เพคะ" องค์รักษ์เงาฝึกหัดตอบกลับอย่างรวดเร็ว เขาช่างแตกต่างจากเมื่อครู่พอสมควร คงเป็นเพราะเป็นต่อหน้าฮ่องเต้กระมัง ความคิดผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสายขององค์รักษ์ฝึกหัดช่างกวนใจนัก
เรือนแสงอาทิตย์เหนือขององค์รัชทายาทช่างเงียบเหงา มิมีแม้แต่เสียงนกร้อง ช่างเป็นเรือนที่น่าเศร้าเสียจริง
"ต่อจากนี้เจ้าก็อยู่ที่นี่แล้วกัน" รัชทายาทฝูหลงผู้อ่อนแอเอ่ยขึ้น
"เพคะฝ่าบาท" องค์รัชทายาททรงเย็นชาที่เดียว ถึงแม้จะทรงอ่อนแอแต่กลับมีความเป็นผู้ใหญ่เสียเหลือเกิน
ชีวิตในรั้ววังของหรูหรานได้เริ่มขึ้นนับแต่นี้เป็นต้นไป องค์รัชทายาทผู้เป็นนายและเพื่อนเล่นช่างแปลกประหลาด เขามีนิสัยที่แปลกประหลาด คือเมื่ออยู่ต่อหน้าฮ่องเต้และข้าราชบริพารคนอื่น เขามักจะทำตัวเกรงกลัวและเจียมตัวอยู่เสมอ แต่เมื่อหลุดพ้นจากสายตาของฮ่องเต้และคนอื่นๆ เขามักจะเป็นคนเย็นชาและมีความเป็นผู้ใหญ่เป็นอันมาก แต่ด้วยเหตุนั้นก็ทำให้ตัวเขาปลอดภัยแม้จะถูกเหยียดหยามก็ตามที
สายลมเฉื่อยๆพัดผ่านเส้นผมสลวยของเด็กสาวไปยังเขาที่จดจ่ออยู่กับการเขียนอัษร
'นี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วนะ แต่องค์รัชทายาทก็ยังไม่ค่อยยอมคุยกับข้าเลย เฮ้อ~' เด็กสาวที่ฝนหมึกอย่างเฉื่อยๆ อยู่ๆก็ถอนหายใจขึ้นมา
"เฮ้อ!!"
"......" เขาหันมองต้นเสียง
"........" หรูหรานฉีกยิ้มออกทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
"เจ้าไปยกขนมมาให้ข้าเถอะ" เด็กชายเอ่ย
"เพคะฝ่าบาท" องค์รักษ์ฝึกหัดตอบรับอย่างเรียบร้อย ก่อนจะเดินอย่างสงบเสงี่ยมไปจนลับตา
"เฮ้อ!!! ในที่สุดก็หลุดพ้นจากที่ที่น่าอึดอันนั่นซักที" บ่นพึมพำก่อนจะกระโดดโลดเต้นไปยังห้องครัวอย่างสบายใจ
"หม่อมฉันกลับมาแล้วเพคะฝ่า...." เมื่อนางกลัยมาถึงเรือนก็พบกับข้าวของที่พัดกระจัดกระจายทั่วสารทิศ รอยเลือดสดใหม่เป็นทางลาดยาวจากห้องหนังสือไปถึงระเบียงหลังเรือน มิต้องคิดก็รู้ได้ด้วยสัญชาตญาณขององค์รักว่าผู้เป็นนายถูกโจมตีเสียแล้ว
มิรีรอเด็กสาวก็ตามรอยเลือดไปจนถึงสุดทาง ก็พบเข้ากับองค์รัชทายาทที่ยืนอยู่หน้าศพของนักฆ่าพร้อมบาดแผลที่แขนขวา
"องค์รัชทายาท!!" ด้วยเหตุใด ทุกสิ่งอย่างขององค์รัชทายาทอยู่เหนือสิ่งที่นางรู้ทุกอย่าง ทั้งความสามารถ นิสัย ร่างกาย สติปัญญา ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางรู้นั้นล้วนโกหก
"อึก!!" มิทันได้หยุดหายใจเฟิงฝูหลงก็เข้ามาประชิดพร้อมกับบีบคออันบอบบางของนางเสียแล้ว
"องค์...องค์รัชทายาท!" เด็กสาวทุบมือของเขาอย่างเบามือหลายที แต่เขาก็ไม่มีท่าทีที่จะวางมือ หรูหรานจึงตัดสินใจทุบไปที่ท้ายทอยของเขาอย่างเบามือ
"......." เด็กสาวจ้องมองเขาที่กองอยู่บนพื้นอย่างเย็นชา ก่อนจะพาเขากลับไปยังเรื่อนแสงอาทิตย์เหนือ
หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นเด็กสาวก็ตั้งใจว่าจะไม่ออกห่างจากข้างกายเขาอีก แม้จะรู้ว่าเขาสามารถปกป้องตัวเองได้ แต่การปกป้องเขาคือหน้าที่ของนาง
"......." เด็กชายจ้องมองออกไปยังลานกว้างหน้าเรือนที่บัดนี้ต้นแปะก๊วยต้นใหญ่กำลังปลดปล่อยใบไม้ของตนให้ร่วงไปทีละใบทีละใบ
"ทานซักหน่อยมั้ยเพคะ" เด็กสาวยื่นลูกบ๊วยเคลือบน้ำตาลให้เขา
"เจ้าไม่เบื่อบ้างรึ" เขาเพียงชายตามองก่อนจะเลิกสนใจในลูกบ๊วย แล้วจึงเอ่ยถาม
"เบื่อสิ่งใดรึเพคะ?" เด็กสาวที่ยัดลูกบ๊วยเข้าไปในปากถามสวน
"........"เด็กชายมิตอบได้แต่มองหน้าเด็กสาวที่กินลูกบ๊วยอย่างเอร็ดอร่อย
"........." เด็กสาวทำท่าทีสงสัย
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!