ฟองนมสาวน้อยวัยสิบห้าปีกำลังนั่งฟังกลุ่มเพื่อนเมาท์มอยเรื่องต่างๆ อย่างสนุกสนาน เนื่องจากคาบนี้อาจารย์ติดประชุมคาบเรียนนี้จึงกลายเป็นคาบว่างไปโดยปริยาย เธอหันมองไปยังสนามเทนนิสที่อยู่ด้านหลังของเธอ ที่ตอนนี้มีรุ่นพี่มอหกกำลังตีเทนนิสอย่างสนุกสนาน ถ้าถามว่าเธอรู้ได้ยังไงว่านี่คือมอหกก็ตอบได้เลยว่า วิชาพละของมอหกจะได้เรียนเทนนิสกับซอฟต์บอล ดังนั้นถ้าอยากรู้ว่าใครอยู่ชั้นอะไรก็แค่ดูตอนเรียนพละ เธอหันกลับมาก่อนจะคิดในใจว่าถ้าลูกเทนนิสพลาดหลุดออกมาจากรั้วจะเป็นยังไงนะ และก็เหมือนสวรรค์จะอยากตอบคำถามของเธอจึงทำให้ลูกเทนนิสกระแทกเข้าที่หัวของเธอเต็มๆ
“โอ๊ย!” หญิงสาวร้องออกมาเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปเก็บลูกเทนนิสเจ้าปัญหาพร้อมกับยืนขึ้น เมื่อหันไปข้างหลังก็เจอกับรุ่นพี่คนหนึ่งที่น่าจะเป็นเจ้าของลูกเทนนิสกำลังวิ่งมาหาเธอ “พี่ขอโทษนะเจ็บมากหรือเปล่า” เธอส่ายหน้าพร้อมกับยื่นลูกเทนนิสให้พี่เขาไปก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนว่า “ไปนั่งที่อื่นกันเถอะ” พวกเธอตัดสินใจย้ายมานั่งที่โรงอาหารที่อยู่ตรงข้ามกับสนามเทนนิสแทน พอนั่งลงวิวาห์เพื่อนเธอที่เป็นคนหูตากว้างขวางก็พูดขึ้นทันที “พี่เหนือมองไกลๆ ว่าหล่อแล้ว มองใกล้ๆ ยิ่งโคตรหล่อ” เธอหันหน้าไปมองพี่เหนือผู้ชายที่ตีลูกเทนนิสใส่หัวเธอก่อนจะหันมาถามในสิ่งที่เธออยากรู้ “พี่เขาเป็นใครหรอ” วิวาห์มองเธอยิ้มๆ ก่อนจะเอ่ยแซว “ปกติไม่เห็นจะสนใจใคร คนนี้มันทำไมชอบหรอ” “บ้า! ก็แค่ถาม” วิวาห์พยักหน้าเข้าใจ “โอเคๆ ไม่แกล้งล่ะ นั่นน่ะพี่ทิศเหนือ อยู่มอหกเป็นนักกีฬาเทนนิสของโรงเรียนด้วยนะ ได้แชมป์ระดับจังหวัดมาแล้วด้วย ที่สำคัญ ไม่! มี! แฟน!” เธอหลบตาเพื่อนรักที่มองมาอย่างคนรู้ทัน “ไม่ได้อยากรู้เรื่องนั้นสักหน่อย” ก่อนจะหันไปสนใจโทรศัพท์ในมือแทนแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะจากสองเพื่อนซี้ที่นั่งอยู่ข้างๆ
เวลาผ่านไปจนถึงคาบสุดท้ายวิชานี้เป็นวิชาแนะแนวซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นคาบว่าง ปกติวิชานี้จะได้เรียนเฉพาะเทอมสองเนื่องจากใกล้ต้องหาสถานที่เรียนต่อ นักเรียนส่วนใหญ่ก็เรียนต่อที่เดิมแต่ก็มีบางส่วนที่ไปเรียนโรงเรียนกีฬาในเมือง เธอกับสองเพื่อนรักเดินเข้ามาในห้องสมุดก่อนจะแยกย้ายไปหาหนังสือกันคนละมุม เธอเดินมานั่งรอเพื่อนๆ ที่โต๊ะเนื่องจากเธอไม่คิดที่จะอ่านหนังสืออยู่แล้ว หนังสือในห้องสมุดโรงเรียนน่ะไม่เห็นน่าสนใจเลย ส่วนเรื่องที่เธอพออ่านได้อย่างเช่นการ์ตูนวิทยาศาสตร์เบาสมองเธอก็อ่านจบทุกเล่มแล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอจึงเลือกที่จะหยิบหูฟังขึ้นมาใส่พร้อมกับเปิดเพลงในเพล์ลิสโปรด เธอฟุบลงบนโต๊ะก่อนจะหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง แล้วก็บังเอิญสบตากับคนที่นั่งอยู่ในตึกตรงข้าม ตึกเรียนของชั้นมอหก
ดูเหมือนว่าพี่เขาจะว่างนะ เธอมองคนที่ก้มหน้าลงไปขีดเขียนอะไรสักอย่างก่อนที่พี่ทิศเหนือจะยกสมุดขึ้นมา “ขอโทษนะ” เธอลุกขึ้นมานั่งก่อนจะพยักหน้ากลับไป “หายเจ็บหรือยัง” เธอจึงพยักหน้ากลับไปอีกครั้ง จะว่ายังไงดีล่ะมันไม่ได้เจ็บแต่มันชาไปหมดเลยในตอนนั้น อาจจะเพราะเธอตกใจด้วยมั้งเลยไม่รู้สึกอะไร “พี่ชื่อทิศเหนือ เราชื่ออะไร” เมื่ออีกคนถามแบบนั้นเธอจึงเปิดกระเป๋าหยิบสมุดกับปากกาขึ้นมา “หนูชื่อฟองนม” พี่ทิศเหนือเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง ฉันจึงพยายามอ่านปากพี่เขา ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไปเหมือนพี่เขาจะบอกกับเธอว่า “น่ารัก” ใช่ไหมนะ “มายื่นทำอะไรตรงนี้”
เธอสะดุ้งตกใจที่เพื่อนมาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงจึงอดที่จะบ่นอีกคนไม่ได้ “เป็นผีหรือไงมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง” แนนนี่เดินมายื่นอยู่ข้างๆ ก่อนจะมองไปยังตึกฝั่งตรงข้าม “ตึกมอหกมีอะไรน่าสนใจงั้นหรอ” เธอมองไปที่ตึกฝั่งตรงข้ามก็ไม่เห็นอีกคนแล้วจึงบอกปัดเพื่อนไป เธอเองก็ไม่อยากให้เพื่อนรู้เหมือนกันเดี๋ยวจะโดนแซวอีก “ไม่มีอะไรหรอกแสงตรงนี้สวยดีน่ะเลยจะมาถ่ายรูป” ก่อนจะเดินไปหยิบกล้องโพลารอยด์ออกมาจากกระเป๋า หลังจากถ่ายรูปไปได้สองสามรูปเธอก็ได้ยินเสียงเพื่อนรักอีกคนเดินมาแต่ไกล “ถ่ายรูปหรอถ่ายด้วย!”
เธอมองวิวาห์ที่รีบเดินเข้ามาพร้อมกับขนมและชานมในมือก่อนจะถามขึ้น “ไหนบอกว่าไปหาหนังสือไงแล้วทำไมถึงมีขนมกับชานมล่ะ” วิวาห์วางของในมือลงบนโต๊ะข้างๆ กระเป๋าของเธอ “ของแกนั่นแหละ” เธอมองของพวกนั้นงงๆ “ใครให้มาหรอ” วิวาห์ยิ้มพร้อมกับสายตาเจ้าเลห์ “ให้ทาย” คนเดียวที่เธอนึกถึงตอนนี้ก็คงจะเป็น “พี่ทิศเหนือหรอ” วิวาห์ปรบมือเบาๆ พร้อมกับบอกว่า “ถูกต้องแล้วจ้า” เธอเดินไปหยิบขนมขึ้นมา มันคือวาฟเฟินสองชิ้นกับกระดาษหนึ่งใบ เธอหยิบกระดาษใบนั้นขึ้นมาก่อนจะเปิดอ่านมัน “ทานให้อร่อยนะครับจากพี่ทิศเหนือ” แนนนี่ก้มลงมาอ่านจดหมายในมือของเธอก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้เธอใจเต้นแรง “พี่เขาต้องชอบแกแน่ ๆ เลย” เธอเก็บกระดาษไว้ในกระเป๋ากระโปรงกระจะบอกปัดเพื่อนๆ ไป “ไม่ใช่หรอก พี่เขาคงแค่อยากจะขอโทษเรื่องลูกเทนนิสน่ะ” เธอไม่อยากเข้าข้างตัวเองถึงแม้จะแอบหวังอยู่ลึกๆ ก็ตาม คนอย่างพี่ทิศเหนือน่ะมีคนเข้าหามากมาย คนที่หน้าตาดีกว่าเธอก็มีตั้งเยอะแยะ
หลังจากแยกย้ายกับเพื่อนๆ ที่หน้าห้องสมุด ฟองนมก็เดินมารอรถประจำทางเพื่อที่จะกลับบ้านจากประตูอีกฝั่ง โรงเรียนเธอมีประตูสองฝั่งคือฝั่งทิศตะวันตกซึ่งเป็นฝั่งหน้าโรงเรียนที่จะมีป้ายรถเมล์อยู่ใกล้ๆ กับประตูทางเข้า ส่วนอีกฝั่งคือประตูฝั่งทิศใต้ซึ่งจะอยู่ติดกับสถานีตำรวจ เป็นประตูที่ใช้สำหรับคนที่มีผู้ปกครองมารับมาส่งหรือขับรถมาเรียนเอง แนนนี่ขับรถมาเรียนเองเนื่องจากบ้านอยู่ไกลมากส่วนวิวาห์คุณแม่คอยมารับส่งเพราะบ้านอยู่ใกล้ ส่วนเธอที่บ้านอยู่ไม่ไกลมากเลือกที่จะนั่งรถเมล์เพราะไม่อยากให้คนที่บ้านลำบากมารับมาส่งและที่สำคัญคือเธอชอบนั่งฟังเพลงชิลๆ บนรถเมล์อีกอย่างวันไหนที่ไม่อยากกลับบ้านเร็วเธอยังสามารถนั่งไปนู้นไปนี่ก่อนค่อยกลับบ้านได้อีกด้วย เพราะยังไงซ่ะเธอก็มีบัตรโดยสารแบบเหมาจ่ายรายเดือนอยู่แล้ว นั่งรออยู่สักพักรถเมล์ก็ขับเข้ามาจอดพอดี เธอเลือกนั่งเบาะหลังสุด เพราะตั้งใจว่าจะไปสถานที่ที่หนึ่งก่อนกลับบ้าน
เธอเดินมานั่งที่ชิงช้าสีขาวตัวหนึ่งที่ผูกไว้ใต้ต้นหูกระจง เธอดื่มดำไปกับบรรยากาศรอบตัวก่อนที่สายตาจะไปหยุดอยู่ที่ชายหญิงคู่หนึ่งที่ดูแล้วก็เหมาะสมกันดี คนหนึ่งหล่อแถมยังใจดี ส่วนอีกคนก็น่ารักน่าทะนุถนอม ทั้งที่สองคนนั้นเป็นเป็นคู่รักที่น่ารักมากแท้ๆ แต่เธอกลับรู้สึก....ไม่ชอบใจซ่ะอย่างนั้น เธอหยิบกล้องโพลารอยด์ขึ้นมาก่อนจะกดบันทึกภาพนั้นเอาไว้ เสียงชัตเตอร์คงดังเกินไปทำให้สองคนที่กำลังหยอกล้อกันอยู่หันมา เธอหยิบรูปใบนั้นขึ้นมาดู มันเป็นภาพที่ผู้ชายกำลังสวมที่คาดผมรูปกวางให้กับผู้หญิงตรงหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข
เธอเดินไปหาคู่รักคู่นั้นพร้อมกับยื่นรูปไปให้ “ขอโทษนะคะหนูเห็นพวกพี่น่ารักดีเลยกดถ่ายไป” ผู้หญิงคนนั้นหยิบภาพในมือฉันไปพร้อมกับยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไรจ๊ะ ถ่ายรูปสวยมากเลยนะ” เธอยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้นก่อนจะเหลือบมองไปยังผู้ชายคนนั้นพร้อมกับยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ” พี่ทิศเหนือพยักหน้ากลับมาก่อนจะเอ่ยถาม “ได้ขนมหรือยังครับ” เธอจึงพยักหน้า “ทั้งสองคนรู้จักกันหรอ” ยังไม่ทันที่ฉันจะตอบพี่ทิศเหนือก็ชิงตอบกลับไปก่อน “น้องที่เราพูดให้ฟังไง” ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะพยักหน้าเข้าใจ “หนูขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” เธอรีบเดินออกมาโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรับไหว้หรือไม่ ก่อนจะเดินไปตามทางเรื่อย ๆ จนมาถึงสะพานข้ามลำธารเล็กๆ เธอมองไปยังปลาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำพร้อมกับคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย “ไหนบอกว่าโสดไงล่ะ” แล้วเมื่อกี้มันคืออะไรกัน สายตาที่ทั้งคู่มองกันดูยังไงก็มากกว่าเพื่อนก่อนที่เธอจะคิดได้ ยังไม่มีแฟนแต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีคนคุยสินะ เธอยิ้มให้กับความรู้สึกย่ำแย่ของตัวเอง “ยังไม่ทันได้จีบก็อกหักซ่ะแล้ว ยัยฟองนมเอ๊ย!”
เธอนั่งรถกลับมาถึงบ้านก็รีบเข้าไปแช่น้ำในอ่างทันที บางทีการแช่น้ำอุ่นๆ อาจจะทำให้เธอหายเศร้าก็ได้ แต่เหมือนเธอจะลืมไปว่าแช่น้ำไปก็เท่านั้นในเมื่อเพล์ลิสที่เธอเปิดในตอนนี้มันมีแต่เพลงเศร้า เธอเข้าไปในไอจีก่อนจะโพสต์ระบายความรู้สึกของตัวเองออกมา “อกหักทั้งที่ไม่มีแฟน” จากนั้นจึงวางโทรศัพท์แล้วรีบอาบน้ำแต่งตัว เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเป็นอะไร มันเสียใจ ใจหาย อยากร้องไห้แต่ก็ไม่ได้เศร้าขนาดนั้น เฮ้อ!อยากจะบ้า การผิดหวังจากใครสักคนมันรู้สึกยุ่งเหยิงขนาดนี้เลยหรอ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแจ้งเตือนที่ถูกส่งเข้ามาไม่หยุดจากสองเพื่อนซี้ เธอเข้าไปดูข้อความของเพื่อนรักก่อนจะเห็นข้อความที่ดูใส่ใจเธอเหลือเกินอย่างเช่น เป็นอะไร อกหักจากใคร พี่เหนือหรอ อะไรยังไงเล่ามาเดี๋ยวนี้นะ หายไปไหนเมื่อกี้ยังโพสต์ไอจีอยู่เลย และสติ๊กเกอร์น่ารักๆ อีกบลาๆ เธอจึงโทรหาเพื่อนทั้งสองก่อนจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง
“อาจจะไม่ใช่แฟนก็ได้นะแก” วิวาห์พูดขึ้นหลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด “วันนี้ไม่ใช่วันข้างหน้าก็ต้องใช่ ฉันมันใจว่าดูไม่ผิด” สองคนนี้จะต้องได้คบกันในสักวันหนึ่ง “อะไรเนี่ย เมื่อตอนกลางวันยังมีความสุขอยู่เลยทำไมตอนนี้ถึงเศร้าล่ะ” แนนนี่เอ่ย “หมดกันฉันอุตส่าห์เชียร์แกเต็มที่เลยนะ” เธอยิ้มให้กับคำพูดนั้นของวิวาห์ ก่อนจะบอกปัดให้คุยเรื่องอื่น “ช่างมันเถอะ เลิกคุยเรื่องพี่เขาดีกว่า พรุ่งนี้มีพรีเซ็นต์งานวิชาอาจารย์สมศรีนะอย่าลืมเตรียมตัวกันด้วย” แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนเธอจะลืมไปแล้วนะ “จริงด้วยลืมเลย! ฉันขอตัวไปเตรียมบทพูดก่อนนะ” หลังจากที่วางสายจากเพื่อนๆ ไป เธอก็กดเข้าไปดูแจ้งเตือนเพื่อนใหม่ “ทิศเหนือ”
เธอเลือกที่จะเมินแจ้งเตือนนั้น แต่ก็ไม่วายกดเข้าไปส่องไอจีของอีกฝ่ายอยู่ดี เพราะว่าพี่ทิศเหนือเป็นคนดังในโรงเรียนโพสต์ทุกโพสต์จึงเปิดเป็นสาธารณะทำให้เธอเข้าไปส่องได้สะดวก ส่องไปเรื่อย ๆ ก็เจอกับแจ้งเตือนโพสต์ล่าสุด เมื่อกดเข้าไปดูก็เห็นว่ามันคือรูปที่เธอถ่ายให้สองคนนั้นเมื่อตอนเย็น “น่ารักดี” เธอเลื่อนไปดูคอมเม้นต์ก็พบว่าเพื่อนของทั้งสองคนมาเม้นต์แซวว่าสองคนนั้นคบกันหรอบลาๆ แต่สายตาก็ต้องสะดุดเข้ากับคอมเม้นต์ของพี่ผู้หญิงในภาพนั้น “อะไรน่ารัก ฉัน รูปภาพ หรือคนถ่าย” เธอคาดหวังกับคำตอบนั้นได้ไหมนะ "คนถ่าย"
เธอไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะแต่ว่า....เธออดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ สรุปแล้วสองคนนั้นเป็นอะไรกันนะ เธอกดมาดูหน้าแจ้งเตือนผู้ติดตามใหม่ก่อนที่เธอจะกดยอมรับ ไม่รู้ว่าพี่เขาหาไอจีเธอเจอได้ยังไงแต่ยอมรับเลยว่าเธอดีใจที่อีกคนกดติดตามมา เสียงข้อความเข้าเรียกความสนใจจากเธอที่กำลังมาร์กหน้าได้เป็นอย่างดี ใครกันนะเพราะปกติเวลานี้จะไม่มีใครทักมา เธออ่านชื่อเจ้าของข้อความก่อนจะยิ้มออกมา “พี่ทิศเหนือ” ทักมาทำไมกันนะ
“นี่ใช่ฟองนมหรือเปล่า” อย่ามือสั่นสิฟองนมไม่ต้องตื่นเต้น “ใช่ค่ะ พี่มีอะไรหรือเปล่า” โอ๊ย! ไอ้มือบ้านี่ก็สั่นจังเลย “จำพี่ได้ไหม” ไว้เท่าความคิดเธอก็รีบตอบกลับไปทันที “จำไม่ได้ก็เป็นปลาทองแล้วค่ะ” ก่อนจะมานั่งคิดมากทีหลัง ยังไม่สนิทกันเลยพิมพ์ไปแบบนั้นจะโอเคไหมนะ “ฮ่าฮ่าฮ่า ตลกนะเราน่ะ” โอเคอย่างน้อยก็ทำให้พี่เขาหัวเราะแหละ ถึงจะไม่รู้ว่าหัวเราะจริงไหม “แฮะๆ พี่มีอะไรกับหนูหรอคะ” และแล้วคำตอบของคนพี่ก็ทำให้เธอเสียอาการไม่น้อย “ไม่มีอะไรครับ อยากคุยด้วยเฉยๆ คุยได้ไหม” จะตอบยังไงดีนะบ้าจริงเธอหุบยิ้มไม่ได้เลย “ไม่ได้ค่ะ” ไม่ได้ก็บ้าแล้ว เธอหยิบแผ่นมาร์กออกก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งคุยดีๆ “ทำไมล่ะ” เธอพิมพ์บางอย่างลงไป ก่อนจะลบทิ้งและพิมพ์ของความลงไปอีกครั้ง “คุยเยอะๆ เดี๋ยวหนูเผลอตกหลุมรักพี่จะทำยังไงล่ะ” เธอทำใจอยู่สักพักก่อนจะกดส่งไป
“รักก็รักสิ ไม่เห็นเป็นไรเลย” คำตอบนั้นทำให้เธอยิ้มออกมาอีกแล้ว “อย่ามาให้ความหวังทั้งที่มันเป็นไปไม่ได้นะคะ” เธอพอจะมีความหวังไหมนะ “ทำไมถึงคิดว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ” เอาล่ะในที่สุดก็ถึงคำถามในสิ่งที่เธออยากรู้สักที “ก็พี่มีแฟนแล้วนี่” ถึงจะถามไปแบบนั้นแต่ฉันก็หวังว่ามันจะไม่ใช่เรื่องจริงนะ “รู้ได้ไง” จากกำลังมีความหวังตอนนี้เหมือนความหวังนั้นมันหลี่แสงลงเลย “หนูเก่ง” หมายถึงปากเก่งน่ะแต่ตอนนี้อยากร้องไห้ “เก่งไม่จริงน่ะสิ” เธอเริ่มขมวดคิ้วกับคำตอบนั้น “หมายความว่าไงคะ” หรือว่าเธอจะมีความหวังจริงๆ “ไม่บอก” เธออดเบ้ปากให้กับข้อความของคนตรงหน้าไม่ได้ “ไม่บอกก็ไม่บอก” มาหลอกให้อยากรู้สุดท้ายก็คงเป็นแค่หมาหยอกไก่ “ถ้าอยากรู้พรุ่งนี้ไปกินข้าวกับพี่ที่โรงอาหารสิ” แบบนี้นี่คือมีใจหรือเปล่านะ “กี่โมงคะ” เธอย้ายตัวเองมานั่งที่โต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะยิ้มออกมา “เจอกันเจ็ดโมงครึ่งก็ได้ครับ” เธอเลือกเครื่องประดับผมมาวางไว้พรุ่งนี้เธอว่าจะทำผมสักหน่อย “เลี้ยง?” ถามไปเท่านั้นแหละไม่ได้จะให้เลี้ยงจริงๆ หรอก “ครับเลี้ยง” เธอยิ้มให้ความใจป้ำของคนในแชท “เย้! แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูจ่ายเองดีกว่า ว่าแต่มีใครไปบ้างหรอคะ” ถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วยเธอคงต้องปฏิเสธ “มีสี่คนน่ะ มีพี่ทิศเหนือ น้องฟองนม พี่ทิศเหนือแล้วก็น้องฟองนม” เธอยิ้มให้กับคนพี่....อีกแล้ว “เยอะจัง งั้นหนูไม่ไปล่ะ” เมื่อเลิกเกร็จเธอก็เผยตัวตนที่แท้จริงออกมาทีละนิด “อย่ามาตลกนะไอ้เด็กแสบ” ไอ้เด็กแสบหรอ ฮึ! ชอบจัง “ฮ่าฮ่า ล้อเล่นเองถ้างั้นเจอกันพรุ่งนี้นะคะ”
“ครับตัวแสบ” หลังจากที่ตอบข้อความของคนตัวเล็กทิศเหนือก็หยิบภาพใบนั้นขึ้นมา ภาพนี้มันเห็นแค่หน้าของเขาก่อนที่เขาจะยิ้มให้กับรูปภาพใบนั้น เหมือนว่าเด็กน้อยจะคิดว่าเขากับฟ้าเป็นแฟนกันสินะ เขามองรูปนั้นอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจออกมา “เฮ้อ! มันก็เหมือนจริงๆ นั่นแหละ” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดเข้าไปในไอจีของยัยเด็กแสบ โพสต์ล่าสุดก็คือ “อกหักทั้งที่ไม่มีแฟน” พออ่านจบเขาก็ยิ้มออกมาก่อนจะคอมเม้นต์ลงไป “ใครมันกล้าหักอกยัยเด็กแสบกันนะ”
หลังจากที่พี่ทิศเหนือคอมเม้นต์มาแบบนั้น สองเพื่อนซี้ของเธอก็ทักมาทันที “อะไรยังไงคะ ยัยเด็กแสบ!” วิวาห์ที่เป็นสายเผือกตัวจริงทักมา “ก็ไม่มีอะไร” ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายกดอ่านอย่างรวดเร็ว “ไปเป็นยัยเด็กแสบของพี่เขาตอนไหนคะ” วิวาห์ยังคงถามต่อไม่หยุด “โทรได้ไหมขี้เกียจพิมพ์” พอเธอบอกไปแบบนั้นแนนนี่ก็กดโทรมาทันที เธอนึกว่ายัยนี่จะไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้ซ่ะอีก สงสัยเธอคงต้องมองยัยนี่ใหม่แล้วล่ะ
“ฉันว่าพี่เขาต้องชอบแกแน่ ๆ คอนเฟิร์ม” วิวาห์ผู้ที่เชียร์เพื่อนสุดใจพูดขึ้น “นั่นสิทั้งชวนกินข้าว ไหนจะพูดจาเหมือนให้ความหวังแกอีก ถ้ามันไม่ใช้การให้ความหวังเล่นๆ พี่เขาต้องชอบแกมากแน่ ๆ” เธอก็หวังให้เป็นแบบนั้นเหมือนกัน รักแรกของเธอหวังว่ามันจะสมหวังนะ “พรุ่งนี้ฉันจะไปนั่งสังเกตุการณ์แต่เช้าไม่ต้องประหม่านะจ๊ะเพื่อนรัก” วิวาห์พูดด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะโดนเบรกจนหน้าทิ่มด้วยแนนนี่ “ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องคนอื่นจ้า” เธออ่านข้อความของเพื่อนทั้งสองที่ทะเลาะกันเหมือนเด็กก่อนจะหัวเราะ “จะบอกว่าฉันเผือกหรอ” เธอยิ้มแล้ววางมือถือลงปล่อยให้สองคนนั้นทะเลาะกันไป
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!