NovelToon NovelToon

Cuz You're My Star

ตอนที่ 1 ยิ้มหวาน

ณ ห้องนอนในบ้านสองชั้นหลังเล็กแห่งหนึ่งได้มีร่างของเด็กผู้หญิงนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ ถึงแม้จะเป็นเวลาที่ทุกคนอาจจะหลับนอน แต่เด็กคนนี้กลับกำลังนั่งอ่านหนังสือโดยเปิดโคมไฟที่โต๊ะอย่างเดียว

นิ้วเรียวดันกรอบแว่นวงกลมกลับเข้าที่เดิม ภายในห้องได้ยินเพียงเสียงพลิกกระดาษและเสียงของปลายดินสอที่กำลังจดรายละเอียดเนื้อหาลงในสมุดโน้ตก่อนจะวางดินสอลงที่โต๊ะ

เรียวตาคมมองไปที่นาฬิกาหัวโต๊ะเมื่อปรากฏว่าเป็นเวลาที่ตนเองควรนอนแล้วจึงรีบเก็บอุปกรณ์การเรียนของตนเองเข้ากระเป๋า

“วันนี้ติวเข้าใจแค่นิดเดียวเอง.. นี่เราพัฒนาช้าลงงั้นเหรอ”

เด็กสาวร่างสูงส่ายหัวอย่างอ่อนใจแล้วตัดสินใจหลับตาลงในที่สุด เพราะอย่างไรแล้วพรุ่งนี้ก็เป็นวันเปิดเทอมเพื่อเป็นเด็กมัธยมปลายชั้นปีที่ 6 อย่างเต็มตัว

จิ๊บๆ

ครืด ครืด ครืด

เสียงสั่นจากโทรศัพท์มือถือเรียกให้คนที่เพิ่งจะได้นอนไม่กี่ชั่วโมงลุกขึ้นมานั่ง มือหยิบน้ำเทใส่แก้วโต๊ะข้างหัวเตียงแล้วกระดกลงคออย่างรวดเร็ว

“อือ.. ค่อยสดชื่นขึ้นหน่อย”

ก๊อกๆๆ

“ตื่นรึยังลูก แม่ทำไข่ดาวไว้ให้เราวางไว้ที่โต๊ะแล้วนะจ๊ะ”

“ตื่นแล้วค่ะแม่”

“โอเคจ้ะ”

เด็กสาวร่างสูงตัดสินใจลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อที่แม่ของตนเองจะได้ไม่ต้องรอนาน

ใช้เวลาไม่นานก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จด้วยความรวดเร็วและกระฉับกระเฉง ก่อนที่ขายาวจะก้าวออกไปจากห้องก็ไม่ลืมที่จะเอื้อมแขนไปหยิบกระเป๋าสะพายนักเรียนของตนเองมาด้วย

เมื่อมาถึงโต๊ะเด็กสาวรีบนั่งลงแล้วตักข้าวไข่ดาวเข้าปากทันทีโดยไม่ลืมที่จะเอ่ยปากชมแม่ของตนเอง ถึงแม้จะเป็นเพียงไข่ดาว แต่แม่ของตนก็ยังตื่นเช้าขึ้นมาทำให้

“ไข่ดาววันนี้ก็ยังอร่อยเหมือนเดิมเลยนะคะแม่”

“แหมๆ ลูกใครกันเนี่ย ปากหวานจริงเชียว”

“ก็ลูกคุณขวัญใจนี่แหละค่ะ”

“คิกๆ วันนี้ก็ขับรถไปเองใช่ไหมจ๊ะ แม่วางกุญแจให้แล้วตรงทางออก อย่าลืมหยิบไปด้วยนะลูก”

“ขอบคุณค่ะ งั้นหนูไปก่อนนะคะ”

“เดินทางปลอดภัยจ้ะ”

ในที่สุดเด็กสาวก็มาถึงที่โรงเรียนโดยสวัสดิภาพ มือถอดหมวกกันน็อคออกจากหัวกำลังจะวางลงที่เบาะรถจักรยานยนตร์แต่ก็ต้องชะงักเข้าเสียก่อนเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตนเองมาจากด้านหลัง

“คีตะโว้ยยยย!! วันนี้มาช้าไป 1 นาทีนะคะเพื่อน”

“แค่นั้นจะบอกทำไม” เสียงทุ้มลื่นหูเอ่ยตอบเพื่อน หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

“เถอะน่า ตามมา จองโต๊ะไว้ให้แล้ว”

“เดี๋ยวก่อนธารา โต๊ะหลังเหมือนเดิมรึเปล่า”

“ก็ต้องโต๊ะเดิมสิคะเพื่อน โต๊ะข้างหลังเหมือนเดิมตั้งแต่ขึ้นม.1 จนตอนนี้ม.6 ละ เนิร์ดปลอม”

คีตะมองหน้าเพื่อนสาวของตนเองอย่าง ‘ธารา’ ที่เป็นเพื่อนกับเธอมาตั้งแต่อยู่ประถม1 มุมปากยกขึ้นสูงเล็กน้อย

“ไปเถอะ จะได้เอากระเป๋าไปวางไว้ก่อน”

“วันนี้คงจะไม่ได้เรียนหรอกใช่ไหมนะ เพราะว่าเป็นวันแรก”

ธารารีบเดินตามเพื่อนสาวตัวสูงไปเดินข้างๆ แล้วพูดคุยกันตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน เพราะถึงแม้จะเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ช่วงปิดเทอมนั้นทั้งสองก็ต่างคนต่างอยู่กับครอบครัว

เมื่อเดินมาถึงที่ห้องธาราจึงรีบเดินไปวางมือลงที่โต๊ะ

“โต๊ะเราสองคน ของแกริมหน้าต่างพอดี”

“วิวดี..” คีตะเดินไปหยุดอยู่ที่โต๊ะของตนเองแล้ววางกระเป๋าลง นัยนต์ตาสีนิลมองลงไปยังด้านล่างที่มีเด็กนักเรียนเดินกันขวักไขว่ไปมาจนกระทั่งสายตาของคีตะได้ไปปะทะเข้ากับดวงตาใสกลมดั่งแก้วของใครบางคนเข้า

“เหม่ออะไรคีตะ ถามก็ไม่ตอบ”

“..ไม่มีอะไร”

“เฮ้ยๆ ห้ามมีความลับกับเพื่อนค่า มีอะไร”

“เพื่อนก็ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างค่ะ ถ้าอยากบอกก็จะบอกเองเนาะ”

“กรี๊ดดดด แกพูดแบบนี้เอาปากกามาแทงที่ใจอีธาราคนนี้แทนเถอะ” ธารานั่งดีดดิ้นที่โต๊ะมือบีบคอตัวเองแกล้งเจ็บให้เพื่อนสาวตัวสูงได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

กึก

แต่แล้วก็มีเสียงมาหยุดที่หน้าประตูห้องของคีตะกับธาราที่กำลังนั่งอ่านหนังสือกันอยู่หลังจากที่ตีกันไป

“เนิร์ด เอาการบ้านมาลอก เร็วๆ”

“นั่นไง.. คู่กัดคู่แค้นแกมาละ”

คีตะเงยหน้ามองเจ้าของเสียงเล็กนุ่มและยังเป็นเจ้าของดวงตากลมใสที่เธอเพิ่งจะได้สบตากันไปเมื่อสักพักนี่เอง

ร่างสูงลุกจากเก้าอี้เดินไปหาเด็กสาวที่มีความสูงต่างจากตนเองอย่างชัดเจน เพราะหัวของอีกฝ่ายอยู่เพียงแค่ระดับหน้าอกเท่านั้น

เมื่อได้เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายกลิ่นหอมคล้ายแป้งเด็กได้ลอยขึ้นมาตีเข้าที่จมูกอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเรียว จมูกไม่โด่งมากนักแต่รับเข้ากับปากกระจับสีสดได้เป็นอย่างดี

“การบ้านอะไร”

“กะ..การบ้านปิดเทอมของครูเพ็ญแขไง แค่นี้ก็จำไม่ได้เหรอ หรือยังไม่ได้ทำ ฮึ”

“ถึงทำแล้วก็ไม่ได้แปลว่าจะให้เธอลอกนี่ เอาเวลามากวนเราไปทำเองดีกว่าไหม”

“เอามานะเนิร์ด!! อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ”

“..เดินไปหยิบเอง ในกระเป๋า”

“จิ๊ ก็แค่นั้น!” คนตัวเล็กเดินกระแทกไหล่คีตะผ่านไป เท้าเล็กย่ำหนักเหมือนกำลังไม่พอใจในตัวของคีตะ

“เป็นอะไรของหล่อนยะ มาหาเรื่องเพื่อนคนอื่นถึงที่ เดี๋ยวแม่ตบให้หรอก”

ธาราทนไม่ไหวที่คนตัวเล็กจู่ๆ ก็มาพูดตะคอกใส่เพื่อนของตนเอง มือที่กำลังจะยื่นไปคว้าแขนอีกฝ่ายโดนหยุดไว้ด้วยคีตะ ใบหน้าคมส่ายเป็นนัยว่าไม่ต้องเปลืองแรง เดี๋ยวจะจัดการเอง

“ไม่ต้องมายุ่งยัยธารา ปากแจ๋วแบบนี้ ตบมาก็ตบกลับค่ะ”

“ถ้าได้แล้วก็กลับห้องเธอไป อย่าลืมเอามาคืนเราด้วยล่ะ”

“มาเอาที่ห้องฉันสิ ใครจะอยากเดินมาหาเธอ”

“อืม ตามนั้น”

คีตะหลบทางให้อีกฝ่ายได้เดินกลับออกไปแต่สายตาดันเหลือบไปเห็นแบงค์สีเขียววางอยู่ที่โต๊ะ

“เดี๋ยวก่อนยิ้มหวาน เราเคยบอกแล้วไงว่าไม่เอาตังค์”

“แค่ 20 บาทเองไหม ขนหน้าแข้งฉันคงจะหลุดอยู่หรอกมั้ง” ยิ้มหวานไม่รอให้คีตะได้พูดอีกครั้ง ร่างเล็กรีบเดินออกจากห้องไปในทันที

“เฮ้อ.. ธาราฝากดูของที่โต๊ะก่อนนะ เดี๋ยวมา”

“จะไปไหนอีคี!!!!”

คีตะก้มมองแบงค์สีเขียวก่อนจะเก็บเข้ากระเป๋าของตนเองแล้วเดินตามยิ้มหวานไปจนอีกฝ่ายเข้าห้องไปแล้วจึงเดินกลับห้องของตนเองอีกครั้ง

“ไปไหนมา”

“ไปเข้าห้องน้ำมา”

“...” ธาราชำเลืองมองคีตะเล็กน้อย คีตะมักจะโกหกไม่เก่งอยู่เสมอ เหมือนอย่างตอนนี้ที่กำลังลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด ดินสอที่ไส้เขียนควรจะจรดอยู่ที่กระดาษกลับชี้ขึ้นแล้วเอาด้านที่มียางลบลงไป

คงจะเดินตามไปส่งยัยยิ้มหวานที่ไม่เห็นจะยิ้มหวานตามชื่อนั่นสินะ

—ช่วงพักกลางวัน—

“กินอะไรดี ฉันอยากกินก๋วยเตี๋ยวเรือว่ะ ไม่มีคนต่อแถวพอดี เดี๋ยวซื้อเสร็จแล้วจะไปจองโต๊ะให้นะคีตะ”

“อือ” คีตะมองไปรอบๆ โรงอาหารเมื่อเห็นสิ่งที่ต้องการจึงเดินแยกตัวออกไปอีกทางจนรู้ตัวอีกทีในมือก็มีขนมกล่องสีชมพูสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีแท่งขนมอยู่ด้านใน

“พี่คีตะคะ” เสียงใสดังขึ้นมาจากด้านหลังทำให้คีตะที่กำลังยืนรอคิวสั่งข้าวต้องหันกลับไปมอง

ทำไมวันนี้ถึงมีคนเรียกฉันบ่อยจังนะ..

คีตะมองเด็กสาวที่เข้ามาทักเมื่อพบว่าเป็นรุ่นน้องคนสนิทจึงส่งยิ้มอ่อนๆ ให้ก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่มกลับไปโดยไม่รู้เลยว่ากำลังมีคนที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังอ้าปากล้อเลียนสิ่งที่คีตะพูดอยู่ตลอดเวลาด้วยความหมั่นไส้

“น้องพิมมีอะไรรึเปล่าคะ”

“คะ..คือขนมค่ะ พิมให้พี่”

“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่เอาให้พี่ทำไมเหรอคะ”

“ก็ตอนปิดเทอมพิมเคยไปหาพี่ถึงบ้านให้สอนการบ้านนี่คะ พิมยังไม่ได้ให้อะไรพี่คีตะเลย”

“งั้นพี่จะกินให้อร่อยเลย ขอบคุณนะคะ”

“เจอกันวันหยุดนะคะ”

คีตะพยักหน้ายิ้มให้รุ่นน้องก่อนจะค่อยๆ หุบยิ้มลงเมื่อได้สบตาคู่กลมที่คุ้นเคย

“พี่จะกินให้อร่อยเลย แหวะ” ยิ้มหวานยกแขนขึ้นมากอดตระกองตรงอกแล้วกลอกตา

“ถ้าเธอแขวะเราอีกครั้ง เราจะคิดแล้วนะว่าเธอหึงเรา”

“จะบ้าเหรอ!? ใครจะไปหะ..หึงเธอกัน ฉันไม่ชอบเนิร์ดแบบเธอหรอกย่ะ หลงตัวเองจริงๆ หลบไปถ้าไม่สั่ง”

“ป้าคะเอากะเพราหมูกรอบสองค่ะ”

“นี่จ้ะ”

คีตะรับมาแล้วยัดจานข้าวใส่ในมือเล็กของยิ้มหวานพร้อมกล่องขนมสีชมพู

คนตัวเล็กก้มมองจานข้าวและขนมในมือของตนเองด้วยความสับสน

“ของเธอ นี่ขนม เราไม่ได้ตั้งใจซื้อให้เธอหรอกนะ แต่เราบอกเธอแล้วว่าไม่เอาเงิน ถือว่าเราคืนเงินเธอแล้วนะ เดี๋ยวตอนเย็นจะไปเอากับเธอ อย่าเพิ่งกลับบ้านก่อนล่ะ”

“อะ..เอาอะไร?! คืนเงินให้แต่จะทำแบบนั้นแทนฉันไม่เอาหรอกนะยะ!!! เห็นฉันเป็นคนยังไงยะยัยเนิร์ด วอนโดนตบซะแล้ว”

ใบหน้าของยิ้มหวานแดงระเรื่อ มือยื่นจานข้าวให้เพื่อนที่อยู่ข้างหลังตนเองแล้วหันมาฟาดมือเข้าที่ไหล่คนตัวสูงกว่า

“คิดอะไรของเธอ เราจะไปเอาสมุดการบ้านคืน หมกมุ่นจริงๆ เลยคนเรา” คีตะส่ายหน้าเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันก็ไม่รู้แต่รู้สึกได้ว่าวันนี้ตนส่ายหน้าตนเองไปเยอะเหลือเกิน

ยิ่งกับยัยตัวเล็กตรงหน้า ยิ่งเหนื่อยใจ

“ยัยเนิร์ด!!!!”

ตอนที่ 2 คนบ้า

เมื่อเลิกเรียนคีตะก็ได้บอกให้ธารานั้นกลับก่อนตนเลย เพราะตนจะต้องไปเอาสมุดการบ้านคืนจากยิ้มหวานที่ชอบตั้งตัวเป็นคู่อริของตน

ถึงแม้ฉันจะไม่รู้เรื่องก็ตามว่าเผลอไปทำให้เธอไม่ชอบขี้หน้าตอนไหน

ขาเรียวก้าวเดินไปตามทางโดยตลอดข้างทางนั้นเด็กนักเรียนรุ่นเดียวกันอย่างเด็กผู้หญิงได้แต่หันมองตามคีตะจนคอแทบจะเขล็ด

“ฮอตเนิร์ดชัดๆ เห็นแบบนั้น เชื่อฉันเถอะ”

“มาฮงมาฮอตเนิร์ดอะไร เนิร์ดก็ยังเป็นเนิร์ดอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ จะไปสนใจทำไม”

คีตะเดินมาจนถึงหน้าห้องของยิ้มหวานโดยภายในห้องนั้นเงียบสนิท มีเพียงคนตัวเล็กเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ด้านใน คีตะจึงเดินเข้าไปหยุดอยู่ที่ด้านข้างของอีกฝ่าย

“สมุดของเราล่ะ”

“อยากได้เหรอ”

“ยิ้มหวานอย่าทำตัวแบบนี้ เอาสมุดเราคืนมา”

“ทำไม ฉันทำตัวแบบไหนเหรอ”

หัวคิ้วของคีตะขมวดเข้าหากันอย่างฉงนใจ นี่ฉันไปทำให้หล่อนไม่พอใจตรงไหนอีกกัน ทำไมถึงมาหาเรื่องกันอย่างนี้

“ช่างเถอะ แต่เราจะกลับบ้านแล้ว นี่กระเป๋าเธอใช่ไหม”

“ไปส่งฉันที่บ้าน”

มือที่กำลังรูดซิปกระเป๋าของอีกฝ่ายลงหยุดชะงักในทันที

“ทำไมเราต้องไปส่งเธอด้วย”

“ถ้าไม่ไปส่งก็ไม่ให้ ฮึ”

ยิ้มหวานดึวกระเป๋าตัวเองกลับคืนไปแล้วออกตัวเดินนำไปที่ช่องจอดรถของเด็กนักเรียน

คีตะจึงได้แต่เดินไปที่รถของตนเองย่างจำใจ ไม่รู้ว่ายัยตัวเล็กนี่จะมาไม้ไหนอีก

“หมวก ใส่ซะ” คีตะหยิบหมวกกันน็ิึอคสำรองของตนเองสวมให้อีกฝ่าย มือกำลังจะช่วยใส่ให้โดนปัดออกจากคนตัวเล็ก

“สะ..ใส่เองเป็น! ไม่ต้องมายุ่ง”

ยิ้มหวานกลอกตาล่อกแล่กไปมาเพื่อหลบสายตาของคนตัวสูงกว่าที่มองมาทำให้ใส่หมวกกันน็อคไม่ได้เสียที

“ใส่เองเป็นอะไรของเธอ มานี่”

คีตะดึงมือเล็กออกแล้วจัดการให้เสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าหากคีตะได้สังเกตสักนิดอาจจะได้เห็นแววตาที่สั่นไหวของยิ้มหวานก็เป็นได้

เมื่อมาส่งถึงบ้านคีตะก็ได้แต่ตกตะลึงในความใหญ่ของบ้านอีกฝ่าย นี่ไม่ใช่บ้านแล้ว.. คฤหาสน์ชัดๆ เลยไม่ใช่รึไง

“คนอย่างเธอคงจะไม่เคยเห็นบ้านแบบนี้สินะ ฮึ เข้ามาข้างในสิ” คนตัวเล็กพูดเสียงเย้ยหยันพร้อมถอดหมวกที่อยู่บนหัวยื่นไปวางคืนตรงเบาะรถ

“ไม่เป็นไร เราต้องกลับบ้านไปอ่านหนังสือ”

“เนิร์ด! ฉันบอกให้ตามเข้ามา”

“คำก็เนิร์ด สองคำก็เนิร์ด เรามีชื่อนะยิ้มหวาน”

คีตะเป็นต้องจำยอมเดินตามอีกฝ่่ายเข้าไปด้านในอีกครั้ง แต่อาณาเขตคฤหาสน์นั้นกว้างใหญ่เกินจึงต้องนั่งรถกอล์ฟเข้าไปแทน โดยที่ตอนนี้คีตะกำลังนั่งอยู่ด้านข้างยิ้มหวานที่กำลังนั่ฃกอดอกเชิดใบหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ

“..อะไรของยัยนี่”

“เธอพูดอะไรนะ!?”

“เปล่า ไม่ได้พูดอะไร เธอหูฝาดแล้วแหละ”

“คุณหนูคะ ส่งกระเป๋ามาได้เลยค่ะ แม่บ้านจัดเตรียมน้ำกับขนมไว้ให้คุณหนูกับเพื่อนของคุณหนูที่ห้องเรียบร้อยแล้วค่ะ”

“ขอบคุณค่ะแม่นม”

ยิ้มหวานส่งยิ้มบางๆ ให้แม่นมของตนเอง มือเล็กหยิบกระเป๋าของคีตะยื่นให้อีกฝ่าย

“ดะ..เดี๋ยวก่อน เอากระเป๋าเราไปทำอะไร”

“แค่เอาไปวางไว้ก่อน ตอนกลับจะมีคนเอามาให้”

“อือ ก็ได้” นี่มันเรื่องอะไรกัน ฉันละไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมต้องตามยัยนี่เข้ามาในนี้ด้วย ไม่ชินเอาซะเลย คนสวน แม่บ้าน พ่อบ้าน มีคนเยอะแยะเต็มไปหมดแต่ทำไมไม่เห็นพ่อกับแม่ของยัยตัวเล็กเลยนะ..?

ยิ้มหวานเดินนำขึ้นไปที่ห้องของตนเอง เมื่อมาถึงก็เดินมาจับจูงมือของคีตะให้ตามไปนั่งที่เตียง

“เรามาทำข้อตกลงกันเถอะ”

“ข้อตกลงอะไร? แล้วทำไมเราต้องทำด้วย”

“ทำไม เพราะฉันไม่ใช่น้องพิมอะไรของเธอรึไง”

“เกี่ยวอะไรกับน้องพิม แล้วนี่รู้จักน้องได้ยังไง คงจะไม่ได้ไปหาเรื่องน้องหรอกใช่ไหม”

“..นี่เนิร์ด เธอมองฉันเป็นคนแบบไหน ฉันยิ้มหวานนะยะ!! ยิ้มหวานไม่เคยไปหาเรื่องใครก่อนย่ะ จำไว้!”

“แล้วนี่ไม่ได้เรียกว่าหาเรื่องก่อนตรงไหนกัน” คีตะเบือนหน้าหนีแล้วพึมพำเสียงเบาเมื่อเห็นคนตัวเล็กปลดกระดุมเสื้อนักเรียนออก

“ฉันจะคืนสมุดเธอที่บ้านทุกวันตอนเย็นก็ต่อเมื่อเธอสอนพิเศษให้ฉัน”

“แล้วจะถอดเสื้อทำไม..?”

“ฉันไม่ได้บอกให้สอนวิชาอะไรนี่”

ยิ้มหวานปลดกระดุมออกจนหมดแล้วดึงชายเสื้อออกจากกระโปรง คนตัวเล็กค่อยๆ เดินไปขึ้นนั่งคร่อมที่ตักของคีตะแต่เมื่อเห็นใบหน้าและใบหูที่ขึ้นสีของอีกฝ่ายแล้วก็ได้หัวเราะออกมาทันที

“คิกๆ เธอคิดว่าฉันจะทำอะไร เนิร์ดจริงๆ” คนตัวเล็กลุกออกไปแต่งตัวที่ตู้เสื้อผ้าทำให้คีตะต้องก้มลงมองมือที่วางอยู่บนตักของตนเองอย่างเดียว เพราะถึงแม้จะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่เธอกับยิ้มหวานก็ไม่ได้สนิทกันถึงขนาดที่จะเห็นเรือนร่างกันและกันได้อย่างสบายใจ

ยัยนี่ไม่อายเลยรึไง

“รีบบอกมาได้แล้ว เราไม่สอนให้เธอฟรีหรอกนะ เราคิดรายชั่วโมง”

“เธอต้องมาส่งฉันที่บ้านทุกวัน ยกเว้นวันหยุดแล้วก็สอนพิเศษเราวันละ 3 ชั่วโมง จาก 4โมงเย็นถึง 6โมงเย็น โอเคไหม 3ชั่วโมง ฉันให้วันละ 3,000”

“..มันเยอะเกินไป ปกติเราสอนชั่วโมงละ 300”

“อย่าเถียงนะเนิร์ด!!! ฉันสะดวกจะให้เท่านั้น เริ่มวันนี้เลย!!”

“เฮ้อ.. ถ้างั้นก็ได้”

สุดท้ายแล้วฉันก็ได้สอนพิเศษให้กับยิ้มหวานในเรทราคาชั่วโมงละ 1,000 บาท ถ้าแม่รู้เรื่องนี้คงจะรู้สึกขอบคุณยิ้มหวานมากเลยล่ะ

—ณ บ้านของพิมพา—

“น้องพิมไม่เข้าใจตรงไหนถามพี่ได้เลยนะ”

คีตะกำลังนั่งอยู่ในบ้านของรุ่นน้องคนสนิทอย่างน้องพิมพา ตอนที่คีตะได้เจอกับพิมนั้นช่างแตกต่างจากตอนนี้เสียจริง

“เอ่อ.. ถามนอกเรื่องได้ไหมคะ”

“ได้สิคะ ถามได้ค่ะ”

“พี่คีตะมีคนที่สนใจรึยังคะ มะ..หมายถึงเชิงเอ่อ.. ความรักน่ะค่ะ”

“ความรักเหรอ ตอนนี้พี่ยังไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ พอดีพี่กำลังเตรียมตัวยื่นพอร์ตรอบแรกที่มหาลัยอยู่น่ะ เราล่ะ”

“คะ?! ก็มีอยู่ค่ะ แฮะ”

พิมพาใบหน้าแดงระเรื่อยามเมื่อได้จ้องมองตามใบหน้าของผู้พี่ พี่คีตะน่ะไม่ได้แต่งหน้าหรือทาแป้งเลย แต่กลับดูดีเสียจนพิมพาไม่สามารถละสายตาออกจากเขาได้เลยทำให้คีตะที่กำลังนั่งเขียนแสดงวิธีทำโจทย์คณิตศาสตร์หยุดมือลง

“สนใจใครเหรอคะ คนนั้นต้องโชคดีมากๆ แน่เลยที่น้องพิมให้ความสนใจ”

“มะ..ไม่หรอกค่ะ ตอนนี้พิมยังไม่กล้าบอกเขาเลยค่ะ”

“งั้นรอวันที่เรากล้าแล้วค่อยไปบอกเขานะคะ พี่เป็นกำลังใจให้ค่ะ”

“ขอบคุณค่ะพี่คีตะ”

พิมพาโน้มหัวลงไปซบที่ไหล่ของคีตะด้วยความออดอ้อนทำให้คีตะได้แต่ยกมือขึ้นมาลูบผมด้วยความเอ็นดูอย่างเสียไม่ได้

หลังจากที่คีตะสอนพิเศษพิมพาที่บ้านอีกฝ่ายเสร็จนั้นก็รีบเดินออกมากกล้งจะเตะขาคร่อมรถจักรยานยนตร์ตัวเก่งของตัวเองก็ได้หยุดชะงักเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นร่างคุ้นเคยอยู่แถวนี้

“ยิ้มหวาน..?”

ลืมไปได้ยังไงว่าวันที่มาส่งยัยนี่ ยัยยิ้มหวานอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับน้องพิม

เหมือนเจ้าของชื่อจะได้ยินเสียงของคีตะ ดวงหน้าสวยหันมามองตามเสียงที่เรียกชื่อของตนเอง

คีตะรีบสวมหมวกกันน็อคทันทีเพื่อปกปิดใบหน้า ไปโรงเรียน 5 วัน เจอกันทุกวัน วันหยุดก็ยังจะเจออีกงั้นเหรอ ไม่ไหวเลยแฮะ

“ใครเรียกฉัน.. เสียงเหมือนยัยเนิร์ดเลย ช่างเถอะ ยัยเนิร์ดจะมาทำไมในย่านคนมีเงิน”

ใช่ ฉันมาทำงานที่ย่านคนทีเงินอย่างพวกเธออยู่ไงเล่า ยัยยิ้มหวาน!

คีตะถอนหายใจแล้วรีบสตาร์ทรถออกตัวกลับบ้านในทันที

— รุ่งเช้าต่อมา —

วันนี้เป็นวันที่คีตะจะต้องยืนเป็นเวรตรงประตูทางเข้าโรงเรียนเพราะเธอนั้นเป็นสภานักเรียน เวลาผ่านไปจนถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติก็ยังไม่เห็นคนหน้าหวานมาเสียที

“มองหาใครอยู่เหรอคะพี่คีตะ” เสียงใสของพิมพาเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อตนเองสังเกตเห็นรุ่นพี่คนสนิทชะเง้อมองหาอะไรอยู่นานแล้ว

“เอ่อ.. แค่จะดูน่ะว่ามีใครอีกไหม ถ้าไม่มีแล้ว พี่จะได้ปิดประตู”

“หนูว่าคงไม่มีแล้วล่ะค่ะ งั้นหนูไปปิดประ-”

“เดี๋ยวพี่ไปปิดเองค่ะ เรากลับห้องก่อนเลยนะ” คีตะโผล่หัวออกไปเห็นยิ้มหวานกำลังจะปีนกำแพงอีกฝั่งของโรงเรียนก็ได้แต่เบิกตากว้าง เมื่อรอพิมพาเดินไปแล้วจึงรีบก้าวเท้าเดินไปรอทางที่อีกฝ่ายจะปีนลงมา

ฟึ่บ

“!!!!!”

ร่างเล็กของยิ้มหวานกระโดดลงมาในอ้อมแขนของคีตะพอดิบพอดี เพราะคนตัวเล็กดันลืมมองด้านล่างแล้วตัดสินใจกระโดดลงมาเลย จึงตกใจเป็นอย่างมาก คนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอที่นี่กลับมายืนอยู่ตรงหน้า

“ถ้าไม่รับไว้ เธอคงกระดูกร้าวแล้วมั้ง เจ็บตรงไหนรึเปล่า ทำไมไม่เข้าทางประตูดีๆ”

“ยัยโง่ ถ้าเข้าทางนั้นก็ได้เข้าแถวคนมาสายสิยะ!”

“แล้วไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม ขอเราดูหน่อยนะ”

คีตะลงไปนั่งคุกเข่าสอดส่องสายตามองตามเรียวขาของคนตัวเล็ก

“จะ..จะมาสนใจทำไม”

“ถ้าเธอกลับบ้านไปแล้วโดนแม่นมถาม เราจะได้ตอบได้”

ใช่.. ตั้งแต่ผ่านวันนั้นมาเธอก็ตัวติดกับยิ้มหวานมากขึ้น แค่เฉพาะตอนอยู่ที่บ้านหรือคฤหาสน์ของยัยตัวเล็กล่ะนะ กลายเป็นว่าคุณป้ามะลิ แม่นมของยิ้มหวานคิดว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทของอีกฝ่ายไปแล้ว

“ไม่เจ็บตรงไหนก็ดี เดี๋ยวเราไปส่งที่ห้อง เอากระเป๋ามาสิ” คีตะไม่รอให้อีกฝ่ายได้ขยับตัว มือเรียวเอื้อมไปหยิบกระเป๋ามาถือให้แล้วอีกข้างก็จับมือเล็กให้เดินตามกันมา

“เดี๋ยวสิ! ถ้าคนอื่นเห็นเข้า..”

“ทำไม เธออายเหรอถ้าคนอื่นรู้ว่าเรารู้จักเธอ”

“มะ..ไม่ใช่อย่างนั้น ช่างเถอะ”

“อือ”

ยิ้มหวานมองแผ่นหลังกว้างกว่าตนเองของคีตะด้วยนัยน์ตาที่สั่นไหวก่อนจะเลื่อนสายตาลงไปมองที่มือของตนเองที่กำลังโดนคนตัวสูงกอบกุมอยู่

คนบ้าเอ๊ย..

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!