นั่งดูอดีตอยู่ดีๆถูกย้อนอดีตไปช่วยเสาหลักเพลิงสะงั้น
โลกอนาคต
เสียงตะโกนอย่างเอาตายของใครบางคนดังขึ้นภายในกรอบสี่เหลี่ยมคล้ายกับจอทีวีกลางห้องสีมืด ไม่สินั้นไม่อาจจะเรียกว่าทีวีได้มันเหมือนกับเครืองอะไรบางอย่างที่ดูล้ำกว่านั้น มันเหมือนกับเตียงนอนของคนไข้ที่ล้อมลอบไปด้วยทีวีขนาดใหญ่ มันเหมือนกับร่มอันใหญ่ยักษที่เต็มไปด้วยสายไฟทั่วห้องราวกับเถาวัลย์ที่ย้อมด้วยสีดำสนิทครอบเด็กคนนึงไว้ เด็กหนุ่มที่เอนตัวนอนลงจ้องมองไปที่หน้าจอนั้น ในตาสีเขียวของเขานั้นประกายไปด้วยความหวังที่หลั่งมาพร้อมหยดน้ำตาเล็กๆ เขากำหมัดแน่น ปากที่ดูเรียวคมฉีกยีออก
จิกัง
ขาดสิ ขาด ขาดสักที!! ไม่นะคุณเรนโงคุ!! ใครก็ได้ เสาหลักสักคนมาช่วยเขาที ใครก็ได้ โถ่เว้ยยย!!!
มือข้างนึงที่ดูหนาแต่กลับเรียวเล็กจนมองเห็นเส้นเลือดแข็งปูดออกมาดั่งรากไม้เล็กๆปลายนิ้วทั้งห้า กำเส้นผมแดงฉานเหมือนกระดาษที่ถูกขย้ำ
จิกัง
ไม่นะมันหนีไปได้อีกแล้ว เจ้าข้างขึ้นที่สามนั่น
ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวที่คลุกกรุน เสียงตบมือเล็กๆก็ดังขึ้นด้านหน้าประตู เสียงแหลมเล็กแต่กลับฟังดูอบอุ่นก็แทรกขึ้นมาพร้อมความเบื่อหนาย
ฟุน
เห้อ.. จิกัง เลิกดูตำนานอะไรนี่สักทีเถอะน่า นี่นายดูมาเป็นร้อยๆรอบได้แล้วมั้ง ยังไงเขาก็ตายอยู่ดีไม่ใช่รึไง
หญิงสาวที่ยืนอยู่ หลังจากตบมือเสร็จก็เอ่ยปากพร้อมกอดอกไปพลางๆ ผิวที่ขาวอมชมพูเหมือนดอกซารุกะบาน ริมฝีปากเรียวงามอมชมพูไม่ต่างจากผิวมากนัก ถ้ามองจากคนทั่วไปอาจจะคิดว่าเป็นคุณหนูชนชั้นสูงก็เป็นได้ ผมสีมุกของเธอนั้นดูห่อเหียวอมไปด้วยหยดน้ำเล็กๆสะท้อนกับแสงไฟในห้อง แววตาคมโตสีขาวครีมพร้อมใบหน้าที่เรียวเล็กมองจิกไปที่น้องชายของตน จิกังที่ได้ยินแบบนั้นเขาเหลือบมองด้วยน้ำตาที่นองหน้า ปลายนิ้วที่จิกเส้นผมจนไม่เป็นทรง ชี้ไปที่จอสี่เหลี่ยม
จิกัง
แต่ว่าผม อยากไปช่วยคุณเรนโงคุ เขาไม่ควรมาเสียที่นี่ด้วยซ้ำ ความแข็งแกร่งของเขาคนนั้นหนะ ฮืออออ T_T
ฟุน
พอทีเถอะน่า บ้านเราเป็นตระกูลนักสู้นะ จะมาร้องไห้ฟูมฟายกับอดีตแบบนี้ได้ยังไงกัน เอ้า ลุกได้แล้ว ได้เวลาฝึกต่อแล้ว ลมปราณหนะ ลมปราณ ถ้าอยากเป็นตำนานแบบคุณเรนโงคุก็ลุกมาฝึกแบบทุกวันซะ
จิกัง
รู้แล้วน่า โถ่... T_T
จิกันได้ลุกขึ้นจากเตียงของตน เผยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมายบนร่างกายของเขา เหมือนกับนักรบที่ผ่านศึกมานับไม่ถ้วน กล้ามท้องที่มองเห็นชัดจนน่ากลัว มันนูนแข็งดั่งเหล็กกล้า คมมีดที่ไม่ได้รับคมมาอย่างดีอาจจะเจาะทะลุผิวของเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
ตระกูลของจิกังนั้นเป็นตระกูลที่สืบทอดกันมาหลายยุคหลายสมัย ต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมไม่ก็อาชญากรรมหรือเหนือกว่านั้นมามากมาย ทำให้บ้านเรามีเงินมหาศาลคนรุ่นหลังที่เกิดมาแทบจะไม่ต้องทำงานเลยด้วยซ้ำ แต่พักหลังมานี่หลังจากที่พี่ชายของเขาได้หายตัวไป เหตุการณ์ประหลาดทุกอย่างก็เงียบลงเหมือนกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น แต่ทุกอย่างก็ต้องดำเนินต่อไปไม่ว่าจะเป็นการฝึกร่างกาย หรือการต่อสู้ด้วยอาวุธต่างๆอย่างชำนาญเพื่อรองรับสถานการณ์ไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้น
กลางห้องโถงใหญ่สีขาวที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ออกกำลังที่ดูไม่ใช่ของที่คนทั่วไปที่จะยกขึ้นมาได้ ดำเบลที่จิกังยกอยู่ตอนนี้นั้นใหญ่พอๆกับช้างที่โตเต็มวัย แต่ด้วยด้ามจับทำมาแบบพิเศษทำให้การถือยกหรือเหวียงไปมานั่นไม่ใช่เรื่องยากนัก ส่วนข้างๆของจิกันพี่สาวของเขาอยู่บนลู่วิ่งที่วิ่งด้วยความเร็ว 1000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เสียงลมหายใจของทั้งสองดังก้องไปทั่วห้องเหมือนมีพายุลูกเล็กๆสองลูกกำลังวิ่งชนกัน พลังปอดของทั้งคู่ที่สูดลมหายใจนั้นไม่ได้มาจากพลังปอดเพียงอย่างเดียว เพราะมีเครืองฟอกอากาศจากอนาคตที่กรองความบริสุทธิ์นั้น พละกำลังพวกเขาจึงดูมหาศาลด้วยลมปราณที่ไหลผ่านทั่วร่าง
ฟุน
จิกังนี่เราสองคนไม่ได้กลับโลกกันมานานแค่ไหนแล้วนะ
จิกัง
ประมาณห้าปีได้แล้วมั้งพี่ฟุน ตั้งแต่พี่โทโมนิหายตัวไป
ฟุน
จริงด้วยสินะ ตอนนั้นพี่จำได้ว่าก่อนที่เขาจะหายตัวไป เขากำลังดูอะไรสักอย่างบนจอนั้น แต่ตอนนั้นมันถึงเวลาฝึกพอดี ทำเอาวุ่นวายกันเลยหละ ปกติก็เป็นคนที่ดูเย็นชาแท้ๆไม่คิดเลยว่าจะหายไปเฉยๆแบบนี้
จิกัง
เขาอาจจะมีเหตผลอะไรก็ได้นะครับ ก็เขาเป็นพี่ชายของพวกเรานี่นา
ฟุน
พูดถึงก็น่าคิดถึงจังเลยน้า วันที่พวกเรานอนดูเหตุการณ์ต่างๆในอดีตด้วยกันผ่านจอนั้น คนที่ฉลาดและแข็งแกร่งขนาดนั้นเขาหายไปไหนกันนะ
จิกังกวาดสายตาไปที่เพดานสีขาวไปมาราวกับนึกอะไรบางอย่าง
จิกัง
อืม....ถ้างั้นเรามาดูด้วยกันอีกมั้ยละครับพี่ นานแล้วนะที่เราไม่ได้ดูอดีตด้วยกันน่ะ
ฟุนได้ยินแบบนั้นจึงหลี่ตามองไปที่จิกัง
ฟุน
ที่พี่ไม่ดูเพราะว่าแกเอาแต่ดูตำนานรถไฟนั้นซ้ำๆนั้นแหละ แถมดูทีไรแกก็ชอบทำหน้าตายี่ๆน้ำตาเข้าน้ำตาออกทุกที -__-
จิกัง
เอาเถอะน่าพี่ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวผมจะไม่ดูอีกแล้วก็ได้
ในดวงตาสีขาวครีมของฟุนนั้นจ้องมองไปที่ใบหน้าของน้องชายของเธอมันช่างดูไร้วิญญาณ..
แต่กระนั้นแววตาที่ดูกลมโตอ้อนวอนก็โผล่ขึ้นมาชนกับดวงตาของเธอ เสียงถอนหายใจเฮือกดังขึ้น ด้วยความที่เธอเป็นพี่สาวเธอจะใจอ่อนกับน้องชายจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ฟุน
เห้ออออ ก็ได้ๆ หลังจากฝึกเสร็จค่อยไปดูละกัน แค่ครั้งนี้นะ พี่ขอร้อง
จิกังชู่แขนที่เหมือนยกช้างไว้สองตัวลอยพุ่งกระแทกไปที่เพดานสีขาวจนเกิดรอยราว แล้วเขาก็ห่อยอยู่แบบนั้น พร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนยิ้มแห้งกรอบราวกับขอโทษในใจ
ณ ห้องเก็บอาวุธ มันเหมือนกับห้องสมุดขนาดใหญ่ที่วางอาวุธไว้ในช่องราวกับหนังสือที่ปกดูแหลมคม กลิ่นคาวเลือดตลบจนต้องปิดจมูกเล็กน้อย
ฟุน
พี่ว่าเราควรทำความสะอาดที่นี่กันบ้างนะ
ทั้งคู่เดินไปทั่วห้องเหมือนกับเดินดูสวนสัตว์
จิกัง
ช่วยไม่ได้นี่ครับก็เราไม่ได้มากันนานแล้วนี่นา ทั้งที่ปกติเราต้องฝึกอาวุธกันทุกวันแท้ๆ
ฟุน
ก็จริงนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะนะ แต่พี่คิดว่าถ้าจับมาควงนิดหน่อยก็น่าจะใช้ได้เหมือนเดิมนั้นแหละ ปกติบ้านเราเน้นระยะประชิดด้วยสิ
จิกังได้ยินแบบนั้น ถึงจะน่ารำคาญใจเบาๆแต่ที่เธอพูดก็ไม่เกินจริง เพราะด้วยฝีมือของเธอจะทำแบบนั้นได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ตอนเธออายุเพียง13ปี ในสงครามบนโลก เธอถูกส่งไปแนวหน้า ด้วยผลงานของเธอจนทำให้ได้ฉายาว่า หมอกสีเลือด
จิกัง
ประหลาดเกินไปแล้วนะพี่ อ๊ะ! นั้นไง
จิกังเจอดาบที่เขาตามหา ดาบนั้นคือดาบซามูไรที่พี่ชายของเขาเคยใช้ แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะใช้มันต่อจากพี่ แต่เขาจะทำการก็อปปี้รูปทรงดาบ เพื่อจะมาใช้เอง
ตั้งแต่ปลอกดาบไปจนถึงด้ามดาบ มีเพียงสีม่วงที่อาบจนคิดว่ามันคือสิ่งเดียวกัน แต่เมือดึงปลอกออก มันเหมือนกับมีทะเลยามค่ำคืนอยู่ที่คมดาบ ตัวดาบสะท้อนแสงจนแสบตา จิกังเห็นแบบนั้นจึงปิดฝักลง พร้อมถอนหายใจเบาๆ
ฟุน
จะพกของแบบนั้นเพื่อไปดูตำนานในจอนั้นน่ะนะ
จิกัง
เพื่อให้สมบทบาทไงครับพี่สาว อ๊ะ แล้วก็ผมทำเสื้อมาด้วยนะ เครืองเย็บที่บ้านเรานี่สุดยอดไปเลย ออกมาตามแบบเป๊ะเลย
จิกังที่ไปชี้ตู้กระจกข้างๆ และเดินเข้าไปเพื่อจะหยิบสิ่งนั้นออกมา
จิกังชูเสื้อสีดำออกมาพร้อมมีตัวอักษรแปะด้านหลังด้วยคำว่าพิฆาต
ถึงจะดูเหมือนเสื้อทั่วไปแต่ใยไหมที่ทำมาจากสิ่งที่หาไม่ได้จากบนโลก ความยืดหยุ่นของมันแม้แต่กระสุนของปืนใหญ่ยังไม่อาจทำอะไรเสื้อตัวนี้ได้
ด้วยความเป็นพี่สาวของฟุน เขาถึงรู้สึกหนายนิดหน่อย กับนิสัยของน้องชายของตน เธอคิดว่าความเป็นเด็กของเขาไม่สมกับใบหน้าที่ดูเป็นผู้ใหญ่ที่หล่อเหล่าจนสามารถทำให้สาวใจเต้นได้เอาเสียเลย
ฟุน
เอาจริงดิ นี่แกเอาอุปกรณ์ทำมาหากินของตระกูลมาทำเรื่องแบบนี้เนี้ยนะ
ทั้งคู่นอนดูอยู่ข้างกันจนลมหายใจอุ่นๆของทั้งคู่กระทบผิวกายของกันและกัน ในขณะนั้น เสียงสายฟ้าฟาดดังติดต่อกันหกครั้งก็ได้ดังขึ้นในจอสี่เหลี่ยมกลางห้องมืด ฟุนหันจ้องตาจิกังด้วยความสงสัย
จิกังได้ยินแบบนั้นเขาจึงตอบกลับด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
จิกัง
อืม..ถึงจะไวมากก็จริง แต่ก็มองทันอยู่นะครับ
ฟุน
ไม่คิดเลยนะว่าคนสมัยก่อนจะแกร่งขนาดนี้ได้ ถึงเจ้าหัวเหลืองนี่จะดูงองแงตอนตื่นก็เถอะ
จิกัง
เขาชื่อคุณเซ็นอิซึน่ะครับ
จิกัง
พลังขาของเขาแข็งแรงมาก เพราะเขาใช้ได้เพียงกระบวนท่าเดียว
ปลายนิ้วที่เรียวยาวจับที่คาง ฟุนครุ่นคิดเล็กน้อย
ฟุน
อืมม..น่าสนใจนะ แต่เสียอย่างเดียว เจ้าหั- ไม่สิ คุณเซ็นอิซึ ดูบ้าผู้หญิงชะมัดเลย
ฟุน
อืม..อสูรรถไฟตายง่ายจังเลยนะ
ฟุน
โอ๊ะ เสาหลักเพลิงคนนี้สอนเรื่องลมปรานให้เด็กคนนั้นด้วยแหะ
จิกัง
ขั้นพื้นฐานสุดๆไปเลย
จิกัง
แผลแค่นั้นไม่กี่วินาทีเเบบๆเราคงรักษาได้สบายๆ
ฟุน
อืม ก็จริงนะ แล้วเจ้าตัวไหนหละที่สังหารเสาหลักเพลิง
เสียงตึงดังขึ้นอย่างสั่นไหว ควันดินตลบไปทั่ว จนเผยร่างอสูรในตามีตัวที่เขียนว่าสามอยู่
จิกัง
มาแล้วครับ เจ้านั้นแหละ ข้างขึ้นที่สาม
ดวงตาไข่มุกบีบลงดั่งเหยียวจ้องศัตรู น้ำเสียงที่ฟังดูหนักแน่นกว่าทุกที
ฟุน
นี่พวกเขาต้องสู้กับเจ้าตัวแบบนี้จริงๆหรอ
จิกัง
จากประสบการณ์การต่อสู้ของผม ถ้าโลกนั้นมีแค่เสาหลักที่พอสู้ได้
จิกัง
ผมประเมินไว้ว่าน่าจะใช่ ประมาณสองถึงสาม เสาหลัก
น้ำเสียงที่แผวเบาแต่หลักแน่นได้แทรกขึ้น
ฟุน
ห้าคนยังไม่พอด้วยซ้ำ พวกเขาได้ตายกันหมดแน่
ฟุน
พี่เข้าใจแล้วหละ แค่มองปราดเดียวก็รู้ได้เลย
จิกัง
นั้นสินะครับ ผมอยากช่วยพวกเขาจริงๆ
เสียงกำปั้นที่รัดแน่นดังเอียดเพราะเสียงเบียด จากจิกัง
ฟุนเหลือบมองต่ำไปที่มือของจิกัง เขาเข้าใจน้องชายเป็นอย่างดี เพราะเธอได้ดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ
ฟุน
พี่ก็ไม่ได้อยากช่วยอะไรหรอกนะ
ฟุน
แต่พี่อยากสู้กับอสูรตนนั้นมากกว่า
จิกังเห็นริมฝีปากที่งดงามเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม เขาจึงเข้าใจพี่สาวของตน
จิกัง
ถ้าเราไปช่วยได้ก็คงดี
เสียงปริศนาดังฟึ้บเหมือนเสียงกระพือของผึ้งทั้งฝูงนับพัน
บนจอสี่เหลี่ยมนั้น มีตัวอักษรประหลาด
เหตุการณ์ในอดีตได้หยุดลงตรงฉากที่เสาหลักและอสูรได้สาดกระบวนท่าใส่กัน
ทีวี
"ต้องการที่จะช่วยเหลือหรือไม่"
ทั้งคู่จ้องไปที่ตัวอักษรด้วยความสงสัย
จิกัง
นี่เราสามารถเข้าไปช่วยได้จริงๆหรอ
กระนั้นจิกังเหมือนตกในมนต์สะกด เขาไม่ได้ยินเสียงถามของฟุน
ทีวี
เราจะไปช่วยเสาหลักเพลิงกัน
จิกังเอื้อมมือของตนจะไปกดที่จอ แต่ฟุนก็ได้หยุดมือนั้นไว้
จิกัง
ปล่อยผมนะพี่ผมจะไปช่วยเขา
ฟุน
ไม่ได้นะจิกัง แกนี่เองสินะเหตผลที่โทโมนิหายตัวไป
ทีวี
ไม่ว่าจะเป็นการหายตัวไปของพี่ชายของเธอ
ทีวี
หรือที่เหตุการณ์ร้ายๆหายไปหมดน่ะ..
ฟุน
อะไรของแก ส่งพี่โทโมนิคืนมานะ
สุดกำลังที่ฟุนดึง ด้วยร่างกายที่ยืดหยุ่น แต่กำลังของเทอนั้นต่างจากน้องชาย เขาจึงสู้แรงนั้นไม่ไหว จนทำให้ทั้งคู่ หลุดเข้าไปด้านในจอสี่เหลี่ยม แล้วทุกอย่างก็เงียบลง
ทีวี
โทโมนิงั้นเหรอ น่าคิดถึงจริงๆ ฮ่า ฮ่า #(_+_+฿(#_-+฿(฿)#)฿__+3'!_+฿(฿(#(
สู่โลกพิฆาตอสูร
ณ โลกดาบพิฆาตอสูร หลังจากอาคาสะได้เปิดอาณาเขตออกและได้ต่อสู้กับเสาหลักเพลิง ก่อนที่ดวงตาของเรนโงคุจะถูกกำปั้นทำลาย
ประตูสีดำ ไม่สินั้นไม่อาจจะเรียกว่าประตูได้เพราะรูปร่างของมันนั้นเหมือนกระจกกลมๆที่ถูกห่อยไว้อยู่กลางอากาศเหนือการต่อสู้
ร่างของหนุ่มสาวทั้งสองคนได้ล่วงหล่นราวกับท่อนไม้ กระแทกลงกับพื้นจนเกิดฝุ่นตลบ แต่แค่นั้นไม่สามารถทำให้ร่างกายของทั้งคู่บาดเจ็บได้เลยแม้แต่น้อย
ท่ามกลางเหตุการณ์นั้นทำให้เรนโงคุและอาคาสะได้หยุดเลยชั่วขณะ
ถึงทั้งคู่จะไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่เซ้นต์การต่อสู้ของทั้งสองก็สัมผัสได้
เรนโงคุหันมองด้วยใบหน้าที่จริงจัง ส่วนสายตาอีกคู่นึงที่ดูเจ้าเล่ห์นั้นกับดีใจจนเนื้อเต้น
อาคาสะ
โอ้..มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญแหะ
อาคาสะ
กลุ่มพิฆาตอสูรงั้นเหรอ
อาคาสะ
เสาหลักอย่างงั้นเหรอ
อาคาสะ
พูดอะไรหน่อยสิเคียวจูโร่
อาคาสะ
หน่วยพิฆาตอสูรจริงๆด้วย แต่ไม่เห็นจะมีผ้าคลุมเหมือนนายเลยนะเคียวจูโร่
กิจังลุกขึ้นปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้า ใบหน้าเขาดูมึนงง แต่ก็ไม่วายที่จะมองไปรอบๆด้วยความระมัดระวัง
จิกัง
จำอะไรไม่ค่อยได้เลยแหะ
เขาหันหลังก้มลงไปมองพี่สาวของตน
เปลือกตาบางๆค่อยๆลืมเปิดออกเผยแววตาไข่มุกที่ดูงัวเงีย พริบตานั้นก็สะดุ้งตื่น
ฟุนเอามือจับที่ศรีษะของเธอ พร้อมครุ่นคิดแต่ว่าก็นึกไม่ออก รู้สึกปวดแปร๊บๆเหมือนโดนเข็มจิ้ม
ฟุน
โดนดูดเข้ามาแล้วงั้นเหรอ
ฟุน
นี่นายจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ
ฟุน
เอะอะจะช่วยเสาหลักเพลิงอย่างเดียวเลย
ระหว่างการสนทนานั้นเสียงจิตใจที่ดูเข้มแข็ง แต่ฟังเเล้วสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนก็ได้ดังขึ้นมา
เรนโงคุ
นี่!พวกเจ้าหนะ รีบหลบออกไปจากที่นี่ซะ
จิกัง
นั้นมันคุณเรนโงคุนี่ เขายังไม่ตาย
เรนโงคุ
พูดอะไรของเจ้า พาผู้หญิงคนนั้นหนีไปซะ
ความรู้สึกเปร๊บๆวิ่งเข้ามาในหัวของฟุนเหมือนแสงวาป
ฟุน
อ๋อฉันนึกออกแล้ว ฉันจะสู้กับเจ้าข้างขึ้นนั้น
จิกัง
เออ!!ใช่ ผมมาที่นี่เพื่อช่วยคุณไงครับคุณเรนโกคุ
เรนโงคุ
นี่ไม่ใช่หน้าที่ของพวกเจ้า แต่ข้าขอขอบคุณในความปรารถนาดีนั้น
อาคาสะ
ถ้าพวกเจ้าทั้งสามคนอยากจะสู้ ก็เข้ามาได้เลยนะ
อาคาสะ
แต่ข้าจะเบามือให้สำหรับผู้หญิงก็แล้วกัน
เสียงกัดฟันดังกร๊อด จิตสังหารโพยพุ่งออกมาจากฟุน
ใบหน้าที่อาบไปด้วยสัตว์ร้าย
ฟุน
ในยุคสมัยนี้น่ะ ไม่รู้จักคำว่าความเท่าเทียมเลยรึไง!
จิกัง
..เอ๋เรื่องนั้นเองหรอ
ฟุน
ก็ใส่ให้มันสุดแรงซะ ฉันน่ะ เก่งนะจะบอกให้
จิกัง
พอเจอคนที่เก่งๆทีไรเป็นแบบนี้ทุกทีเลย
จิกัง
แล้วพี่จะสู้ทั้งๆชุดแบบนั้นน่ะเหรอ
ฟุน
ทำไม ชุดวอร์มตอนฝึกซ้อมก็เหมาะสมดีไม่ใช่เหรอ
จิกัง
คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
จิกังหยิบแคปซูลสีเงินอันเล็กๆ โยนให้ฟุน จากนั้นมันก็ระเบิดออกกลายเป็นชุดหน่วยพิฆาต พร้อมทวนอันยาว ตัวด้ามนั้นเป็นสีดำ ปลายคมบิดงอคล้ายมังกรเงินที่กำลังคำราม
เธอควงมันไปมารอบตัวเธอจนเกิดเป็นสายลมพัดปลิวไสว ราวกับชำนาญการ
อาคาสะ
ไม่ได้ใช้ดาบหรอกหรอ
เสียงสูดหายใจเข้าเต็มปอดพร้อมตั้งท่ากระบวนยุทธ์
อาคาสะ
โอ้ดูดีนี่ ไร้ช่องว่างเลยนะเนี่ย
อาคาสะ
ข้าขอนามของเจ้าได้มั้ย
อาคาสะ
ได้เลย มา!!จะเอาก็เข้ามา!!
จิกังพุ่งเข้าไปหาเรนโงคุทันที มันเร็วราวกับสายฟ้าฟาดเงียบสงัด
จิกัง
ไม่ต้องห่วงครับ เราจะปกป้องคุณ
เรนโงคุ
เด็กหนุ่มคนนี้ เร็วมาก
เรนโงคุ
เจ้าหนู สิ่งนั้นสามารถตัดคออสูรได้หรือ
เรนโงคุ
ถ้าตัดเเล้ว มันจะตายหรือเปล่า
จิกัง
ตายครับ เพราะทวนนั้นทำมาจากหินที่สามารถบันคออสูรได้
เรนโงคุ
แต่นั้นยังไม่ใช่ประเด็นอยู่ดี ปัญหาก็คือนางจะชนะอสูรตนนั้นได้รึเปล่า
จิกัง
ได้แน่นอนครับ เพราะเขาคือพี่สาวของผม
ฟุนพุ่งเข้าหาอาคาสะทันที ด้วยระยะคมดาบที่ห่างจากกัน แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับทวนยาว คมมีดนั้นแทบจะบันคอ
แต่ถึงแบบนั้นสปีดของอาคาสะก็ปัดการโจมตีนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่นางก็หมุ่นตัวราวกับเริงระบำบนท้องฟ้า มันเหมือนกับการแสดงบัลเล่ต์
อาคาสะฉีกยิ้มสุดปาก ตาเบิกกว้างราวกับได้ใจ
ฟุนโบกสบัดทวนไปเรื่อยๆ เธอตัดขาของอาคาสะเพื่อจะให้เขาเสียจังหวะ
แต่ทุกครั้งที่ตัด ขาคู่นั้นก็จะงอกมาใหม่เเทบจะทันที
ฟุน
นี่งั้นเหรออสูรข้างขึ้นที่สาม
ฟุน
เเข็งแกร่งชะมัด ไม่เหมือนกับที่ดูในจอนั้นเลย
ฟุน
เดี๋ยวนะ ไอ้เจ้าจอนั้น
อาคาสะ
มัวแต่ครุ่นคิดอะไรของเจ้าอยู่
อาคาสะปล่อยหมดศูนย์ยากาศ กระแทกที่ทวนของฟุนที่กำลังตั้งรับ
มันเหมือนกับคนจะขาดอากาศหายใจ
จิกัง
เป็นไปไม่ได้ ทำไมกันหละ
จิกัง
พี่ฟุนเขา กำลังเหนือยหอบครับ
เรนโงคุ
แล้วนั้นมันแปลกตรงไหนกันหละ
สิ่งที่จิกังไม่ได้คาดคิดได้เกิดขึ้น
เขาทั้งสองนั้น ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องสำคัญอย่างนึง
สภาพอากาศบนโลกนี่นั้น ไม่บริสุทธิ์เท่าโลกอนาคตที่เขาอยู่
ความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งคู่จึงลดลงอย่างเห็นได้ชัด
อาคาสะ
เฮ้ยๆ หอบแล้วงั้นเหรอ
อาคาสะ
ลมหายใจปั่นป่วนเป็นบ้า
อาคาสะ
แบบนี้จะไม่แย่เอาเหรอ
อาคาสะ
เข้ามาพร้อมกันเลยไม่ดีกว่าหรอ
เรนโงคุ
บอกให้พี่เจ้าถอยออกมา
เรนโงคุ
เดี๋ยวข้าจะจัดการเอง
เรนโงคุ
อีกไม่นานก็ใกล้เช้าแล้ว จนกว่าจะถึงตอนนั้น ข้าจะยื้อไว้เอง
จิกัง
ไม่จริงน่า นี่ผมจะมาช่วยคุณนะ
เรนโงคุ
ไม่เป็นไรหรอก ข้าขอขอบใจเจ้ามาก อย่างสุดซึ้งเลยหละ
เรนโงคุ
จะไม่ตายที่นี่หรอกนะ
จิกังมองเเผ่นหลังที่ค่อยๆห่างออกไป
เรนโงคุกำดาบแน่นพร้อมกำหนดลมหายใจ
ฟุนกระโดดถอยออกมา พร้อมใบหน้าที่บิดเบียวเพราะความหงุดหงิด
ฟุน
ขอโทษด้วยค่ะ ขอเวลาฉันนิดนึงนะคะ
เรนโงคุยืนข้างเธอเขายักหน้าตอบรับอย่างมั่นใจ
เรนโงคุ
กระบวนท่าเจ้านั้นช่างงดงามนัก
เรนโงคุ
แต่ต่อจากนี้ข้าจะทำหน้าที่ของข้าบ้าง
อาคาสะเลียที่มือของตนริมรสชาติของหยดเลือดที่ไหลผ่าน
อาคาสะ
ก็บอกแล้วไง ว่าให้เข้ามาพร้อมๆกัน
อาคาสะ
ถ้าพวกเจ้าไม่อยากตายขนาดนั้นก็มาเป็นอสูรซะซี่
เสียงพร้องต้องกันได้ดังขึ้นอย่างหนักแน่น
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!