ในช่วงเปิดเรียนของมัธยมศึกษาปีที่4 หลายๆคนก็อาจจะกำลังตื่นเต้นที่จะได้พบเจอกับเพื่อนใหม่ แต่สำหรับ “โกสต์” เด็กหนุ่มวัย16ปีคนนี้แล้ว คำว่า ‘เพื่อน’ นั้นคือสิ่งที่ไม่น่าสนใจนัก
แววตาของ โกสต์ เป็นแววตาที่ดูไม่สดใสนัก ถึงขั้นที่ว่าหากไม่มีเพื่อนที่รู้จักมาอยู่ห้องเดียวกัน ก็แทบไม่มีใครอยากจะคุยด้วย แต่ด้วยความที่ โกสต์ เป็นคนมีโชค จึงมีเด็กหนุ่มที่ดูเป็นมิตรเข้ามาทักทาย
“โย่ว! ทำอะไรอยู่เหรอ?” เด็กหนุ่มที่ดูเป็นมิตรนั้นถามด้วยยิ้มร่าเริง
ส่วนตัวโกสต์ ที่กำลังนอนอยู่ที่โต๊ะหลังห้องก็สะดุ้งตื่น ด้วยความที่โกสต์ เป็นคนที่เข้าสังคมไม่ค่อยเก่งสักเท่าไหร่ จึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร
“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”
เด็กหนุ่มหัวเราะลั่น หน้าแดง ตัวงอ
“ไม่เอาน่าๆ มาทำความรู้จักกันไว้เถอะ เราชื่อ “โน๊ต” นะ แล้วนายล่ะ?”
“เราชื่อโกสต์ หากไม่มีธุระอะไรนอกจากเรื่องไร้สาระ ก็ไม่ต้องมาคุยหรอกนะ”
ถึงแม้เขา จะตกใจต่อคำพูดแบบนั้นอยู่บ้าง แต่ก็พยายามจะทำความสนิทสนมกับโกสต์อยู่ดี โน๊ตจึงได้ทำการเอ่ยปากชวนโกสต์ให้ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน
“ไม่เอาด้วยหรอกเว้ย” แต่โกสต์ก็ปฏิเสธทันควัน เขาจึงลองพูดจาที่ตั้งใจจะยั่วยุ ความโมโหของโกสต์ออกมา
“เห คนที่เข้าสังคมไม่เก่งแบบนายเนี่ย มีหน้ามาเข้าสายการเรียน ไทย-สังคม ด้วยอย่างงั้นเหรอ?”
“ก็ช่างมันสิ นายไม่จำเป็นต้องมายุ่งสักหน่อย” โกสต์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย ราวกับไร้ความรู้สึก
หลังจากที่โน๊ตได้ยินคำพูดนั้นแล้ว ก็ค่อยๆออกห่างจากโกสต์ไป ในช่วงเวลาตอนนี้ทุกอย่างภายในห้องนั้นเงียบสงบ มีเพียงแต่เสียงพัดลมบนเพดานที่กำลังหมุนไปหมุนมา
กิจวัตรที่ต้องทำที่โรงเรียนในทุกวันเปิดภาคเรียนนั้นก็เดิมๆ นั่นคือการแนะนำตัวเอง แนะนำรายวิชาที่ต้องเรียน แล้วปล่อยให้เด็กที่เข้าใหม่เดินชมโรงเรียนได้อย่างอิสระ
ซึ่งโกสต์ก็เป็นหนึ่งในนักเรียนใหม่ที่จะต้องเดินชมโรงเรียน โดยมีนักเรียนเก่าที่อยู่ห้องเดียวกันเป็นไกด์พาชมให้ เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเลย จนกระทั่งได้เดินสวนทางกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
เสียงหัวใจเต้นแรงขึ้น1ครั้ง ถึงจะเป็นแค่เพียง1ครั้ง แต่ก็ทำเอาโกสต์หายใจหอบกันเลยทีเดียว
เธอมีรูปร่างสะสวย ส่วนสูงไม่น่าเกิน160เซนติเมตร หน้าตาน่ารัก ดูเป็นเด็กที่เรียกได้ว่าเกือบจะสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว แต่ทว่ากลับมีแรงกดดันที่รุนแรงมาจากเธอคนนี้
(เฮ้ยๆ เมื่อกี้มันอะไรกันน่ะ?) โกสต์ได้เพียงแต่จ้องมองเด็กผู้หญิงคนนี้เดินจากไปอย่างช้าๆ แล้วทิ้งความสงสัยนั้นไว้
“นี่นาย ไหวหรือเปล่าน่ะ? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” เด็กหนุ่มที่เป็นไกด์พาชมกล่าวถาม หลังจากที่เห็นสภาพของโกสต์ที่กำลังมีอาการหอบอย่างรุนแรง
“เปล่า… ไม่ได้เป็นอะไรหรอก ไปกันต่อเถอะ”
สีหน้าในตอนนี้ของเขาดูแย่มาก แต่ผ่านไปสักพักอาการหอบก็ค่อยๆเบาลงจนกลับมาเป็นแบบปกติเช่นกัน และแล้วก็มาถึงพักเที่ยง
ในวันแรกของการเปิดภาคเรียนอย่างนี้ การทานอาหารกับเพื่อนใหม่ก็เป็นหนึ่งในการกระชับความสัมพันธ์ของกันและกันมากขึ้น
การทานอาหารในโรงเรียนนี้ มีการทานแบบไม่เป็นหลักเป็นแหล่ง หรือก็คือสามารถทานที่ไหนก็ได้ในโรงเรียน ยกเว้นบนอาคารเรียน
โกสต์จึงเลือกสถานที่ที่เงียบสงบ ที่ที่เหมาะกับตัวของเขาเอง มันจะเป็นที่ไหนไม่ได้อีกนอกจากหลังโรงเรียนแล้ว ซึ่งมันก็เป็นไปตามความคิดของเขาจริงๆ
หลังโรงเรียนนั้นเงียบสงบ ในช่วงเวลานี้ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะมาเดินผ่านมา เขาจึงรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก จากนั้นก็เริ่มแกะข้าวกล่องที่ที่บ้านทำมาให้
ในจังหวะนั้น เสียงจากโทรศัพท์ของโกสต์ก็ดังขึ้น ซึ่งในหน้าจอโทรศัพท์มันขึ้นชื่อว่า “แม่” โกสต์จึงพักจากการทานอาหารแล้วมารับโทรศัพท์
“ฮัลโหลครับ” โกสต์กล่าวทักทาย
“ฮัลโหลโกสต์ ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้างลูก?”
“อืม…ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพื่อนๆดูไม่ค่อยเป็นมิตรเอาซะเลย”
รู้สึกว่าโกสต์จะพูดจาเอาแต่ใจตัวเองไปหน่อยนะ แต่ก็คงเป็นนิสัยของเขานั่นแหละ เวลาเจออะไรที่ทำให้รู้สึกรำคาญก็จะบอกไปตรงๆ
“งั้นหรอกหรอ… แต่แม่คิดว่าลูกน่าจะไม่เป็นมิตรกับเพื่อนๆมากกว่านะ”
โกสต์ถอนหายใจแล้วรู้สึกหงุดหงิด “พอเถอะ แล้วโทรมามีอะไรงั้นเหรอ?”
“เปล่าหรอกจ่ะ แม่แค่โทรมาถามว่าเป็นยังไงบ้างก็เท่านั้นเอง ถ้างั้นไม่มีอะไรแล้วจะว่างสายล่ะนะ” แม่กล่าวด้วยน้ำเสียงสบายใจ
“ครับ สวัสดีครับ”
ถึงแม้ตัวโกสต์เองจะเป็นพวกที่ชอบอยู่คนเดียว หงุดหงิดง่าย แต่ก็มีความเคารพ่อแม่อยู่มากเหมือนกัน
(เอาล่ะ กินต่อดีกว่า) ยังไม่ทันเอาข้าวเข้าปาก แรงกดดันที่คุ้นเคยก็ได้โผล่ออกมาจากด้านหลัง แล้วมันกำลังแรงขึ้นเรื่อยๆ
โกสต์หยุดชะงัก เหงื่อเริ่มไหล ใจเริ่มสั่น ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาอย่างช้าๆ โกสต์ได้แต่ก้มหน้ามองพื้น แล้วเสียงฝีเท้านั้นก็ได้มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
เจ้าของแรงกดดันนี้กล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ขอนั่งกินข้าวด้วยได้หรือเปล่าคะ?”
พอโกสต์เงยหน้าและจ้องไปที่หน้าของเธอแล้ว เขาก็รู้สึกได้ว่าสายตาของเธอนั้น มันช่างน่าหลงใหลและเหมือนกับว่าจะจมอยู่ในภวังค์ราวกับโดนสะกดจิต
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” เด็กสาวถาม เนื่องจากท่าทีของโกสต์นั้นไม่ขยับเขยื้อนและไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแม้แต่นิดเดียว
“ป…เปล่าหนิ เชิญเลยตามสบาย”
“ขอบคุณค่ะ”
หลังจากเด็กสาวกล่าวขอบคุณ เธอก็ได้มานั่งข้างๆตัวของโกสต์ แต่สาเหตุที่เด็กสาวคนนี้มานั่งข้างๆนั้นมันไม่ใช่เรื่องดีอย่างพวกแอบชอบรุ่นพี่ แต่ประโยคที่เธอกล่าวขึ้นหลังจากนั่งแล้วก็คือ…
“รู้สึกยังไงบ้างล่ะ? นายน่ะ ตอนที่เดินสวนทางกับฉันเมื่อตอนนั้นแล้ว มันรู้สึกยังไงบ้างล่ะ?” เธอใช้สายตาของเธอนั้นเหล่ซ้ายเพื่อจ้องโกสต์ สายตานั้นดูดุดันและอันตราย
(ยายนี่มันพูดอะไรของมันกันน่ะ! แล้วรู้ได้ยังไงว่าเรามีความรู้สึกอย่างนั้นล่ะ? ไม่สิ อาจจะเป็นแค่พวกหลงตัวเองก็เป็นได้)
โกสต์คิดพลางบ่นในใจ เขาอยากจะถอนคำพูดในใจของเขาเมื่อ ‘ตอนนั้น’ (ที่บอกว่าน่าหลงใหล) เสียจริงๆ
“หา? ก็ไม่เห็นจะรู้สึกอะไ–”
“แรงกดดัน นายรู้สึกถึงแรงกดดันนี่ใช่ไหม?”
โกสต์โดนพูดตัดบท และเธอก็เข้ามาใกล้ๆเขาเรื่อยๆ จนหน้าผากแทบจะติดกัน หลายๆคนอาจจะต้องมีเขินบ้าง แต่ไม่ใช่กับโกสต์ เพราะดูก็รู้แล้วว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่สายแนวรักโรแมนติก
สายตาของเธอน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก ทำให้โกสต์ต้องลุกขึ้นหนีไปที่อื่น แล้วปล่อยให้เธอนั่งอยู่ตรงนั้นแต่เพียงผู้เดียว
(เจ้านี่ล่ะใช่แน่ๆ ไม่ผิดแน่นอน เจ้านี่น่ะ…เป็นผู้ถือครองอาวุธโบราณแห่งดินแดนมนตรา) เด็กสาวคิด พร้อมทำสีหน้าที่นิ่งเฉยดูไร้อารมณ์ความรู้สึก แต่กลับน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้
ณ เวลา18:00นาฬิกา แถวริมน้ำหลังโรงเรียน
(เฮ้อ เป็นการเรียนวันแรกที่ใช้พลังงานเยอะน่าดูเลย) โกสต์เดินบ่นในใจ
ทางด้านหลังโรงเรียนจะมีประตูด้านหลังเอาไว้อยู่ โดยส่วนมากนักเรียนจะไม่ค่อยใช้ทางนี้กัน เพราะมันทั้งเปลี่ยว น่ากลัวและอันตราย แค่เพียงจินตนาการว่าจะต้องเดินกลับทางนั้นก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบขึ้นมาแล้ว
และพอเดินไปเรื่อยๆก็จะเห็นทางยาว เป็นทางริมน้ำ โดยปกติก็จะไม่ค่อยมีคนเดินผ่านทางนี้สักเท่าไหร่ เพราะส่สนมากก็จะเป็นพวกคู่รัก แล้วก็พวกโดดเดี่ยว
คนจำพวกนี้(โดดเดี่ยว)ภายนอกจะดูน่ากลัว ดูไร้อารมณ์แต่บางคน ภายในใจจริงๆอาจจะอ่อนแอมากเลยก็ได้ ยิ่งถ้าโดนพูดจารุนแรงใส่ จะหันหน้าและวิ่งหนีทันที แต่เรื่องนี้เอาไว้แค่นี้ก่อน
ทางริมน้ำนี้เป็นทั้งทางกลับบ้านและทางเข้าโรงเรียนของโกสต์ โดยปกติก็จะเป็นอย่างที่กล่าวไปเมื่อข้างต้น แต่ทว่าวันนี้กลับไม่มีแม้แต่สักคนเดียว
โกสต์รู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ตัวเขานั้นเองก็คิดว่าดีแล้ว เพราะ ณ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบอย่สงแท้จริง มีเสียงของลมพัดผ่านมาอย่างบางเบา พร้อมกับเสียงใบไม้ไหวไปกับสายลม
(เด็กผู้หญิงคนนั้น…) ไม่รู้อะไรทำให้โกสต์ชุดคิดเรื่องของเด็กสาวคนนั้น
“เดินคนเดียวเหงาน่าดูเลยนะคะ” มีเสียงของหญิงสาวโผล่มาจากด้านหลังของโกสต์ น้ำเสียงของเธอนั้นดูเยือกเย็น เย็นชาและไร้อารมณ์
โกสต์รีบหันมาดูที่มาของเสียงทันควัน เขาพบกับหญิงสาวสวมชุดเดรสสีดำ สวมหมวกรูปแบบ (Panama) สีดำ หน้าและดวงตาไร้อารมณ์ความรู้สึก ถึงแม้จะดูน่ากลัว แต่ใบหน้านั้นมันก็ช่างน่าหลงใหลเช่นเดียวกัน
“น…นี่เธอเป็นใคร?”
(ไม่สิ สิ่งแรกที่ควรถามคือเธอมาอยู่ข้างหลังเราตั้งแต่เมื่อไหร่? เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะเดินตามมาโดยที่เราไม่ได้ยินสักก้าวนึง)
“ดิฉันคือตัวแทนของมาตุภูมิของเรา เพื่อที่จะนำคุณกลับบ้านเกิดที่แท้จริง ดังนั้นฉันที่เป็นตัวแทน จึงมีความจำเป็นต้องมารับคุณกลับไปโดยดีค่ะ” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
“พูดอะไรน่ะ?… จะพาผมไปที่ไหน ที่นี่ต่างหากคือบ้านเกิดผม”
“ไม่หรอกค่ะ” หญิงสาวสวนกลับคำพูดโกสต์ทันที และกล่าวต่อว่า “คุณคือคนที่หายสาปสูญไปจากมาตุภูมิของเรา แล้วคุณเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำพาเราไปสู่ยุคสมัยใหม่ ดังนั้นแล้วดิฉันมีความจำเป็นต้องนำคุณกลับมาตุภูมิให้ได้”
ในตอนนี้มีคำถามอยู่ในหัวเต็มไปหมด เรื่องที่ว่าเธอเป็นใคร? มาจากไหน? บ้านเกิดที่แท้จริง? แล้วตัวของเขาเองนั้น ที่แท้จริงแล้วเป็นใครกันแน่? คำถามเหล่านี้กำลังก่อกวนจิตใจของโกสต์อยู่
“เอาล่ะ ใกล้จะได้เวลาเปิดประตูมิติแล้ว ดังนั้นขอความร่วมมือด้วยค่ะ” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับดีดนิ้วเรียกอาวุธประจำตัวของเธอออกมา
ลักษณะอาวุธของเธอนั้นมีรูปร่างเป็นเคียวสีดำขนาดใหญ่ มีลวดลายที่ให้ความรู้สึกสยดสยอง น่ากลัว
“นี่เธอ… เป็นตัวอะไรกันแน่?”โกสต์กล่าวถามทั้งที่ตัวเองกำลังสับสนอยู่ในขณะนี้
“ดิฉันเป็นใครนั้น ตอนนี้ยังมิอาจบอกกล่าวได้ และถ้าคุณตามดิฉันมาคุณก็จะรู้เองค่ะ” หลังจากกล่าวเสร็จ เธอได้ทำการร่ายรำเคียวยักษ์ของเธอ พร้อมกับเอ่ยว่า
“ความมืดเอ๋ย จงกัดกินกายข้า ความอัปยศเอ๋ย จงกัดกินวิญญาณข้า ข้าขอบัญชาด้วยเคียวยักษ์ที่คร่าชีวิตพระเจ้าเล่มนี้ จงเปิดออกซะ Gate of Gehenna!! ”
พลังงานสีดำที่ออกมาจากตัวเคียวปรากฏต่อหน้า เธอคนนี้กำลังเอาเคียวยักษ์เล่มนี้ปักลงไปกับพื้น ทันใดนั้นเองประตูไฟสีม่วงดำก็ได้ผุดขึ้นมาจากพื้นพิภพ
“อ้าวๆ เดี๋ยวสิ ดิฉันพึ่งจะมาถึงเองนะ จะไปกันแล้วหรอ?” มีเสียงของหญิงสาวอีกคนหนึ่งปรากฏขึ้นมา
“น…นี่แก!” หญิงสาวเดรสสีดำที่ปกติดูไร้อารมณ์นั้น กลับมีปฏิกิริยารุนแรงขึ้นมาทันทีทันใด
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!