ริวชายหนุ่มวัย25ปี ส่วนสูง180 น้ำหนัก70 ผิวขาว งานดี จัดอยู่ในระดับเทพบุตร หล่อ รวย เป็นที่หมายปองของสาวๆ ที่เรียงแถวต่อคิวรอเขาเรียกตัวเป็นเจ้าสาว แต่หารู้ไม่ว่า เขาไม่เคยสนใจพวกเธอเลยแม้แต่น้อย
เขาเรียนจบด้านบริหารธุกิจมาโดยตรง เพราะเขามีดีกรีเป็นถึงทายาทอสังหาพันร้าน ได้รับช่วงต่อจากผู้เป็นพ่อ
ซึ่งเขาเป็นทายาทรุ่นที่สาม ซึ่งพ่อของเขาพึ่งเสียชีวิตไปได้เพียง1ปี เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวจึงได้รับมรดกสืบทอดทั้งหมดของผู้เป็นพ่อโดยตรงทันที
และมีเลขาของพ่อที่คอยช่วยหลือเขาอยู่ และพอไว้ใจได้
ริวเป็นคนมาดนิ่งเย็นชา สุขุม จริงจัง ตายด้านเรื่องความรัก เพราะเขาผิดหวังจากรักแรกที่แสนเจ็บปวด และมีรักกี่ครั้งก็ผิดหวังทั้งหมด
เพราะคนที่เข้ามาหวังแค่เงินและอาศัยเชื่อเสียงของเขาเท่านั้น ไม่เคยจริงใจกับเขาเลย แม้เขาจะรวยและหน้าตาดีหล่อเหลาเพอร์เฟคมากแค่ไหนก็ตาม
แม้แต่ความจริงใจของเขาก็ผูกใจผู้หญิงพวกนั้นไม่ได้ มันจึงทำให้เขาเข็ดกับความรักและไม่โหยหามันอีกเลย จึงหันมาบ้างานแทน
วันนี้ก็เช่นกัน เวลา 09:00 เป็นเวลาที่ริวต้องเข้าบริษัทเป็นปกติของทุกวันตรงเวลาเปะ ไม่มีแม้แต่วันหยุด เมื่อมาถึงห้องทำงานหลังจากที่นั่งเหยียดกายลงบนเก้าอี้ทำงานตัวโปรดแล้ว
เลขาเชน วัย30ปี สูง175 น้ำหนัก75 ที่หล่อเหลาดูดีไม่แพ้เจ้านายหนุ่ม ก็เดินเข้ามาพร้อมกับแฟ้มสีดำสนิทแล้วรายงานเรื่องที่จะประชุมวันนี้ทันที
"นี่ครับคุณริว รายระเอียดที่จะเข้าประชุมวันนี้ ผมพูดรายระเอียดให้ฟังคล่าวๆนะครับ"
เชนพูดหลังจากวางแฟ้มลงตรงหน้าเจ้านายหนุ่ม
"อืม ว่ามาเลย"
ริวผายมือให้สัญญาณเลขาหนุ่มพูดต่อ
"โครงการที่สาม งบ100ล้านบาทที่เราประมูลมาได้ เป็นคอนโด30ชั้น ตอนนี้ดำเนินการไปได้70%แล้วครับ เหลือตกแต่งภายใน30% แต่ปัญหา อยู่ที่จุดเดิม ที่เราดำเนินการต่อไปไม่ได้ คือนักออกแบบคนเดิมลาออกไป แล้วได้ทิ้งงานใหญ่ไว้ให้ลูกน้องแก้ไข ซึ่งพวกเขาเองก็แก้ไขไม่ได้ และยังหานักออกแบบคนใหม่มาแก้ไขปัณหานี้ไม่ได้เลย งานเราจึงชงักและใกล้ถึงเวลากำหนดส่งงานเข้ามาทุกที ทุกฝ่ายจึงนัดประชุมช่วยกันแสดงความคิดเห็น และหาทางออกช่วยกันขึ้นในวันนี้ และมีทางออกให้เลือกสามทาง เชิญคุณริวอ่านรายระเอียดให้รอบครอบก่อนจะเข้าประชุมด้วยครับ"
ริวเปิดอ่านเอกสารตรงหน้าพร้อมทำหน้าซีเรียจหนัก "กำหนดส่งงานเหลืออีกเท่าไหร่ครับพี่เชน"
ริวถามเลขาด้วยเสียงที่เย็นชาและหน้านิ่งตามสไตล์ของเขา
"อีก6เดือนครับ"
เชนตอบพร้อมก้มหัวให้เล็กน้อย มือกุมต่ำเป็นการเคารพเจ้านายหนุ่ม ซึ่งเขาทำเป็นประจำอยู่แล้วตั้งแต่รุ่นพ่อของเขา
"อีก30%จะเสร็จทันหรอครับ เวลาแค่นี้"
ริวถามเชนพร้อมขมวดคิ้วหนาได้รูปเข้าหากัน พร้อมเอามือมาผสานที่คางเรียว
"นี่ล่ะครับที่ทุกฝ่ายกังวล อีก20นาทีจะเข้าประชุมแล้ว คุณริวจะเอาอะไรไหมครับ รับเครื่องดื่มอะไรหรือเปล่า"
"ไม่ครับ ผมขออ่านรายระเอียดการประชุมนี้ก่อน เดี๋ยวเราเข้าไปรอทุกฝ่ายก่อนเลย"
มันเป็นนิสัยของเขาที่ต้องระเอียดรอบครอบ และเตรียมตัวพร้อมอยู่เสมอ เพราะเขาไม่ชอบทำงานผิดพลาด โดยเฉพาะงานที่เขารักเหมือนชีวิตของเขา
จึงเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ในการทุ่มเททำงานตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเขา จนได้รับฉายาหนุ่มไฟเเรงเลือดโหด
เมื่อได้เวลา เขาก็เดินเข้ามาในห้องประชุมใหญ่ที่ถูกจัดเตรียมเพื่อประชุมเรื่องนี้โดยตรง
แล้วพันสายตาคู่คมของเขา ก็ไปสะดุดกับสายตาคมหวานของคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว เขาถึงกับหยุดชะงักในทันที ทำเอาเชนที่เดินตามหลังเข้ามา ชนเข้ากับร่างหนาจังๆ
"โอ้ย...คุณริวเป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
เชนถามเขาทันทีโดยไม่ห่วงตัวเอง แต่เขายังนิ่งไม่ขยับตัวไปไหน ตายังคงจ้องชายหน้าหวานผู้นั้นนิ่ง จนเลขาพาเขามานั่งลงเก้าอี้ท่านประทานตรงกลางหัวโต๊ะประชุม
"คุณริว คุณริวครับ"
เชนเรียกสติเจ้านายหนุ่ม พร้อมสะกิดที่แขนของเขาเบาๆ
"เอ่อ...ครับ"
เขาละสายตาจากหนุ่มหน้าหวานแล้วหันมาทางเลขาที่กำลังนั่งลงข้างๆตน
"ยังมีคนมาก่อนเราอีกนะครับ"
เชนพูดขึ้นแก้ขัดให้เจ้านาย พร้อมยิ้มอ่อนมีเสน่ห์
"ครับ"
ริวตอบสั้นๆ สีหน้าซีดที่แปลกไปจากเดิมยังคงอยู่
"สวัสดีครับ เรามาจากบริษัท สายฟ้าโปรดักชั่นจำกัดครับ"
ชายหนุ่มอีกคนที่นั่งข้างหน้าหนุ่มหน้าหวานคนนั้นทักทายคนทั้งสองที่พึ่งเข้ามา พร้อมยิ้มอ่อนให้
เขารู้จักริวดีเพราะเขารับผิดชอบฝ่ายออกแบบของบริษัทนี้ และริวกับเชนก็รู้จักชายผู้นี้ดีเขาชื่อเสก
"สวัสดีครับคุณเสก เตรียมพร้อมดีเหมือนกันนะครับ" ยังคงเป็นเลขาที่ทักทายคนทั้งสองอยู่ ริวยังคงนั่งนิ่ง
คนภายนอก มักมองริวเป็นคนหยิ่งเพราะมาดนิ่งไปหน่อย คนส่วนใหญ่จึงไม่กล้าเข้าหานอกจากเรื่องงาน หรือเรื่องสำคัญเท่านั้น ถึงเขาจะอายุยังน้อยแต่ก็น่าเกรงขามในด้านธุรกิจนี้
"ครับ คุณก็เหมือนกันนะครับ นี่อะตอมนักออกแบบคนใหม่ ที่ผมอยากแนะนำให้ทุกคนรู้จักในวันนี้ครับ พึ่งจบมามาดๆเลยครับ"
เสก วัย28 สูง176 น้ำหนัก73 ผิวขาวสูงโปร่ง ใบหน้าเนียนใสน่ามอง มีเสน่ห์พอตัว แนะนำอะตอมให้กับคนทั้งสองรู้จัก อะตอมยกมือไหว้คนทั้งสองอย่างมีมารยาทและอ่อนโยน
"สวัสดีครับ ผมอะตอมครับ"
อะตอมหนุ่มน้อยวัยย่างก้าวจะเข้า22ปี สูง 170 หนัก65 ตัวเล็กร่างบาง ผิวขาวอมชมพู ใบหน้าคมหวานเหมือนผู้หญิง มีเสน่ห์ โดยเฉพาะรอยยิ้ม เป็นคนสดใสร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใส จึงเป็นเสน่ห์ในตัวของเขา ที่ให้คนรอบข้างหลงไหลได้ง่าย โดยเฉพาะริวที่หลงรอยยิ้มนั้นจนนิ่งไปอีกแล้ว
"เอ่อ ผมเชนเลขาคุณริว ส่วนนี่คุณริวประทานบริษัทครับ"
เชนแนะนำตัวเองให้อะตอมรู้จักเสร็จแล้ว ริวก็ยังคงนิ่ง
"คุณริวครับเป็นอะไรไปครับ นิ่งเชียวไม่สบายหรือเปล่าครับ"
เชนถามเจ้านายด้วยความเป็นห่วงในท่าทีของเขาตอนนี้
"เปล่าผมไม่เป็นอะไร ทุกคนมาครบกันแล้วผมว่าเรามาเริ่มประชุมกันเลยครับ"
ริวตัดบดทันทีที่ทุกคนเข้ามากันคบพอดี แล้วเรียกสติกลับมาประชุมจนเสร็จ และสรุปว่าเขาเลือกข้อเสนอที่1 คือ
รับนักออกแบบคนใหม่มาแก้งาน เพราะอะตอมเป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอข้อตกลงใหม่ เพื่อแก้ไขงานที่ฝ่ายตนได้ทำผิดพลาดไป เพื่อแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น และงานที่นำเสนอมามันดีมากจนทุกคนเห็นตรงกันว่า เอาข้อเสนอนี้
(...มือใหม่หัดเขียน นักเขียนมือใหม่ ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ร่วงหน้าด้วยนะคะ เม้นติชมได้ค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ จากใจนักเขียน...)
ระหว่างเชนกับอะตอมจะกลับบริษัทของตนหลังประชุมเสร็จแล้วนั้น ก็ถูกเสียงหนึ่งร้องทัดทานไว้ จากด้านหลัง
"คุณเสกครับรอก่อนครับ"
ทั้งสองหันมาทางเสียงนั้นพร้อมกัน เมื่อทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่หน้าบริษัทพอดี เป็นเชนนั่นเอง
"คือ ท่านประทานอยากนัดคุณสองคนทานข้าวเป็นการส่วนตัว คุณสองคนพอจะสะดวกไหมครับ คือทางเรามีเรื่องจะคุยเพิ่มเติมด้วยนิดหน่อยน่ะครับ"
เชนพูดอย่างมีมารยาทกับคนทั้งสอง แต่ทั้งสองถึงกับงง เพราะรู้ในข่าวลือดีว่า บอสคนนี้หยิ่งแค่ไหน ถ้างานไม่สำคัญกับเขาจริง เขาจะไม่ยอมลดตัวลงมาคุยด้วยเลย และยังสงสัยว่ามีอะไรติดค้างในข้อเสนอที่ตกลงกันเรียบร้อยแล้วอีก
"เอ่อ ถือว่าเป็นเกียรติกับพวกเราสองคนมากครับ เราสองคนยินดีครับ"
เป็นเสกที่ตอบรับคำเชิญนี้ อะตอมเองก็ยังคงยืนทำหน้างง ถึงอะตอมจะเป็นคนสดใสร่าเริง เรียนเก่ง ได้ถึงเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง แต่เพราะความใสซื่อ ท่าทีภายนอกของเขาจึงดูเหมือนไม่ค่อยทันคนสักเท่าไหร่ เขาจึงได้แต่ยิ้มหวานมีเสน่ห์ประจำตัวของเขาออกไปเท่านั้น
"งั้นเดี๋ยวผมแชร์โลเคชั่นให้นะครับ แล้วเราไปเจอกันที่นั่นอีกครึ่งชั่งโมง"
เชนพูดแล้วเดินจากไป เมื่อคนทั้งสองพยักหน้ารับรู้เข้าใจตรงกันเรียบร้อยแล้ว
"จะดีหรอพี่ ผมว่ามันแปลกๆอยู่นะ"
อะตอมถามเสกพร้อมทำสีหน้ากังวล ในความไม่แน่ใจในคนคนนี้ ที่เขาจะได้ร่วมงานด้วย ซึ่งเป็นงานแรกของเขา เมื่อขึ้นรถมาแล้ว เสกเป็นคนขับ
"ทำไมอ่ะ เราคิดว่ายังไงหรอ พี่ว่ามันเป็นโอกาสดีนะ ที่จะได้คุยกับเขาเป็นการส่วนตัว เพราะทางเราก็ทำผิดกับเขาไว้เยอะเลย แม้เราจะไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ ดีแค่ไหนที่เขารับข้อเสนอของเรา ให้เราได้แก้ตัวใหม่อีกครั้งง่ะ"
เสกพูดให้อีกคนได้คิด ซึ่งมันเป็นทางออกที่ดีของบริษัทเขาในตอนนี้ คือต้องยอมฝ่ายนั้นไปก่อน
"มันก็ใช่ ก็เพราะเราทำผิดกับเขาไง ทำไมเขายังให้โอกาสเราอีกอ่ะ แถมยังนัดคุยส่วนตัวอีกผมว่า... ไม่รู้สิ ผมรู้สึกแปลกๆยังไงบอกไม่ถูกอ่ะ"
เซ้นของอะตอมทำงานเพราะรู้สึกแปลกๆจริงๆ ยิ่งสายตาของเขาที่มองตนนั้น มันแปลกมาก ซึ่งตนเองก็รู้ดีว่าตัวเองน่ะเป็นที่สนใจของใครหลายๆคนอยู่แล้ว แต่ตนเองก็ไม่เข้าใจสายตาแบบนั้นของเขาอยู่ดี
"เอาน่า อย่าคิดมาก พี่ว่าเราคิดมากไปแล้ว พี่อยู่กับเราตรงนี้จะกลัวอะไร พี่จะคอยช่วยเราเต็มที่อยู่แล้ว ไม่งั้นจะมีผู้ช่วยไว้ทำไมถูกไหม"
เสกเป็นรุ่นพี่ที่สนิทและเป็นเครือญาติของอะตอม ซึ่งเขาทำงานที่บริษัทของพ่ออะตอมมาหลายปีแล้ว และเป็นผู้ช่วยของอะตอมทันทีที่เข้ามารับผิดชอบโปรเจคนี้หลังจากเรียนจบ
เพราะบริษัทกำลังเดือดร้อน จากนักออกแบบคนก่อนซึ่งเป็นญาติห่างๆของพ่อ และบริษัทสายฟ้าโปรดักชั่นเป็นของพ่อของอะตอมนั่นเอง
"มันก็จริง ผมก็เข้าใจแต่ว่า..."
"หยุด เลิกคิดมากได้แล้ว แล้วทำหน้าให้มันดีๆซะนะ ก็อาเราเล่นหักหลังพ่อเราไว้ซะขนาดนั้น ฝ่ายนั้นที่ถูกโกงไปหลายสิบล้านไม่ฟ้องเราก็บุญแล้ว ดีนะเขายังรับข้อเสนอของเรา โอกาสเรายังมี ไม่ว่าเขาจะมาไม้ไหน เราก็ต้องยอมเขาไปก่อน เพื่อให้ชื่อเสียงพ่อเราไม่เสียหายไปมากกว่านี้ มีพี่อยู่ทั้งคนไม่ต้องกลัว พี่ซับพอร์ตเราเต็มที่อยู่แล้ว มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ คิดว่ามันคือโอกาสของเราพอ โอเคนะ"
อะตอมไม่มีทางเลือก เพราะคนที่เขาเรียกว่าอา และนับถือเขามองเขาเป็นไอดอนมาตลอด พังพ่อเขาลงกับมือ โดยการออกแบบผิดไปจากเดิม แล้วยังโกงเงินส่วนหนึ่งของพ่อเขาไปอีก เพื่อทำลายพ่อเขาเพราะความอิจฉาอย่างจงใจ
จึงเป็นหน้าที่ของอะตอมที่ต้องเข้ามาแก้ไขปัญหานี้และกอบกู้ชื่อเสียงของพ่อเขากลับมา ไม่ว่าเขาจะต้องเจอกับอะไรต่อจากนี้ไปเขาต้องยอมรับมัน
ถึงเขาจะมีฝีมือในด้านนี้มาโดยตรง จนทุกคนที่สนิทกับผู้เป็นพ่อ ที่เคยร่วมงานต่างก็ยอมรับในข้อนี้ของเขา เพราะเขาเองเรียนรู้จากผู้เป็นพ่อมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ทำให้เขาเป็นกังวลอยู่ดี เพราะในวุฒิการทำงาน เขาประสบการยังน้อย ยากที่คนภายนอกจะเชื่อถือ
เมื่อมาถึงร้านหรูที่นัดกันไว้ ฝ่ายนั้นก็มาถึงก่อน มันจึงทำให้อะตอมโดนเสกบ่น
"เห็นไหมเรามาช้าเลยอ่ะ แล้วนี่ก็ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยได้ไหม ยิ้ม ใช้รอยยิ้มที่มีเสน่ห์ของเราให้มันเป็นประโยชน์หน่อย"
เสกบ่นให้อะตอมก่อนเดินมาถึงโต๊ะ ที่คนทั้งสองนั่งรออยู่แล้ว อะตอมจึงฝืนยิ้มอ่อนๆแล้วยกมือไห้วขอโทษริว เมื่อเสกเอ่ยปากขอโทษแทนตน
"ขอโทษนะครับที่เราสองคนมาช้า คือเราไม่คุ้นเส้นทางน่ะครับ"
"ไม่เป็นไรครับ พวกเราก็พึ่งมาถึง"
เชนเป็นคนกล่าวแทน แต่ริวยังคงนั่งนิ่งอยู่ แล้วจ้องหน้าอะตอมไม่วางตา ทำเอาอะตอมหายใจหายคอไม่สะดวก ทำตัวไม่ถูก นั่งลงที่ตัวเองอย่างเก้ๆกังๆ
"สั่งกันได้เต็มที่เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ ท่านประทานเลี้ยงเอง เพื่อเป็นการขอบคุณที่คุณทั้งสองช่วยแก้ไขโปรเจ็คนี้ให้เราจนจบโปรเจค ไม่ปล่อยพวกเราทิ้งกลางทาง เพราะถ้าหาเจ้าใหม่ตอนนี้เราคงหาไม่ทันแน่"
เชนบอกจุดประสงค์ที่เลี้ยงข้าวทั้งสองในวันนี้
"ขอบคุณนะครับ แต่น่าจะเป็นทางเรามากกว่านะครับ ที่จะต้องเลี้ยงขอโทษฝ่ายคุณ เพื่อไถ่โทษกับงานที่ผิดพลาดในครั้งที่ผ่านมา"
อะตอมเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้าง เพื่อแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้เขาไม่ได้เป็นคนก่อก็ตาม
"ไม่เป็นไรครับ ทางเราทราบมาว่าไม่ใช่ความผิดของพวกคุณโดยตรง ทางเราเข้าใจครับ"
เชนยังคงเป็นคนสื่อสารกับคนทั้งสอง และริวยังคงนิ่งอยู่ตามเดิม ทำเอาอะตอมเชื่อในข่าวลือนั้นซะสนิทใจว่า เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง มาดนิ่ง ทั้งหยิ่ง และเย็นชาที่สุด
'เขาจะหยิ่งไปไหนวะ ตั้งแต่เข้ามาในร้าน เขายังไม่เอ่ยปากพูดออกมาสักคำ เอาแต่นิ่งจ้องเราอยู่ได้ อึดอัดชะมัดเลย'
อะตอมคิดในใจ พลานทำหน้ามุ่ย ซึ่งมันเพิ่มความน่ารักของคนตัวเล็กให้น่ามองเพิ่มขึ้น จนริวที่มองอยู่ไม่วางตานั้นยิ่งหลงเข้าไปอีก อะตอมจึงคิดว่าสถานการณ์ตอนนี้มันดูอึดอัดซะจริง
ในเวลาต่อมาอาหารที่สั่งทั้งหมดก็ถูกเอามาเสริฟ หนึ่งในเมนูนั้นคือกระเพราทะเลจานใหญ่และไข่ดาวตามจำนวนคนที่อะตอมเป็นคนสั่ง เพราะนั่นคือเมนูโปรดของเขา ซึ่งเขาไม่ได้สั่งราดข้าวเพราะเผื่อทุกคนด้วย
มันจึงทำให้ริวที่นั่งสังเกตอะตอมอยู่นั้นยิ้มอ่อนออกมาด้วยความเอ็นดูที่ไม่รู้ตัว เพราะเขาเองอุส่าเลือกร้านหรูดูแพงเพื่อให้เกียรติอีกคน แต่เขากับสั่งแค่เมนูตามร้านอาหารตามสั่งที่หาได้ทั่วไป และทั้งหมดก็เริ่มทานไปได้สักพัก ริว ก็ได้กล่าวออกมาบ้าง
"งานนี้ผมต้องพึ่งพวกคุณแล้วล่ะ ฝากด้วยนะครับ ถึงจะไม่ใช่โปรเจคที่ใหญ่โตอะไร แต่ผมไม่อยากเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องเล็กๆแค่นี้ คุณคงเข้าใจนะครับ"
ริวพูดเค้นเสียงต่ำ แล้วจ้องไปที่หน้าของอะตอมเหมือนคาดโทษ และข่มอีกคนไปในที และเหมือนตอกย้ำความผิดพลาดของบริษัทของเขาที่ผ่านมา
อะตอมเข้าใจดี ในความหมายที่เขาสื่อออกมาจากคำพูดเมื่อสักครู่นี้ เพราะมีคดีติดตัว จึงได้แต่คิดในใจ
'กูจะลอดไหมวะเนี้ย'
"คุณไว้ใจผมเถอะ ผมเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาที่เคยพลาดไปนี้โดยตรง จะไม่ทำให้คุณเสียหายอีกแน่นอน ตราบใดที่ผมยังรับผิดชอบโปรเจคนี้ ขอให้ผมได้พิสุจน์ และขอบคุณที่คุณให้โอกาสกับทางเราอีกครั้ง"
อะตอมพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นพร้อมฉายแววตาจริงใจอย่างชัดเจน จนฝ่ายตรงข้ามรับรู้ แค่ไม่ได้แสดงออกมาตามความรู้สึกที่แท้จริงก็เท่านั้น
อะตอมเป็นคนฉลาด ขี้สงสัย และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี เอาตัวลอดเก่ง ถึงบางเรื่องเขาจะคิดไม่ทันบ้างก็เถอะ นั่นเป็นแค่เรื่องที่เขาไม่ถนัด
"ผลงานของคุณมันประจักชัดเจนอยู่แล้วล่ะครับ คุณเป็นคนมีฝีมืออยู่แล้ว ถึงประสบการณ์คุณยังน้อย แต่ผลงานของคุณที่ผ่านมา มันทำให้เราคิดว่า เราเลือกคนไม่ผิด ถือซะว่ามาเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่มจากที่นี่ก็แล้วกันนะครับ ทางเราเชื่อใจคุณ"
เชนเป็นฝ่ายพูดและชื่นชมในความสามรถของอะตอมเพื่อยืนยันให้อีกฝ่ายสบายใจ ในการร่วมงานกันต่อไปจนจบโปรเจคนี้
และเป็นเหตุผลหนึ่งที่แท้จริง ที่ท่านประธานของเขารับข้อเสนอนี้ เพราะทุกฝ่ายเห็นตรงกันกับความสามารถของอะตอมจริงๆ
และเหตุผลที่สำคัญจริงๆคงจะมีแต่ริวเท่านั่นที่รู้มัน แต่เขาเลือกที่จะเก็บมันไว้ใต้ก้นบึ้งของหัวใจที่ลึกที่สุด
ริวยังคงมองหน้าอะตอมอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัว เพราะเขาไม่เคยจ้องใครนานขนาดนี้มาก่อน แต่อะตอมไม่ได้สนใจ เพราะเอาแต่กังวลเรื่องแก้ไขงาน ที่มันสำคัญมากที่สุดกับเขาในตอนนี้
"งั้นผมสรุปจุดประสงค์ที่ผมเชิญคุณมาคุยในครั้งนี้เลยนะครับ"
ริวบอกกับอีกฝ่าย คนทั้งสองพยักหน้ารับทราบและตั้งใจฟังสิ่งที่ท่านประธานจะพูดต่อไปนี้
"ต่อจากนี้ไปจนจบโปรเจค คุณต้องอยู่ในการดูแลของผม ไม่ว่าจะเรื่องแก้ไขงาน หรือออกแบบเพิ่มเติม คุณต้องอยู่ในการควบคุมของผมทั้งหมด ไม่ว่าจะเรื่องที่พักหรือการเดินทางไปทำงาน ผมจะจัดการทั้งหมดเอง ยกเว้นเรื่องส่วนตัวของคุณ ผมจะไม่ยุ่ง ที่ผมทำไปเพื่อกันพลาด"
ริวอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจในจุดประสงค์ของตัวเอง ซึ่งอะตอมเข้าใจดีว่าเขาก็ไม่ไว้ใจตนอยู่ดีนั่นแหล่ะ และเขายังพูดออกตัวก่อนอีก
"ผมไว้ใจคุณนะ แต่กันไว้ก่อน เพราะผมต้องมั่นใจว่างานต้องเสร็จทันส่งตามกำหนด หวังว่าคุณคงเข้าใจผมนะครับ"
ถึงริวจะพูดแบบนั้นอะตอมก็เข้าใจว่าเขาห่วงเรื่องงานกว่าอย่างอื่นอยู่ดี จึงได้แต่ทำใจและยอมรับมัน พร้อมทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อพิสุจน์ให้เขารู้ว่าตนก็ไม่ได้มาเล่นๆ
"ครับ ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ต้องรบกวนคุณแล้วล่ะครับ จัดการตามที่คุณต้องการได้เลย"
อะตอมกัดฟันพูดกับอีกคน ในประโยคสุดท้าย พร้อมยิ้มแห้ง
"อีกสามวัน คุณต้องเข้าหน้างานเพื่อแก้ไขงาน เพื่อให้รู้จุดที่ต้องแก้และเพิ่มเติมส่วนไหน และผมต้องอยู่กับคุณตลอด ส่วนที่พักผมจัดหาไว้ให้แล้ว รอแค่คุณย้ายเข้า พร้อมวันไหนก็บอกเดี๋ยวผมให้คนไปรับ เพราะเราต้องอยู่ด้วยกันอีกยาว"
ริวพูดพร้อมกอดอก มองคนตรงหน้าด้วยคนที่ถือไพ่เหนือกว่า เหมือนชนะคนตรงหน้าไปกว่าครึ่งแล้ว
'ดูสิจะเก่งซะแค่ไหนกัน จะอึดได้สักกี่น้ำ จะเอาคืนนายได้ก็ตรงนี้แหละ'
ริวคิดในใจพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ ซึ่งเขาไม่เคยเป็นมาก่อน แค่นึกสนุกอยากแกล้งคนตรงหน้าเฉยๆก็เท่านั้น
"เอ่อ งั้นต้องรบกวนคุณริวแล้วล่ะครับ ฝากดูแลน้องผมด้วยนะครับ ขอบคุณที่เป็นฝ่ายรับผิดชอบในการดูแลนักออกแบบในครั้งนี้ ทางเราจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอนครับ"
เสกกล่าวขอบคุณและฝากฝังให้เขาดูแลอะตอมตามมารยาท แต่อะตอมกับสะกิดพร้อมส่งสายตาให้กับเสกรับรู้ว่า เขาเหมือนถูกส่งให้ไปอยู่ในกำมือของอีกคนชัดๆ เขาจะคลายหรือกำ ตนก็ไม่รอด ยังพูดเหมือนเขาจะหวังดีกับตนอย่างนั้นแหล่ะ
"ตกลงตามนั้นล่ะครับ ผมไม่อะไรอยู่แล้ว ถ้าไม่ถือเป็นการรบกวนคุณ เชิญคุณติดตามผมทุกฝีก้าวได้ตามสบายเลย"
อะตอมพูดประชดอีกคน แต่เขากับทำตัวเย็นชาใส่เหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร จนอะตอมรู้สึกหมั่นไส้เขาโดยไม่รู้ตัวซะแล้ว
"งั้นตกลงตามนี้นะครับ ภายในสามวันนี้ คุณพร้อมเมื่อไหร่ ติดต่อผมมาโดยตรงได้เลย ผมจะให้คนไปรับ"
เชนบอกกับอะตอมด้วยรอยยิ้มหวาน เพราะทั้งหมดได้แลกไอดีไลน์กันไว้เรียบร้อยตั้งแต่แรกแล้ว เพื่อติดต่องาน
"ครับพรุ้งนี้เลย ผมจะได้เตรียมพร้อมได้เต็มที่ จะได้มีเวลาเตรียมตัวเยอะหน่อย"
อะตอมบอกอย่างมั่นใจ
"ครับ ตามนั้นพรุ้งนี้สี่โมงเย็น ผมจะให้คนไปรับ"
เชนกล่าว พร้อมชื่นชมความเลือดร้อนในตัวเขาในใจ
"ดี ขยันดีนี่ ผมชอบ หวังว่าเราจะร่วมงานกันได้ด้วยดีนะครับ"
ริวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาใบหน้านิ่งตามเคย พร้อมลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือออกไปเพื่อทำความยินดี ที่ได้ร่วมงานกัน อะตอมก็ทำตาม
"ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคุณนะ ทำให้เต็มที่ พรุ้งนี้เจอกัน"
"ครับ ยินดีเช่นกัน"
อะตอมเอ่ยเสียงเรียบ
ระหว่างที่ริวจับมือกับอะตอม เขาก็รู้สึกแปลกๆ และจ้องนัยตาหวานคมนั้นอยู่นาน จนเชนต้องกะแอมเตือนสติ แล้วทั้งหมดก็จับมือกันทำความเข้าใจตรงกันเรียบร้อย แล้วก็แยกย้าย
/////
"ผมว่าล่ะ มันต้องมีอะไร งานเข้าผมเต็มๆเลยเนี่ย"
อะตอมบ่นเมื่อขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้เสกไปส่งที่คอนโดของตัวเอง
"เอาหน่า คงไม่มีไรหรอก เขาคงไม่กล้าทำไรเราหรอกหน่า อย่าคิดมากสิ"
ยิ้มล้อเลียนอีกคน
"แค่เตรียมตัวให้พร้อมก็พอ ทำให้เขาเห็น ว่าเราเจ็งแค่ไหน"
เสกพูดปรอบใจอีกคนแต่ไม่เป็นผล
"พี่ก็พูดได้ดิ ไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับผมนี่ เหมือนถูกส่งให้ไปตายชัดๆ ดูก็รู้เขารอเล่นงานผมอยู่ ดูยังไงก็เหมือนหมูรอเชือดชัดๆ"
อะตอมบอกเสียงขุ่น พร้อมทำหน้าคิดหนัก
"ใจเย็นๆ มันไม่ขนาดนั้นหรอกหน่า เขาก็ดูเป็นผู้ใหญ่มีเหตุผลออก ไม่แกล้งเราด้วยเรื่องงานหรอก มักเด็กน้อยไป"
"เรื่องงานผมไม่กลัวหรอก กลัวแต่เขาจะเล่นสกปกกับงานที่ผมทำนี่แหล่ะ เขาดูไม่ชอบขี้หน้าผมอยู่ด้วย"
อะตอมพูดแล้วถอนหายใจยาว บ่งบอกว่าเขากังวลมากกับเรื่องนี้ เสกได้แต่ตบบ่าให้กำลังใจเจ้านายหนุ่ม
ต่อไปนี้เขาคงไม่เป็นอิจสะระแน่
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!