แต๊กๆๆ
เสียงกดแป้นคีย์บอร์ดดังมาอย่างต่อเนื่องในห้องที่มีแสงสลัวจากจอคอมพิวเตอร์ ตัวหนังสือมากมายถูกบรรจงพิมพ์ขึ้นจากนิ้วเรียวเล็กของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็น "นักเขียนฝึกหัด" เธอจดจ่ออยู่กับเนื้อหานิยายตรงหน้า ภาพบนจอคอมพิวเตอร์สะท้อนชัดแจ๋วอยู่บนแว่นกรองแสงที่เธอสวมใส่
จวบจนเวลาผ่านไปจนหน้าปัดนาฬิกาขึ้นเลข 23.00 น. นิ้วเรียวกดปุ่มตัวอักษรตัวสุดท้ายจนดังก้องในห้องเล็กๆ นี่ เธอละมือจากแป้นพิมพ์และชูมือขึ้นสูงพร้อมกับเอนตัวไปด้านหลัง
"ฮา เสร็จสักทีนะ"
น้ำเสียงนุ่มเล็กพูดออกมาอย่างเกียจค้าน และเมื่อยล้าเต็มทน แต่สักพักก็ดีดตัวมานั่งตรวจคำผิดตั้งแต่บรรทัดแรกจนถึงบรรทัดสุดท้าย ก่อนใช้เลื่อนเคอร์เซอร์เมาส์ไปที่ปุ่มเผยแพร่ แล้วกดคลิกอย่างไม่ลังเล เธอนั่งรอ 2-3 นาทีอย่างลุ้นระทึกพลางกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ จนข้อความเด้งขึ้นจอว่า "อัพเนื้อหาสำเร็จ" เธอถึงกับลุกขึ้นพรวดจากเก้าอี้ ยืนชูมไม้ชูมือดีใจราวกับถูกรางวัลที่หนึ่ง
"วะฮ่าๆๆๆ ในที่สุดก็เขียนจนจบจนได้!!"
เธอร้องตะโกนอย่างดีใจที่หลุดจากความอัดอั้นมานาน เมื่อปล่อยอารมณ์อย่างที่ต้องการจนพอใจแล้ว เธอถอดแว่นออกว่างไว้ที่โต๊ะคอม แล้วเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงนอนพลางดึงหมอนมากอดแน่นและพลิกตัวไปมาอย่างอารมณ์ดี
"พรุ่งนี้ค่อยมาเช็คคอมเม้นท์ก็แล้วกัน ฮิฮิ"
เธอว่าจบก็พยายามข่มตานอน แต่เพราะอารมณ์ตื่นเต้นที่มีอยู่จึงใช้เวลานานกว่าเธอจะหลับไป โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีข้อความปรากฏขึ้นที่หน้าจอคอมของเธอ
...... "แก...จะต้อง...ชดใช้..."......
.
.
.
.
.
จิ๊บๆๆ
เสียงนกร้องดังเข้าในโสตประสาท เธอนอนขดตัวสักพักก่อนที่จะจำลุกขึ้นจากเตียงแล้วบิดขี้เกียจไล่ความขบเมื่อย มือเรียวขาวยกขึ้นมาขยี้ตาเล็กน้อย
"หืม?..."
เธอมองมือของเธอที่ดูจะยาวกว่าปกติและขาวขึ้นผิดธรรมชาติ แต่คงเพราะยังเช้าเลยทำให้ตาฝ้า จึงไม่ได้เอะใจอะไร เธอขยับตัวลงจากเตียง เธอเดินไปในทิศทางที่คิดว่าเป็นประตูออกห้องที่เธออยู่แบบไม่ได้ลืมตามอง
ตุบ!
เธอเดินชนบางอย่างเข้าอย่างจัง แรงกระแทกนั้นทำให้เธอหายง่วงงุนไปในชั่วพริบตา มือเรียวยกขึ้นมาลูบหน้าตัวเองที่โดนชนเมื่อกี้
"อูยยย ใครเอาอะไรมาวางไว้เนี่ย?"
เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยออกมาอย่างมึนงงและติดจะหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็ฉุดนึกเอะใจขึ้นมา เธอลูบบริเวณลำคออยู่สักพักก่อนจะเปล่งเสียงพูดออกมาอีกครั้ง
"อา...ทำไมเสียงเราถึง..."
ความมึนงงยังไม่ทันหายไป ความสับสนก็เข้ามาผสมโรง เธอกระพริบตาถี่ๆ มองรอบห้อง ก็ยิ่งสร้างความประหลาดใจเข้าไปอีก
"นี่ไม่ใช่ห้องเรานี่หว่า แต่จำได้ว่าเรานอนห้องตัวเองนะ?"
ยิ่งตั้งคำถามมากมายเท่าไหร่ก็ไร้ซึ่งคำตอบที่พอจะอธิบายสถานการณ์ตรงหน้าได้ ทันใดนั้น เธอก็เหลือบไปเห็นกระจกบานเท่าคนจริงตั้งอยู่ข้างตู้ เธอไม่รอช้ารีบเข้าไปส่องกระจกบานนั้นทันที
"บะ...บ้านา ล้อเล่นใช่ไหม?"
ภาพที่เธอเห็นคือ ชายหนุ่มรูปร่างผอมเพรียว ใบหน้าเรียว ดวงตาสีม่วงซีด จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากบางเรียว ผิวขาวสวยจนน่าอิจฉา ไหนจะเส้นผมสีเงินยาวถึงสะโพกนี่อีก
เธอลองยกมือขึ้นมาดึงแก้มตัวเองซ้ำๆ ความเจ็บปวดแล่นสู่สมอง แต่ทำไมถึงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยล่ะ
"ไม่ใช่ความฝัน...แล้วมันเกิดเรื่องบ้านี่ขึ้นได้ไง"
เธอเริ่มจะควบคุมสติไม่ได้ สถานการณ์ที่หาคำอธิบายไม่ได้ทำให้เธอเริ่มเสียสติ แม้จะพยายามคิดหาทางออกแล้วแต่ก็ไร้ซึ่งหนทาง เข่าทรุดลงกับพื้นพรมในห้อง สายตาที่ฉายชัดถึงความสับสนและสิ้นหวังสะท้อนออกมาจากในกระจกตรงหน้า
"ไม่ได้สิ จะมานั่งหงอยแบบนี้ไม่ได้"
เธอสะบัดหัวไล่ความฟุ้งซ่านไป แล้วกลับมาตั้งสติใหม่อีกครั้ง เธอลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พลางมองไปทั่วห้องอีกครั้ง จนสายตาไปสะดุดเข้ากับจดหมาย 1 ฉบับที่วางไว้โต๊ะตัวเล็กข้างหัวเตียง เธอไม่รอช้าที่จะคว้ามันมาอ่าน ถึงจะรู้ว่าไม่ควรอ่านจดหมายของคนอื่นแต่ในสถานการณ์แบบนี้มันคือเบาะแสเดียวที่เธอมีในตอนนี้
เธอพลิกจดหมายหาชื่อผู้ส่งก็ต้องสะดุดชื่อผู้รับจดหมายฉบับนี้คือ ถึง เซอร์ริว ชื่อนี้วนเวียนอยู่ในหัวเธอสักพักก่อนที่ดวงตาจะเบิกโพลงจนลูกตาแทบทะลนออกจากเบ้า หัวสมองเริ่มฉายข้อมูลบางอย่างทีละนิด
เซอร์ริว ชายหนุ่มที่ภายนอกดูเป็นสุภาพบุรุษที่ดี อ่อนน้อม และใจดี รอยยิ้มที่ดูอบอุ่นราวกับพ่อพระมาเกิด แต่หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังของใบหน้าปลอมๆ นี้คือฆาตกรต่อเนื่องที่ชื่นชอบการเล่นกับศพและมักจะทิ้งกุญแจสีเงินที่สลักตัวอักษร S เอาไว้ในร่างกายของศพ
"...ฮ่ะๆ..."
คราวนี้เธอถึงกับสติกระเจิง สาเหตุที่เธอรู้จักคนที่ชื่อเซอร์ริวคนนี้ก็เพราะว่านายคนนี้น่ะ...คือตัวร้ายในนิยายเรื่อง วีรกรรมของซิลเวอร์ ที่เธอเป็นคนแต่งไง!!!
"อ๊ากกกกกกก"
เธอ หรือ ในตอนนี้คือ เซอร์ริว ใช้มือขยี้ผมสีเงินของตัวเองอย่างกับคนบ้า ริวทิ้งตัวลงบนเตียงพลางเหม่อมองเพดานห้องด้วยสายตาที่ว่างเปล่า มือถูกยกขึ้นมาลูบหน้าตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะไม่อยากยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้น
"จะบ้าตาย ไอ้เราแค่อยากแต่งนิยายนะ! ไม่ใช่อยากมาเป็นส่วนหนึ่งของนิยาย!"
ริวร้องตะโกนลั่นห้องด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดติดจะงอแงด้วยซ้ำ ก่อนจะกลั้นใจเอาจดหมายมาเปิดอ่าน สายตาไล่อ่านเนื้อหาจดหมายอย่างละเอียดและสรุปใจความได้ว่าจดหมายนี่ส่งมาจากผู้อำนวยการโรงเรียนเมจิกเชี่ยน ซึ่งเป็นโรงเรียนที่สภาเวทย์มนต์ก่อตั้งขึ้นเพื่อให้เหล่าผู้มีเวทย์มนต์สามารถเรียนรู้พลังและใช้มันในทางที่ถูกต้อง ส่วนสาเหตุที่ผู้อำนวยการส่งมาคือ ดูเหมือนริว(เจ้าของร่าง)จะสมัครเข้าเรียนไว้แล้วผู้อำนวยการก็อนุมัติเป็นที่เรียบร้อย จึงส่งจดหมายมาเพื่อบอกให้เตรียมตัวเข้าเรียนในวันนี้ตอน....
"เข้าเรียน...วันนี้?"
เมื่อสมองประมวลผลเสร็จก็ทำให้ริวกรี๊ดลั่นห้องเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน ก่อนที่จะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว แล้วถือคติที่ว่าถ้าจิตใจสะอาด ร่างกายก็สะอาด เพราะงั้นไม่ต้องอาบน้ำก็ได้!! ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าก็พยายามเลี่ยงมองน้องน้อยตรงระหว่างขาแล้วรีบสวมกางเกง ใส่เสื้อ ติดเข็มกลัดโรงเรียนแล้วคว้ากระเป๋าหนังสือวิ่งพุ่งออกจากห้องไป พร้อมคำพูดสุดเบสิคว่า...
"สายแล้วๆๆ!!"
(ติดตรงที่ไม่ใช่สาวน้อยวิ่งคาบขนมปังออกจากบ้านอะนะ)
.
.
.
จบบทนำ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!