NovelToon NovelToon

ถ้าเธอไม่เอา ฉันเอาเอง!!

วิชาระบำคืนชีพ-รู้ว่าข้าตายแล้ว เจ้าจะย้ำทำไม!!

เขตพื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะเหล่าปีศาจต่างวุ่นวายและร้อนใจ องค์เทพวสันต์หนึ่งในห้าผู้ช่วยของมหาเทพแห่งสวรรค์ เดินเข้าวังจูเชวี่ยโดยไม่สนเหล่ามารที่จ้องมองตนแทบจะกินเลือดกินเนื้อ สาเหตุที่มารเหล่านี้อยากจะฆ่าเทพวสันต์เป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อ5000ปีก่อน จ้าววังของพวกเขาถูกสังหารโดยมหาเทพแค่เหตุผลที่ว่าน้องอยู่พี่ตาย ใช่ฟังไม่ผิด จ้าววังเป็นพี่ชายแท้ๆของเทพวสันต์ทั้งที่จ้าววังรักใคร่เอ็นดูเทพวสันต์ขนาดนี้แต่กลับให้มหาเทพสังหารพี่ชายทั้งที่ตนเองก็ยืนอยู่ในเหตุการณ์

ครั้งนี้เทพวสันต์มาเยือนโดยไม่บอกกล่าวเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจหรือเห็นวังจูเชวี่ยอยู่ในสายตา ฉินเย่เป็นลูกบุญธรรมของจ้าววัง เขาเห็นอีกฝ่ายก็อยากจะฉีกทึ้งร่างนั้นออกเป็นชิ้นๆแล้วจับโยนลงไปในแดนสวรรค์ หากไม่ใช่พ่อบุญธรรมของเขาได้ห้ามปรามเอาไว้ก่อนตายเขาก็คงฆ่าอีกฝ่ายไปตั้งแต่5000ปีก่อนแล้ว ฉินเย่ขมวดคิ้วน้อยๆแต่ยังคงเก็บสีหน้าและอารมณ์เอาไว้ได้ดี

"เทพวสันต์มาทำอะไรที่นี่หรือ หรืออยากมาดูผลงานของท่านเมื่อ5000ปีก่อน"

ฉินเย่พูดแทงใจดำทั้งที่ยังคงส่งยิ้มอ่อนจอมปลอมให้อีกฝ่าย เทพวสันต์หลับตาลงแล้วถอนหายใจเบาๆ ส่ายศรีษะเบาๆก่อนจะลืมตาขึ้น

"ข้ามาหาท่านพี่"

"มาหารึ!? ท่านจะมาทำไมอีก!!"

ฉินเย่ได้ยินเช่นนั้นก็เก็บเอาอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมาไว้ไม่อยู่เขาแผ่ไอสังหารอย่างรุนแรงจนปีศาจรอบข้างต่างก็รีบถอยกรูด้วยความหวาดกลัว มีแค่หรูอี้ที่รีบเดินเข้ามาห้ามปรามฉินเย่

"ฉินเย่จำคำที่จ้าววังบอกได้หรือไม่"

เมื่อฉินเย่ได้ยินใบหน้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นใจเย็นลงเขาค่อยๆเก็บไอสังหารแต่สายตาโกรธเกรี้ยวยังคงทอดมองไปยังเทพวสันต์ หรูอี้เห็นว่าฉินเย่คงไม่ให้เทพวสันต์เข้าไปแน่จึงเดินหน้าเข้ามาบังฉินเย่เอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายคิดอะไรที่นอกลู่นอกทางอีก

"เทพวสันต์เชิญตามหรูอี้เข้ามาเถิดเจ้าค่ะ"

ฉินเย่มองหรูอี้ด้วยความไม่เข้าใจก่อนที่จะถามด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน"หรูอี้ทำอะไรของเจ้า!!!"

"ฉินเย่ ท่านอยู่เงียบๆเถิด ข้าจัดการเอง"

ฉินเย่สูดลมหายใจลึกๆก่อนจะเชื่อฟังคำที่หรูอี้บอก นางเห็นฉินเย่ดูใจเย็นลงแล้วก็โล่งอกเล็กน้อยก่อนจะพาเทพวสันต์เข้าไปที่ห้องเหมันต์ ทั่วห้องมีไอเย็นออกมาทำให้รู้สึกหนาวเย็น ฉินเย่มองเทพวสันต์ไม่วางตาด้วยสายตาที่ไม่ไว้ใจ ส่วนหรูอี้เดินยิ้มบางพาไปใกล้โลงน้ำแข็ง ก่อนจะค่อยๆเปิดฝาออก

"ฉินเย่เก็บร่างของจ้าววังเอาไว้ เขาเก็บร่างจ้าววังเอาไว้เพื่อหาวิธีชุบชีวิตจ้าววังให้ฟื้นขึ้นมา แต่เมื่อเวลาผ่านมา5000ปีก็ไม่มีวิธีใดเลยที่ทำสำเร็จ"

"ให้ข้าทำ"

"อะไรนะเจ้าคะ?"

เทพวสันต์ไม่พูดอะไรต่อก็ปล่อยแสงสีเขียวออกมาก่อนที่เขาจะร่ายรำด้วยความงดงามท่ามกลางน้ำแข็งและไอเย็นที่เริ่มหนาวเย็นขึ้นอีก ฉินเย่เห็นการร่ายรำที่งดงามเขาก็ต้องตกตะลึงจนเผลออ้าปากค้าง หรูอี้เห็นจึงรีบถอยกรูเข้ามาปิดปากฉินเย่เอาไว้

"เก็บปากเจ้าซะ เมื่อครู่มิใช่ว่าจะฆ่าเขาหรอกหรือ"

"อะแฮ่ม! ข้าแค่...."

"แค่? แค่อะไร แค่ตะลึงจนลืมตัวหรือ"

หรูอี้กรอกตามองบนก่อนจะมองการร่ายรำพร้อมแสงสีเขียวที่อยู่รอบกายเทพวสันต์ ไม่นานร่างของจ้าววังก็ค่อยๆถูกยกขึ้นมาโดยมีเถาวัลย์ขนาดใหญ่ยึดร่างเขาไว้มาอยู่ตรงหน้าเทพวสันต์ เทพวสันต์ลืมตากวาดมือเพื่อรวบรวมเเสงสีเขียวทั้งหมดรอบกายมาอยู่บนมือก่อนจะค่อยๆดันมันเข้าไปในอกของจ้าววัง เทพวสันต์หลับตาทำสมาธิหยาดน้ำใสไหลเต็มใบหน้างดงาม

"ท่านพี่ ตื่นขึ้นมาเถิด"

เทพวสันต์พูดจบก็คุกเข่าลงต่อหน้าจ้าววัง เถาวัลย์ยังคงยึดร่างบางเอาไว้ไม่นานดวงตาที่ปิดสนิทก็ค่อยๆลืมตาขึ้น ฉินเย่เห็นก็ยิ้มดีใจจะวิ่งเข้าไปหา แต่หรูอี้ห้ามเอาไว้เขาจึงหักห้ามใจตนเองทำได้แค่ดูเหตุการณ์ตรงหน้าต่อไป

ตี๊ดดดดดดดดดดดดด

'เสียงอะไรน่ะ หนวกหูจริง!'

เขาเอามือปิดหูแต่เสียงนั้นมันก็ยังแทรกเข้ามาเหมือนเดิมจนเสียงเงียบไปเขาถึงปล่อยมือ เมื่อมองไปรอบๆก็เห็นแค่น้ำแข็ง น้ำแข็งเต็มไปหมดเขามองสงสัยเดินไปเดินมาพลางตะโกนถามหามีใครอยู่ไหม แต่ก็ไม่มีเสียงได้ยินแต่เสียงของเขาที่ก้องกังวานไปทั่ว

[ยินดีต้อนรับสู่โลกใบใหม่]

'เสียงอะไร'

[เสียงระบบเอง]

'เสียงระบบที่ไหนเหมือนตุ๊ดขนาดนี้'

[นี่อย่ามาหยามระบบนะ!!!]

'โอเครระบบนายมีชื่อไหม'

[ระบบชื่อจีจี้]

'ชื่อห่วยแตกมาก'

[อย่ามาว่าระบบนะหล่อน! ระบบจีจี้ทำงานได้มีประสิทธิภาพกว่าระบบอื่นๆ]

'งั้นหรอ อธิบายมาซิว่าที่นี่มันที่ไหน'

[ที่นี่คือห้วงฝันของลู่เสวียนจี]

'ลู่เสวียนจีเป็นใคร?'

[เป็นบอสไง ในโลกเดิมบอสตายเพราะพลัดตกตึก55ชั้น จีจี้กำลังหาจิตวิญญาณที่เหมาะสมเพื่อมาเป็นตัวหลักในโลกนี้ ซึ่งจีจี้เลือกบอสในโลกแห่งผู้ฝึกตนจะมีอยู่2ประเภท คือผู้ฝึกตนและเซียน แต่ในตอนนี้บอสคือจ้าววังจูเชวี่ย ลู่เสวียนจี]

'ควรดีใจ?'

[มีชีวิตใหม่ก็ควรดีใจสิ!!! จีจี้จะส่งความทรงของเจ้าของร่างให้เอง]

หลังจากพูดจบระบบก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาได้แต่ยืนงงอยู่เฉยๆถ้าจำไม่ผิด....ไม่!!! เขาจำผิด ขนาดตัวเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตายยังไง ความทรงจำหายไปหมดเลยเขาคิดอย่างนั้นก่อนที่ร่างกายจะทรุดลงกับพื้นในหัวมีภาพเหตุการณ์ไหลเวียนไปพร้อมเสียงมากมายที่ดังก้องกังวานไปทั่ว ตอนนี้แสบหูมาก ภาพอะไรน่ะ เดี๋ยว!

ขนตาเรียวยาวค่อยๆขยับเผยให้เห็นดวงตาเรียว เมื่อภาพตรงหน้าชัดเจนนัยน์ตาสีเทาสว่างค่อยๆเลื่อนไปมา ลู่เสวียนจีเห็นคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าเขามองแขนทั้งสองข้างที่เหมือนโดนยึดไว้อยู่ เทพวสันต์เห็นเขาฟื้นแล้วก็สลายเถาวัลย์ทั้งหมดออก ลู่เสวียนจีถูกปล่อยก็ค่อยๆเดินหน้ามา3ก้าว มองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่เย็นชาหน่อยๆ

[อย่า OOC เชียวนะ! นี่คือลู่วั่งซีเป็นน้องชายของลู่เสวียนจี ปัจจุบันเป็นเทพวสันต์คนสำคัญของมหาเทพ]

คนของเผ่าสวรรค์ มาเผ่าปีศาจทำไม ตอนนี้เขารู้สึกเวียนหัวนิดๆร่างนี้ไม่ได้ใช้การนานจึงทำให้เซไปบ้างแต่ก็ยังทรงตัวได้ เขาทอดมองคนตรงหน้าที่คุกเข่าก้มหน้าก้มหน้าไม่คิดจะเงยขึ้นมามองเขา ลู่เสวียนจีกำลังจะย่อตัวลงไปพยุงลู่วั่งซี

"ท่านพี่"

ลู่เสวียนจีชะงักนิ่ง

"ข้าขอโทษ ข้าไม่เคยคิดฆ่าท่าน ข้าไม่ขอให้ท่านอภัยให้ หากแค้น เกลียด ชิงชังข้า ท่านก็ฆ่าข้าเสีย!"

ลู่วั่งซีมีน้ำเสียงที่สั่นเครือความรู้สึกผิดมีมากขึ้นปะทุออกมาจนเขาสามารถรับรู้ได้ ลู่เสวียนจีกัดปากเล็กน้อยก่อนจะนั่งยองๆโผล่เข้ากอดเทพวสันต์ทันที

"วิชาต้องห้ามของเผ่าสวรรค์ เจ้ายังกล้าเอามาใช้อีกหรือ อีกทั้งยังเป็นข้าเจ้าไม่กลัวมหาเทพฆ่าเจ้าหรืออย่างไร"

วิชานี้เป็นวิชาต้องห้ามของเผ่าสวรรค์หากใครเอาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาติจะถูกถอดถอนพลังเทพและยังถูกเนรเทศออกจากสวรรค์นี่คือโทษสถานเบา สถานหนักคือตาย วิชานี้เรียกว่า'วิชาระบำคืนชีพ'หากร่ายรำถูกต้อง ในใจคิดถึงผู้ที่อยากชุบชีวิต พลังปราณมีมากพอก็จะสามารถชุบชีวิตได้ หากไม่มีครบข้อกำหนดไม่ธาตุไฟเข้าแทรกก็พลังปราณดับสลาย ลู่วั่งซียังต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อมาชุบชีวิตเขาไม่ใช่เขา แต่เป็นลู่เสวียนจีต่างหาก

"เพื่อท่านแล้วข้าไม่กลัว ข้าเป็นคนทำให้ท่านตาย ข้าต้องชดใช้"

ลู่วั่งซีเสียใจมาก ถึงขนาดเก็บตัวไม่ข้องแวะกับเทพองค์ใดเลยจนเวลาผ่านมา3000ปีเขาถึงคิดอยากจะขโมยวิชาระบำคืนชีพจากตำหนักมหาเทพ เขาใช้เวลา1500ปีในการฝึกฝนวิชานี้ อีก500ปีก็โดนทำโทษฐานละเลยหน้าที่ ไม่ควบคุมฤดูวสันต์ตามกำหนด จึงถูกคุมขังอยู่ในถ้ำไร้แสงที่มีแต่ความมืดมิด ไม่ได้เห็นแสงแดดนอกจากเทียนเล่มเดียว

ร่างบางกอดจนลู่วั่งซีหยุดร้องไห้จึงพยุงอีกฝ่ายขึ้นมาก่อนจะส่งยิ้มละมุนไปให้ ลู่วั่งซีนึกถึงรอยยิ้มนั้นก็ยิ้มจนแก้มบานเขาสงสัยที่อีกฝ่ายไม่คิดโกรธหรือเกลียดเขา หากในตอนนี้เขาก็อยากจะปกป้องอีกฝ่ายอย่างสุดความสามารถ แม้จะเป็นมหาเทพหรือเง็กเซียนฮ่องเต้เขาก็จะไม่หวาดกลัวอีกเด็ดขาด เป็นเพราะความขี้ขลาดของเขาถึงได้นำหายนะมาให้ลู่เสวียนจี

ฉินเย่หักห้ามใจไม่อยู่อีกต่อไปก็วิ่งไปกอดขาร้องไห้โฮ่จนลู่เสวียนจีถึงกับกุมขมับด้วยความเอือมระอา

"ท่านพ่อ แงงงงงงง ท่านกลับมาแล้วววววข้าคิดถึงท่านมากเลย!!!!"

แต่ไม่ได้มีแค่ลู่เสวียนจีที่เอือมหรูอี้ที่ขึ้นฉายาว่า'เก็บอารมณ์ดีสุดยอด'ชื่อนี้เป็นฉินเย่ที่ตั้งให้ ซึ่งมันไร้สาระมากเมื่อหรูอี้ได้ยินฉายานี้ นางถอนหายใจยาวเหยียดก่อนจะทำสีหน้าเอือมระอาขั้นสุด

[ฉินเย่ บุตรชายบุญธรรมของลู่เสวียนจี ร่างเดิมคือเสือขาว]

ลู่เสวียนจีกุมขมับ"ฉินเย่อย่า...."

ฉินเย่เพิ่มระดับเสียง"แงงงง!!!!! ท่านพ่อข้าพยายามทุกวิธีให้ท่านฟื้นก็ไม่สำเร็จ ท่านฟื้นขึ้นมาแล้ว!!!"

หรูอี้กล่าว"ปัญญาอ่อน"

ฉินเย่หันมา"เจ้าสิปัญญาอ่อน! ข้าสมองดีกว่าเจ้าเยอะ!"

หรูอี้ได้ยินก็อยากจะขำแทบใจขาด ถ้าฉินเย่นับว่าสติดีที่สุดนางขอตายดีกว่ามองดูว่าฉินเย่สติดีกว่านาง หรูอี้ลากฉินเย่ออกมาอีกฝ่ายก็ยังไม่หยุดร้องไห้ทั้งยังร้องหนักกว่าเดิม จนลู่เสวียนจีส่งสายตาพิฆาตมาให้ฉินเย่อีกฝ่ายถึงจะหยุดร้องไห้เหมือนเมื่อครู่เขาไม่ได้ร้องหรือทำอะไรเลย หรูอี้ถึงกับถุมขมับถอนหายใจอีกครั้ง

ลู่วั่งซี"ท่านพี่ข้า..."

ลู่เสวียนจียิ้มอ่อนโยน"กลับไปเถอะเรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง"

ลู่วั่งซีพนักหน้าก่อนจะทำตัวตามปกติแล้วเดินออกไป ฉินเย่แทบถลึงตาใส่ลู่วั่งซีก่อนจะหันมาทำสายตาออดอ้อนเขาอีกครั้ง เด็กนี่เพี้ยนไปแล้วหรือไง หรือเป็นไบโพลาร์??

[เขาเป็นคนประเภทแสดงความรู้สึกชัดเจน นิสัยก็ตามที่เห็น ปัญญาอ่อน ไร้สาระ แต่จงรักภักดีและซื่อสัตย์ ลู่เสวียนจีมักจะมีท่าทีปวดหัวเวลาอยู่กับเขา]

'ก็สมควรปวดหัวไหมล่ะ'

ฉินเย่ค่อยๆเดินมาหาลู่เสวียนจี รู้สึกเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย นี่มันใช่คนปกติหรอ ลู่เสวียนจีกำลังจะยิ้งอ่อนโยนแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีเสียงสุดปวดหัวดังขึ้น

[หยุด!!! อย่ายิ้มเชียว! รอยยิ้มแบบนั้นลู่เสวียนจีส่งให้แค่ลู่วั่งซีคนเดียวเท่านั้น ถ้าอยากปลดล็อค OOC ก็ต้องเก็บคะแนน]

'กี่คะแนนจะปลดล็อค OOC ได้?'

[600คะแนน]

'ให้ตายสิ เยอะชะมัดเพิ่มทีเท่าไหร่เนี่ย'

[10-50คะแนน ในกรณีพิเศษหรือเควสใหญ่เพิ่มเป็น100-200คะแนนตามความเหมาะสมของบอส]

ลู่เสวียนจีทำหน้านิ่งก่อนจะค่อยๆพยักหน้า เขารู้สึกว่าร่างกายดูว่างเปล่าโดยเฉพราะท่อนบน เขาจึงค่อยๆก้มหน้าลงก็แทบจะกระอักเลือดออกมาคำโตๆ นี่เค้าโป๊งั้นหรอ! จะโดนติดลบไหมนั่น แล้วยังสายตาของฉินเย่และหรูอี้อีกอะไรกันเนี่ย!!!! ลู่เสวียนจีกรีดร้องในใจ ใบหน้าพลันปรากฎความหงุดหงิดขึ้นมา พอฉินเย่เห็นจึงพึ่งนึกได้ก็รีบปลดผ้าคลุมขนสัตว์สีดำออกแล้วไปคลุมให้ลู่เสวียนจี

"ทะ...ท่านพ่อ อภัยให้ลูกด้วย"

"นี่ข้าตายไปนานขนาดไหน"

"5000ปีขอรับ"

5000ปี!!!! ต๊ายยยยยยย ร่างกายเดินได้ขนาดนี้ก็ถือว่าบุญแล้ว กระดูดของเขายังดีที่ไม่เสื่อมก่อน ถึงในใจจะแสดงท่าทีที่น่าเกลียดขนาดไหนแต่ในความเป็นจริงใบหน้านั้นกลับนิ่งสงบความหงุดหงิดเมื่อครู่หายไปในพริบตา

ลู่เสวียนจีเดินไปตามทางที่มีอยู่ในความทรงจำเมื่อเข้ามาในห้องนอนของตนเองแล้วก็เหมือนว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปแต่กลับได้รับการดูแลเป็นอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่องอะไร เขาแปลกใจจึงหันไปมองฉินเย่อีกฝ่ายเหมือนรู้ตัวรีบก้มหัวพูดน้ำเสียงอืดอาด

"ท่านพ่อ ตั้งแต่ท่านตายไป"

เออรู้แล้วว่าตายจะย้ำทำไม!

"ข้าก็ไม่เคยแตะต้องสิ่งของอะไรเว้นเสียแต่จะทำความสะอาดมันขอรับ"

แล้วมันเรียกว่าไม่แตะต้องตรงไหนก่อน?

"อีกทั้งนกฉลาดนั่นยังอยู่ในห้องตลอด แต่วันนี้มันไปไหนแล้วก็ไม่รู้ขอร้บ"

ลู่เสวียนจีถอนหายใจเบาๆเขามองหรูอี้ให้พาฉินเย่ออกไป อีกฝ่ายรับรู้จึงรีบลากฉินเย่ออกไปยังไม่ลืมที่จะปิดประตูให้อีก เขาลากสังขารตัวเองไปนอนบนเตียงก่อนจะเผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีก็เย็นมากแล้วเมื่อสายตามองไปที่โต๊ะเตี้ยก็เห็นนกที่ฉินเย่บอกกำลังยืนมองตนอยู่เฉยๆ แต่พอเขาขยับตัวยืนขึ้นเท่านั้นแหละนกตัวนั้นถึงบินพุ่งเข้ามาหาเขาแบบกระทันหัน ปีกทั้งสองของมันโอบศรีษะเขาทั้งหัว พลางส่งเสียงอ่อนไปเรื่อยๆจนเขาเริ่มหายใจไม่ออกและไม่อยากจะหายใจแรง

ก่อนที่มือของเขาจะดึงมันออกมาแล้วถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจ เจ้านกนี่เห็นเจ้านายไม่พอใจก็หงอยไปทันทีมันบินไปยืนเกาะไม้ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับเตียงของเขา มันมองมาที่เขาไม่วางตา สายตาของสัตว์ร้ายที่จะขยุ้มเหยื่อได้ทุกเมื่อ แค่ร่างบางส่งสายน่าเบื่อให้มัน เจ้านกนี่ก็วินว่อนไปทั่วห้อง

'นายท่านเปลี่ยนไป!!! นายท่านไม่เคยใช้สายตาที่น่าเบื่อแบบนั้นกับข้ามาก่อน ฮรื่อออออ'

มันกรีดร้องเป็นภาษานกซึ่งเขาฟังไม่ออกและแน่นอนว่าเขารำคาญมันสุดๆ จึงดีดนิ้วทีหนึ่งมันถึงจะบินมาเกาะแขนของเขาที่ยื่นออกมาให้มายืน 

"อยู่เฉยๆจะตายหรือ!"

แค่ลู่เสวียนจีใช้น้ำเสียงดุมันก็ไม่กล้าทำอะไรอีกแล้ว นี่สินะรักชีวิตอย่าคิดสู้นายเหนือหัวเด็ดขาด! 

มาโลกมนุษย์-ไอ้ระบบเฮงซวยไร้ประโยชน์ จะมีไว้ทำไม!!

หลังจากผ่านมาได้หนึ่งเดือนลู่เสวียนจีก็ใช้เวลาอยู่แต่ในห้องนอนมาแทบทั้งวันฉินเย่เดินมาดูด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าพ่อบุญธรรมจะคิดมากเรื่องเทพวสันต์จึงถือวิสาสะเข้ามาพร้อมยกสำรับอาหารวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้ามาหาลู่เสวียนจี

"ท่านพ่อ"

"...."

"ท่านพ่อ"

"...."

"ท่านพ่อขอรับ!!!"

"โว๊ย! เจ้าจะเรียกข้าทำไม"

[OOC!! ลู่เสวียนจีไม่เคยตกใจขนาดนี้]

'หุบปากไปซะ คนกำลังใช้ความคิดอยู่ๆก็มาเรียกจะไม่ให้ตกใจได้ยังไงเล่า!'

[คะแนนติดลบ30คะแนน หากคะแนนติดลบถึง100 ภารกิจของโลกนี้จะล้มเหลวแล้วบอสก็จะตายอย่างสมบูรณ์]

'อืม ว่าแต่มีเควสอะไรไหม'

[ขึ้นอยู่กับโชคของบอสว่าจะหาของไอเทมสำคัญอะไรที่ทำคะแนนได้บ้างหรืออยู่ในสถานที่ที่มีเควสใหม่]

'ไอ้บ้านี่! ไม่มีการวางแผนอะไรก่อนเลย!'

[จีจี้ขอพักผ่อนก่อน]

ลู่เสวียนจีถอนหายใจเบาๆ

"ท่านพ่อ ขอโทษขอรับที่ทำให้ตกใจ"

"ชั่งเถิด มีอะไรรึ"

"ปะ...ป่าวขอรับ แค่เห็นท่านพ่อเหม่อลอยมาทั้งวันเเล้วก็รู้สึก...เป็นห่วงไม่ได้น่ะขอรับ"

ลู่เสวียนจีเงยหน้ามองฉินเย่สักพักก่อนจะลุกขึ้นเดินผ่านตัวฉินเย่ไป

"ข้าไม่เป็นอะไร ความสมดุลของเผ่าปีศาจเป็นอย่างไรบ้าง"

"ในวังจูเชวี่ยสมดุลแล้วขอรับ ยอดเขาไป๋หู่ ตำหนักเสวียนอู่ ก็เริ่มปรับสมดุลได้เเล้วขอรับเว้นเสียแต่หุบเขาชิงชิวที่ยังมีการแก่งแย่งชิงดีตำแหน่งผู้นำคนใหม่ในเผ่าขอรับ"

"อืม อีกไม่นานก็คงปรับสมดุลกันได้ฉินเย่ ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว"

"ลูกอายุ1หมื่น5พันปีแล้วขอรับ"

"เจ้าเติบโตพอแล้ว สมควรออกไปหาประสบการณ์ข้างนอกบ้าง"

"ท่านพ่อ เผ่ามนุษย์วุ่นวายเกินไปขอรับ ถ้าจะไปลูกขอไปกับท่านพ่อ"

"เจ้าเป็นเด็กติดข้าตั้งแต่เมื่อไหร่"

ฉินเย่ก้มหน้าเงียบไม่พูดต่อ ลู่เสวียนจีไม่ได้ว่าอะไรก็ถอนหายใจเบาๆก่อนจะหันไปเห็นนกคู่กายบินโฉมมาเกาะไหล่ของเขา ที่ขาของมันมีจดหมายเล็กๆติดอยู่ ลู่เสวียนจีเเกะออกมาแล้วคลี่อ่าน

"ท่านพ่อ นี่..."

ฉินเย่สงสัยมองกระดาษจดหมายไม่วางตา ลู่เสวียนจีอ่านจบก็กำกระดาษไว้ในมือแล้วแผดเผามันจนสลายไป ฉินเย่ไม่เข้าใจจึงมองใบหน้าของลู่เสวียนจี เขามองเจ้าลูกขี้สงสัยก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ

"แค่จดหมายของสหายเท่านั้น"

ฉินเย่งงหนักกว่าเดิมทั้งยังเอียงคอมองเขาด้วยความน่ารักน่าเอ็นดู ทำเอาลู่เสวียนจีคันไม้คันมืออยากจะลูบหัวเขาเดี๋ยวนี้

[OOC!!! OOC!!!]

'เออรู้แล้วไม่ต้องพูด แค่คิดอ่ะเข้าใจม๊ะ แค่คิด!!! ไปนอน!!!'

ลู่เสวียนจีสั่งให้ฉินเย่ออกจากห้องไปก่อนที่เขาจะให้เจ้านกขนสีดำบินไปเกาะไม้เช่นเดิม แม้ว่ารูปลักษณ์ของเจ้านกตัวนี้จะแตกต่างกับเขาแต่เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วกลับดูดี ด้วยนัยน์ตาของลู่เสวียนจีจะเป็นสีแดงเพลิงที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งกับนัยน์ตาของนกจะมีสีหมึกเป็นประกาย ขนของมันเป็นสีดำสลวย เมื่อไม่นานมานี้ลู่เสวียนจีคิดแล้วคิดอีกว่าควรจะตั้งชื่อยังไงสุดท้ายก็ตั้งได้แค่ เสี่ยวเฮย เพราะขนของมันเป็นสีดำทมิฬ ถ้าตั้งเป็นอย่างอื่นก็ยังไงๆอยู่อีกทั้งยังเป็น...ตัวผู้ ที่นิสัยมันก็ใกล้จะเหมือนกับฉินเย่มากขึ้นทุกที

ฉินเย่เดินออกมาจากห้องของลู่เสวียนจีแล้วแต่ใบหน้าของเขากำลังมีความกังวลมาก หรูอี้เดินมาเห็นจึงเข้ามาไถ่ถามด้วยใบหน้านิ่ง

"เป็นอะไรของเจ้าอีก เดี๋ยวนี้ข้าจะตามอารมณ์เจ้าไม่ทันแล้วนะ"

หรูอี้กอดอกมองหน้าฉินเย่ คนโดนถามก็หน้างอก่อนจะกล่าว

"อะไรของเจ้า ข้าแค่คิดเรื่องท่านพ่อเฉยๆ"

"เจ้าจะคิดไปทำไม จ้าววังน่ะแค่ต้องการเวลาส่วนตัว อีกสักพักก็คงจะออกมาแล้วล่ะ"

ปึ้ง!!!!

ไม่นานเสียงประตูกระแทกกับผนังก็ดังขึ้นเสียงดังทำให้ฉินเย่ตกใจหันขวับไปมองทางต้นเสียง พบกับเสี่ยวเฮยบินผ่านหน้าไปด้วยความเร็ว

"อะไรน่ะ ก้อนๆสีดำๆนั่นคืออะไร"ฉินเย่สงสัย

"เสี่ยวเฮย!!! เจ้าจะไปไหนก็ไปเลย!! ไอ้นกบ้า!!!!"

เสียงตะโกนด่าออกมาจากห้องพร้อมตำราที่ถูกโยนออกมาจากห้องไปแปะอยู่บนหน้าของฉินเย่ หรูอี้หลุดขำพรืดออกมานางกุมท้องหัวเราะด้วยความสะใจ

"ฮ่าๆๆๆ เจ้าเนี่ยนะ ชั่งโชคร้ายเสียจริง ฮ่าๆๆๆ"

ฉินเย่ถอนหายใจก่อนจะหยิบตำราออกมาแล้วดูเขาก็แทบจะเป็นลมล้มพับไปทันที เป็นตำรารักร่วมเพศระหว่างชายหญิง เสี่ยวเฮยนึกว่าลู่เสวียนจีอยากมีหญิงงามแต่ทำไม่เป็นเลยไปหามาให้แต่ใครจะคิดว่า ลู่เสวียนจีเเค่เห็นหน้าปกตำราก็ไล่หวดไล่ตีเสี่ยวเฮยด้วยความโมโห ฉินเย่โยนตำราให้หรูอี้ก่อนจะรีบเดินไปหาลู่เสวียนจี

"ท่านพ่--- อั่ก"

ลู่เสวียนจีเผลอใช้เท้าถีบฉินเย่จนไปติดกับกำแพง เขาโฮ่ร้องในใจ

'ชิบหาEแล้ว!! ตูจะโดนหักคะแนนอีกไหมเนี่ย'

แต่พอรอไปรอมาก็ไม่มีเสียงจีจี้ขึ้นแจ้งเตือนเขาจึงแอบโล่งใจอยู่บ้าง หันไปมองฉินเย่ส่งสัญญาณให้หรูอี้ไปช่วยอีกฝ่าย นางกุมขมับด้วยความเหนื่อยหน่าย ลู่เสวียนจีชี้ไปที่ตำราก่อนที่มันจะถูกไฟเผาไป หรูอี้จึงเดินไปช่วยฉินเย่ออกมาจากกำแพง

เสี่ยวเฮยร้องเสียงดังเหมือนกำลังหัวเราะเยาะฉินเย่ทำเอาเจ้าตัวที่โดนนกตัวนี้หยามก็เดือดดาลจนแทบจะฉีกร่างนกตัวนี้ออกเป็นชิ้นๆ

"เจ้า-เจ้า-เจ้า"

เสี่ยวเฮยหยุดหัวเราะแล้วหันไปมองฉินเย่ที่กำลังมองมาทางมันด้วยความเกรี้ยวกราดดวงตาแดงก่ำด้วยไฟโทสะ ลู่เสวียนจีเห็นก็เลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกในเวลานี้จึงไม่มีใครสังเกตุเห็นท่าทีที่แปลกไปของเขา

"ฉินเย่แค่นกตัวเดียวเจ้าจะโมโหทำไม"

"เจ้านกบ้า! ใครสั่งใครสอนให้เจ้าเอาหนังสือลามกมาให้ท่านพ่อ ห๊ะ!"

เสี่ยวเฮยหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกมันยืนนิ่งตัวแข็งทื่อหันไปมองเจ้านายตนเอง ในใจก็กรีดร้องขอชีวิต

'นายท่าน! ไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถอะ!'

มันพุ่งบินเข้าไปเกาะขาของลู่เสวียนจีส่งเสียงร้องเหมือนกำลังขอร้องอ้อนวอน ลู่เสวียนจีกุมขมับด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ ทั้งเดือนเขาอยู่กับคนปัญญาอ่อนและนกปัญญาอ่อนมาได้ยังไง ปวดหัวทุกวันแต่ละวันก็ทำให้เขารู้สึกอยากจะหนีออกจากที่นี่ให้ได้ ไม่มีอะไรที่ไม่ทำให้เขารู้สึกอยากตายอีกรอบมากกว่า2ตัวปัญหานี้เลย

"ออกไป ออกไป!"

เสี่ยวเฮยรีบถอยกรูออกมา ลู่เสวียนจีหมุนตัวปิดประตูดัง ปั้ง ฉินเย่มองดูสักพักก็หันไปมองเสี่ยวเฮยจ้องมันเขม็ง ตัวมันเองก็รู้สึกถึงสายตาที่ไม่ค่อยดีนักจึงค่อยๆหันกลับไปมอง มันแทบจะร้องจ๊ากเพราะฉินเย่พุ่งเข้ามาหวังจะตะครุบมัน ด้วยความไวของเสี่ยวเฮยเลยหลบออกมาได้

"เจ้านกไร้ประโยชน์!!!!"

'เจ้าว่าข้าไร้ประโยนช์เร๊อะ แล้วเจ้าเล่า!!!'

เสี่ยวเฮยบินหนีฉินเย่พร้อมร้องขอชีวิตไปพลาง ตัวฉินเย่เองก็ไม่ยอมหวังจะจับตัวเสี่ยวเฮยให้ได้ หรูอี้เห็นก็แทบจะหลีกหนีออกไปเดี๋ยวนั้น ทำขายหน้าต่อนางไม่ว่าแต่ทำขายหน้าต่อธารกำนัลมันไม่ได้!!! ความรู้สึกอับอายอัพ9999+ทำให้นางแทบจะจับฉินเย่ไปถ่วงน้ำเอาให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น แต่ลู่เสวียนจีก็เรียกนางให้เข้าไปซะก่อน

นางเดินเข้ามาในห้องเห็นลู่เสวียนจียืนอยู่ตรงระเบียงห้องนางจึงเดินไปยืนด้านหลังของอีกฝ่าย

"เจ้าคิดว่าอย่างไร ถ้าข้าให้เจ้าดูแลวังจูเชวี่ยไปก่อน"

หรูอี้ตกใจกับคำถามอย่างนั้น นางเก็บสีหน้าตกใจเอาไว้ถามผู้เป็นนายด้วยความสงสัย

"จ้าววัง ความหมายของท่าน...."

"ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ข้าแค่อยากไปโลกมนุษย์เท่านั้นและในระหว่างนั้นข้าจะให้เจ้าเป็นผู้ดูแลวังชั่วคราว หากมีข่าวสารอะไรก็ใช้ผีเสื้อเงินส่งสารมาให้ข้า"

ผีเสื้อเงินคือวิธีการส่งสารอย่างหนึ่งของวังจูเชวี่ย ลู่เสวียนจีหันกลับมามองหรูอี้ด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบ

"วันนี้ข้าจะประกาศให้ทุกคนในวังทราบเอง"

"เจ้าค่ะ"หรูอี้ปฎิเสธไม่ได้จึงก้มหน้ายอมรับเพราะยังไงนางก็ขัดขวางความคิดของจ้าววังไม่ได้อยู่แล้ว ชื่อเสียงจ้าววังก็โด่งดังในหมู่เผ่ามารเท่านั้น ในโลกมนุษย์ไม่มีใครรู้จักจ้าววังคนจากสวรรค์ก็ไม่สนใจเรื่องมนุษย์ การมาเยือนของลู่เสวียนจีไม่สร้างความลำบากใจให้นางเลยแม้แต่น้อย แค่ถ้าหากความลับถูกเปิดเผยต่อสวรรค์แล้วจะเป็นจ้าววังเองที่เดือดร้อนเรื่องนี้นางจึงอดคิดไม่ได้เหมือนกัน

ลู่เสวียนจีเห็นสีหน้านางกระอักกระอ่วนจึงสงสัยแต่ไม่ได้เอ่ยถามออกไป แค่พยักหน้าให้นางออกไปก็เท่านั้นเขาเดินกลับเข้ามาในห้องทำท่าทางดีใจขั้นสุด

'ไม่คิดว่าการแอ็คแบบนี้มันจะฟินสุดๆ!'

[ค่าความลึกลับ+20 ค่าความสมจริงตัวละคร+30 รวม50คะแนน หักล้างกับการติดลบปัจจุบันเหลือ20คะแนน]

'เดี๋ยว 20คะแนนนี่ทำอะไรได้บ้าง'

[ทำอะไรไม่ได้ คะแนนจะต้อง50+ ถึงจะมีการปลดล็อคสกิลต่างๆของตัวละครลู่เสวียนจี จีจี้ขอแนะนำให้หาตัวรองของเรื่องให้พบแล้วช่วยชีวิตตัวรอง]

'ห๊ะ ตัวรองนี่ยังไง?'

[จีจี้ลืมบอก บอสเข้ามาในโลกใหม่ก็จริงแต่เป็นโลกใหม่ของนิยายชื่อดังจากเว็บหนึ่ง เรื่อง'ฤดูเหมันต์ไร้รัก' เรื่องนี้พระรองกลายเป็นตัวร้ายพยายามฆ่าพระเอกแล้วครองรักกับนางเอก]

'หา? เป็นพระรองแล้วก็เป็นตัวร้าย ควบสองบทบาทเลยเก่งสุดยอด! เอ้อ แล้วนี่ฉันมาอยู่ในร่างของตัวประกอบ?'

[ใช่ เพราะร่างนี้ตายไปก่อนที่พระรองจะเกิด]

'เดี๋ยว นี่มันเป็นตัวประกอบที่ไร้ค่ามากเลยนะ!'

[ก็คงงั้น]

ลู่เสวียนจีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตอนเขาทะลุมิติมาครั้งแรกก็ต้องบอกก่อนสิว่านี่คือโลกของนิยาย ปกตินิยายแนวทะลุมิติจะบอกก่อนเลยไม่ใช่หรอ นี่อะไรก็ไม่รู้เป็นระบบที่ดูจะไม่มีความรับผิดชอบเลยหลังจากแนะนำเขาไปในเวลา1เดือนก็หายหน้าค่าตาไปเลย จะบอกว่าก็เป็นวันนี้นี่แหละที่ไอ้ระบบเฮงซวยพึ่งจะกลับมา คือว่าไร้ประโยชน์สุดๆไปเลย ทำไมระบบของเขาถึงไม่เหมือนกับนิยายเรื่องอื่นล่ะแถมเสียงของจีจี้เองก็ดูจะเหมือนเสียงคนพากย์ซะด้วย

เมืองหลวง แคว้นฉิง

ผู้คนเดินสัญจรไปมา แม่ค้าพ่อค้าต่างส่งเสียงเรียกผู้คนให้มาซื้อของของตนเอง เป็นตลาดค้าขายที่ดูครึกครื้น มีหอสูงหนึ่งหอมีป้ายใหญ่ๆเขียนว่า หอซูซวน เป็นหอการค้าที่โด่งดังที่สุดในเมืองหลวง มีอาหารขึ้นชื่อมากกว่า20อย่างผู้คนในร้านก็แน่นเอี๊ยด ในห้องส่วนตัวชั้น3 มีอาหารมากมายวางอยู่บนโต๊ะมีชายหนุ่มรูปงามอยู่2คนกำลังนั่งทานอาหารกัน คนหนึ่งดูร่าเริงแจ่มใสอีกคนหนึ่งเย็นชา เงียบขรึม ทั้งสองต่างกันราวฟ้ากับเหว

"นี่เจ้าน่ะจะเงียบขรึมอีกนานไหม ปล่อยให้ข้าพูดคนเดียวข้าก็เหงาจะแย่"

"งั้นก็หุบปากซะ"

"หว่า เจ้านี่ปากร้ายใช่ย่อยเลยนะเห็นเจ้าเป็นแบบนี้องค์หญิงซู่จะชอบเจ้าได้ยังไง"

ปึ้ง!!!

เสิ่นหย่งเสียนวางตะเกียบดังลั่นทำเอาจนสหายสนิท มู่เหยียนสะดุ้งเฮือก ใบหน้าที่เย็นชาของเสิ่นหย่งเสียนทำเอาตัวเขาเหงื่อแตกพลั่กก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง

"นี่ๆๆๆ หย่งเสียนข้าล้อเล่น ข้าล้อเล่น เจ้าจะจริงจังไปทำไม!"

เสิ่นหย่งเสียนถอนหายใจเบาๆก่อนจะมองมู่เหยียน

"ข้าดูเป็นคนที่น่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ"

"มากเลยล่ะ เจ้าน่ะถึงจะหน้านิ่งพูดน้อยแต่ก็ไม่ใช่กับคนที่เจ้าสนใจถูกไหม แต่องค์หญิงซู่น่ะไม่ได้สนใจเจ้าเลยดูเหมือน....นี่เจ้าสนใจข้าอยู่รึเปล่า"

"นี่! หย่งเสียนข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ หย่งเสียน!"

มู่เหยียนทำท่าฮึดฮัดใส่อีกฝ่ายก่อนจะมองตามสหายของตน ด้านล่างมีผู้คนเดินไปเดินมาเยอะแยะ มีองค์หญิงซู่เดินปะปนอยู่ในนั้นด้วยมู่เหยียนพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันมามองหย่งเสียนที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย

"อ่าวเฮ้ย! หย่งเสียนเจ้าจะให้ข้าจ่ายเงินแบบนี้ไม่ได้นะ! ข้าไม่มีเงิน!!!"

"หย่งเสียน เจ้ามันบ้าไปแล้วเอาเงินมาให้ข้าก่อนค่อยไ---อั่ก"

ถุงเงินลอยขึ้นมาจากหน้าต่างเขารีบเอาออกด้วยความเจ็บ

"จมูกข้า~ ถ้าจมูกข้าพังเจ้าตายเเน่!!!"

"องค์--- คุณหนูจะซื้ออะไรหรือเพคะ"

"ข้าจะหาซื้อของที่ระลึกให้ท่านพี่หลิง"

"คุณหนู ตระกูลหลิงมีบุตรชายสองคนเพคะ"

"เจ้านี่นะ ข้าซื้อของให้คุณชายใหญ่อย่างไรเล่า เลิกถามมากได้แล้วไปหาซื้อของกันเถอะ"

"เพคะ!!!"

ตุ้บ!

"อ๊ะ"ซู่หนิงเซถลากำลังจะล้มลงแต่มีคนผู้หนึ่งมาประคองเอาไว้ เสิ่นหย่งเสียน เขาจ้องคนที่ชนกับซู่หนิง

"แม่นางข้าขออภัยด้วย"เสียงนุ่มดังขึ้นสะกดสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาให้ไปที่คนผู้นั้นทันที คนข้างกายร่างบางกระซิบด้วยท่าทีร้อนรน

"อืม รีบไปเถอะ"

ทั้งสองเดินออกไปยังไม่ลืมที่จะขอโทษซู่หนิงอีกครั้ง เสิ่นหย่งเสียนมองตามคนผู้นั้นจนลับตาไปซู่หนิงเองก็ออกจากอ้อมแขนเสิ่นหย่งเสียน นางทำหน้ากระอักกระอ่วนใจก่อนจะก้มหัวขอบคุณแล้วรีบเดินออกไปทันที เสิ่นหย่งเสียนอยากจะตามนางไปแต่เขาก็อยากจะไปจัดการกับคนที่ชนนางเสียก่อน

"ท่านพ่อ เห็นๆอยู่ว่านางตั้งใจชนท่าน"

ฉินเย่กอดอกพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ลู่เสวียนจีไม่รู้จะทำยังไงได้แต่เงียบแล้วพาเขาเดินออกมาในที่ที่ลับตาคน จนมาถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ทั้งสองจึงหยุดพักลู่เสวียนจีถอดหมวกสานที่มีผ้าขาวบางที่ปกปิดเอาไว้ครึ่งตัว ฉินเย่รับหมวกนั้นมาถือเอาไว้แล้วนั่งเอนหลังกับต้นไม้ใหญ่

'เมื่อกี้เจอนางเอกกับพระรองแถมสายตาอีกฝ่ายก็ดูจะไม่เป็นมิดเสียด้วย ข้าจะตายรึเปล่าเนี่ย!'

[วางใจได้นอกจากมหาเทพกับเทพรัตติกาลแล้วก็ไม่มีใครสามารถฆ่าบอสได้]

'เห็นสายตาพระรองรึเปล่า!? น่ากลัวชะมัดเลย'

[เพราะไปชนกับหญิงที่แอบชอบแล้วคำกล่าวขอโทษก็ไม่มีความจริงใจเลยทำให้พระรองโกรธ]

'เดี๋ยวแค่นี้ก็โกรธแล้วหรอ ว่าแต่เมื่อกี้ก็เจอแล้วไม่มีคะแนนเพิ่มเลยหรอ'

[ไม่มี แต่ต่อจากนี้มีแน่]

หลังจบคำพูดของจีจี้ฉินเย่ก็ลุกขึ้นมายืนบังตัวลู่เสวียนจีเอาไว้ ด้านหน้าพลันปรากฎร่างผู้หนึ่ง ที่มัดผมรวบขึ้นสูง ร่างกายกำยำสมชายชาตรี ดวงตาคมจ้องมองมาไม่วางตา ในมือถือกระบี่ สวมอาภรณ์สีน้ำเงินเข้ม มีผ้าคาดหัวสีน้ำเงินยาวพริ้วไหวตามเเรงลม ใบหน้าถือว่าหล่อเหลาเอามากๆจนหัวใจของลู่เสวียนจีเต้นแรงจนเจ้าตัวกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน หมวกสานถูกใส่ไว้โดยฉินเย่เขายืนนิ่งมองอีกฝ่าย

"ชายคนเมื่อกี้รึ ตามพวกข้ามาทำไม"

เสิ่นหย่งเสียนทำหน้านิ่งพยายามใช้สายตาเพ่งมองคนข้างหลังฉินเย่รู้สึกได้จึงใช้ตัวเองขยับเพื่อบังลู่เสวียนจี

'เจ้าเด็กนี่สูงและตัวใหญ่กว่าข้าอีกรึ'

ฉินเย่ขมวดคิ้วมองเสิ่นหย่งเสียน

"เจ้าชนนางแต่ไม่ขอโทษด้วยใจจริง"

"ขอโทษด้วยใจจริงรึ เจ้าเอาอะไรมาคิดท่า...นายท่านของข้าโดนนางชนต่างหาก"

เสิ่นหย่งเสียนขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดเขาเตรียมจะชักกระบี่ ลู่เสวียนจีจึงจับไหล่ของฉินเย่ให้ถอยไปเขาเดินมาข้างหน้าทำให้เสิ่นหย่งเสียนต้องเก็บกระบี่เข้าฝัก

"คุณชายท่านนี้ หากเมื่อครู่ข้าขอโทษไม่จริงใจก็ขออภัย แต่คุณชายมาหาเรื่องข้าเพราะเรื่องนี้แม่นางผู้นั้นจะเก็บมาคิดด้วยหรือ"

เสิ่นหย่งเสียนกำกระบี่ในมือแน่น แค่คำพูดของลู่เสวียนจีไม่กี่คำแต่กลับเสียดแทงลึกเข้าไปในหัวใจของเขา ความหมายก็คือแม้ข้าจะขอโทษไม่จริงใจนางก็ไม่ใส่ใจ ก็เหมือนกันกับเจ้าท่แอบชอบนางมานานนมแต่นางก็ไม่เก็บมาคิดเลย ลู่เสวียนจียิ้มบางก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป ฉินเย่มองถลึงตาใส่อีกฝ่ายก่อนจะรีบเดินตามลู่เสวียนจีไป เสิ่นหย่งเสียนคิดแล้วมันก็จริง แต่เขาก็ไม่ยอมจึงรีบตามลู่เสวียนจีไป

ลู่เสวียนจีตัวจริง-เป็นเพราะเจ้า ไอ้ตัวอัปมงคล!

ลู่เสวียนจีคิดโล่งอกนึกว่าจะพ้นเสิ่นหย่งเสียนไปได้แต่คิดผิด อีกฝ่ายใช้วิชาตัวเบามายืนอยู่ตรงหน้าเขา ฉินเย่เห็นจึงทำหน้าตารำคาญอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด ไม่เคยเจอมนุษย์หน้าไหนที่จู้จี้จุกจิกเช่นนี้มาก่อนเลย ลู่เสวียนจีเองก็แอบถอนหายใจเบาๆ ตามกัดไม่ปล่อยเลยจริงๆ

'จีจี้ทำยังไงถึงจะสลัดเขาออกไปได้'

[นั่นแล้วแต่บอส]

'ดีจริงๆ'

[มีเควสใหม่มา ทำให้เสิ่นหย่งเสียนรู้ธาตุแท้ของซู่หนิงให้ได้ ภารกิจนี้จะได้รับคะแนน200คะแนน นี่คือเควสพิเศษ]

'งานนี้พ่อจะทุ่มสุดตัวเลยคอยดู!'

ลู่เสวียนจียกมือปรามฉินเย่เขาคิดจะเจรจากับอีกฝ่ายแต่ไม่เป็นอย่างที่คิด เสิ่นหย่งเสียนคิดจะประลองกับเขาทำเอาคนที่คิดอยากคุยต้องรนถอยออกมา2ก้าว ร่างหนาแค่นเสียงหัวเราะก่อนจะกล่าว

"เจ้าต้องไปขอโทษองค์หญิงซู่หนิง"

"เฮ้อ ถ้าหากว่าข้าไม่ยอมล่ะ นางมีอะไรดีกันแน่"

"นางมีดีทุกอย่าง!"

"เช่นนั้นเจ้าก็รอดูวันที่ชีวิตนางพังได้เลย!"

เสิ่นหย่งเสียนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเข้าจู่โจมลู่เสวียนจี ร่างบางหลบได้ก็ยกยิ้มขึ้นก่อนจะเห็นอีกฝ่ายพุ่งเข้ามาอยู่ในระยะประชั้นชิดเขาจึงทำได้แค่ฟาดผ่ามือไปที่หน้าอกของอีกฝ่าย แต่ไม่ได้ใช้แรงอะไรที่ทำให้เสิ่นหย่งเสียนบาดเจ็บมากเพียงเเค่ทำให้อีกฝ่ายเสียการทรงตัวและบาดเจ็บเล็กน้อย เสิ่นหย่งเสียนเบิกตากว้างเขาตะลึงงันอยู่อย่างนั้น คนผู้นี้ทำไมถึงมีพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้เขาเป็นคนที่เก่งที่สุดในแคว้นฉิงแล้วจะมีใครเทียบเขาได้อีก

ลู่เสวียนจีเห็นอีกฝ่ายนิ่งตะลึงก็ยิ้มแห้ง

'นี่ เขาช็อคตายรึยังน่ะนิ่งเป็นหินเชียว'

[เข้าข่ายช็อคสุดขีด]

เขามองเสิ่นหย่งเสียนก่อนจะเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่าย เสิ่นหย่งเสียนมองดูร่างบางที่เข้ามาใกล้ตนเขากำหมัดแน่นเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้พอสมควรเขาก็ดึงหมวกสานออกทันที ลู่เสวียนจีไม่ทันตั้งตัวดวงตาเรียวเบิกตากว้าง หมวกสานตกลงบนพื้น ใบหน้าขาวเนียน ริมฝีปากสวย จมูกโด่งได้รูป นัยน์ตาสีเทาสว่าง รูปร่างบอบบาง สวมอาภรณ์สีฟ้าอ่อนห่อยผู้หยกดอกบัวที่เอว รวบผมด้วยริบบิ้นสีฟ้ายาวสยาย แวบแรกที่เขาเห็นใบหน้างดงามนั่นก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงจนเจ้าตัวรู้สึกแปลกใจ

ฉินเย่รีบเดินไปเก็บหมวกสานกลับไปสวมให้ลู่เสวียนจีดังเดิมเตรียมจะเข้ามาสับเสิ่นหย่งเสียนเป็นชิ้นๆแต่ก็โดนร่างบางห้ามเอาไว้ เขาจึงได้แต่ยืนนิ่งๆอย่างไม่สบอารมณ์ ลู่เสวียนจียิ้มภายใต้ผ้าขาวบางที่เห็นไม่ค่อยชัดนัก น้ำเสียงไม่ได้ดูโกรธเคืองหรือคิดถือสาทำเอาเสิ่นหย่งเสียนรู้สึกแปลกๆ

"ข้าเล่นกับเจ้ามากพอแล้ว ขอตัว"

ลู่เสวียนจีพูดจบก็หมุนตัวเดินออกไป ฉินเย่เดินไปได้3ก้าวก็หันกลับมาถลึงตาใส่เสิ่นหย่งเสียนแล้วรีบเดินตามลู่เสวียนจีไป ร่างหนานั่งนิ่งยังคงงงงวยกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ใบหน้าที่งดงามของอีกฝ่ายถูกจารึกไว้ในความทรงจำโดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย

[ค่าความลึกลับ+20 ค่าความเก่งกาจ+50 ค่าความฟิน+20 รวมคะแนนปัจจุบัน110คะแนน]

'เดี๋ยวค่าความฟินหรอ?'

[ค่าความฟินคือความรู้สึกเคอะเขิน ชอบใจหรือพอใจจากตัวละครพระรอง]

'ห๊ะ!! แล้วข้าไปให้ความฟินคนหล่อนั่นตอนไหน'

[ตอนโดนถอดหมวกสาน]

'เอ๊อะ เออหว่ะ ชั่งเถอะมีภารกิจอีกรึเปล่า'

[ภารกิจสำรอง หาไอเทมสำคัญของลู่เสวียนจีให้ได้]

'มันคืออะไรล่ะน่ะที่ว่าคือไอเทมสำคัญของลู่เสวียนจี'

[มันคือพัดสีขาวธรรมดามีพู่สีขาวห่อยอยู่]

'พัดนี่เกี่ยวอะไรกับลู่เสวียนจี?'

[พัดด้ามจิ่วคืออาวุธเทพของวังจูเชวี่ยและเป็นพัดของลู่เสวียนจี สามารถเปลี่ยนพัดให้เป็นกระบี่หรือเครื่องดนตรีได้อย่างฉินและขลุ่ย พัดนี้ถูกทำลายไปพร้อมกับจิตวิญญาณของลู่เสวียนจีเมื่ออาวุธแตกหรือหักเจ้าของก็จะตาย จีจี้ให้บอสหาพัดด้ามจิ่วใหม่ตามความประสงค์ของบอส]

ลู่เสวียนจีพยักหน้าเข้าใจ เมื่อกี้เขาและฉินเย่เดินออกมาจากซอยเล็กๆแล้วเดินตรงไปที่ร้านขายของเก่า เขาพยายามมองหาพัดที่จีจี้ได้บอกเอาไว้แต่ก็หาไม่เจอหาอยู่นานจนฉินเย่อดสงสัยที่จะถามไม่ได้

"ท่านพ่อ ท่านหาอะไรอยู่หรือ"

"พัด"

"พัด?"

"อืม"

ลู่เสวียนจีขมวดคิ้วมุ่นมองหาอยู่นานก็ไม่เจอ เถ้าแก่ของร้านได้ยินสิ่งที่ลู่เสวียนจีจะหาก็รีบเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

"คุณชายท่านนี้ ต้องการพัดแบบใดหรือ"

"ข้าต้องการพัดด้ามจิ่วสีขาวมีพู่"

[ไม่ต้องเอาตามที่จีจี้บอกก็ได้ พัดอันไหนที่บอสสนใจบอสหยิบมาได้เลย]

"เอ่อไม่สิ เป็นพัดด้ามจิ่ว"

"เหมือนว่าข้าจะมีอยู่คุณชายรอตรงนี้ก่อนประเดี๋ยว ข้าจะรีบไปหามาให้"

เถ้าแก่พูดจบก็ลุกขึ้นเดินไปหลังร้าน ลู่เสวียนจียืนรอตามคำบอกของเถ้าแก่ ฉินเย่ได้ยินดังนั้นก็เอียงคอมองด้วยความสงสัย พัด? มีพู่? พัดด้ามจิ่ว? ในหัวของเขามีฉินเย่สีดำตัวน้อยกับฉินเย่สีขาวตัวน้อยกำลังถกเถียงกันเรื่องความเป็นไปได้ ฉินเย่ตัวโตจึงส่ายหัวใช้มือขับไล่ความคิดเหลวไหลพวกนี้ออกไปให้หมด ลู่เสวียนจีเห็นอีกฝ่ายทำท่าทางเหมือนเด็กน้อยขี้สงสัยก็แอบยิ้มอยู่ภายใต้ผ้าขาวบางแอบถอนหายใจเบาๆด้วยความเอ็นดู

ไม่นานเถ้าแก่จึงออกมาจากร้านพร้อมพัดสีต่างๆมีพู่บ้างไม่มีบ้างประมาณ20กว่าอัน ลู่เสวียนจีเห็นถึงกับบ่นในใจ ทำไมมันเยอะขนาดนี้! แล้วมันคืออันไหนกันล่ะ พัดทั้งหมดถูกวางเรียงทับของที่เรียงอยู่ก่อนแล้วรอให้ลู่เสวียนจีเลือก

'จีจี้ดูหน่อยว่าพัดพวกนี้มีคุณภาพไหม'

[ระบบกำลังตรวจสอบ]

ตึ้ง!

[บอสเลือกได้เลย พัดด้ามจิ่วพวกนี้มีคุณภาพมากพอ]

'จะเลือกอะไรให้ยุ่งยาก มันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ เอาอันนี้!'

พัดที่ลู่เสวียนจีหยิบขึ้นมาทำให้เถ้าแก่ยิ้มบางก่อนที่พัดนั่นจะขาด

[ลืมบอก พัดบางอันก็ชำรุดโปรดเลือกดีๆ]

ลู่เสวียนจียืนตัวแข็งทื่อตัวเถ้าแก่เองก็รีบหยิบพัดนั้นไปโยนทิ้งไว้หลังร้านพูดด้วยรอยยิ้มแห้ง

"คุณชายพัดทั้งหมดเริ่มเก่าแล้วไม่แปลกที่มันจะขาด เลือกอันใหม่เถิด"

ลู่เสวียนจีจึงเพ่งมองพัดที่เหลือแต่ละอันเหมือนกันก็จริงแต่ลวดลายที่ด้ามจับกับสีกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ถ้าไม่มองให้ละเอียดก็คงเลือกไปแบบส่งเดช เขาพิจารณาพัดด้ามจิ่วตรงหน้าสักพักก่อนจะหยิบพัดอันหนึ่งไม่มีลวดลายอะไรบนพัด แต่มีลวดลายที่ด้ามจับเป็นรูปหงษ์กำลังโบยบินด้วยความสง่างาม มีพู่สีขาวห่อยอยู่ลู่เสวียนจีพึงพอใจกับพัดอันนี้ก็จ่ายเงินแล้วเก็บไว้กับที่คาดเอว

[ได้ไอเทมสำคัญของตัวละคร+100คะแนน รวม210คะแนน]

'คะแนนก็ได้ไม่ยากนี่นา'

ลู่เสวียนจีเดินออกมาพร้อมกับฉินเย่เขาเห็นพัดแล้วก็ยังไม่เข้าใจเหมือนเดิมจะเรียกว่าโง่ก็ได้ ลู่เสวียนจีเห็นอีกฝ่ายเดินตามต้อยๆด้วยความสงสัยจึงถอนหายใจแล้วกล่าว

"ข้าแค่อยากได้เฉยๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ"

ฉินเย่เหมือนจะคลายความสงสัยไปได้บ้างจึงพยักหน้าเข้าใจแล้วหันไปมองรอบๆแทน

"ดูเหมือนว่าฟ้าจะมืดแล้ว ท่านพ่อเราจะพักที่เมืองนี้หรือไม่"

"พัก เจ้าไปจองห้องที่โรงเตี๊ยมซั่วก่อนข้าจะเดินเล่นต่ออีกสักพักแล้วจะตามเจ้าไป"

"ขอรับ"

ฉินเย่ทำตามอย่างว่าง่าย เขาเห็นอีกฝ่ายเดินไปจึงเดินเข้าซอกมุมเพื่อเข้าไปในป่า

'พัดนี่...'

[ถ่ายทอดลมปราณไปที่พัด พยายามตั้งจิตให้มั่นจนกว่าพัดนี่จะมีพลังมากพอที่จะเป็นอาวุธเทพของวังจูเชวี่ย]

'อาวุธเทพสามารถทำได้ง่ายๆแบบนี้เลยหรือ'

[หึ นอกจากจ้าววังก็ไม่มีใครสามารถทำได้เพราะจ้าววังได้รับพลังปราณบรรพบุรุษของวังจูเชวี่ยมา ผู้ที่ไม่ได้รับพลังปราณจากบรรพบุรุษจะไม่สามารถสร้างอาวุธเทพได้ สิ่งสำคัญคือสร้างได้แค่ครั้งเดียว]

'แล้วลู่เสวียนจีคนเก่าล่ะ'

[ไม่เกี่ยวกัน วิญญาณไม่เหมือนกันจึงเป็นข้อยกเว้น]

ลู่เสวียนจีนั่งขัดสมาธิหลับตาลงแล้วเริ่มถ่ายทอดลมปราณไปที่พัดตามที่ระบบบอก เขาตั้งจิตอยู่นานพลังมหาศาลของเขาทำให้หมวกสานพังบริเวณโดยรอบมีลมแรงเหมือนพายุใหญ่ที่สามารถทำลายแคว้นฉิงได้ในพริบตา ลู่เสวียนจีพยายามตั้งจิตให้มั่นคงก่อนจะเข้าสู่ห้วงฝันอีกครั้ง

เขามาอยู่อีกที่หนึ่ง ซึ่งเหมือนจะไม่ใช่โลกที่เขาอยู่เพราะบนพื้นเป็นน้ำ ตรงกลางมีต้นเหม่ยขนาดใหญ่อยู่ ข้างๆมีฉินสีขาววางอยู่เขาเดินเข้าไปใกล้อีกจนปรากฎร่างคนนั่งอยู่หน้าฉินเขาตกใจถอยหลังไป2ก้าว นั่นคือลู่เสวียนจีตัวจริง!

"เจ้า...เป็นข้าหรือ?"

"ไม่ ข้าคือข้า...นี่คือร่างเจ้าข้ามาอาศัยอยู่ก็เท่านั้น"

"เช่นนั้น...น้องข้า"

"เขาสบายดีและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด"

ลู่เสวียนจีตัวจริงทำหน้าเศร้าเขาคิดไว้แล้วว่าน้องชายของเขาจะต้องทำแบบนี้ ห้ามปรามยังไงก็ไม่ฟัง เขาถูกผนึกวิญญาณมานานก่อนที่วิญญาณของเขาจะถูกปลดผนึกด้วยอะไรบางอย่างเมื่อกี้

"เจ้า....ชื่ออะไร"

"ข้า ข้าใช้แซ่ของเจ้าได้หรือไม่"

"ได้ ตอนนี้เจ้าคือข้าแล้ว"

"ลู่...ลู่เฟย"

"อืมลู่เฟย นี่คือห้วงจิตของข้า"

ลู่เสวียนจีตัวจริงลุกขึ้นยืนค่อยๆเดินมาหาเขาก่อนจะส่งยิ้มละมุนมาให้

"ข้าคงติดอยู่ในนี้ไปชั่วชีวิตออกไปไหนไม่ได้ เจ้าก็ใช้ชีวิตแทนข้าด้วยในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่ข้าโหยหาอีกแล้ว"

"คือว่า...เจ้าไม่โกรธที่ข้ามาอาศัยร่างของเจ้าเลยหรือ"

"ข้าจะโกรธเจ้าทำไม ตายก็ตายแล้วนี่เป็นแค่เศษเสี้ยวจิตวิญญาณของข้าเท่านั้น อีกไม่นานก็คงสลายไปเอง"

ลู่เสวียนจีมองลู่เสวียนจีตัวจริงเขาแอบรู้สึกผิดหน่อยๆที่มาอาศัยร่างของอีกฝ่ายแล้วยังพูดคุยกับอีกฝ่ายด้วยร่างกายของเขา จะให้พูดยังไงมันก็ต้องทำใจไม่ได้บ้างแหละ แต่กับลู่เสวียนจีตัวจริงดันยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ และยังรู้เวลาตายของตัวเองอีกเขานี่นับถือจากใจจริงๆ มีใครบ้างที่ยอมสละร่างกายตัวเองให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้กันล่ะ ลู่เสวียนจีตัวจริงส่งยิ้มให้เขาก่อนจะเดินกลับไปนั่งหน้าฉิน

"เจ้าควรกลับไปได้แล้ว หลับตา"

ลู่เสวียนจีทำตามที่อีกฝ่ายบอก ไม่นานก็ได้ยินเสียงบรรเลงฉินก่อนที่เสียงอันไพเราะจะค่อยๆหายไปกลายเป็นเสียงที่เงียบเหงา ลู่เสวียนจีลืมตาขึ้นมาก็พบกับชายที่เขาคุ้นเคยและพึ่งเจอกันเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน เขารีบลุกขึ้นพรวดทำให้หน้าผากของเขากระแทกกับคางของอีกฝ่ายอย่างจัง ลู่เสวียนจีลูบหน้าผากด้วยความเจ็บ

"หู้ยยย เจ้ามาได้ยังไง"

[ปลดล็อคห่วงจิตสำเร็จ+50 แสดงท่าทีไม่ตรงคาแร็คเตอร์

ลบ50คะแนน หักล้างแล้ว คะแนนนี้ถือว่าเป็นโมฆะ]

'จีจี้!!! ข้าตกใจเป็นนะ!'

[บอสก็คือบอส จีจี้ไม่ยอมรับท่าทีแบบนี้เด็ดขาด!]

'เช้อะ! ไอ่ระบบตุ๊ด'

[ขอบคุณที่ชม จีจี้อารมณ์ดีจะบวกเพิ่มให้10คะแนน]

'ไม่จำเป็น!'

เสิ่นหย่งเสียนลูบคางตนเองสักพักก็นั่งมองลู่เสวียนจีด้วยท่าทีที่สง่างามทำเอาร่างบางถึงกับหน้าแดงทันที หล่อเกินไปแล้ว หล่อเกินต้านแล้วจริงๆ อ๊ากกกกก ลู่เสวียนจีกรีดร้องในใจก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไม่ให้เห็นใบหน้าที่เริ่มแดงของเขา ร่างบางแอบมองซ้ายแลขวาก็ไม่เห็นพัดด้ามจิ่วของเขาจึงรีบสำรวจตัวเองว่าเก็บไว้ตรงไหนแล้วลืมหรือป่าว

เสิ่นหย่งเสียนเหมือนรู้ทันยกยิ้มมุมปากก่อนจะหยิบพัดด้ามจิ่วออกมาจากอก

"หานี่อยู่หรือ"

ลู่เสวียนจีเงยหน้ามองอีกฝ่ายก่อนที่จะขมวดคิ้วน้อยๆ

"...."

"อยากได้เจ้าก็เอาไปสิ"

ลู่เสวียนจีไม่รอช้าใช้พลังปราณเรียกพัดด้ามจิ่วกลับมาหาตน มันทำตามคำสั่งผู้เป็นนายกลับมาหาลู่เสวียนจีก่อนที่ร่างบางจะหนีบไว้ที่เอว เขาลุกขึ้นยืนมองเสิ่นหย่งเสียนด้วยความสงสัย ป่า? เขาเข้ามาได้ไง จะบังเอิญเกินไปรึเปล่า หรืออีกฝ่ายตามเขามา

เสิ่นหย่งเสียนเหมือนจะรู้ความคิดของลู่เสวียนจีจึงกระแอ่มไอเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืน

"ข้ามาเก็บของป่าให้องค์หญิงเท่านั้น"

'หรอ บังเอิญจริงๆ'

[พรหมลิขิตป่าว]

'หุบปากแล้วไปนอน!'

ลู่เสวียนจีเหลือบมองเสิ่นหย่งเสียนแวบหนึ่งแล้วกล่าวด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบ

"งั้นก็หาต่อไปเถอะ ข้าขอตัว"

พูดจบร่างบางก็ใช้วิชาตัวเบากลับโรงเตี๊ยมซั่วทันที เสิ่นหย่งเสียนปล่อยอีกฝ่ายไปก่อนจะหันกลับมาแล้วยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

"ดูท่าว่าคนผู้นี้จะไม่ธรรมดา พลังมหาศาลเช่นนี้ข้าไม่เคยพบเจอ

ที่ไหนมาก่อน หึ น่าสนใจดีนี่"

ฟึ่บ!!

"องค์ชายสี่ขอรับ ไทเฮาและองค์ชายสองกำลังรอท่านอยู่ที่ตำหนักเชว่ขอรับ"

เสิ่นหย่งเสียนหันไปมองทางลู่เสวียนจีแวบหนึ่งก่อนจะใช้วิชาตัวเบาออกไป

ตำหนักเชว่

หญิงงามหลายคนกำลังร่ายรำอยู่กลางห้องโดยมีไทเฮาและองค์ชายสองที่กำลังนั่งดูด้วยความสนุกสนาน แต่เมื่อเห็นร่างของใครบางคนก็ทำเอาทั้งสองยิ้มไม่ออก ไทเฮาจึงโบกมือให้นางรำออกไปก่อน ตอนนี้ในห้องจึงเหลือแค่ไทเฮา องค์ชายสอง องค์ชายสี่และบ่าวรับใช้อีกไม่กี่คน

"ท่านย่า เรียก---"

เพล้ง!!!!

"วันนี้เจ้าไปก่อเรื่องมาอีกแล้วสิ! ไปตามก่อกวนซู่หนิงแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน! เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆเจ้ามีประโยชน์อะไรอยู่บ้าง ถึงได้เที่ยวไปวิ่งโล่กับซู่หนิงหากมีคนเอาไปพูดกันจะทำให้ซู่หนิงเสื่อมเสียชื่อเสียงตั้งเท่าไหร่เจ้ารู้หรือไม่!!!"

เสิ่นหย่งเสียนยืนนิ่ง เขาหรือจะกล้าไปวิ่งเล่นหาองค์หญิงอย่างนั้น ตัวตนของเขาก็ยอมปกปิดลดขั้นไปเป็นแค่คุณชายจากตระกูลใหญ่เท่านั้น ตระกูลหลิงไม่เคยเห็นค่าเขาอยู่ในสายตา นับประสาอะไรกับราชวงศ์แค่บ่าวรับใช้ยังหัวเราะเยาะเลย เป็นองค์ชายที่ไม่มีทั้งอำนาจและเกียรติยศ ทั้งที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นแต่กลับไม่ได้รับความดีความชอบ ไม่ได้รับความเคารพเลยสักนิด

ไทเฮาเห็นเสิ่นหย่งเสียนเอาแต่เงียบไม่พูดไม่จาก็โมโหจนร่างกายทรุด องค์ชายสองเสิ่นหม่าก็รีบลุกขึ้นไปประคองไทเฮา

"ท่านย่า! ไปตามท่านหมอมาอาการของท่านย่าทรุดลงอีกแล้ว"

"เป็นเพราะเจ้าหย่งเสียน เจ้ามันตัวอัปมงคล!!!"

เสิ่นหย่งเสียนไม่พูดได้แต่ก้มหน้าคำนับไทเฮาก่อนจะเดินออกไปจากตำหนักเชว่

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!