ในวันที่ฝนตกหนัก ในเมืองชนบทแห่งหนึ่งบนภูเขา ได้มีหญิงคนหนึ่งได้ให้กำเนิดบุตร ในวันที่พายุเข้าอย่างหนักซึ่งในเมืองชนบทนั้นการให้กำเนิดบุตรในวันที่พายุเข้าอย่างหนักนั้นเป็นเรื่องโชคร้าย ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าหญิงคนนั้นให้กำเนิดบุตรนั้น บุตรของนางเป็นคนท่โชคร้าย เรื่องของหญิงที่ให้กำเนิดบุตรที่โชคร้ายนั้นเกิดขึ้นเมื่อ 18ปีก่อน ชาวบ้านต่างลือกันว่าหญิงที่ให้กำเนิดบุตรนั้นได้เสียไปเมื่อคลอดบุตรเสร็จ หลังจากนั้นหญิงสาวได้ให้กำเนิดเป็นบุตรสาวซึ้งหลังจากผ่านมาหลายปีนั้น ลูกสาวของเธอได้เติบโตจนอายุครบ18 ปี เธอมีชื่อว่าป๋ายซาน
และเขาลือกันว่าหญิงสาวที่ชื่อป๋ายซานนั้น มีสีผิวขาวซีดดั่งศพ และดวงตาสีแดงดั่งสีของเลือด เธอนั้นอาศัยอยู่ที่กระท่อมหลังเล็กๆ บนยอดเขา เนื่องจากเธอนั้นไม่เป็นที่ยอมรับในหมู่บ้านของเธอ
หลังจกนั้นผ่านมีอีก2ปี เธอได้ตัดสินใจออกจากหมู่บ้านที่ชนบทของเธอเพื่อมาทำงานในเมืองหลวงหลังจากเธอลงมาจากเขา ณ ป้ายรถเมย์ ป๋ายซาน : เอ่อ ต้องขึ้นรถสายใหนนะถึงจะเข้าไปในเมืองหลวง หลังจากเธอคิดอยู่พักใหญ่นั้นได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งได้เข้ามาถามเธอว่า ชายหนุ่ม : เอ่อ ขอถามหน่อยได้มั้ยครับว่าคุณจะไปเมืองหลวงรึป่าว
ป๋ายซาน : ชะ..ใช่ค่ะ
ชายหนุ่ม : แหม บังเอิญจังงั้นผมขอไปด้วยคนนะครับพอดีไม่มีเพื่อนน่ะครับ
ป๋ายซาน : ดะ ได้ค่ะ พะพอดีฉันไม่รู้ว่าต้องไปยังไงก็รบกวนดะด้วยนะคะ
หลังจากที่ทั้งสองคนคุยกันนั้นรถเมย์ก็มาพอดี ทั้งสองคนก็ขึ้นรถเมย์เพื่อไปเมืองหลวง รถเมย์นั้นใช้เวลาเดินทางจากชนบทไปยังเมืองหลวงนั้นค่อนค้างนาน
ณ เมืองหลวง หลังจากที่ทั้งสองคนนั้นได้นั่งรถเมย์มาเป็นเวลานานก็ได้มาถึงเมืองหลวง ทั้งสองคนลงจากรถ
ชายหนุ่ม : ถึงเมืองหลวงแล้วสินะ เราคงต้องแยกกันแล้วล่ะคือผมขอถามได้ไหมครับว่าคุณชื่ออะไร ผมชื่อซือลุ้ยแล้วคุณล่ะ
ป๋ายซาน : ฉะฉันชื่อ ป๋ายซานค่ะ
ซือลุ้ย : ไว้พบกันใหม่นะครับคุณป๋ายซาน
หลังจากที่ทั้งสองคนแยกกันแล้ว อยู่ๆซือลุ้ยก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติของป๋ายซาน
ซือลุ้ย : ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงได้ใช่ชุดหนา กับกางร่มกันนะทั้งที่ไม่ใช่ฤดูหนาวฝนก็ไม่ได้ตก สงสัยเธอไม่สบายแน่เลย ยิ่งคิดซือลุ่ยก็ยิ่งสงสัย แต่ซือลุ้ยนั้นเป็นคนซื่อๆเลยเลิกคิดเรื่องป๋ายซาน
หลังจากวันที่พวกเค้าแยกกันได้ประมาณ 1เดือน ณ ร้านคาเฟ่ทีป๋ายซานทำงานอยู่นั้นก็มีกลุ่มนักศึกษากลุ่มหนึ่งเข้ามาสั่งเครื่องดื่มกับป๋ายซาน หลังจากท่นักเรียนกลุ่มนั้นสั่งเครื่องดื่มเสร็จ ซือลุ้ยก็เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับสั่งเครื่องดื่มของเขา เขามัวแต่ก้มหน้าหาตังค์เลยไม่ทันได้มองหน้าของป๋ายซาน หลังจากนั้นป๋ายซานก็พูดว่า
ป๋ายซาน : กาแฟได้แล้วค่ะคุณซือลุ้ย ซือลุ้ยตกใจพร้อมกับทำหน้างง ว่าพนักงานรู้จักชื่อชองเขาได้ยังไง แล้วซือลุ้ยก็เงยหน้าขึ้นก็พบป๋ายซานที่กำลังทำหน้านิ่งพร้อมอมยิ้มอยู่ ซือลุ้ยได้ร้องอุทานขึ้นมา
ซือลุ้ย : เอ้า เจอกันอีกแล้วนะครับ ซือลุ้ยยิ้ม หลังจากนั้นพนักงานอีกคนก็นำกาแฟมาให้ซือลุ้ย แล้วซือลุ้ยก็เดินไปหาเพื่อนของเขาที่เข้ามาก่อนหน้า พร้อมคุยกับเพื่อนซักพักแล้วเดินออกไป แต่อยู่ซือลุ้ยก็วิ่่งเข้ามาหาป๋ายซานแล้วบอกกันเธอว่า’ ไว้เจอกันอีกนะ “แล้วเข้าก็วิ่งจากไปพร้อมโบกมือลา หลังจากวันนั้นเค้าก็เริ่มมาที่ร้านบ่อยขึ้น ทุกวันๆ ทั้งเช้าและเย็น ทุกครั้งที่ซือลุ้ยมาเค้าก็จะได้คุยกับป๋ายซานทีละนิด ทีละนิดจนกระทั้งทั้งสองคุยกันบ่อยขึ้น และเริ่มสนิทกันมากขึ้น
ณ ร้านคาเฟ่ที่ป๋ายซานทำงานอยู่ ก็ถึงเวลาเลิกงานของป๋ายซาน ระหว่างที่เธอเดินกลับบ้านนั้น เธอก็เจอกับแก๊งอันธพาลกลุ่มหนึ่งเดินมาหาเธอเพื่อรีดไถเงินจากเธอ
ป๋ายซาน : พวกเธอจะทำอะไรน่ะ อะอย่าเข้ามานะ
หลังจากนั้นเธอก็โดนแก๊งอันธพาลข่มขู่ พวกเขากระชากแขนเสื้อเธอขาด และแล้วพวกเขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสีผิวที่ซีดขาว พร้อมกับแสงไฟที่สาดส่องมายังใบหน้าที่ซีดขาวเหมือนคนตาย ดวงตาสีเลือด พวกแก๊งอันธพาลตกใจอย่างมาก หน้าของพวกเขาซีดเหมือนเจอผี พวกเขาตกใจและกรีดร้องแล้ววิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต แต่อยู่ๆท้องฟฟ้าที่มีดวงดาวก็มืดครึ้ม เหมือนฝนจะตก ก็ได้มีสายฟ้าฝ่าลงมาที่หัวหน้าแก๊งอันธพาล เสียงดัง จนเขาเกือบจะเสียชีวิตด้วยความที่ป๋ายซานตกใจอย่างมากจึงได้รีบวิ่งหนีไปอย่างแรง หลังจากเธอกลับถึงบ้านนั้น เธอก็เอาแต่โทษตังเอง
ป๋ายซาน : ต้องเป็นเพราะฉันแน่ๆ พวกเขาเกือบต้องตายเพราะฉัน ต้องเป็นเพราะคำสาปแน่ๆ
เธอทั้งร้องไห้ทั้งหวาดกลัวไปทั้งคืน ด้วยความที่เธอเหนื่อยล้าอย่างมากจึงได้หลับไป
อนไปเมื่อ5ปีก่อน ณ บ้านตละกูลซือ บ้านตละกูลซือนั้นค่อนข้างรวยเนื่องจากตละกูลซือนั้นเป็นเจ้าของของบริษัทซือ
กรุ๊ป ตละกูลซือมีลูกชายหนึ่งคนซึ่งเป็นทายาทของบริษัทนั้นก็คือซือลุ้ย ซอลุ้ยโตมาด้วยการอบรมและเข้มงวดอย่างมาก แต่ถึงอยากนั้นเขาก็เป็นคนที่ไม่ค่อยทันโลก ตลอด5ปีเขาได้อยู่แต่ในบ้านของเขาไม่ได้ออกไปไหนเลยจึงทำให้เขายังไม่เข้าใจโลกความเป็นจริง จนกระทั้งเขาอายุครบ18เขาจึงถูกปล่อยให้ออกจากบ้าน แต่ไม่ว่างเขาจะไปที่ใหนเขาก็มักจะเจอกับเหตุไม่คาดฝันตลอด เพราะเค้าเป็นทายาทคนเดียวของซือกรุ๊ป เขามักจะเจอกับคู่แข่งของบริษัทของพ่อของเขาเล่นงานอยู่แทบตลอด จนพ่อเขาทนไม่ไหวจึงส่งเขาไปอยู่บ้านบนภูเขาที่ชนบท และบ้านที่ซือลุ้ยอยู่นั้นอยู่ถัดจากบ้านของป๋ายซานไปไม่ไกล ซือลุ้ยอยู่บ้านบนเขามาสามปี จนกรทั้งพ่อของเขาโทรตามเขากลับไปอยู่ในเมืองหลวง ขณะเดียวกันที่ซือลุ้ยลงเขานั้น ป๋ายซานก็กำลังจะลงเขาไปเมืองหลวงเช่นกัน และนั้นทำให้ทั้งสองคนได้พบกันครั้งแรก
ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน
เช้าวันถัดมา ป๋ายซานตื่นมาพร้อมกับความเหนื่อยล้า ห้องของเธอมืดสนิท เธอจึงยื่นมือไปเปิดโคมไฟที่โต๊ะข้างๆเตียง แสงไฟสลัวๆสาดส่องไปที่ผิวของเธอ และเธอก็พูดขึ้นมาว่า
ป๋ายซาน เข้าฤดูหนาวแล้วสินะ วันนี้อากาศเย็นสบายดีจัง
ป๋ายซานนั้นชอบฤดูหนาวมากเพราะเธอจะได้ไม่ต้องกางกังวนเกี่ยวกับแสงแดดที่จะแผดเผาผิวสีขาวของเธอ เธิเริ่มทำกิจวัตรประจำวันของเธอก่อนไปทำงาน
ป๋ายซาน พรุ่งนี้ก็วันหยุดแล้วสินะ วันนี้คงเป็นวันที่ยาวนานแน่เลย
หลังจากนั้นเธอก็ไปทำงานที่ร้านคาเฟ่ของเธอ ร้านของเธอนั้นมีเสื้อแขนยาวให้เธอใส่เธอจึงไม่ต้องกังวน เรื่องผิวของเธอ เธอปรับตัวเข้ากลับในเมืองค่อนข้างเร็ว เธอรู้จักการแต่งหน้า มันทำให้การใช้ชีวิตของเธอค่อนข้างง่ายขึ้น เธอชอบเมืองหลวงมากจนกระทั่ง วันนั้นของเธอก็มาถึง
จากนักเขียน
กราบขอโทษผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านเนื่องจากนักเขียนไม่สบายจึงทำให้อัพนิยายล่าช้า ขอโทษจริงๆงับผมผู้อ่านทุกท่านอย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยน้าา จุ๊ปๆ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!