NovelToon NovelToon

จะ 'ดื้อ' แล้วนะเพื่อให้นายมา 'รัก'

จะ'ดื้อ' ครั้งที่ 01

เพื่อน? คำๆนี้คือคำที่เจ็บที่สุด ไม่ว่าเราจะอยู่ใกล้กันแค่ไหนเรากับห่างไกลกันและกันเหลือเกิน ทั้งๆที่พยายามแล้วทุกอย่างยอมแม้กระทั้งล่ะทิ้งความต้องการของตัวเองก็เพื่อให้ได้อยู่ใกล้ๆ แต่ทำไมทุกๆครั้งมันถึงได้ทรมานเหลือเกิน....

ผมชื่อเต้าหู้ หรือที่เพื่อนๆผมเรียกว่าเต้าหู้เน่านั้นเอง เพราะตอนผมอยู่ในท้อง แม่ผมชอบกินเต้าหู้มากท่านก็เลยตั้งชื่อนี้ให้ผม บอกตรงว่าโครตของโครตไม่ชอบแต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะก็มันเป็นชื่อผมไปแล้วนิ-_- ผมอายุ20ปี อยู่ปี2มหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง คณะบริหาร ผมเป็นเด็กที่ไม่ชอบสุงสิงกับใครหากไม่สนิทและเป็นเด็กแว่นเฉิ่มๆที่ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับตัวเอง มีเพื่อนในกลุ่มเดี่ยวกันอยู่ทั้งหมด7คนรวมทั้งผมด้วย ชีวิตในแต่ล่ะวันของผมเป็นไปอย่างน่าเบื่อไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรทำแต่เป็นเพราะผมไม่ชอบที่จะทำมันมากกว่า และด้วยนิสัยนิ่งเงียบไม่ค่อยพูดอยู่ด้วยทำให้คนอื่นๆไม่ค่อยสนใจอะไรผมเท่าไหร่ แต่ก็เพราะนิสัยนี้นี่แหละที่ทำให้ผมได้ใกล้ชิดกับคนที่ผมแอบชอบมาตลอดหลายปีโดยไม่มีใครรู้...

ก็อกๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นปลุกให้ร่างเพรียวหลุดจากภวังแล้วเดินไปเปิดประตู เมื่อรู้ว่าเป็นใครร่างเพรียวก็ฉีกยิ้มกว้างไปให้ผู้ให้กำเนิดทันที แล้วจึงเดินเข้าไปสวมกอดร่างบางตรงหน้าด้วยความรักก่อนจะถามขึ้น

"วันนี้ว่างหรอครับ?" กล่าวถามอย่างสงสัยเพราะปกติเห็นออกไปทำงานพร้อมคุณพ่อตลอด

"เปล่าหรอกจ๊ะ แม่ว่าจะเอานี้มาให้ลูกหน่ะพรุ่งนี้ก็จะถึงวันเกิดของลูกแล้วหนิ แม่ก็เลยอยากจะเอาของขวัญมาให้ลูกก่อน" หญิงสาววัยกลางคนกล่าวพลางยิ้มเจือนส่งมาให้

"พรุ่งนี้ไม่อยู่กันหรอครับ" กล่าวถามอย่างไม่คิดอะไร ก็เป็นแบบนี้กันตลอดนั้นแหละ

"ใช่จ๊ะคุณพ่อลูกต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัดสัก3-4วันแม่ก็เลยต้องไปด้วย" คนเป็นแม่บอกครับ งั้นคุณแม่รีบไปเถอะครับเดี่ยวคุณพ่อรอ ผมเองก็ต้องไปมหาลัยแล้วเหมือนกัน" เอยบอกก่อนจะยกยิ้มจางๆไปให้ผู้เป็นมารดาให้ไม่ต้องกังวล เพราะผมรู้ว่าคุณแม่ท่านเป็นห่วงผมมากแค่ไหน

"อะ! จริงด้วยลูกต้องไปเรียนนี้นา งั้นแม่ไม่กวนลูกแล้วไปก่อนนะจ๊ะ ดูแลตัวเองดีๆด้วยหล่ะ" พูดแล้วคุณแม่ก็เดินจากไป

ผมกลับเข้ามาเก็บของแล้วแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะยิ่งกระเป๋าขึ้นมาสะพายโดยไม่ลืมที่จะหยิบแว่นตาขึ้นมาใส่ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้สายตาสั้นก็เถอะไม่ลืมที่จะแต่งแต้มใบหน้าสวยหวานให้มีฝ้ากระขึ้นเต็มใบหน้าเพื่อป้องกันตัวจากคนภายนอกที่ไม่รู้จัก คุณคงสงสัยว่าทำไมผมถึงต้องแต่งหน้าตัวเองให้หน้าเกลียดแบบนี้ เหตุผลก็เป็นเพราะตอนเด็กอายุประมาณ5ขวบผมถูกใครก็ไม่รู้ลักพาตัวไปขายดีที่มีคนเข้ามาช่วยผมเอาไว้ได้ ตั้งแต่นั้นมาผมก็นิ่งเงียบมาตลอดไม่ยอมไปโรงเรียนหวาดกลัวคนแปลกหน้า แม่ผมเลยพยายามหาวิธีเพื่อให้ผมหายจากอาการหวาดกลัว ท่านจึงแต่งหน้าให้ผมน่าเกียจคนอื่นๆจะไม่กล้าเข้าใกล้ แถมยังไม่มีใครกล้ารังแกผมอีกด้วยเนื่องจากพวกเขากลัวผม และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาผมก็ไม่เคยเผยใบหน้าที่แท้จริงของผมให้ใครดูอีกเลยนอกจากพ่อและแม่ของผมซึ่งเพื่อนๆผมเองก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เช่นกัน

ผมหลุดจากภวังความคิดของตัวเองก่อนจะเดินออกจากห้องลงมาแล้วตรงดิ่งมาขึ้นรถที่จอดรออยู่ จะบอกว่าผมเป็นคุณหนูก็คงไม่ถูกต้องซะทีเดียว ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยบอกคุณพ่อกับคุณแม่นะว่าผมไปเรียนเองได้แต่พวกท่านก็ไม่ยอมผมจึงต้องมีคนคอยไปรับไปส่งตลอดทุกวัน เฮ้ออ แค่คิดก็รู้สึกปวดหัวมากแล้ว

แล้วผมก็เดินขึ้นรถก่อนที่คนคับรถจะเดินเครื่อง ระหว่างนั่งรอผมก็ถือโอกาสหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาพร้อมทำรายงานไปด้วยถึงงานนี้จะต้องส่งปลายเดือนหน้าก็เถอะ ทำให้มันเสร็จๆก่อนจะได้ไม่มายุ่งยากทีหลัง สักพักรถก็มาจอดหน้ามหาลัยผมจึงรีบเก็บของเข้ากระเป๋าแล้วค่อยเดินลงจากรถตรงไปที่ห้องเรียน

มาถึงห้องก็เจอกับพวกเพื่อนๆผมที่กำลังนะคุยเล่นกันอยู่2-3คน ส่วนที่เหลือยังไม่มีใครมา

"อ้าวๆนึกว่าใคร คุณเต้าหู้เน่าของเรานี้เอง เป็นไงบ้างว่ะไม่มาเรียนหลายวันเลยนี้หว่ากูได้ข่าวมาว่ามึงไม่สบายหนักโทษนะโว้ยที่ไม่ได้ไปเยี่ยมมึงเลย" ต้นกล้าเพื่อนในกลุ่มที่ถึงแม้จะตัวเล็กกว่าผมแต่ปากโครตจัดเอ่ยขึ้นมาก่อนเป็นคนแรกก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วตรงดิ่งมาที่ผม

"ไม่เป็นไร" ตอบด้วยใบหน้านิ่งเฉย

"ไรว้าาา มึงเนี่ยก็ไม่มีอารมณ์ขันเหมือนเดิมเลยนะเพราะแบบนี้ไงมึงถึงโสดอยู่แบบนี้ หน้าตาก็แย่แถมนิสัยมึงยังไม่เข้ากับใครซะอีก ถามจริงมึงมาเป็นเพื่อนพวกกูได้ยังไงวะหะไอ้เต้าหู้เน่า" ต้นกล้ากล่าวถามอย่างสงสัย

"เฮ๊ยไอ้สัดกล้ามึงพูดอะไรเนี่ยไอ้หู้มันเป็นเพื่อนพวกเรานะเว้ยพูดอะไรก็หัดระวังปากเอาไว้หน่อย" หม่อนไหมเพื่อนสาวที่ทำตัวไม่ต่างจากผู้ชายแถมยังปากจัดไม่ต่างจากต้นกล้าเล่ยสักนิดเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์

"เออๆ กูขอโทษ กูก็พูดไปงั้นแหละไม่เห็นจะต้องใส่อารมณ์ขนาดนั้นเลย" ต้นกล้าพูดขึ้นด้วยความสำนึกผิด ก่อนจะหันหน้ามามองที่ผมแล้วทำตาปริบๆ ก่อนผมจะหลุดยิ้มออกมา

"...ไม่ต้องมาขำกูเลยนะไอ้เต้าหู้เน่า" พูดพลางชี้นิ้วมาที่ผม

"มึง...อะ!?" พึบ เฮือก!!

ยังไม่ทันจะได้เถียงกันต่อลำคอผมก็ถูกดึงเข้าไปกอดเอาไว้แน่นด้วยฝีมือของร่างสูงที่เดินเข้ามาในห้อง ตามด้วยน้ำเสียงทุ้มเข้มที่แสนคุ้นเคยตามแบบฉบับ

"ไง!"

"วินปล่อย!" ผมเอ่ยบอกพร้อมใช้มือแกะแขนหนาออกแต่ก็ทำได้ลำบากเหลือเกินเมื่อคนตัวสูงไม่ให้ความร่วมมือด้วย

"อยู่นิ่งๆมึงจะดิ้นหาอะไร" กวินต์หรือวินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

"ปล่อยเราสิเราเจ็บนะ" ผมบอก

"หุบปาก" ร่างสูงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

ผมนิ่งยอมปล่อยให้ร่างสูงกอดคอตัวเองอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเล่นโดยที่ไม่พูดอะไรกับใครอีกเลย และทุกครั้งที่ผมเป็นแบบนี้ทุกคนจะพร้อมใจกันเงียบก็ยิ่งทำให้บรรยากาศอึมครึมจนไม่น่าเข้าใกล้ ก่อนที่บรรยากาศจะแย่ลงไปกว่านี้ริตาก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ

"เออ จริงสิพรุ่งนี้ก็วันเกิดของเต้าหู้แล้วนี่ ไปเที่ยวกันดีกว่าทุกคนว่าไง?"

"อะเออๆจริงด้วยไปฉลองวันเกิดมึงกันดีกว่า" ต้นกล้าพูดขึ้นมาสมทบบ้าง

"โทษทีเราไม่ว่าง..."

"มึงจะไปไหน" ไม่ทันให้ผมได้พูดจบประโยคร่างสูงก็แทรกขึ้นพลางหันมาจ้องหน้าผมนิ่ง

ผมเงียบเพราะไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างจำยอมในที่สุด

"ก็ได้เราจะไป แล้วชานนท์กับภาวิตล่ะ?" สองคนนั้นคงจะยอมไปหรอก

"ไม่ต้องห่วงกูคุยกับพวกมันแล้ว พวกมันบอกว่าตกลงไม่มีปัญหาบอกว่าเตรียมสาวๆไว้ให้ด้วย" ต้นกล้าบอก

"แล้ววันนี้พวกมันจะมาเรียนกันมั้ย?" หม่อนไหมเอ่ยถาม

"คงไม่ แม่งคงไปนอนคลุกอยู่กับพวกผู้หญิงพวกนั้นอีกตามเคย" ต้นกล้าเอ่ย

"แล้วนายล่ะวินวันนี้ไม่ไปไหนรึไง" หม่อนไหมถาม ผมก็หันไปมองร่างสูงเช่นกัน

"ไม่" กล่าวตอบเสียงเรียบพลางดึงผมให้เดินมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน

ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้วยอมปล่อยให้ร่างสูงทำตามปกติ ใช่นี่เป็นเรื่องปกติที่กวินต์จะทำกับผมแบบนี้และเพราะแบบนี้ด้วยล่ะมั้งถึงทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้ง ทั้งๆที่ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้แต่ก็ยังฝืนดิ้นรนต่อไปเพียงคิดแค่ว่าขอให้ได้อยู่ข้างๆได้คอยดูแลเขาอยู่ห่างๆแค่นี้ก็พอ

"นี่" ผมเอ่ยขึ้นเสียงเบาพลางใช้มือสะกิดแขนหนาไปด้วย

"..." เงียบ

"ปล่อยก่อนได้มั้ย มันอึดอัดน่ะ" ผมบอกพลางหันไปมองอย่างขอร้อง

"อืม" จากนั้นกวินต์ก็ยอมปล่อยให้ผมเป็นอิสระ

ไม่นานอาจารย์ก็เข้ามาเช็คชื่อก่อนจะเริ่มสอน สอนเสร็จแล้วก็สั่งงานกลุ่มทันที กลุ่มล่ะสี่คนให้ไปค้นหาจากหัวข้อที่ได้แล้วออกไปนำเสนอเสร็จแล้วก็ออกไปและการเรียนในช่วงเช้าก็จบลงแค่นั้นก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน

"แม่งงานอีกแล้วหรอวะ อาทิตย์ก่อนก็งานอาทิตย์นี้ยังมีงานเข้ามาอีกกูจะประสาทแดกแล้ว" ต้นกล้าบ่นออกมาอย่างอดไม่ได้

"อย่าบ่นมากได้มั้ยอาจารย์ให้ทำอะไรก็ทำๆไปเถอะ" หม่อนไหมกล่าวขึ้นบ้าง

"ไปหาอะไรกินกันมั้ยเราหิวแล้ว" ผมพูดขึ้นทำลายบรรยากาศ

"ก็ดีนะ เอากูไปด้วยกูก็หิวจนจะกินช้างเข้าไปได้ทั้งตัวแล้ว" ต้นกล้าเอ่ยขึ้นบ้าง

"ฉันไปด้วย ไหนๆก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่แล้วกินเสร็จแล้วไปเดินเที่ยวตากแอร์ในห้างกันดีกว่า" หม่อนไหมเอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือร้น

"งั้นฉันเองก็จะไปด้วย" ริตาเอ่ย

"วินจะไปกับพวกเรามั้ย?" ผมถามขึ้นแล้วมองไปที่คนข้างๆที่ไม่ยอมพูดอะไร

"อืมไป"

เมื่อได้คำต่อเสร็จแล้วพวกเราก็เดินออกมานอกตึกคณะก่อนจะเดินมาที่โรงจอดรถที่อยู่ห่างไกลกับตัวตึกไม่มาก พวกผมห้าคนพากกันแยกย้ายไปที่รถของแต่ละคนซึ่งแบบออกเป็นดังนี้คือผมไปกับต้นกล้าเหตุเพราะผมไม่มีรถก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่ ส่วนริตากับหม่อนไหมทั้งสองไปด้วยกันเพราะทั้งคู่พักอยู่ที่คอนโดเดียวเป็นรูมเมทกันทำให้ต้องติดรถคันเดียวกันมาเรียนจะได้ประหยัดค่าน้ำมันริตาบอก และกวินต์เขาไม่ชอบให้ใครเข้าไปยุ่งกับรถของเขาไม่เว้นแม้แต่กับเพื่อนๆอย่างพวกผมซึ่งทุกคนก็เข้าใจถึงเหตุผลข้อนั้นดีจึงไม่มีใครว่าอะไรเพราะทุกคนก็มีรถกันเป็นของตัวเองกันหมดแล้วยกเว้นผมที่คุณพ่อกับคุณแม่ท่านห้ามไว้

พวกเราเดินกันมาจนถึงรถของต้นกล้าที่จอดอยู่ผมเดินขึ้นไปนั่งเบาะข้างคนขับตามมาด้วยต้นกล้าที่เป็นคนขับรถ เมื่อสตาดเครื่องเสร็จต้นกล้าก็ขับรถตามหลังรถของริตากับใบหม่อนไปติดๆ และตามมาด้วยรถคันหลังสุดก็คือรถของวิน ไม่นานพวกเราทั้งห้าคนก็มาถึงร้านที่หมาย ก่อนจะพากันเดินเข้าร้านไปแล้วหาที่นั่ง ทว่ายังไม่ทันที่พวกเราจะได้นั่งกันดีๆ เสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นเรียกความสนใจจากทุกคนบนโต๊ะให้ต้องหันไปมองอย่างเสียไม่ได้

"พี่วินนน" เสียงเด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างดีใจพลางเดินเข้ามาหาร่างสูงแล้วนั่งลงข้างๆอย่างไม่เกร่งใจใคร ก่อนจะส่งยิ้มหวานไปให้ใครอีกคน

"ออกไป" น้ำเสียงนิ่งเรียบเอ่ยอย่างไม่เกร่งใจ ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกหน้าเสียลงนิดหน่อยแต่ก็กลับมายิ้มร่าแล้วกอดแขนออเซาะร่างสูงอย่าไม่กลัวสายตาพวกผมที่มอง

ผมมองเหตุการตรงหน้านิ่งพลางรู้สึกจุกที่อก มองร่างสูงที่นั่งนิ่งอย่างไม่คิดใส่ใจแล้วปล่อยให้ร่างบางข้างๆเขากอดโดยไม่บอกปัด แม้ตอนแรกจะเอ่ยปากไล่ทว่าหลังจากนั้นก็ยินยอมให้เด็กคนนั้นกอด ผมมองมันอย่างเฉยชาทำเป็นไม่สนใจแล้วเลือกสั่งอาหารต่อ

"พี่ครับสั่งอาหารครับ" ผมเอ่ยเรียกพนักงานเพื่อมารับออเด้อร์

"ต้องการจะรับอะไรดีคะ?" พี่พนักงานถามผม

"ผมเอาสลัดผักรวมไม่เอามะเขือเทศครับ แล้วก็เอาสเต๊กเนื้อหมู ผัดคะน้าหมูกรอบ และกุ้งทะเลทอดกรอบมาอย่างล่ะสองจานครับ" ผมสั่ง

"กินเยอะอีกแล้วนะมึง ส่วนของผมเอาต้มยำกุ้งน้ำข้นครับกับข้าวเปล่าสามจาน" ต้นกล้าเอ่ยขึ้นบ้าง

"ว่าแต่เต้าหู่แก่เองก็ไม่ต่างกันหรอก ฉันเอาสปาเก็ตตี้เส้นหมึกดำค่ะ" หม่อนไหมไม่วายหันไปแขวะต้นกล้าก่อนจะสั่งของตัวเอง

"สเต๊กเนื้อแกะค่ะ" รีต้าสั่งบ้าง

"แล้วพี่วินจะทานอะไรดีครับให้ผมสั่งให้เอามั้ย?" เด็กหนุ่มถามขึ้นพลางเสนอตัว

"ไม่ต้อง กูจะกินกับมัน" ร่างสูงเอ่ยพลางชี้นิ้วมาที่ผม

"กับเขาหรอครับ?" เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างไม่เชื่อพลางจ้องมองไปที่ร่างเพรียว

พลันสายตาคู่นั้นก็มองมาที่ผมก่อนที่จะยกยิ้มเหยียดแล้วเอ่ยขึ้นว่า

"ผมว่าให้ผมสั่งใหม่ให้ดีกว่า" พูดเสร็จร่างนั้นก็ดึงเมนูไปจากมือของผมทันที

ผมมองอย่างไม่คิดจะเอ่ยห้ามอะไรก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดเล่นรออาหารที่สั่ง ระหว่างนั้นก็ฟังเสียงร่างบางที่อยู่ข้างๆร่างสูงที่พูดไม่หยุด แม้จะไม่มีเสียงตอบรับจากคนข้างๆก็ตาม ส่วนคนอื่นๆก็ก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือของตัวเองไม่ต่างจากผมเช่นกัน นั่งมาได้สักพักต้นกล้าที่นั่งข้างๆผมก็เข้ามาสะกิดผมขึ้นจากหน้าจอมือถือ ผมมองต้นกล้าพลางเลิกคิ้วขึ้นถามว่ามีอะไร

"มึง ช่วยทำอะไรสักอย่างทีดิ แม่งพูดอยู่ได้กูเริ่มปวดหูละ" ต้นกล้ากระชิบเสียงเบาพลางมองไปที่เด็กของกวินต์

"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรา" กล่าวพลางหันกลับมาเล่นมือถือเหมือนเดิม

"เกี่ยวดิ มึงก็รู้ว่านิสัยไอ้วินมันไม่พูดท่าไม่สุดจริงๆ แล้วแม่งก็เฉยชากับคู่นอนตลอด เอาเสร็จแม่งทิ้งแล้วก็ไม่คิดจะสนใจคนที่มันเอาอีก นะกูขอหล่ะมึงช่วยทำอะไรสักอย่างที" ต้นกล้าเอ่ยอย่างขอร้อง ผมมองคนตรงหน้าด้วยนัยน์ตาเอือมระอาพลางเก็บมือถือเข้ากระเป๋า

หันมองเพื่อนๆอีกสองคนที่มองมาที่ผมด้วยแววตาเป็นประกายด้วยเช่นกันก็ต้องขมวดคิ้วด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ก่อนจะหยุดมันเอาไว้แล้วหันไปมองร่างสองร่างข้างๆ ทันทีที่ผมหันไปนัยน์ตาก็พลันสบเข้ากับนัยน์ตาคมของร่างสูง ก่อนจะรีบหันหนีทันทีเป็นเวลาเดียวกับที่อาหารกำลังทยอยมาเสริฟ จากนั้นผมก็ไม่สนใจคนทั้งคู่อีก จะว่าผมขี้ขลาดก็ได้แต่ผมไม่กล้าสบตาคมคู่นั้นจริงๆ ยิ่งมองมันก็ยิ่งพัธนาการผมเอาไว้ให้ถอยหนีจากมันไม่ได้

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!